มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) – ตอนที่ 40 : ศูนย์ให้ข้อมูลข่าวสาร, การบรรเทาทุกข์และความช่วยเหลือ

ตอนที่ 40 : ศูนย์ให้ข้อมูลข่าวสาร, การบรรเทาทุกข์และความช่วยเหลือ

 

เวลา 16.16 นาฬิกา – ย่านศูนย์กลางการค้านานาชาติ เมืองปาไซ, ศูนย์กลางการให้ความช่วยเหลือ

 

ใจกลางย่านศูนย์กลางการค้านานาชาติ มีสถานประกอบการเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่เป็นจํานวนมากก่อตั้งอยู่ซึ่งเป็นของบริษัทเอกชนก่อนได้เกิดการระบาดขึ้น เนื่องจากมีจํานวนประชากรหลายคนที่ทํางานอยู่ในพื้นที่แห่งนี้และก็ได้ออกไปยังห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในฟิลิปินส์ ห้างสรรพสินค้าแห่งทวีปเอเชีย สถานที่แห่งนั้นเต็ม ไปด้วยความมีชีวิตชีวา และธุรกิจต่างๆก็ได้เจริญงอกงามเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้แทบจะไม่เหลือสักหนึ่งชีวิตหรือวิญญานใดปรากฏในบริเวณสถานประกอบการและบริเวณใกล้เคียงนี้ ยกเว้นทหารลาดตระเวนหลายคนที่ถูกส่งมาจากกองทัพ

 

มีอาคารแห่งหนึ่งที่เป็นของบริษัทการตลาดทางการคมนาคมหรือเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะเป็น Call Center ให้กับคนหลายๆคนในบริษัทแห่งเดียวกันนี้ ก็ได้ถูกยึดคืนกลายเป็นพื้นที่อพยพขนาดใหญ่โดยทหาร ตึกอาคารเดียวกันนี้ก็ถูกดัดแปลงเป็นอาคารที่ให้บริการข้อมูลและเป็นแผนกบรรเทาทุกข์และกู้ภัย

 

ห้องทํางานขนาดเล็กที่ใช้เป็นตัวแทนศูนย์บริการ Call Center ในวันก่อนเพื่อรับสายให้ข้อมูลลูกค้า ตอนนี้ถูกยึดครอบครองโดยกองทัพทหารและอาสาสมัครที่รับผิดชอบในการให้ความช่วยเหลือและสอบถามข้อมูลจากผู้รอดชีวิตที่ยังสามารถติดต่อเข้ามาโดยการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์บ้านหรือมือถือส่วนตัว

 

บริเวณมุมห้องของหนึ่งในห้องทํางาน มีผู้หญิงอายุราวๆยี่สิบกลางๆได้นั่งตอบคําถามรับสายเสียงเรียกเข้าที่โทรเข้ามา เธอมีผมสีน้ําตาลซึ่งถูกมัดไว้เป็นหางม้า พร้อมกับดวงตาที่เปล่งไปด้วยพลัง จมูกที่เล็ก ริมฝีปากสีชมพูบาง รับกับใบหน้ารูปไข่ของเธอ เธอสามารถถูกพูดได้เลยว่ามีหน้าตาและลักษณะบุคลิกที่ดี แต่ก็ยังไม่ถึงข นาดพูดว่าสวยได้

 

ในตอนนี้ คิ้วของเธอก็ขมวดผูกติดกันพร้อมกับการที่เธอต้อง พยายามควบคุมตัวให้เพื่อให้เธอ “สงบสติอารมณ์” เพื่อตอบคํา ถามของประชาชนที่อยู่ในสายโทรศัพท์ เสียงของเธอเริ่มสูงขึ้นนิดหน่อยซึ่งทําให้เป็นจุดสนใจของอาสาสมัครที่อยู่รอบๆเธอด้วย

 

“คุณคะ! ทีมช่วยเหลือของเราจะไปถึงให้ไวที่สุดเท่าที่ไวได้ ดังนี้นขอร้องให้คุณอยู่ประจําพื้นที่ของคุณ อย่าส่งเสียงดังและรักษาตัวให้ปลอดภัยไว้ก่อน ยังมีอีกหลายสายที่ฉันต้องรับสายถ้าอย่างนั้นฉันขอจบการสนทนาเท่านี้นะคะ”

 

เธอหมดความอดทนเต็มที่ เธอไม่รอให้คนในสายได้พูดอะไรต่อไปได้อีก เธอวางโทรศัพท์ลงอย่างเสียงดัง

 

เธอถอนหายใจและบีบจมูกซึ่งอยู่ระหว่างคิ้วเพราะเธอพบว่าการทํางานหน้าที่นี้นั้นยากที่จะรับมือ

เธอเป็น Call Center ให้กับที่นี่มาก่อนที่จะเกิดการระบาดของไวรัส

 

เมื่อการระบาดมาถึงยังสถานที่แห่งนี้ ทีมงานและเพื่อนร่วมงานของเธอหลายๆคนก็ได้เกิดอาการวิตกจริต แม้ว่าเธอจะเป็นคนที่ซุ่มซ่ามไม่รอบคอบมาโดยตลอด แต่เธอก็สามารถควบคุมสติอารมณ์ได้แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์หายนะนี้ขึ้นมา เนื่องจากเธอเคย รับหน้าที่เป็นผู้นําหัวหน้าแผนกนี้ พวกเขาก็ได้จัดการป้องกันพื้นที่ในชั้นสองของตึก แต่ก็ไม่สามารถจัดการได้โดยปราศจากผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือคนเสียชีวิต

 

เนื่องจากตึกนั้นมีผนังและหน้าต่างแก้วมากมาย พวกเขาสามารถเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในบริเวณข้างนอกตึก ถ้าให้อธิบายก็คงเหมือนเป็นฝันร้าย พวกเขาเห็นผู้คนต่างกัดกินกันเอง แย่กว่านั้นก็คือแม้กระทั่งพ่อแท้ๆก็ยังกัดกินลูกสาวของตัวเอง

 

หลายๆคนนั้นเข้าไปช่วยไม่ได้ ทําได้เพียงแค่ร้องไห้ พวกเขาพยายามเรียกขอความช่วยเหลือผ่านโทรศัพท์ของเขาแต่ก็ไม่เคยทําได้สําเร็จสําหรับเธอนั้น เธอไม่เคยกลัวว่ามันจะเกิดขึ้นกับเธอ เธอเก็บไปคิดว่ากลัวว่ามันจะเกิดขึ้นกับครอบครัวเธอมากกว่า

 

ฝันร้ายนั้นมันก็ใช้เวลาอยู่ไม่นาน กองทัพเหล่าทหารเข้ามาปราบปรามบริเวณสถานที่และพวกเขาก็ถูกช่วยเหลือไว้ แพทย์ได้เข้าไปช่วยเหลือคนที่ได้รับบาดเจ็บ ตรงนั้นเธอจึงเห็นเพื่อนสนิทของเธอซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยแพทย์

 

เธอบอกเพื่อนของเธอถึงความเป็นกังวลเกี่ยวกับครอบครัวของเธอและเพื่อนของเธอก็บอกให้เธอไปเป็นอาสาสมัครในกองทหารเพราะตอนนี้พวกเขานั้นขาดกําลังคน มากไปกว่านั้น อาสาสมัครก็จะได้รับสิทธิประโยชน์อยางเช่นครอบครัวของพวกอา สาสมัครจะได้รับการดูแลปกป้องเป็นสําคัญจากภารกิจระหว่างการให้ความช่วยเหลือนี้

 

ด้วยสิทธิประโยชน์ดังกล่าว เธอก็เห็นด้วยโดยทันทีและถูกเข้าร่วมให้มาอยู่ในแผนกนี้เนื่องจากความคุ้นเคยที่มีให้กับงาน Call Centerอยู่แล้ว

ครอบครัวของเธอก็ถูกปกป้องโดยรวดเร็วเพราะว่าบ้านของเธอก็ไม่ได้อยู่ห่างจากสถานที่แห่งนี้เท่าไหร่ แต่แน่นอน เธอก็ไม่สามารถล้มเลิกงานนี้ออกไปได้แม้ว่าความปราถนาของเธอจะได้เกิดขึ้นแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่สามารถทําอะไรได้แล้วและคิดว่าเพื่อนของเธอให้เธอมารับตําแหน่งงานที่เครียดแบบนี้ไปแล้ว

“ลอร่า เธอดูเหมือนจะเครียดไปนะ”

 

เสียงของปีศาจก็พูดขึ้นมา เสียงผู้หญิงพูดออกมาจากข้างหลัง

เธอ

“เธอคิดว่าใครเป็นต้นเหตุกันล่ะ หะ เทเรซา?”

 

ลอร่ามองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังเธอที่สวมชุดเครื่องแบบทหาร

อยู่

“เธอควรที่จะอดทนให้มากกว่านี้หน่อยนะ เดี๋ยวอีกไม่นานเธอก็จะเปลี่ยนเวรแล้วใช่มั้ย?”

 

“ฉันรู้ แต่คนพวกนี้ที่โทรเข้ามาก็โง่เง่าสิ้นดีชอบคิดว่าตัวเองจะต้องถูกช่วยเหลืออยู่ฝ่ายเดียว”

 

“เธอโทษพวกเขาไม่ได้หรอก ตอนนี้ทุกคนต่างก็มีอาการวิตกจริตอยู่ทั้งนั้น”

 

เทเรซาถอนหายใจ

 

“ว่าแต่เธอมาทําอะไรที่นี่ล่ะ?”

 

ลอร่าถามออกไปในขณะที่เธอก็ได้จัดแต่งทรงผมของเธอ

“การเฝ้าเวรของฉันหมดแล้ว ฉันเลยแวะมาดูเธอนิดหน่อย” เทเรซ่ากล่าว

 

“เข้าใจแล้ว เธอก็แค่มาใช้เวลาว่างของเธอที่นี่สินะ?” ลอร่ากล่า

 

“มันจะแย่มั้ย ถ้าฉันต้องการดูการทํางานของเธอ?” เทเรซ่าตอบกลับไป

 

“เอาจริงงั้นหรอ เธอ…”

ลอร่ายังไม่ทันพูดจบดี ก็ได้มีสัญญาณเตือนบทสนทนาขึ้นมาบนคอมพิวเตอร์ต่อหน้าของเธอ

“ยังมีอีกงานหนึ่ง ฉันได้แค่หวังว่ามันคงไม่ทําให้ฉันเครียดหัวระเบิดหรอกนะ”

 

“เข้าไปตอบสิ” เทเรซากล่าว

 

ลอร่าได้ส่งชําเลืองส่งสายตาแบบกังขาไปที่เพื่อนของเธอก่อนที่จะตอบกล่องข้อความบทสนทนา

>> “นี่คือศูนย์กลางการให้ข้อมูลและความช่วยเหลือ คุณมีอะไรให้เราช่วยคะ? ”

 

<< “ฉันต้องการยืนยันว่าพวกคุณจะสามารถมาช่วยพวกเราได้”

ลอร่าถอนหายใจด้วยความโล่งอกและมองไปที่เพื่อนของเธอซึ่งมองดูอยู่ข้างหลัง

“ดูเหมือนว่าจะมีคนที่ดูมีความสมเหตุสมผลให้คุยด้วยสักที”

เพื่อนของเธอกล่าวและเธอก็ทําได้แค่พยักหน้าตอบกลับไป เธอเคยมีข้อความสนทนามาก่อนแล้วและประโยคแรกของพวกเขาก็มีเพียงแค่ว่าต้องการความช่วยเหลือ เป็นครั้งแรกที่เธอเผชิญหน้ากับบทสนทนาที่มีสติในการตอบกลับข้อความ

>> “ขอถามได้มั้ยคะว่าควรเรียกคุณว่าอะไร?”

< “นั่นมันสําคัญด้วยหรอ?”

ลอร่าได้เม้มริมฝีปากเมื่อเธอคิดว่าคนในบทสนทนาตอนนี้เป็นคนแบบประหลาดๆ คนนึง อย่างไรก็ตามมันก็ยังดีกว่าบทสนทนาขอความช่วยเหลือกับคนก่อนๆ

 

>> “มันไม่สําคัญหรอกค่ะ แต่ฉันอยากจะรู้ที่อยู่ของคุณใน ตอนนี้งั้นฉันขอเรียกแค่ว่าคุณนะคะ”

<< “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ”

>> “โอเคค่ะ คุณบอกว่าคุณต้องการความช่วยเหลือใช่มั้ย?”

<< “ใช่”

>> “คุณบอกฉันได้ไหมคะว่าตําแหน่งที่คุณอยู่ตอนนี้คือที่ไหน ? และมีจํานวนคนประมาณกี่คนที่ต้องได้รับความช่วยเหลือ?”

<< “เราติดอยู่ในห้างสรรพสินค้าบาคัวร์อยู่ตอนนี้ รอแปปนะขอไปนับจํานวนคนสักครู่ครับ”

>> “ได้ค่ะ ไม่เป็นไร”

 

ลอร่าเลิกคิ้วสูงขึ้นและมองไปที่เพื่อนของเธออีกครั้ง

“ดูเหมือนว่าพวกเขาจัดการที่จะป้องกันบริเวณพื้นที่ในห้าง หรืออย่างน้อยก็บางส่วนในห้างนะ ถ้าเขาต้องไปนับจํานวนคนที่มีอยู่ขนาดนี้ถ้าอย่างนั้นแปลว่าพวกเขาต้องป้องกันพื้นที่ของพวกเขาเอาไว้แล้ว”

 

หลังจากที่ได้มีการตอบกลับมา

 

<< “มีจํานวน 47 คน และเด็กอีก 4 คน”

 

ทั้งลอร่าและเทเรซ่าต่างก็ตกใจ นั่นเป็นจํานวนที่เยอะมากลาร่าได้เริ่มจัดการหาหน่วยกู้ภัยบนคอมพิวเตอร์ของเธอ รวมทั้งกองกําลังทหารที่มีหน้าดูแลการอพยพกู้ภัย ซึ่งเป็นหน้าที่ส่วนที่สําคัญที่สุดของเธอ

>> “คุณคะ ต้องขออภัยด้วยนะคะ จํานวนคนในกลุ่มของคุณนั้นเยอะมากและกําลังคนและรถที่ใช้ไว้อพยพตอนนี้ก็ไม่เพียงพอค่ะ พวกเราจึงจําเป็นต้องรอให้ทีมหน่วยกู้ภัยกลับมาก่อน ก่อนที่เราจะส่งคนไปช่วยเหลือยังสถานที่ของคุณได้”

ลอร่าก็ได้เตรียมรอการตอบกลับอย่างไม่พอใจและหยาบคายไปแล้วจากคู่สนทนาอีกฝั่ง หรือคําสาปแช่งก็ตาม แต่จากนั้นเธอก็ต้องประหลาดใจ

 

<< “อย่างงั้นหรอ? งั้นใช้เวลาประมาณกี่นาทีล่ะ?”

คําตอบกลับยังดูสุภาพและสงบเยือกเย็น ตั้งแต่ลาร่าพอใจกับทัศนคติของคู่สนทนา เธอจึงตัดสินใจที่จะตอบแบบสัตย์จริง

>> “ขออภัยนะคะคุณ มันเป็นไปได้ที่จะกะเวลาได้ ก่อนอื่นเลยทีมกู้ภัยจะกลับมาได้ขึ้นอยู่กับความอันตรายที่พวกเขาได้เจอค่ะและแถมยังมีผู้ช่วยเหลือคนอื่นๆที่ต่อคิวอยู่ และพวกเขาบางกลุ่มก็ต้องถูกช่วยเหลือก่อนค่ะ”

 

“เธอจําเป็นต้องบอกทั้งหมดแบบนั้นจริงๆหรอ?”

 

เทเรซากล่าวทักเพื่อนของเธอสําหรับการที่เธอสัตย์จริงเกินไป

“มันก็ไม่ได้มีกฎห้ามไว้ว่าฉันห้ามทํานิถูกมั้ย?”

“ถ้าเกิดว่าเขาไม่พอใจหรือเป็นอะไรขึ้นมาล่ะ?”

“ฉันมีรางสังหรณ์ว่าเขาจะไม่เป็นนะ”

 

“เธอแน่ใจนะ?”

เทเรซาสงสัย

“นี่ ดูสิ”

 

ลอร่าชี้ไปที่หน้าจอ

 

<< “ฉันเข้าใจ ถ้าอย่างนั้นโปรดช่วยส่งทีมกู้ภัยมาให้ไวที่สุดเท่าที่ทําได้ด้วยครับ”

<< “อีกทั้งขอร้องด้วยครับว่าให้ไวที่สุดภายในสามวัน อาหารที่พวกเราตุนไว้จะเหลือไม่นานนี้แล้ว”

 

ลาร่าพยักหน้าเมื่อเธอเห็นข้อความสุดท้าย ในขณะที่มองหน้าเพื่อนของเธอด้วยการยิ้มเยาะไปด้วย

“เขาไม่ได้เป็นคนไม่มีเหตุผลนิ ใช่มั้ย? ฉันแค่ขอภาวนาให้คนที่เข้ามาขอความช่วยเหลือเป็นแบบนี้แค่นั้นเอง”

“เธอนั่นแหละจะเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลเอง เร็วสิๆ! ตอบข้อความของเขาเร็ว”

 

>> “ฉันจะบันทึกไว้ค่ะ ขอแค่ให้อยู่ห่างจากพื้นที่ที่ติดเชื้อและดูแลตัวเองให้ปลอดภัยเข้าไว้”

<< “ได้ครับ ขอบคุณมาก ถ้าหากมีอะไรไม่ได้คาดคิดเกิดขึ้น ผมจะพยายามติดต่อคุณไปอีกครั้ง”

>> “ได้เลยค่ะ สามารถติดต่อพวกเรามาเมื่อไหร่ก็ได้ แผนกของเราพร้อมรับมือตลอดเวลาค่ะ”

หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีข้อความตอบกลับมา

ลอร่ายืดแขนและหลังของเธอหลังจากที่จบบทสนทนา เธอมองดูเวลาและมองไปที่เพื่อนของเธอ

 

“ฉันยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะหมดเวรแล้ว เธอแน่ใจนะว่าเธอจะอยู่ข้างหลังฉันอย่างนี้ไปเรื่อยๆนะ?” ลอร่ากล่าว

“ก็ใช่น่ะสิ!”

 

“ฮ่าฮ่า ก็ได้สิแล้วแต่เธอเลย”

ลอล่ารู้สึกแพ้ตลอดเมื่อคุยกับเพื่อนคนนี้ของเธอ

 

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

เรื่องย่อ เป็นเช้าอีกวันที่คล้ายจะปกติธรรมดาเหมือนในทุกๆวัน แต่ใครจะรู้ล่ะ วันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ จุดกำเนิดเริ่มต้นของหายนะนั้นไม่ได้ถูกกำหนดเอาไว้ แต่หารู้ไม่ เชื้อหายนะนั้นเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เกิดจักรวาลแห่งนี้ แต่นั่นก็แค่เกิดขึ้นบริเวณนอกบรรยากาศของโลกเพียงเท่านั้นเอง ผู้คนและสัตว์ต่างๆกลับฆ่าฟันและกินกันเอง จากนั้นค่อยๆกลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาดที่ใครๆต่างก็รู้จักชื่อนี้ดี ‘ซอมบี้’ ในขณะที่บางคนนั้นโชคดีได้รับพลังและทักษะความสามารถที่จะต่อสู้กับมัน ทุกๆชีวิตในตอนนี้ที่ไม่ได้ ‘กลายร่าง’ ก็เริ่มพัฒนาหาวิธีทำลายล้างและหยุดเรื่องราวทั้งหมดนี้ในขณะที่โลกทั้งใบนี้กำลังติดเชื้อโดยสารก่อการกลายพันธุ์บางอย่าง มาร์ค ชายผู้เป็นโอตาคุ เกมเมอร์ และไม่ชอบออกไปสู่โลกภายนอก กลับติดแหงกอยู่ใจกลางแห่งความหายนะซึ่งดูเหนือธรรมชาติ การใช้ความคิด ความรู้ และความสามารถที่ไม่เหมือนใครและไม่เป็นไปตามแบบแผนของสังคมของเขานั้น จะทำให้เขามีชีวิตรอดไปอีกนานแค่ไหนกับหายนะที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดซอมบี้ การเปลี่ยนแปลงต่างๆ และผู้คนชั่วร้ายสารเลวในฐานะผู้ที่ยังรอดชีวิตอยู่ในประเทศบ้านเมืองที่มีประชากรล้นเหลือแบบนี้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset