ภาพเทพอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 95

ตอนที่ 95 ศิษย์

 

25 ธันวาคม

 

ลมหนาวที่เสียดแทงไปถึงกระดูกพัดส่งเสียงโหยหวนในขณะที่เมิ่งชวนกำลังฝึกฝนท่าชักกระบี่อยู่ในถ้ำสำรับฝึกซ้อมของเขา เขายังไม่ได้เลือกวิชากระบี่จากเขาหยวนชูเลย! เพราะว่าวันนี้จะมีการเข้าพบปรมาจารย์ ยังไม่สายเกินไปสำหรับเขาที่จะเลือกวิชากระบี่หลังจากทีไ่ด้รับคำแนะนำจากปรมาจารย์แล้ว

 

“อาชวนๆ” มีเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากข้างนอก

 

“ชีเยว่ ” เมิ่งชวนเก็บกระบี่และเดินออกจากลานฝึกไป เขาเห็นชีเยว่กำลังวิ่งมาที่ที่พักของเขา เพราะว่าเมิ่งชวนได้ให้คำสั่งคนรับใช้ไว้แล้ว พวกเขาจึงไม่ได้หยุดเธอไว้

 

“อาชวนไปกันเถอะ วันนี้เจ้าจะได้เข้าพบปรมาจารย์แล้วนะ” หลิวชีเยว่กล่าว

 

“ข้าฝึกรอมาได้ชั่วยามหนึ่งแล้ว กำลังรอเจ้าอยู่เลย” เมิ่งชวนยิ้มและเดินออกไปพร้อมกับหลิวชีเยว่

 

ทั้งคู่เดินตามทางของจิ้งหมิงเฟิงไป หลังจากเดินไปได้ไม่นานพวกเขาก็เจอกับเจ้าหญิงหลี่อิ๋งในชุดสีขาวที่เดินออกมาจากถ้ำของเธอ

 

หลี่อิ๋งยิ้มในขณะที่เดินมาหา “ศิษย์พี่เมิ่ง ศิษย์พี่หลิว ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ”

 

เมื่อได้เห็นว่าเมิ่งชวนกับหลิวชีเยว่นั้นใกล้ชิดกันแค่ไหน หลี่อิ๋งก็ยังคงรักษารอยยิ้มไว้ได้ เธอรู้ว่าเมิ่งชวนและหลิวชีเยว่นั้นสนิทกันมากในวัยเด็ก พวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่หลี่อิ๋งยังรู้สึกว่าเธอยังมีโอกาสอยู่! หลี่อิ๋งต้องการจะเป็นเทพอสูรที่ทรงพลัง ไม่ว่าจะมาจากก้นบึ้งของจิตใจหรือจากความคิดแข่งขันของตระกูลหลวง เธออยากจะได้สามีที่เป็นเทพอสูรและแข็งแกร่งกว่าเธอ

 

และเมิ่งชวนตรงตามสิ่งที่หลี่อิ๋งคิดเอาไว้

 

อันที่จริงแล้วหลี่อิ๋งอยากจะพูดคุยกับเมิ่งชวนให้มากกว่านี้เพื่อดูว่านิสัยของพวกเขานั้นเข้ากันได้หรือเปล่า แต่ว่าช่างน่าแปลกใจที่ทุกครั้งที่เธอไปหาเมิ่งชวน เธอก็จะพบเข้ากับหลิวชีเยว่แทบตลอด

 

แผนการของเธอถูกขัดขวางไปตั้งแต่แรกเลย!

 

“ศิษย์น้องหลี่” เมิ่งชวนและหลิวชีเยว่ยิ้มทักทาย

 

“วันนี้พวกเราจะเข้าพบปรมาจารย์ของเราอย่างเป็นทางการ” หลี่อิ๋งตามพวกเขาไป “เจ้ารู้หรือเปล่าว่าปรมาจารย์สุดยอดแค่ไหนหรือ?”

 

หลิวชีเยว่ยิ้มและพูดว่า “ข้าอยู่ที่นี่มากว่าครึ่งปีแล้วเลยรู้มาบ้างนิดหน่อย ปรมาจารย์ท่านนี้เป็นอาจารย์ให้แก่เหล่าศิษย์ของเขาหยวนชูมานานกว่าสามศตวรรษแล้ว”

 

เมิ่งชวนตกใจเมื่อได้ยินดังนั้น “ทุกๆปีเขาหยวนชูรับศิษย์ยี่สิบคน จะบอกว่าศิษย์ทั้งหกพันคนมีอาจารย์คนเดียวกันอย่างนั้นเหรอ?”

 

“ใช่แล้ว” หลิวชีเยว่พยักหน้า

 

หากพูดถึงอายุขัยของเทพอสูรแล้ว เทพอสูรระดับยาเมฆา แดนอมตะและมหาสุริยันอยู่ที่ 200 ปี มากกว่าอายุขัยของมนุษย์เป็นสองเท่า มีมนุษย์แค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่อายุเกินร้อยปี ส่วนมากก็ตายตั้งแต่ตอนอายุแปดสิบหรือเจ็ดสิบ เมิ่งเซียนกูอายุ 110 ปี.. เหล่าเทพอสูรมักจะเข้าร่วมในการต่อสู้ และร่างของพวกเขาก็จะเสียหายหลังจากผ่านไปหลายปี มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่อยู่จนถึง 200 ปี

 

เทพอสูรระดับเดือนมืดมิดมีอายุขัยอยู่ที่ 300 ปี แค่ดูจากอายุขัยก็สามารถบอกได้เลยว่าเทพอสูรระดับมหาสุริยันนั้้นพัฒนาไปกว่าเดิมมากแค่ไหนเมื่อไปถึงระดับเดือนมืดมิด

 

ส่วนเทพอสูรรระดับราชามีอายุขัยสูงสุด 500 ปี

 

“ฐานะของปรมาจารย์สูงมากๆเลยล่ะ ขนาดท่านเจ้าภูเขาและผู้อาวุโสอี่ยังต้องให้ความเคารพเขาเลยนะ” หลิวชีเยว่กล่าว

 

“ใช่แล้ว” เจ้าหญิงหลี่อิ๋งยิ้มและพูดว่า “ปรมาจารย์อยู่ในระดับที่สูงกว่าเทพอสูรระดับราชาอีก”

 

เมิ่งชวนตกใจ สูงยิ่งกว่าเทพอสูรระดับราชา? เขาอ่านหนังสือมากมายในห้องสมุดแต่ก็ไม่มีเล่มไหนเลยที่พูดถึงเรื่องนั้น เขาได้แค่สงสัยลอยๆว่ามีอะไรสูงกว่าเทพอสูรระดับราชาหรือเปล่า

 

“อายุขัยของปรมาจารย์นั้นนานมาก หากมีเขาอยู่ เขาหยวนชูก็จะไม่มีทางถูกทะลวงได้”เจ้าหญิงหลี่อิ๋งยิ้ม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเมืองด่านที่สำคัญที่สุดจากเมืองด่านทั้งเจ็ดในราชวงศ์โจวที่ยิ่งใหญ่ ด่านลู่ถางได้ท่านคอยปกป้องเอาไว้น่ะ?”

 

“โอ๋?” เมิ่งชวนและหลิวชีเยว่ได้ความรู้ใหม่

 

พวกเขารู้ว่ามีด่านมากมายในราชวงศ์โจวที่ยิ่งใหญ่ ด่านฉินหยางที่อยู่ใกล้กับเมืองตงหนิงนั้นเป็นเพียงเมืองด่านที่ธรรมดาๆเท่านั้น! มีเมืองด่านแบบนั้นอยู่อีกเก้าเมืองในรัฐอู๋ และทั่วทั้งโลกก็ยังมีอีกมากมาย

 

อย่างไรก็ตาม มีเพียงด่านไม่กี่ด่านเท่านั้นที่โด่งดังไปทั่วโลกจริงๆ มีด่านใหญ่ๆเจ็ดด่านในราชวงศ์โจวที่ยิ่งใหญ่ ด่านอันไห่และด่านลู่ถางนั้นก็เป็นหนึ่งในนั้น เขารู้ว่าด่านลู่ถางเป็นด่านที่สำคัญที่สุดในหมู่เมืองด่านทั้งเจ็ดและกินพื้นที่กว้างขวาง แทบจะเทียบได้กับเมืองหยวนชูเลย แต่เขาไม่รู้ว่ามันจะถูกสิ่งที่เหนือกว่าราชาเทพอสูรคอยปกป้องเอาไว้

 

….

 

พวกเขาคุยกันไประหว่างทาง ในไม่ช้าทั้งสามคนก็มาถึงตำหนักแม่น้ำสวรรค์บนยอดหวงซุนจิง

 

ตำหนักแม่น้ำสวรรค์นั้นหรูหรามาก มีเสื่อมากมายวางอยู่บนพื้นและมีศิษย์จำนวนมากนั่งลงแล้ว

 

“ท่านเมิ่งชวน โปรดมานั่งที่นี่ขอรับ” ผู้ดูแลในตำหนักแม่น้ำสวรรค์นำศิษย์ใหม่ไปยังที่นั่งของพวกตน มีเหตุผลในการจัดที่นั่งอยู่ คนที่ได้รับการประเมินสูงๆจะได้นั่งอยู่ด้านหน้า

 

เมิ่งชวนนั่งลงบนเสื่อ

 

“อาชวน” หลิวชีเยว่นั่งลงในที่ของเธอเช่นกัน เธอนั่งติดอยู่ด้านซ้ายของเมิ่งชวน พวกเขาถูกจัดไว้ให้นั่งอยู่ด้านหน้า กลับกันเจ้าหญิงหลี่อิ๋งได้แต่นั่งข้างหลัง

 

ฟุบ

 

ในตอนนั้นเองก็มีชายหนุ่มชุดสีขาวที่เหน็บกระบี่ไว้ตรงเอวเดินเข้ามา ทั้งอาคารตกอยู่ในความเงียบ

 

“อาชวนดูนั่นสิ เขาคือลูกชายคนที่ห้าของราชาทะเลตงไห่ เชวเฟิง” หลิวชีเยว่พูดขึ้นมาผ่านกระแสเสียง

 

‘นั่นเขาหรือ?’ เมิ่งชวนพิจารณาอย่างตั้งใจ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงกระแสพลังที่ทรงพลังจากชายหนุ่มในชุดคลุมสีขาว เขาแข็งแกร่งกว่าเจ้าวังหยกสุริยันเสียอีก เจ้าวังหยกสุริยันผ่านถ้ำเก้าปริศนาและลงจากเขาหยวนชูไปแล้ว แต่ว่าชายคนนี้กลับแข็งแกร่งกว่าเขาแต่กลับยังไม่ได้ลงจากเขา เมิ่งชวนรู้ว่าเงื่อนไขที่ศิษย์แต่ละคนจะลงจากภูเขาได้นั้นต่างออกไปขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน

 

อย่างเช่นผู้ที่ฝึกร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษจะมีเงื่อนไขที่ต่างจากคนที่ฝึกร่างเทพอสูรระดับสูง

 

“เขาเข้าถึง”พลัง”ได้ตั้งแต่อายุ 13 ปี” หลิวชีเยว่พูดผ่านกระแสเสียง “เขาเข้าสู่เขาหยวนชูในปีเดียวกันและกลายเป็นเทพอสูรเมื่ออายุ 15 เขาฝึกร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษร่างอสูรทรายดำ และสามารถฝึกมันเสร็จภายในสองปี เรียกได้ว่าเป็นปีศาจชัดๆ ว่ากันว่าเขาเรียนรู้ทักษะทุกอย่างจากโลหะทมิฬไปแล้วด้วย ทุกๆครั้งที่ปรมาจารย์สอนเขาจะถามนายน้อยห้าคนนั้นด้วย”

 

เมิ่งชวนพยักหน้า เขาได้รับเคล็ดร่างอสูรตัดสายฟ้ามาแล้วดังนั้นเขาจึงรู้ว่ามันยากแค่ไหน

 

หากไม่ได้ควบแน่นแก่นสารแห่งจิตก็ไม่มีทางเลยที่จะได้รับมรดกของโลหะทมิฬผ่านสำนึก ที่ทำได้ก็ได้แค่อ่านและทำตามที่หนังสือบอก หากไม่มีสำนึกของมรดกแล้ว การเรียนรู้โลหะทมิฬก็จะเป็นเรื่องยากมาก

 

“หากนับศิษย์ใหม่ทั้งหมด 21 คนแล้ว ตอนนี้ก็จะมีศิษย์ 273 คนที่ยังอยู่บนภูเขา” หลิวชีเยว่พูดผ่านกระแสเสียง “และมี 19 คนที่ฝึกร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษสำเร็จแล้ว”

 

เมิ่งชวนพยักหน้าเล็กน้อย “การฝึกร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษนั้นอยู่แล้ว จะว่าไปแล้วนอกจากลูกชายคนที่ห้าของราชาทะเลตงไห่แล้ว ไม่มีคนอื่นๆอีกแล้วเหรอ?”

 

อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com

 

“มีอีกคนใกล้ๆนี้เอง” หลิวชีเยว่ชำเลืองมองผู้หญิงในชุดคลุมสีเขียวอ่อนตรงหน้าเธอ “คนๆนั้นในชุดสีเขียวอ่อนตรงหน้าของเจ้า เธอคือเซี่ยวหยุนเยว่จากตระกูลเซี่ยวรัฐเจียง เธอเองก็ฝึกฝนร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษเหมือนกัน และเธอเองก็ฝึกเคล็ดจากโลหะทมิฬไปแล้วด้วยเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นเธอเข้าถึง “พลัง” ตอนอายุ 15 และได้เป็นเทพอสูรตอนอายุ 23 หากเทียบกันแล้ว ความเร็วในการฝึกฝนของเธอนั้นยังช้ากว่าเชวเฟิง เธอฝึกร่างเทพกายาอมตะ แต่ข้าไม่รู้ว่าโลหะทมิฬที่เธอฝึกคืออะไร”

 

‘ร่างเทพกายาอมตะรึ?’เมิ่งชวนพยักหน้าเล็กน้อย

 

ในบรรดาร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษ มีหลายร่างที่เชี่ยวชาญในเรื่องของเขตแดน ร่างเทพกายาอมตะนั้นเรียกได้ว่าใช้เขตแดนได้แกร่งที่สุด และยังมีพลังชีวิตที่เหนือกว่าร่างเทพอสูรอื่นๆทั้งหมด

 

อย่างร่างอสูรสมุทรนิรันดร์จะสามารถฟื้นชิ้นส่วนร่างกายที่ขาดไปได้ในหนึ่งวัน แต่ร่างเทพกายาอมตะจะสามารถฟื้นคืนมาได้ในสิบนาที และเขตแดนของพวกเขานั้นแข็งแกร่งที่สุด และมีพลังชีวิตที่เยอะที่สุดด้วย! แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็อ่อนแอในการต่อสู้ระยะประชิด

 

โลหะทมิฬ เมิ่งชวนรู้ว่ากระบี่ตัดสายฟ้าที่เขาเรียนมาคือโลหะทมิฬ แต่ว่าเขาก็เรียนไปเพียงแค่ส่วนหนึ่งของท่ากระบี่หนึ่งท่า อัสนีเบญจโลกา

 

เมิ่งชวนเห็นตัวอย่างที่สมบูรณ์ในสำนึกของมรดก มันน่าสะพรึงกลัวจนจบ เห็นได้ชัดว่าความยากในการฝึกมันเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเมื่อถึงท้ายๆ เขาไม่สามารถทนรับข้อมูลของท่าที่สมบูรณ์ท่าหนึ่งได้ด้วยซ้ำ

 

‘โอ้?’ เมิ่งชวนหันกลับมาและเห็นเหยียนจินเดินเข้ามาโดยมีผู้ดูแลนำทางมา เขานั่งอยู่ด้านหลังเมิ่งชวนเยื้องไปทางซ้าย

 

“เหยียนจิน” เมิ่งชวนและหลิวชีเยว่ทักทาย

 

เหยียนจินยิ้มและพยักหน้าเล็กน้อย แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

 

นายน้อยห้าเชวเฟิงเดินขึ้นมาหาเหยียนจินพร้อมกับรอยยิ้มที่เหมือนกับสายลมยามฤดูใบไม้ผลิ เขายิ้มและพูด “น้องชาย การจะได้กับเจอเจ้านี่ไม่ง่ายเลยนะนี่ ตอนที่ข้าไปหาเจ้าที่ถ้ำเจ้าก็บอกว่าไม่อยากจะพบกับข้าเสียได้” มีเขตแดนที่มองไม่เห็นคอยกันพวกเขาจากรอบๆไว้อยู่ กันไม่ให้คนอื่นๆแอบฟังได้

 

“พวกเราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเจอกัน” เหยียนจินกล่าวเรียบๆ

 

“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไปเปลี่ยนชื่อที่หน่วยงานรัฐมาอย่างนั้นหรือ? ตอนนี้ชื่อเหยียนจินแล้วรึ?” เชวเฟิงถาม

 

“ใช่”เหยียนจินพยักหน้า

 

เชวเฟิงส่ายหน้าเบาๆ “ทำไมเจ้าต้องทำอย่างนั้นกัน? เจ้าก็รู้ว่าท่านพ่อสนใจอยู่แต่การฝึกและปกป้องด่านอันไห่ เขาจะมีเวลามาสนใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ได้อย่างไรกัน? เรื่องก่อนหน้านั้นก็โทษท่านพ่อคนเดียวก็—-“

 

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” เหยียนจินพูดตัดอย่างเย็นชา

 

เชวเฟิงพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เอาเถอะ ถึงเจ้าไม่อยากจะรับรู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวเจ้า แต่อย่างน้อยก็ช่วยนับข้าว่าเป็นพี่ชายเจ้าเสียหน่อยเถอะ”

 

เหยียนจินมองเขา

 

พี่ชายของเขานั้นอายุมากกว่าเขาเพียงห้าปีและดูและเขาค่อนข้างดีตั้งแต่ยังเด็ก อย่างไรก็ตาม เขาเข้าสู่เขาหยวนชูตั้งแต่อายุสิบสาม ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้พบกันมาสิบปีแล้ว

 

“หลังจากที่ปรมาจารย์ให้คำแนะนำเราไปหาที่คุยดีๆกันเถอะ พวกเราไม่ได้เจอกันมาสิบปีแล้ว เด็กน้อยน้ำมูกย้อยคนนั้นยังไม่โตเลยนะ” เชวเฟิงยิ้มขณะเดินกลับไปนั่งที่เดิม

 

เหยียนจินเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย

 

คนที่สนิทกับเขาก็มีแต่พี่ชายห้าของเขา ไม่มีใครสามารถได้ยินบทสนทนา แต่ทุกคนก็สามารถรับรู้ได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นไม่ธรรมดา

 

“นั่นคือลูกชายคนที่เจ็ดของราชาทะเลตงไห่เหยียนจิน ข้าได้ยินมาว่าเขาได้ที่สี่จากการสอบเข้าของปีนี้”

 

“แค่อันดับสี่? เขายังด้อยกว่านายน้อยห้ามาก”

 

“ใครจะไปเทียบกับเขาได้กัน? ลูกชายของราชาทะเลตงไห่ทุกคนน่าทึ่งทั้งนั้นแหละ แต่ว่าลูกชายคนที่ห้าน่ะแข็งแกร่งที่สุด ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เขาคือคนที่มีความสามารถน่าสะพรึงที่สุด” ลูกศิษย์คนอื่นๆแอบคุยกัน ทุกคนรู้ความสามารถอันน่าสะพรึงของเชวเฟิงกันมานานแล้ว

 

ในระหว่างที่เหล่าศิษย์คนอื่นๆกำลังคุยกันอยู่นั่นเอง

 

จู่ๆเมิ่งชวนก็รู้สึกได้ถึงกระแสพลังพิเศษที่กระจายเข้ามาปกคลุมร่างของศิษย์ทุกๆคน

 

กระแสพลังนี้นั้นอ่อนมาก ราวกับแสงจันทร์ที่สาดส่องลงบนร่างของทุกคน มันไม่มีแรงกดดัน มีแค่ความสบาย ศิษย์ทุกคนนิ่งเงียบ เทพอสูรกว่าสองร้อยคนและศิษย์มนุษย์กว่าร้อยคนก็ค่อยๆยืนขึ้นมา และศิษย์ใหม่ เมิ่งชวนกับคนอื่นๆก็ยืนขึ้นมาในทันที

 

จากนั้นก็มีชายผมยาวเดินเข้ามา เหล่าศิษย์ต่างก้มหัวทักทายด้วยความเคารพ “คารวะท่านปรมาจารย์”

 

ผิวของชายผมยาวคนนั้นเนียนราวกับหยก หลังจากที่เดินเข้ามาเขาก็กวาดสายตามองดูเหล่าศิษย์กว่าสองร้อยคน เมื่อเขาเห็นเมิ่งชวนเขาก็หยุดไปนิดหนึ่ง มุมปากเขายกขึ้นเล็กน้อยและยิ้ม “นั่งลงเถอะ”

 

ภาพเทพอสูรบรรพกาล

ภาพเทพอสูรบรรพกาล

ภาพเทพอสูรบรรพกาล
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ภาพเทพอสูรบรรพกาล โลกนี้ถูกรุกรานโดยเหล่าปิศาจมานานนับศตวรรษ มนุษยชาติได้รวมตัวกันก่อตั้งสำนักที่เก่าแก่อย่างสำนักเขาหยวนชูขึ้นมา และจัดตั้งระบบการฝึกฝน พร้อมทั้งส่งเทพอสูรไปป้องกันประตูทางเข้าโลกต่างๆ เมิ่งชวนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เชี่ยวชาญกระบี่ไว แม้ว่าชีวิตนี้จะได้รับมรดกอันล้ำค่า แต่ปณิธานที่อยู่ภายในใจมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือกำจัดพวกปิศาจให้สิ้นซาก! ในอดีตมารดาของเขาได้ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องเขา เรื่องนี้กลายเป็นแผลในใจที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ เขามุ่งมั่นและทุ่มเททุกอย่างเพื่อที่จะได้เข้าสู่เขาหยวนชู และได้รับทรัพยากรกับการสั่งสอนที่ดีกว่า นอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้ก็คือการวาดรูป และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset