มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) – ตอนที่ 46 : สถานการณ์ฉับพลัน

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen)

 

ตอนที่ 46 : สถานการณ์ฉับพลัน

 

“แล้วคําถามต่อไปล่ะ?”

 

มาร์คเร่งรัดพอลลา

 

“นี่น่าจะเป็นคําถามสุดท้ายแล้ว ฉันแค่อยากรู้เหตุผลจริงๆ ที่นายช่วยพวกเราไว้”

 

“นี่คําถามสุดท้ายหรอ หะ? หลังจากคําถามนี้ เธอสองคนควรต้องตอบคําถามของฉันด้วย โอเคมั้ย?”

 

พอลลาพยักหน้าเพื่อตอบกลับคําถามของมาร์ค

 

“โอเค งั้นฉันขอบอกอะไรบางอย่างก่อนนะ สําหรับฉันแล้วมีคนอยู่สามประเภทผู้ซึ่งช่วยเหลือคนอื่นๆ ประเภทแรกคือคนที่นึกถึงคนอื่นก่อนเสมอ พวกเขาจะช่วยผู้อื่นโดยไม่มีเงื่อนใจ เพราะพวกเขาแค่อยากจะช่วย ประเภทที่สองคือคนที่ต้องการอยากทําตัวเป็นฮีโร่ พวกเขาช่วยเหลือปกป้องคนอื่นๆ เพื่อเติมเต็มให้ตนเองนั้นเป็นคนสําคัญและน่านับถือ และประเภทที่สามนั้นคือก็เพื่อแรงจูงใจอื่นๆ

 

แบบไหนล่ะที่เธอคิดว่าฉันเป็นน่ะ?”

 

มาร์คถามออกมาซึ่งพอลลาตอบออกไปโดยไร้ซึ่งความลังเล

 

“แบบที่สาม”

 

มาร์คพยักหน้า

 

“ใช่เลย ฉันช่วยเธอสองคนเพราะว่าฉันมีแรงจูงใจอื่นอีก”

 

มาร์คมองไปที่แองเจอย่างไม่เชื่อสายตา

 

“เธอทําอะไรน่ะ?”

 

แองเจนั้นกําลังกอดร่างกายของเธอไว้ในขณะที่เธอนั้นก็ได้ เอนหลังไปยังเก้าอี้ที่นั่งของเธอและมองไปที่มาร์คราวกับว่าเธอกําลังมองไปที่ใครสักคนที่จะพยายามกินเธอให้ได้

 

หูของเธอก็ได้ถูกหยิกและดึงอย่างรุนแรงโดยพอลลา

 

“โอ้ยยย! มันเจ็บนะ!”

 

“นี่สําหรับการที่เธอไม่ยอมจริงจัง”

 

“แต่เขามีแรงจูงใจอื่นๆที่ช่วยพวกเราไว้เ”

 

“ใช่ เขามีแรงจูงใจอื่น แต่เขาไม่ได้มีแรงจูงใจอะไร “แบบนั้น?!”

 

พอลลาถอนหายใจให้กับเพื่อนที่ไร้ความคิดของเธอ ในขณะที่แองเจก็มีมีหน้าที่เลื่อนออกไป มันน่าอายที่เธอโดนเพื่อนหยิกหูต่อหน้าคนอื่นๆ

 

“ขอโทษสําหรับแองเจด้วย นายบอกแรงจูงใจของนายได้มั้ย?”

 

“โอเค มันก็ไม่ได้มีอะไรหรอก ฉันแค่ต้องการใครบางคนที่สามารถระวังหลังให้ฉันได้โดยที่ไม่ได้ตบฉันกลับเมื่อฉันหันไป”

 

ทั้งสองคนต่างก็ประหลาดใจ

 

“ถ้านายต้องการคนระวังหลังให้ ทําไมนายถึงเลือกเราล่ะ?”

 

“เพราะคนทั้งหมดที่ฉันเห็นในห้าง มีแค่เธอสองคนที่มีปฏิกิริยาต่อพวกซอมบี้แตกต่างออกไป ก็อย่างที่ฉันบอกว่าฉันเป็นโรคที่รับรู้ได้ถึงอารมณ์และความเจ็บปวดของคนอื่นๆ แต่ฉันไม่เคยรับถึงอารมณ์ที่กลัวต่อพวกฝูงซอมบีมาจากเธอสองคนเลย”

 

เด็กสาวทั้งสองคนก็ได้ไตร่ตรองในขณะที่มาร์คก็พูดต่อไป

 

“พอลลา ในตอนนั้นที่เธอยอมแพ้ไม่ได้เพราะว่าเธอกลัวพวกซอมบี้ แต่เพราะว่าเธอไม่มีความหวังแล้วในสถานการณ์นั้น สําหรับแองเจ เธอนั้นก็ไม่เคยกลัวเลย เธอวิ่งและดึงพอลลาไว้ในตอนนั้น เพราะว่าพวกเธอสองคนนั้นแตกต่างออกไป

 

ในเวลาแบบนั้น มันง่ายมากที่คนเราจะถอยหันหลังให้กับคนอื่นๆแม้กระทั่งคนที่เขารัก รากฐานก็ซึ่งมาจากความกลัว แต่ตรงข้ามกับพวกเธอที่แสดงอนุภาคความกลัวออกมา แต่ไม่ใช่เพราะว่าพวกเธอสองคนนั้นกลัวพวกซอมบี้ แต่พวกเธอกลัวว่าจะเสียคนที่เธอรักและกลัวอันตรายที่พวกซอมบี้จะนําพามาต่างหาก ”

 

เมื่อมาร์คกล่าวจบ แองเจและพอลลาก็ตระหนักขึ้นมาได้ พวกเธอไม่ค่อยได้สังเกตอารมณ์ของพวกเธอกันเท่าไหร่จนกระทั่งเมื่อมาร์คได้พูดออกมา พวกเธอก็เพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่มาร์คพูดนั้นเป็นเรื่องจริง

 

มันแสดงให้เห็นว่าบางครั้งนั้นก็อาจจะมีเวลาที่คนอื่นรู้จักตัวเราดีมากกว่าที่ตัวเราเองด้วยซ้ำ

 

“พอใจหรือยัง? เธอรู้มั้ยส่วนใหญ่ฉันมีสถานการณ์ที่ชอบที่จะอยู่คนเดียวมากกว่า แต่ฉันไม่ใช่พวกงี่เง่า แม้ว่าฉันสามารถจัดการจัดการหลายสิ่งหลายอย่างได้ด้วยตัวฉันเอง แต่ฉันก็ไม่สามารถทําทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ไม่เหมือนคนอื่นๆที่อยู่ข้างล่างนั้นซึ่งเอาแต่ร้องไห้และสั่นไหวให้กับความกลัว ฉันไม่ทรมานสภาพจิตของตัวเองให้เหน็ดเหนื่อยมากเกินไปก็เพราะว่าเธอสองคน”

 

แองเจและพอลลามองหน้ากันและกันพร้อมเผยรอยยิ้มเล็กๆออกมา พวกเธอคิดหาเหตุผลอื่นๆไม่ออกที่จะไปปฏิเสธสิ่งที่มาร์คพูดออกมา มีเวลาที่พวกเธอเศร้าเสียใจบ้างก่อนหน้านี้ แต่คงไม่มีใครที่จะมาคิดคํานึงถึงเรื่องนี้ พวกเธอทั้งสองสามารถปรับตัวและฟื้นความรู้สึกได้ไว อย่างไรก็ตามทั้งหมดนั้นก็เป็นเพราะความเอาใจใส่ของมาร์คด้วย

 

จากนั้นเด็กสาวทั้งสองก็พยักหน้าให้กันและหันไปหามาร์ค

 

“เมื่อนายเชื่อพวกเราให้ระวังหลังให้นาย พวกเราสัญญาว่าจะไม่ทําให้นายผิดหวัง”

 

พอลลากล่าวออกมาและแองเจก็ได้แสดงสีหน้าท่าทางอันแน่วแน่ของเธอออกมา

 

“โอเค ขอบคุณมาก งั้นที่นี้ฉันถามคําถามพวกเธอได้หรือยัง?”

 

มาร์คยิ้มออกมาแต่รอยยิ้มของเขานั้นดูสดชื่นแตกต่างจากรอยยิ้มที่ขุ่นมั่วและขมขึ้นตามปกติของเขา

 

“ได้สิ นายตอบคําถามของฉันทุกข้อ ดังนั้นนายก็ถามมาได้เลย”

 

“อืมมมม… คําถามของฉันนั้นเกี่ยวกับที่มาของเธอทั้งสองคนเพราะว่าพวกเธอสองคนก็ดูไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน อีกอย่างก็คือความสามารถพิเศษของเธอน่ะ พอลลา”

 

“ไม่มีอย่างอื่นแล้วหรอ?”

 

“ไม่มีแล้ว แค่อยากรู้ที่มาของเธอก็พอแล้วสําหรับฉันเพื่อเป็นการประเมินพวกเธอน่ะ”

 

“โอเค พวกเราจะบอกเกี่ยวกับครอบครัวของพวกเราก่อน”

 

พอลลากําลังจะเริ่มแต่มาร์คหันหน้าไปทางฝั่งตะวันตกของห้าง

มาร์คถอนหายใจ

 

“บอกฉันทีหลังละกัน พวกคนข้างล่างต้องการเราน่ะ”

 

เด็กสาวทั้งสามคนก็ต่างตกใจ

 

“มีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรอ?”

 

แองเจถามด้วยความกังวล

 

“ฉันอ่านใจคนไม่ได้ เธอจําได้มั้ย?”

 

“ฉันรู้! แต่อย่างน้อยในตอนนี้นายก็เดาได้นิ?”

 

มาร์คยืนขึ้นและเตรียมตัวจะกลับไปยังบริเวณนั้น พวกเขาก็ได้เตรียมอุปกรณ์ข้างของของพวกเราและจากไปด้วยกัน

 

“นายมีความคิดที่จะทําอะไรมั้ย?”

 

พอลลาถามมาร์คในขณะที่เดินไปด้วย

 

“ไม่เท่าไหร่ เกี่ยวกับที่ฉันบอกเธอก่อนหน้านี้นะ ลุงเบอนาร์ดดูเหมือนสับสนและวิตกกังวลอยู่ในตอนนี้ แคลวินก็เช่นและรวมถึงพวกเหล่าพนักงานด้วย อีกคนหนึ่งคือเรห์ยา มันน่าจะเกี่ยวกับลูกสาวของเธอตั้งแต่เธอดูไม่ค่อยได้พักผ่อนเท่าไหร่แล้ว”

 

สีหน้าของเด็กสาวทั้งสามคนก็แปรเปลี่ยนไป แปลว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับซาริยางั้นหรอ?

 

มาร์คหลับตาลงสักครู่หนึ่งเพื่อตั้งสมาธิและพูดออกมาหลังจากที่เขาลืมตา

 

“ซาริยาดูเหมือนจะ…เจ็บป่วย?”

 

“ทําไมนายถึงไม่แน่ใจล่ะ?”

 

“สําหรับฉันมันยากกว่านะที่จะอ่านและตรวจสอบอารมณ์ของเด็ก ฉันไม่รู้ว่าทําไมแต่อาจจะเป็นเพราะอารมณ์ของพวกเด็กๆนั้นเบาบางมากกว่าผู้ใหญ่ เอาเถอะ รีบไปกันดีกว่า”

 

มาร์คและเด็กสาวอีกสามก็ได้ไปตามทางที่มุ่งสู่ฝั่งตะวันตกของห้าง สําหรับมาร์ค เขาอาจจะไม่ได้สนใจเท่าไหร่กับคนอื่นๆ แต่กับเด็กเล็กๆนั้นเขาต่างออกไป

 

พวกเขาเพิ่งเข้ามาถึงประตูทางออกฉุกเฉินหลังจากที่ลงบันได้ปืนมา และพวกเขาก็กระโดดเข้าหาเบอนาร์ดผู้ซึ่งกําลังจะออกไป สีหน้าท่าทางกังวลก็ปรากฏขึ้นแก่ใบหน้าของลุงแก่คนนี้พร้อมกับท่าทางที่สับสน

 

“ลุงเบอนาร์ด เกิดอะไรขึ้น?”

 

พอลลาถามและเบอนาร์ดก็ได้หันไปหามาร์คโดยทันที

 

“ฉันตามหานาย มาร์ค พวกเราได้จับพวกซอมบี้นักกัดกับพวกนักระหายไว้ในห้องแล้ว แต่มีปัญหากับซอมบี้ร่างยักษ์”

 

มาร์คก็ประหลาดใจ

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

“ฉันว่านายไปดูดีกว่า”

 

เบอนาร์ดนําทางไปยังทางเดินของฝั่งใต้

 

พวกเขามาถึงสิ่งกีดขวางที่มาร์คสร้างไว้ก่อนหน้านั้น แต่ตอนนี้สิ่งกีดขวางนั้นก็ดูสร้างเติมขึ้นมาใหม่และดูแข็งแรงกว่าเดิม อย่างไรก็ตามสิ่งกีดขวางนั้นก็ไม่ได้เข้าสายตาพวกเขา ในขณะที่พวกเขานั้นจับจ้องที่ภาพที่อยู่เหนือสิ่งกีดขวางพวกนั้นมากกว่า

 

แคลวิน โจเซฟ และเฟอร์นานก็ได้อยู่ตรงนั้นท่ามกลางพวกเหล่าพนักงานที่ซึ่งกําลังมองดูและป้องกันเฝ้าสถานที่เอาไว้อย่างไรก็ตามโจเซฟนั้นดูมีสปิริตน้อยกว่าและไม่กล้าแม้แต่จะมองมาที่มาร์ค

 

มาร์คมองข้ามไปยังสิ่งที่อยู่เหนือสิ่งกีดขวางและเห็นว่ามีซอมบี้ร่างยักษ์น่ารังเกียจและดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม

 

ซอมบี้ร่างยักษ์นี้ร่างกายของมันใหญ่ขึ้นกว่าเดิมหนึ่งเท่าและบางส่วนของร่างกายมันก็เต็มไปด้วยไขมันที่เด้งไปเด้งมาแผลพุพองขนาดใหญ่ปรากฏตามส่วนของร่างกายมัน นอกจากนี้ยังมีควันจางๆถูกปล่อยออกมารอบๆตามร่างกายมัน

 

เมื่อค่อยๆสูดอากาศก็ได้กลิ่นเหม็นน่าอาเจียน มาร์คนั้นกังวลในตอนแรกว่ามันจะอันตราย แต่เมื่อมองไปที่คนอื่นๆที่นี่แล้ว คงจะไม่เป็นไร จากนั้นมาร์คก็ตระหนักขึ้นมาได้

 

มาร์ครู้แล้วว่ากลิ่นอะไร

 

“นี่คือกลิ่นอะไรน่ะ?”

 

ดูเหมือนว่าพวกเด็กสาวนั้นคงสังเกตุได้รับกลิ่นแล้ว

 

มาร์คมองไปยังเหล่าผู้ชายและพูดด้วยท่าทางจริงจัง

 

“อย่าพยายามจุดอะไรก็ตามที่เป็นวัตถุไวไฟ”

 

“นายก็รู้ว่าคือกลิ่นอะไรหรอ? อย่ากังวล ฉันได้บอกพวกเขาไปแล้ว อีกอย่างฉันก็ไม่ปล่อยใครเข้ามาใกล้เพราะกลิ่นเหม็นมันรุนแรงขึ้นเมื่อได้เข้าไปไกลซอมบี้ร่างยักษ์ตัวนั้น”

 

แคลวินพูดออกมาและมาร์คก็พยักหน้าให้เขา

 

“พี่คะ นั่นมันกลิ่นอะไรคะ? มันเหมือนไข่เน่าเลย”

 

เหมยที่ซ่อนตัวอยู่ข้างๆมาร์คจากผู้ชายรอบๆนั้นก็ได้ถามอ อกมา

 

“มันน่าจะเป็นแก๊สมีเทนสินะ ใช่มั้ย?”

 

พอลลาพูดออกมาพร้อมบีบจมูกของเธอไปด้วย มาร์คพยักหน้าเพื่อเป็นการยืนยัน

 

“ดูเหมือนว่าเราจะปล่อยซอมบี้ร่างยักษ์ไว้แบบนี้ไม่ได้แล้วล่ะ?

 

มาร์คพูดออกมาพร้อมเตรียมจับหน้าไม้ของเขา คนรอบๆก็ได้เห็นหน้าไม้ของเขาและต่างก็มีสีหน้าท่าทางที่อึ้งทั้งด้วยท่าทีและอาวุธที่ดูเท่ของเขา

 

“ทุกคน กลับเข้าไป พวกเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากฆ่าไอหมูตัวนี้แล้ว พวกเราต้องระวังไว้ก่อน”

 

ทุกๆคนนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรเขาและเริ่มถอยกลับห่างออกจากสิ่งกีดกั้น มาร์คและเด็กสาวทั้งสามคนก็เช่นกัน

 

มาร์คพุ่งเป้าหน้าไม้ของเขาห่างออกไปและคํานวนองษาก่อนที่จะยิง

 

เขาพุ่งเป้าไปยังศรีษะของมันและเริ่มเหนี่ยวไกลพร้อมกับปลดสลักหน้าไม้ออก

 

แล้วเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด การเคลื่อนไหวของมันทําให้ลูกศรหน้าไม้แทนที่จะพุ่งไปที่หัวของมันกลับทิ่มแทงไปที่หลังของมันแทน จากนั้น

 

บูมมมมม!! แบละะะ!

 

เสียงดังสนั่นลั่นซึ่งเหมือนเสียงบอลลูนระเบิดก้องดังออกมาตามทางเดิน เมื่อเลือด เนื้อหนัง อวัยวะภายในที่ได้ระเบิดออกมาด้วย

 

โชคดีเหลือเกิน พวกเขาและคนอื่นๆได้ถอยออกมาแล้ว พวกเขาคงจะต้องไปชําระล้างสิ่งน่ารังเกียจพวกนี้ออกไป ชิ้นส่วนอวัยวะที่มาจากซอมบี้ร่างอ้วนนี้ก็กระเด็นข้ามมายังสิ่งกีดขวางซึ่งอยู่ห่างจากร่างของมันประมาณเจ็ดเมตร

 

มาร์คจ้องไปตามทางเดิน เขาคาดไว้แล้วว่าซอมบี้ตัวนี้ร่างจะระเบิดออก แต่ไม่ได้คิดว่ามันจะรุนแรงขนาดนี้ เลือดระเบิดออกมาเป็นรัศมีขนาดใหญ่พร้อมกับอวัยวะและชิ้นเนื้อต่างๆ มาร์คแน่ใจอย่างมากว่าเสียงที่เกิดจากร่างกายที่ระเบิดของมันอาจจะดึงดูดซอมบี้ตัวอื่นๆเข้ามายังในบริเวณนี้อย่างแน่นอน

 

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

เรื่องย่อ เป็นเช้าอีกวันที่คล้ายจะปกติธรรมดาเหมือนในทุกๆวัน แต่ใครจะรู้ล่ะ วันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ จุดกำเนิดเริ่มต้นของหายนะนั้นไม่ได้ถูกกำหนดเอาไว้ แต่หารู้ไม่ เชื้อหายนะนั้นเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เกิดจักรวาลแห่งนี้ แต่นั่นก็แค่เกิดขึ้นบริเวณนอกบรรยากาศของโลกเพียงเท่านั้นเอง ผู้คนและสัตว์ต่างๆกลับฆ่าฟันและกินกันเอง จากนั้นค่อยๆกลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาดที่ใครๆต่างก็รู้จักชื่อนี้ดี ‘ซอมบี้’ ในขณะที่บางคนนั้นโชคดีได้รับพลังและทักษะความสามารถที่จะต่อสู้กับมัน ทุกๆชีวิตในตอนนี้ที่ไม่ได้ ‘กลายร่าง’ ก็เริ่มพัฒนาหาวิธีทำลายล้างและหยุดเรื่องราวทั้งหมดนี้ในขณะที่โลกทั้งใบนี้กำลังติดเชื้อโดยสารก่อการกลายพันธุ์บางอย่าง มาร์ค ชายผู้เป็นโอตาคุ เกมเมอร์ และไม่ชอบออกไปสู่โลกภายนอก กลับติดแหงกอยู่ใจกลางแห่งความหายนะซึ่งดูเหนือธรรมชาติ การใช้ความคิด ความรู้ และความสามารถที่ไม่เหมือนใครและไม่เป็นไปตามแบบแผนของสังคมของเขานั้น จะทำให้เขามีชีวิตรอดไปอีกนานแค่ไหนกับหายนะที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดซอมบี้ การเปลี่ยนแปลงต่างๆ และผู้คนชั่วร้ายสารเลวในฐานะผู้ที่ยังรอดชีวิตอยู่ในประเทศบ้านเมืองที่มีประชากรล้นเหลือแบบนี้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset