มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) – ตอนที่ 3 : บนชั้นสาม

ตอนที่ 3 : บนชั้นสาม

 

มาร์คใช้ช่วงเวลาที่ยากลำบากไม่กับการปีนไปที่บันไดเลื่อน เหตุผลก็เพราะว่าผู้คนต่างพากันหลบหนีลงไปที่ชั้นล่าง และทำให้เกิดเกิดความวุ่นวายกันอยู่ที่ตรงบันไดเลื่อนขาขึ้นไปด้วย มาร์คจับยึดราวบันไดเลื่อนเอาไว้อย่างแนบแน่นเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่สามารถพลัดตกลงไป

 

เมื่อเขามองไปรอบๆ ด้วยความหวาดกลัวตื่นตระหนก คนรอบตัวแถวนั้นไม่มีใครกล้าที่จะหนีหลบลงไปที่ชั้นล่าง พวกเขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าท่าทางอันสับสนในขณะที่ได้มองเหตุการณ์ที่สับสนวุ่นวายอยู่ในตอนนี้ ส่วนใหญ่นั้นพวกเขาสวมชุดเครื่องแบบพนักงานที่ขายสินค้าอยู่บนชั้นนี้

 

การเป็นคนเดียวที่หลบหนีไปชั้นบน ผู้คนที่มีอาการสับอยู่ที่ได้ยืนอยู่ในบริเวณนั้นก็ได้เห็นเขา จากนั้นก็มีคนเดินเข้าไปหาเขาทันที

 

“ขอโทษนะครับ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?”

 

บุคคลที่เข้าไปถามเขานั้นใส่เสื้อเชิร์ตโปโล บนเสื้อติดโลโก้ยี่ห้อโทรศัพท์แบรนด์หนึ่ง

 

อันที่จริงแล้ว หลายๆคนนั้นพยายามจะถามถึงเหตุการณ์วุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นกับผู้ที่วิ่งหนีตื่นตระหนกไปมา อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคิดที่จะตอบคำถามสักคน เหมือนกับว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ยินคำถามที่ได้ถามไป

 

เมื่อเขามองไปที่ชายที่ถามคำถามกับเขา มาร์คก็ตอบไปเพียงคำเเดียวอย่างเมินเฉย

 

“ซอมบี้”

 

คำตอบของเขานั้นทำให้ผู้คนที่ได้ยินนั้นถึงกับตกใจและมึนงงในทันที

 

“เฮ้! นี่คุณล้อเล่นใช่ไหม?”

 

แน่นอนว่าคงจะไม่ใครเชื่อคำพูดของเขาในทันทีได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้นวิธีการตอบของเขาก็ไม่ได้ทำให้เรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ได้คำตอบกระจ่างแจ้งกับคนอื่นๆสักเท่าไหร่ คนอื่นๆที่เขามาหาเขานั้นต่างก็ได้ยินบทสนทนาระหว่างมาร์คและชายคนนั้น และแน่นอนพวกเขาไม่ค่อยเชื่อกับคำพูดของมาร์ค

 

มาร์คถามคำถามกลับไปกับชายคนนั้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูหงุดหงิด

 

“ทุกๆคนนั้นต่างก็กำลังวิ่งหนีกันอยู่ คุณคิดว่าผมมีเวลามากพอที่จะล้อเล่นกับคุณรึไง?”

 

หลังจากที่เขาพูดประโยคนั้นออกไป เขาหันไปดูด้านหลังเขาทันที เขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงร้องตะโกนที่เริ่มดังขึ้นอยู่เรื่อยๆอยู่ในหูของเขา

 

“ชิ!”

 

มาร์คไม่เสียเวลากับคนพวกนี้อีกต่อไปแล้ว เขาวิ่งออกไปจากตรงนั้นโดยทันทีหลังจากได้หันหลังไปมองเหตุการณ์ข้างหลัง

 

ระหว่างระยะเวลาสั้นๆในตอนนั้นที่เขาตอบคำถามกับชายคนนั้น สถานการณ์ก็พลิกผันไปในทางที่แย่ลง เหล่าคนที่วิ่งหนีตื่นตระหนกตกใจลงไปที่ชั้นล่างของห้างสรรพสินค้าในตอนแรก ตอนนี้พวกเขากำลังวิ่งกลับขึ้นมาชั้นบนที่บันไดเลื่อนและบันไดธรรมดาพร้อมกับพวกซอมบี้ที่กำลังไล่อยู่หลังพวกเขา

 

มากไปกว่านั้น ซอมบี้ที่ไล่อยู่หลังพวกคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าจะเชื่องช้าและเดินอย่างงุ่มง่ามทั้งหมด บางตัวนั้นสเมือนกับสัตว์ร้ายที่บ้าคลั่ง พวกมันสามารถวิ่งเร็วและพุ่งเข้าหาเหยื่อได้ทันทีเมื่อมีโอกาส!

 

คนที่อ่อนร้าหมดแรงอยู่ข้างหลัง ในขณะที่คนอื่นๆมีแรงวิ่งหนีได้อยู่ มักจะตกไปเป็นเหยื่อของพวกซอมบี้ที่ว่องไวไปแล้ว เลือดของเหล่าคนที่ถูกจับได้พุ่งกระเด็นใส่คนรอบๆ ร่างของพวกเหยื่อนั้นถูกฉีกชำแหละออกจากกัน เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองออกมาจากปากพวกขวัญขณะที่พวกเหยื่อได้ต่อต้านพวกมันอย่างลนลานและทุกข์ทรมาน แต่พวกเหยื่อก็ทำได้เพียงแค่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมที่เกิดขึ้น ไม่มีใครสามารถที่สู้และต้านทานกับพวกได้ไหว

 

ในที่สุดกลุ่มคนที่อยู่ชั้นสามก็ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาต่างตกใจและเสียขวัญขณะเดียวกันใบหน้าของพวกเขาก็ซีดเซียว หลายๆคนก็คลื่นไส้ผะอืดผะอม ในขณะที่บางคนนั้นได้อาเจียนออกมาหลังจากเห็นภาพเห็นการณ์อันสยองที่เกิดขึ้น พวกเขานึกถึงคนที่ได้ปีนขึ้นมาก่อนหน้านี้และคำตอบจากคำถามของชายคนนั้นทันที

 

พวกเขามองไปรอบๆเพื่อหามาร์ค เขากำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับไม้ถูพื้น เขาบิดส่วนของอลูมิเนียมและนำด้านไม้ยาวแกว่งไปมาเหมือนกับเป็นพนักงาน ขณะที่พวกเขาเห็นสิ่งที่มาร์คกำลังทำ ความคิดบางอย่างก็ได้เด้งเข้าไปในสติที่ว่างเปล่าและตื่นตระหนกของพวกเขาแทน

 

“อาวุธ! หาอาวุธ!”

 

ชายคนหนึ่งในเหล่าผู้คนตะโกนออกมา ทุกคนต่างเริ่มตั้งสติได้และหลายๆคนก็เริ่มตะเกียกตะกายหาของที่สามารถนำมาใช้เป็นอาวุธได้

 

มีแค่เพียงคนที่อ่อนแอ โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก ถูกทิ้งให้ยืนขาสั่นอยู่อย่างนั้น พวกเขาไม่รู้ว่าต้องควรทำอะไร พวกเขากำลังจะสู้กับมันจริงๆงั้นหรอ ? ฉากอันสยดสยองจากเหตุการณ์ที่ชั้นล่างฉายซ้ำอยู่ในจิตใจของพวกเขาขณะที่ร่างกายของพวกเขานั้นก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว พวกเด็กๆเริ่มร้องไห้คร่ำครวญเมื่อได้ยินเสียงร้องโหยหวนมาจากชั้นล่าง

 

มาร์คเห็นคนพวกนั้นยืนนิ่งแข็งอยู่กับที่ และส่ายหัวไปมา เขาพุ่งเข้าไปหาพวกเขาด้วยท่าทางที่ใจเย็น พวกเขาทำได้แค่จ้องมองมาร์คขณะที่เขาเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เขาเดินไปหาหญิงที่น้ำตาท่วมใบหน้าซึ่งสวมใส่ชุดเครื่องที่ติดโลโก้คอมพิวเตอร์แบรนด์หนึ่ง

การที่เห็นมาร์คมองไปที่เธอ ชายคนหนึงรูปร่างเตี้ยวิ่งเข้ามาและกันเขาออกไปที

 

“นายต้องการที่จะทำอะไร?”

 

ชายคนนั้นพูดด้วยความระมัดระวัง มาร์คมองไปที่ชายคนนั้นและเห็นว่าเขาสวมชุดเครื่องแบบที่มีโลโก้เหมือนกันกับเธอคนนั้น เมื่อเขาเห็นโลโก้นั่น มาร์คก็เลิกยุ่งกับเธอไปเลย

 

เขาชี้ไปที่ทางเข้าของโซนเทคโนโลยีของห้างสรรพสินค้าที่อยู่ข้างหลังชายคนนั้น และมาร์คก็ได้พูดออกมา

 

“ประตูบานเหล็กที่อยู่ตรงนั้น นายรู้ว่าวิธีปิดมันใช่ไหม?”

 

ชายคนนั้นเห็นว่ามาร์คมองมาที่โลโก้ของร้านสินค้าที่เขาทำงานอยู่บนชุดเครื่องแบบที่เขาได้สวมใส่อยู่ เขาถอนหายใจด้วยความโล่งใจว่ามาร์คไม่ได้มีเจตนาไม่ดี การได้ทำงานในลักษณะนี้มานาน เขามีทักษะที่สังเกตุผู้อื่นได้เป็นอย่างดี เขารู้ได้ว่ามาร์คนั้นพยายามจะเข้ามาหาเพื่อนร่วมงานของตัวเขาเองเพราะว่าร้านขายสินค้าของเขานั้นตั้งอยู่ในมุมที่ใกล้กับทางเข้าของโซนนี้

 

เขาตอบกลับมาร์คโดยการพยักหน้า

 

“ถ้าอย่างนั้น พาคนพวกนั้นเข้ามาในโซนนี้”

 

มาร์คชี้ไปที่กลุ่มคนและพวกเด็กที่อยู่หลังชายคนนั้น

 

“หลังจากนั้น ปิดประตูบานเหล็กที่ทางเข้าอื่นๆไปด้วย อืมมม….แล้วก็แค่ปิดบานนี้ไว้แค่ครึ่งหนึ่งก่อน พวกเราสามารถใช้โซนนี้ไว้ให้คนอื่นเข้ามาหลบภัยได้อยู่ หากพวกซอมบี้เข้ามาถึงบนชั้นนี้แล้ว”

 

การได้ยินที่เขาพูด สายตาของชายคนนั้นและผู้คนที่อ่อนแอรวมถึงเด็กๆที่อยู่ข้างหลังเขาต่างก็สว่างไสวขึ้นมา ไม่ต้องพูดอะไรต่อ พวกผู้หญิงและเด็กๆก็รีบเข้ามายันโซนขายสินค้าเทคโนโลยีและทำตามคำแนะนำของมาร์ค

 

ในขณะที่คนอื่นๆกำลังมองดูเหตุการณ์อันน่าสยดสยองที่อยู่ข้างล่าง มาร์คเอาแต่คิดหาทางที่จะจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น เมื่อเขาเห็นทางเข้าโซนขายสินค้าเทคโนโลยี เขานึกขึ้นได้ว่าทั้งโซนสินค้าไอทีนั้นถูกสร้างขึ้นเป็นโซนขนาดกว้างใหญ่ พร้อมทั้งเรียงรายไปด้วยร้านค้ามากมายในโซนนี้ และในโซนอื่นๆนั้น แต่ละโซนมีประตูบานเหล็กประจำของโซนตัวเองไว้ แต่โชคไม่ดี เขาไม่รู้วิธีที่จะจัดการกับประตูบานเหล็กพวกนั้น หรือเขาจะต้องจัดการมันด้วยตัวเขาเอง

 

คนอื่นๆที่วิ่งไปมารอบๆเพื่อหาอาวุธเห็นว่ามาร์คกำลังจะทำอะไร เมื่อพวกเขามองไปที่มาร์คเหมือนพวกเขานั้นพบแสงสว่าง  พลางคิดว่าคนคนนี้นั้นช่างนิ่งสงบและได้ฉายออร่าแห่งความเด็ดเดี่ยวออกมา เขามีสติและคิดหาวิธีและทางเลือกซึ่งคนอื่นๆนั้นไม่ได้นึกถึง และทำได้แค่ตื่นตระหนกตกใจกับเหตุการณ์อันเลวร้ายนี้

 

เมื่อพวกเขาเอาแต่มองหาอาวุธด้วยความเร่งรีบ พวกเขาคิดอย่างเดียวว่าจะสู้เพื่อป้องกันตัวพวกเขาเอง ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วพวกเขากลัวเกินกว่าที่จะสู้ได้ พวกเขาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างล่างมาแล้ว หากพวกมนุษย์ที่ได้กลายเป็นปีศาจกินคนขึ้นมาถึงชั้นนี้ ถ้าพวกเขาสู้หรือหลบซ่อนจากมันไม่ได้ มีอย่างเดียวที่จะเกิดขึ้นก็คือพวกเขาจะโดนมันกัดกิน แต่ตอนนี้มาร์คก็ไดเเปิดทางเลือกและวิธีให้อีกทางซึ่งวิธีนั้นพวกเขาไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับพวกมันเลย

 

เมื่อได้ยินเสียงมาร์ค หลายๆคนรีบตามผู้หญิงและเด็กๆที่เข้ามาหลบภัยอยู่ในโซนขายสินค้าเทคโนโลยีโดยทันที

 

“เห้ย พวกคุณ! พวกคุณคิดว่าพวกคุณจะไปที่ไหนน่ะ ?”

 

การที่ได้ยินเสียงตะโกนของเขาออกมา พวกเขาช่วยไม่ได้ที่จะหยุดและสับสนกับการกระทำนั้น

 

“หมายความว่าไง!? พวกเราก้ต้องการที่จะเข้าไปหลบในนั้นเช่นกัน! คุณมาห้ามพวกเราทำไม?”

 

ชายคนหนึ่งกล่าวออกมาโดยไม่พอใจ

 

“โง่ชะมัด”

 

มาร์คบ่นพึมพัม จากนัั้นเขาก็มองไปที่ราวระเบียงและชำเลืองมองดูเหตุการณ์ข้างล่างก่อนจะตอบกลับไป

 

“ยังพอมีเวลาเหลือ เข้าไปข้างในร้านสินค้าอื่นๆก่อน และเอาอะไรก็ได้ที่พวกนายสามารถใช้ได้ก่อนที่จะเข้าไปหลบซ่อนข้างในโซนนี้! โดยเฉพาะอาหารและน้ำดื่ม! พวกของเหล่านั้นจำเป็นมาก ถ้าหากพวกคุณไม่อยากจะกระหายจนตายอยู่ในนั้น ใครจะไปรู้ว่าเราจะต้องซ่อนตัวอยู่ในนั้นนานแค่ไหน!”

 

น้ำเสียงออกคำสั่งของมาร์คนั้นทำให้คนเหล่านั้นรู้สึกขัดแย้งอยู่ในใจ แต่พวกเขาก็ปฎิเสธการออกคำสั่งที่ดุเดือดและจะไม่ทำมันก็ไม่ได้ พวกละทิ้งความคิดที่จะิว่งหนีและหลบซ่อนไปทันที พวกเขาเข้าไปในร้านค้าต่างๆและถือกล่องที่บรรจุสินค้าที่จำเป็นออกมา

 

แต่ดันโชคร้ายตรงที่ชั้นสามนั้น ส่วนใหญ่ก็มีแต่สินค้าที่เกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าและเทคโนโลยี มีเพียงไม่กี่ร้านค้าที่สามารถหาอาหารและเครื่องมาได้ ไม่เหมือนกับชั้นล่าง

 

พนักงานหัวดีคนหนึ่งของห้างสรรพสินค้า พาพนักงานสองสามคนวิ่งไปทางทิศใต้ของห้างสรรพสินค้าให้เร็วเท่าที่สุดเท่าที่เร็วได้ ไม่กี่นาทีต่อมา พวกเขากลับมากับกล่องอาหารมากมาย ขนมและเครื่องดื่มเย็นๆ

 

มาร์คซึ่งวิ่งเข้าไปในร้านสินค้าทางกีฬาเห็นพวกเขา สายตาของเขาก็ดูอุ่นใจขึ้นมาทันที เหมือนว่าพวกเขานะเนได้ไปเอาอาหารและขนมที่ขายอยู่ในเคาเตอร์โรงหนังออกมา

เมื่อมาร์คออกมาจากร้านค้า เขาแบกกระเป๋าหมอนออกมามากมายอยู่บนไหล่ของเขา และเขาก็ได้ถือไม้เบสบอลเหล็กออกมาอยู่ที่มือขวาของเขา ไม้ถูพื้นที่เจอก่อนหน้านั้นก็ถูกทิ้งเอาไว้อยู่ภายในร้านค้า ขณะที่ไม้เบสบอลเหล็กนี้ดูท่าจะเหมาะและสะดวกกว่าในการใช้สำหรับสถานการณ์นี้

 

แต่เมื่อเขาออกมาจากร้านค้า สายตาของเขาจับจ้องไปที่ความเคลื่อนไหวบางอย่างที่อยู่ด้านขวาของเขา และเมื่อเขาหันไป สิ่งที่เขาเห็นทำให้ร่างกายของเขาท่วมไปด้วยหยาดเหงื่อ

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

เรื่องย่อ เป็นเช้าอีกวันที่คล้ายจะปกติธรรมดาเหมือนในทุกๆวัน แต่ใครจะรู้ล่ะ วันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ จุดกำเนิดเริ่มต้นของหายนะนั้นไม่ได้ถูกกำหนดเอาไว้ แต่หารู้ไม่ เชื้อหายนะนั้นเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เกิดจักรวาลแห่งนี้ แต่นั่นก็แค่เกิดขึ้นบริเวณนอกบรรยากาศของโลกเพียงเท่านั้นเอง ผู้คนและสัตว์ต่างๆกลับฆ่าฟันและกินกันเอง จากนั้นค่อยๆกลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาดที่ใครๆต่างก็รู้จักชื่อนี้ดี ‘ซอมบี้’ ในขณะที่บางคนนั้นโชคดีได้รับพลังและทักษะความสามารถที่จะต่อสู้กับมัน ทุกๆชีวิตในตอนนี้ที่ไม่ได้ ‘กลายร่าง’ ก็เริ่มพัฒนาหาวิธีทำลายล้างและหยุดเรื่องราวทั้งหมดนี้ในขณะที่โลกทั้งใบนี้กำลังติดเชื้อโดยสารก่อการกลายพันธุ์บางอย่าง มาร์ค ชายผู้เป็นโอตาคุ เกมเมอร์ และไม่ชอบออกไปสู่โลกภายนอก กลับติดแหงกอยู่ใจกลางแห่งความหายนะซึ่งดูเหนือธรรมชาติ การใช้ความคิด ความรู้ และความสามารถที่ไม่เหมือนใครและไม่เป็นไปตามแบบแผนของสังคมของเขานั้น จะทำให้เขามีชีวิตรอดไปอีกนานแค่ไหนกับหายนะที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดซอมบี้ การเปลี่ยนแปลงต่างๆ และผู้คนชั่วร้ายสารเลวในฐานะผู้ที่ยังรอดชีวิตอยู่ในประเทศบ้านเมืองที่มีประชากรล้นเหลือแบบนี้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset