มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) – ตอนที่ 34 : กําลังใจ

ตอนที่ 34 : กําลังใจ

 

เวลา 13.51 นาฬิกา – ดาดฟ้าห้างสรรพสินค้าบาคัวร์, ฝั่งใต้

 

แองเจก็ได้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างเนื่องจากสมาชิกในกลุ่มทุกๆคนได้พยายามปลอบใจให้เธอสงบลง แต่อย่างไรก็ตามเธอก็ยังควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ยาก มันใช้เวลาไม่นานเพื่อที่จะให้คนอื่นๆรู้ว่าไม่ว่าซอมบี้นักกัดจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่พวกเขาก็ยังจําเบี้ยที่จะต้องต่อสู้และฆ่าพวกมันเพื่อเอาชีวิตรอดอยู่ดี ก็อย่างเฉกเช่นในหนังที่ก็ไม่มีใครรู้ได้ว่าพวกมันจะสามารถรักษาได้หรือไม่ และเห็นแก่พวกเขา พวกเขาไม่รู้แม่กระทั่งว่ามันปวยจริงๆหรือเปล่า

 

แต่อย่างไรมันไม่สามารถเปลี่ยนความจริงได้ว่าแองเจนั้นได้ลงมือฆ่าเพื่อนของเธอไปหลายต่อหลายคนและเธอก็รู้สึกแย่เพราะว่าเหตุผลนั้น พอลลาได้นั่งอยู่ข้างๆแองเจและพลางลูบหลังของเธอไปด้วยโดยที่ไม่พูดอะไรออกมา มันไม่มีอะไรจะให้ปลอบอีกต่อ และพอลลาสามารถทําได้แค่เข้าใจความรู้สึกเพื่อนของเธอว่าแองเจนั้นต้องการแค่เวลาเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจในเรื่องนี้

 

กลุ่มผู้ชายก็ได้ยืนอยู่ข้างๆ พวกเขาก็ได้เสร็จสิ้นการสร้างสิ่งกีดกั้นเพื่อป้องกันทางเข้าบนดาดฟ้า ตอนนี้พวกเขาทําแค่คอยป้องกันเพื่อเกิดสถาณการณ์ที่คาดไม่ถึง ชายกลุ่มนี้ก็ยังได้หาสิ่งของนําไว้เสริมอาวุธที่พวกเขาค้นเจอบนดาดฟ้า อย่างเช่น เขาตัดแผ่นเหล็กคมที่พวกเขาเจอและนํามาติดเชื่อมกับท่อเหล็ก และลับขอบแผ่นเหล็กให้กลายเป็นของมีคม

 

แคลวินก็ได้ถือหอก เฟอร์นานและโจเซฟทั้งคู่นั้นได้มีดเล่มยาว ส่วนเบอนาร์ดนั้นได้ถือขวาน พวกเขาต่างก็ได้สร้างอาวุธไว้ให้สําหรับพวกผู้หญิงเช่นกันซึ่งเป็นมีดเล่มยาวขนาดเล่น มันไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นผู้หญิงหรือว่าเพราะการเหยียดเพศแต่เป็นเพราะว่าอาวุธนั้นไม่เพียงพอ

 

มันอาจจะไม่ใช่อาวุธที่ดีเลิศเลอแต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย

 

ในขณะที่ทุกคนกําลังทําเรื่องส่วนตัวของตัวเองอยู่ อยู่ๆเหมยก็ได้ยืนขึ้นและเดินตรงไปที่ตรงกลางของดาดฟ้าอย่างไม่มีเหตุผล คนอื่นๆทั้งหมดก็มองไปที่เธอด้วยความสงสัย พอลลาเกิดความคิดขึ้นมาว่าทําไมอยู่ๆเธอถึงได้เดินไปตรงนั้นราวกับว่ามีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น

 

ก่อนที่เหมยจะได้ไปถึงใจกลางตรงนั้น ชายผู้สวมชุดเกราะพร้อมกับหมวกก็ได้ปรากฏตัวขึ้น ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะตกใจที่เจอเหมยที่กําลังตรงเข้าไปหาเขา ชายคนนั้นถอดหมวกออกเปิดเผยให้เห็นผมที่ยุ่งเหยิงและใบหน้าทั้งหมดของเขาชายคนนั้นก็ได้ยิ้มให้เหมย

 

“เหมยเธอรู้ได้ไงว่าฉันกําลังมา?”

 

“ฉันไม่รู้เหมือนกันค่ะ ฉันแค่รู้สึกอะไรบางอย่าง”

 

มาร์คไม่รู้จะตอบอะไรกลับไป เขาก็ไม่รู้ว่าเธอจะเดินมาหาเขาตรงนี้แล้ว

 

“งั้นเรากลับไปที่เดิมกันเถอะ” มาร์คกล่าว

 

“อื้อ” เหมยตอบ

 

“ทั้งสองคนกลับไปหากลุ่มของเขา แต่แน่นอนว่าเหมยยังซ่อนตัวอยู่ข้างหลังมาร์คขณะที่กลุ่มผู้ชายได้เข้ามาใกล้”

 

คนอื่นๆในกลุ่มก็ได้จ้องไปมาร์คผู้ซึ่งได้กลับมา เสื้อเกราะที่สะอาดเยี่ยมที่เขาสวมใส่อยู่ก่อนหน้านี้ตอนนี้ก็ได้เต็มไปด้วยคราบเลือด ใบหน้าของเขาก็ดูเหนื่อยล้า ดูเหมือนเขานั้นก็ได้ใช้พลังงานไปเยอะ พอสมควร เขาก็มีกระเป๋ากีฬาอีกใบหน่อยสะพายอยู่ข้างๆและนอกเหนือจากนั้นก็มีมีดเล่มยาวอยู่บางแขนซ้ายของเขา แขนขวาของเขานั้นก็ได้ถือขวานที่ใช้ทุบตู้ดับเพลิง

 

เมื่อมาร์คมาถึง เขาเห็นแองเจอที่นั่งอยู่บนเก้าอี้และพอลลาที่นั่ลูบหลังเธออยู่

 

“มันเกิดขึ้นแล้วสินะ หึ?” มาร์คพลางคิดในใจ

 

เบอนาร์ดเดินมาหามาร์คข้างหน้าและยื่นสมุดโน้ตของมาร์คไปให้มาร์คได้รับมันมาและมองไปที่ชายแก่คนนั้น

 

“คุณมีคําถามใช่มั้ย?”

 

“ไม่ใช่แค่ฉันหรอก พวกเราทั้งหมดเนี่ยแหละ แต่อันดับแรกฉันขอบอกไว้ก่อนว่าฉันได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการบันทึกของนาย ในสมุดเล่นนั้น ดูเหมือนว่านายนั้นได้เตรียมตัวมาแล้วเป็นเวลานาน สําหรับหายนะที่กําลังเกิดขึ้นตอนนี้”

 

มาร์คได้ยิ้มแบบขมขืนกลับไป

 

“มันก็ไม่ขนาดนั้นหรอก มันแค่เป็นงานอดิเรกของฉัน ใครจะไปรู้ล่ะว่าอะไรแบบนี้มันจะเกิดขึ้นจริงๆ?” มาร์คกล่าว

 

“นั่นก็จริง” เบอนาร์ดกล่าว

 

จากนั้นมาร์คก็ย้ายตัวไปนั่งยังเก้าอี้ว่างอยู่และเหมยก็ได้ยื่นกระป๋องโซดาให้เขา

 

“ขอบคุณนะ”

 

เขาวางของทุกอย่างที่เขาถือไว้ข้างๆเก้าอี้ที่เขานั่งก่อนจะรับกระป๋องโซดาและดื่มมันเข้าไปเกือบหมดภายในที่เดียว

 

จากนั้นมาร์คก็ได้เผชิญหน้ากับทุกคนที่อยู่ตรงหน้าเขาซึ่งทุกคน นั้นก็มีท่าทางที่อยากรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ทั้งหมด

 

“เอาเลย ถามคําถามของพวกคุณมา โอยย! ทําไมฉันต้องเป็นคนเดียวที่ได้ที่นั่งเก้าอี้ที่มันร้อนตลอดเลยนะ?”

 

เขาได้บ่นออกไปทําให้คนอื่นๆในกลุ่มได้อมยิ้มขึ้นมา พวกเขาห้ามไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา หลังจากนั้นไม่นานเบอนาร์ดก็ได้เปิดคําถามขึ้นมา

 

“มันเกี่ยวกับสิ่งที่นายเขียนลงไปนั่นแหละ พวกซอมบี้นักกัดนะ”

 

“เอาล่ะ ฉันรู้แล้วว่าต้องเป็นเรื่องนี้ พวกนายต้องการจะรู้ใช่มั้ยว่า พวกมันยังมีชีวิตอยู่จริงมั้ย?”

 

ทุกคนต่างก็พยักหน้า แองเจก็ได้เงยหน้าขึ้นและมองไปที่มาร์ค

 

“โชคร้ายไปหน่อย พวกเขายังมีชีวิตอยู่จริงๆ” มาร์คกล่าว

 

“นายมีหลักฐานมั้ย?”

 

โจเซฟได้ถามขึ้น มาร์คก็เริ่มคิดว่าชายคนนี้นี่ช่างชอบขัดบทสนทนาคนอื่นเสียจริงๆ แต่เขาก็ยังตอบคําถามไปอยู่ดี

 

“ฉันมี ฉันได้จับซอมบี้นักกัดและซอมบี้นักกระหายและตรวจสอบดูพวกมันด้วยตัวเองแล้ว นั่นมันหลังจากที่ฉันได้เข้าไปในทางออกประตูฉุกเฉินตรงฝั่งตะวันตกก่อนหน้านี้”

 

“นายเจออะไร?”

“ก็อย่างเช่น ซอมบี้นักกัดที่ฉันจับได้ หัวใจของเธอยังคงเต้นอยู่ และฉันก็ได้ตรวจสอบดูกับซอมบี้นักกระหายหัวใจของมันหยุดเต้นไปแล้ว มันไม่แม้กระทั่งหายใจ ฉันไม่เข้าใจว่าทําไมร่างกายของซอมบี้นักกระหายยังคงทํางานได้อยู่ แต่อย่างไรก็ตามซอมบี้นักกัดที่ฉันจับได้ก็ยังมีชีวิตอยู่ แปลว่าตัวอื่นๆก็ต้องเป็นแบบนั้นเช่นกัน”

 

สมาชิกในกลุ่มก็ได้เริ่มคิดพิจารณาเรื่องราวหลังจากได้ยินสิ่งที่มาร์คบอก มาร์คสังเกตุได้ว่าแองเจนั้นได้ก้มศรีษะลงและหน้าตาเธอดูเศร้ามาก

 

“อย่างไรก็ตาม เกิดอะไรขึ้นกับอาวุธพวกนั้นนะ?”

 

มาร์คถามเมื่อสังเกตุได้ว่าอาวุธได้มีการถูกเสริมเติมแต่ง ถ้าเขาพูดมันออกไปแปลว่าเขานั้นค่อนข้างพอใจกับสิ่งที่กลุ่มเขาได้ทําลงไป อาวุธที่พวกเขาสร้างนั้นดูดีและไม่เลวเลย

 

“มันเป็นความคิดของแคลวินนะ”

 

เบอนาร์ดตอบคําถามของมาร์ค

 

“นายหรอ?”

 

มาร์คหันไปถามแคลวินด้วยความประหลาดใจ

 

“อะไรกัน แม้ว่าฉันจะดูเป็นแบบนี้ แต่ฉันก็เคยทํางานด้านเหล็ กมาเมื่อสองสามปีก่อน ฉันนําความรู้นั้นมาแชร์ให้ทุกๆคนที่นี่เชียว

 

ชายวัยกลางมองไปที่ท้องฟ้าในขณะที่เขาทุบหน้าอกเบาๆด้วยความภูมิใจ มันดูแปลกหากเมื่อเทียบกับบุคลิกเงียบๆของเขา แต่มันจะเกิดขึ้นเฉพาะเวลาที่เขานั้นได้พูดคุยกับมาร์ค

 

จากนั้นแคลวินก็ได้เสียหน้าไปนิดหน่อยเมื่อมองไปที่มาร์คและเห็นว่ามาร์คนั้นไม่ได้ฟังเขาเลย! และมาร์คก็กําลังจ้องไปที่แองเจตลอดเวลาที่เขานั้นพูด!

 

เลือดในหน้าผากของแคลวินแทบจะระเบิดออกมาแต่เขาก็ต้องเก็บอารมณ์นั้นไว้และนั่งลงอย่างเงียบๆตามปกติของบุคลิกเขาคู่พ่อลูกทั้งคู่นั้นก็ช่วยไม่ได้ทําได้ แต่เกาศรีษะไปพลางๆในขณะที่มองดูแคลวิน

ภายใต้การจ้องมองของทุกๆคน มาร์คยืนขึ้นและเดินเข้าไปหาแองเจ พอลลาไม่รู้ว่ามาร์คนั้นจะทําอะไร แต่เธอรู้ว่ายังไงมาร์คก็ช่วยให้แองเจสามารถกลับไปเป็นปกได้ ก็เหมือนกับที่เขานั้นเคยทําได้มาในหลายๆครั้งแล้ว

 

มาร์คได้นั่งยองลงและจ้องไปที่หน้าของแองเจที่ซึ่งกําลังมองไปที่แขนของเธอที่วางอยู่บนเข่าอย่างว่างเปล่า หลังจากนั้นเธอก็สังเกตุได้ว่ามีใครบางคนอยู่เบื้องหน้าเธอ เธอได้เงยหน้าขึ้นและ

 

“เห้ยยยย!”

 

แองเจได้ตกใจและถอยหน้าของเธอกลับไป เธอถอยไปอย่างรวดเร็วจนเกือบจะหงายหลัง

 

“นะนะนะนายยยทําอะไรเนี่ย!!”

 

เธอตะโกนออกไปในขณะที่ใบหน้าของเธอได้เริ่มกลายเป็นสีแดง

 

ทุกๆคนก็ยิ้มออกมา พอลลาก็เกือบจะล้มหงายหลังลงไปเมื่อได้หัวเราะกับปฏิกิริยาเพื่อนของเธอเช่นกัน เหมยนั้นก็ได้หัวเราะออกมาบ้างแล้ว

 

ทุกคนเห็นสถานการณ์เมื่อครู่ เมื่อมาร์คนั่งยองๆลงไปและจ้องหน้าแองเจ มาร์คนั้นได้จ้องหน้าเข้าไปใกล้แองเจอย่างมาก ในเวลานั้นแองเจก็ได้เงยหน้าขึ้นทันที หน้าของมาร์คและแองเจนั้นได้ห่างจากกันเพียงไม่กี่นิ้ว

 

“โอเค ก็ดี เธอคงกลับมาแล้วแหละ”

 

มาร์คก็ได้หัวเราะเยาะไปด้วย

 

แองเจมองไปที่มาร์คและคนอื่นๆรอบๆตัวเธอ ช่วยไม่ได้ จริงๆที่ตอนนี้สภาพจิตใจของเธอก็ได้โล่งขึ้น แต่เธอก็ได้สังเกตว่าเธอทําให้ทุกๆคนนั้นเป็นห่วงแค่ไหน หลังจากนั้นเธอก็ได้ยินมาร์คพูดออกมา

 

“อย่าไปคิดมากน่ะกับสิ่งต่างๆที่เศร้าโศกที่เธอได้เผชิญอยู่ แค่คิดว่าสิ่งที่เธอทําน่ะมันถูกต้องแล้ว”

 

“แต่! ฉัน..”

 

“เธอฆ่าคนอื่นๆ? มันผิดยังไง? ในเมื่อเธอไม่ได้ฆ่าใครเพื่อความต้องการของเธอเอง เธอฆ่าเพราะเธอต้องการปกป้องตัวเองและปกป้องคนที่สําคัญสําหรับเธอ” มาร์คแทรกขึ้นมา

“แต่…”

 

“นี่ยังจะเถียงอีกหรอหะ?”

 

มาร์คเริ่มจะรู้สึกเหนื่อยที่จะเถียงด้วย เขาได้ขึ้นเสียงใส่เธอไปนิดหน่อย

 

“ถ้างั้นฉันขอถามคําถาม ฉันจะให้เธอเลือกสองทาง แค่เลือกมาอย่างหนึ่ง! ได้ยินฉันมั้ย?!”

 

“โอ โอเค”

แองเจเริ่มตกใจขึ้นมา

 

“ฉันและพอลลากําลังโดนล้อมรอบด้วยพวกฝูงซอมบี้นักกัด คนไหนล่ะที่เธอจะเลือกเข้าไปช่วย?”

 

“แน่นอน ต้องพอลลาสิ!”

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือของเธอเช่นกัน! ซอมบี้นักกัดหรอ? ซอมบี้นักกระหายหรอ? ยังมีชีวิตอยู่? หรือตายแล้ว? เรื่องพวกนั้นน่ะไม่ได้สําคัญหรอก แค่คิดว่าต้องปกป้องตัวเอง และปกป้องคนที่สําคัญกับเธอก็พอแล้วอย่างอื่นก็ให้ช่างมันไป”

 

“ฉันรู้! แต่…”

 

“ถ้าอย่างนั้น เธอจะปล่อยให้ตัวเองและพอลลาถูกกัดกินเพราะว่าเธอไม่สามารถฆ่าพวกมันได้หรอ?”

 

“นั่นมันก็…”

 

“ถ้าเธอฝันมาก ถ้าอย่างนั้นก็อย่าฆ่าเมื่อไม่จําเป็น ใช้ชีวิตต่อไป ฆ่าเมื่อเธอคิดว่าจําเป็นใช้ชีวิตอยู่สําหรับคนที่เธอจําเป็นต้องฆ่า และได้ฆ่าไปแล้วใช้ชีวิตสําหรับคนที่ควรที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป”

 

แองเจได้เงียบลงในขณะที่เธอได้คิดไตร่ตรองในสิ่งที่มาร์คพูด

 

“เช่นกัน ฉันบอกสิ่งนี้กับเธอไป ฉันไม่ต้องการที่จะบอกว่าเราจําเป็นต้องฆ่าซอมบี้เหล่านั้นทั้งหมดหรอกนะ แต่สําหรับซอมบี้ทุกตัวที่ถูกฆ่ามันก็เพื่อจะทําให้มีโอกาศน้อยลงที่มันจะไปฆ่าคนอื่นๆไงล่ะ”

 

ดวงตาของแองเจเบิกกว้าง ความคิดนั้นก็พุ่งเข้าไปอยู่ในใจของเธอ

 

“โอเค เธอยังมีเวลาอีกเยอะที่จะคิดในสิ่งที่ฉันได้พูดออกไป ไม่ต้องรีบคิดหรอก”

 

มาร์คยืนขึ้น และเอากระเป๋าสะพายใบใหม่ที่เขาวางลงอยู่ที่ข้างเก้าอี้มา หลังจากนั้นเขาก็เดินกลับไปหาที่แองเจและวางกระเป๋านั้นลงข้างหน้าตักเธอ

 

“และก็อันนี้ด้วย เพราะฉะนั้นสู้ๆล่ะ”

 

จากนั้นมาร์คก็ได้เดินกลับไปที่เก้าอี้ของเขา ทุกๆคนมองไปที่เขาด้วยความมหัศจรรย์ใจ

 

พวกเขาไม่รู้ว่ามาร์คนั้นสามารถเรียบเรียงคําพูดสวยหรูแบบนั้น ออกมาให้เฉียบขาดขนาดนี้ได้อย่างไร!

“นี่คือ!!”

 

เสียงของแองเจก็ได้พูดออกมาอย่างตื่นเต้นทะลุเข้าหูทุกคน พวกเขาทั้งหมดมองไปที่เธอและเห็นว่าเธอถือบางอย่างออกมา จากกระเป๋าสะพาย ในกระเป๋ามันคือชุดเสื้อเกราะอีกหนึ่งเซ็ทเหมือนแบบที่มาร์คใส่ สิ่งที่ต่างอย่างเดียวคือมันออกแบบมาสําหรับผู้หญิงและมีสีขาวแดงในประปายอยู่ด้วย

 

พอลลามองไปที่มาร์ค หัวใจของเธอรู้สึกปลื้มปลิ่มกับสิ่งมีค่าที่เขาให้ให้เพื่อเป็นกําลังใจให้กับเพื่อนของเธออย่างมาก แม้ว่าวิธีการ ให้กําลังใจของมาร์คนั้นจะแปลกประหลาดไปหน่อย แต่มันก็ได้ผลดีทีเดียว ได้ผลดีเลยเชียวล่ะ!

 

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

เรื่องย่อ เป็นเช้าอีกวันที่คล้ายจะปกติธรรมดาเหมือนในทุกๆวัน แต่ใครจะรู้ล่ะ วันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ จุดกำเนิดเริ่มต้นของหายนะนั้นไม่ได้ถูกกำหนดเอาไว้ แต่หารู้ไม่ เชื้อหายนะนั้นเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เกิดจักรวาลแห่งนี้ แต่นั่นก็แค่เกิดขึ้นบริเวณนอกบรรยากาศของโลกเพียงเท่านั้นเอง ผู้คนและสัตว์ต่างๆกลับฆ่าฟันและกินกันเอง จากนั้นค่อยๆกลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาดที่ใครๆต่างก็รู้จักชื่อนี้ดี ‘ซอมบี้’ ในขณะที่บางคนนั้นโชคดีได้รับพลังและทักษะความสามารถที่จะต่อสู้กับมัน ทุกๆชีวิตในตอนนี้ที่ไม่ได้ ‘กลายร่าง’ ก็เริ่มพัฒนาหาวิธีทำลายล้างและหยุดเรื่องราวทั้งหมดนี้ในขณะที่โลกทั้งใบนี้กำลังติดเชื้อโดยสารก่อการกลายพันธุ์บางอย่าง มาร์ค ชายผู้เป็นโอตาคุ เกมเมอร์ และไม่ชอบออกไปสู่โลกภายนอก กลับติดแหงกอยู่ใจกลางแห่งความหายนะซึ่งดูเหนือธรรมชาติ การใช้ความคิด ความรู้ และความสามารถที่ไม่เหมือนใครและไม่เป็นไปตามแบบแผนของสังคมของเขานั้น จะทำให้เขามีชีวิตรอดไปอีกนานแค่ไหนกับหายนะที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดซอมบี้ การเปลี่ยนแปลงต่างๆ และผู้คนชั่วร้ายสารเลวในฐานะผู้ที่ยังรอดชีวิตอยู่ในประเทศบ้านเมืองที่มีประชากรล้นเหลือแบบนี้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset