มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) – ตอนที่ 81 : เปลี่ยนแผน

ตอนที่ 81 : เปลี่ยนแผน

วันที่ 3 – เวลา 08:50 นาฬิกา – ดาดฟ้าศาลากลางเมืองบาควร์, Molino Boulevard, Bayanan, Bacoor City, Cavite

หลังจากที่รับรู้และยืนยันความสามารถของซอมบี้นักกัดกลายพันธุ์จากการกรีดร้องของมันและคิดแผนล่อให้ผู้ติดเชื้อออกไปจากศูนย์บัญชาการตำรวจมาร์คพร้อมที่จะกลับเข้าไปข้างในและเตรียมตัวสําหรับแผนการแล้ว แต่อย่างไรก็ตามยังมีสิ่งเคลื่อนไหวที่ทําให้เขาสะดุดตา ราวกับเสียงกรีดร้องนั้นไม่ได้แค่ดึงดูดพวกผู้ติดเชื้อ

เมื่อมองไปที่หน้าต่างชั้นสองของศูนย์อนามัย มาร์คเห็นภาพเงาสีขาวที่อยู่ด้านหลังหน้าต่างเขาปิดตาทั้งสองข้างลงและเพ่งสมาธิไปยังพื้นที่ตรงนั้นโดยใช้ความสามารถในการรับรู้ความรู้สึกและอารมณ์ของคนอื่นๆ เขาไม่สามารถใช้ความสามารถนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพได้และพื้นที่นั้นกว้างหลายเมตรแต่ระยะทางของเขาที่อยู่ห่าง จากศูนย์อนามัยของเมืองนั้นใหญ่กว่าพื้นที่ที่เขาใช้ตรวจจับ

จากพื้นทที่ตรวจจับของเขาในที่สุดก็เข้าถึงได้ยังอาคารนั้นเขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกกลัวมาจากเงาที่อยู่ที่ชั้นสองมาร์คยืนยันได้ทันทีคนเหล่านั้นคือผู้รอดชีวิตยังมีผู้รอดชีวิตอีกหลายคนที่ติดอยู่ในศูนย์อนามัย

มาร์คก็ได้ปล่อยความสามารถของเขากลับเข้ามาเป็นปกติ ในเมื่อได้ใช้ความสามารถไปกับระยะทางที่กว้างเป็นเวลานานทําให้เขาหมดพลังไปไม่มากก็น้อยอย่างไรก็ตามเขานั้นตัวแข็งที่อเขาไม่สามารถควบคุมสภาพพื้นที่ตรวจสอบของเขาได้ดังนั้นเขาจึงได้เพียงแค่ขยายพื้นที่ออกไปเพื่อเข้าถึงศูนย์อนามัยศูนย์บัยชาการตํารวจก็ถูกเข้าถึงโดยการตรวจสอบของเขาเช่นกัน

มาร์คมองไปที่ศูนย์บัญชาการที่แห่งนั้นก็ยังมีคนอยู่ข้างใน แต่อย่างไรก็ตามหลายคนในนั้นก็มีเจตนาฆ่าแอบแฝงอยู่และเขารับรู้ได้ถึงสัญญานอันตรายคนเหล่านี้ไม่น่าใช่พนักงานตํารวจเมื่อมองไปที่ผู้ติดเชื่อที่อยู่ด้านล่างเขาก็สามารถเห็นพวกมันบางคนสวมเครื่องแต่งกายชุดตำรวจแต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่เคยเห็นใครที่สวมเครื่องแต่งกายสีส้มหรือสีเหลืองสถานีตํารวจน่าจะไม่ควรขาดคนพวกนั้น
มาร์คก่าลังนึกถึงพวกนักโทษ

เขาไม่ได้เห็นคนพวกนั้นอยู่ด้านล่างแม้แต่คนเดียว นั่นหมายความว่าผู้คนข้างในศูนย์บัญชาการที่ทําให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยนั้นคือพวกเหล่านักโทษ

“เปลี่ยนแผนอีกครั้งปัญหาเยอะจริงๆเลยนะ”

ไม่ว่าเขาจะชอบมันหรือไม่ ดูเหมือนว่าเขานั้นจําเป็นต้องพาคนไปกับเขาสักคน

มาร์คนับจํานวนคนที่เขาตรวจสอบได้ มีอยู่จํานวนแปดคนข้างในศูนย์อนามัยและยี่สิบสามคนข้างในสถานีตํารวจ

มาร์คนับจํานวนคนที่เขาตรวจสอบได้ มีอยู่จํานวนแปดคนข้างในศูนย์อนามัยและยี่สิบสามคนข้างในสถานีตํารวจ

ถ้าไม่ใช่เพราะอาวุธเครื่องมือที่อยู่ในสถานีตํารวจเขาจะไม่ลงไปจัดการกับสถานการณ์ปัญหาแบบนี้แต่อย่างไรเขาก็ขาดเครื่องมืออุปกรณ์เหล่านั้นจริงๆสถานีตํารวจน่าจะมีเสื้อเกราะเคฟลาร์กันกระสุนโล่กันกระสุนหมวกกันกระสุนเขาต้องการของพวกนั้นมากกว่าอาวุธเสียอีก

แต่เขากลัวพวกคนเหล่านั้นงั้นหรอ?ไม่เลยด้วยความสามารถของเขาแล้วเขาก็สามารถซุ่มโจมตีพวกนั้นได้โดยที่ไม่ให้พวกเขารู้ตัว อะไรคือความหายนะของพวกอาชญากรกันล่ะ?แน่นอนมันคือตำรวจแค่ได้เห็นคนในเครื่องแบบตํารวจก็เพียงพอแล้วที่จะทําให้อาชญากรรู้สึกว่าเป็นที่ขนลุกและหวาดกลัวแม้ว่าคนตรงหน้าจะไม่ ได้เป็นพนักงานต่ารวจจริงๆด้วยซ้ํา

“เกล ไปกันเถอะ

มาร์คเรียกเด็กสาวตัวน้อยที่กําลังนั่งอยู่ที่ขอบดาดฟ้าในขณะที่มองดูพวกเหล่าผู้ติดเชื้อที่อยู่ด้านล่างเธอยืนขึ้นและมองไปที่ผลไม้ที่อยู่เหนือศรีษะของเธอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะหันไปหาปะป๋าของเธอ

คู่พ่อลูกนั้นกลับไปยังบริเวณพื้นที่แผนกต้อนรับที่ชั้นสี่ของศาลากลางเมื่อพวกเขาเข้าไปมาร์คเห็นชาเมนพูดคุยอยู่กับพยาบาลอย่างมีความสุขดูเหมือนว่าเธอนั้นได้มีแรงกายกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วเธอควรที่จะเคลื่อนไหวได้แล้ว

“พี่คะ! เป็นอย่างไรบ้าง?”

ชาเมนเรียกออกไปหลังจากที่เธอเห็นมาร์คและแอ็บบเกล

“พื้นที่บริเวณข้าวนอกยังคงอันตรายอยู่แต่พวกเราจะสามารถไปตอนไหนก็ได้หากเธอพร้อม
เมื่อได้ยินค่าตอบของมาร์คชาเมนมีความรู้สึกทั้งเศร้าและมีความสุขเธอรู้สึกมีความสุขเพราะว่าเธอนั้นจะได้ออกไปจากที่แห่งนี้เสียทีและรู้สึกเศร้าเพราะเธอไม่สามารถทําอะไรเพื่อช่วยเหลือคนที่อยู่ที่นี่ได้

“อืออ… นายจะทิ้งพวกเราไว้ที่นี่จริงๆสินะ?”

พยาบาลที่นั่งอยู่ข้างๆชาเมนได้ลังเลก่อนที่จะถามคําถามนั้นกับมาร์คออกไปในสองวันที่ผ่านมาพยาบาลคนนี้และชาเมนได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันในเมื่อพวกเขาทั้งสองคนนั้นน่าจะอายุเท่าๆกัน และพยายาบาลคนนี้ก็ยังได้ดูแลรักษาสภาพอาการของชาเมน แม้ว่าเธอจะดีใจที่พี่ชายของชาเมนมาเพื่อรับเพื่อนใหม่ของเธอที่นี่ แต่เธอก็ยังภาวนาให้พวกเขาทั้งหมดนั้นปลอดภัย

“บอกฉันสิ ฉันจะได้อะไรถ้าฉันช่วยพวกเธอไว้ทั้งหมด?”

มาร์คตอบไปอย่างเย็นชาและถามกลับไปซึ่งทําให้พยาบาลนั้นถึงกับหลบสายตากลมมองลงพื้น

เขาพูดถูก ไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะช่วยคนพวกนั้น นอกจากที่พวกเขาจะกลายเป็นภาระสําหรับมาร์ค

“พี่คะ อย่างน้อยเราก็พาเธอไปด้วยได้มั้ย?”

ชาเมนขอร้อง

“พวกเราก็จะไปตามพี่สาวและคนอื่นๆอีกใช่มั้น? ถ้าหากว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บล่ะ?พวกเราก็ต้องการใครบางคนที่รักษาพวกเขาได้ ถูกมั้ย?”

เหตุผลของชาเมนนั้นก็ตรงประเด็น ถ้าหากพวกเขาสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้แล้วการรักษาจากคนที่เชี่ยวชาญนั้นก็แตกต่างออกไปอีก

มาร์คพยักหน้าให้กับข้อเสนอของชาเมนในเมื่อเธอพูดมีเหตุผล แต่ถึงกระนั้น…

“ถ้าเธออยากพาเธอไปด้วย เราพาไปด้วยแต่คําถามคือ…คนพวกนั้นไม่ต้องการเธองั้นหรอ?”

มาร์คชี้ไปที่ห้องที่อยู่ข้างหลังเขา

ข้างในห้องนั้นมีผู้รอดชีวิตที่ได้รับบาดเจ็บกันอยู่กลายคน มาร์คสังเกตุเห็นตอนที่เขามาถึงที่นี่และนั่นคือเหตุผลที่ทําไมมาร์คถึงไม่เห็นพยาบาลคนนี้ก่อนตอนที่เขาได้บังคับโดรนตรวจสอบพื้นที่อยู่ข้างนอกหน้าต่าง

พยายาลนั้นได้ทราบซึ้งใจกับสิ่งที่ชาเมนแนะนําแต่เธอก็ลังเลเมื่อมาร์คได้พูดในส่วนของเขาตอนนี้เธอนั้นไม่รู้จริงๆว่าควรทําอะไรต่อไป

ในทางตรงกันข้าม มาร์คก็ได้พยักหน้าให้ในความลังเลของเธอ หากเธอพร้อมที่จะละทิ้งเพิกเฉยผู้บาดเจ็บที่เขาเพิ่งชี้ให้เห็น เธอก็ไม่มีค่ากับเวลาของเขาเลย

“ก็ได้ เธอสามารถมากับเราได้”

มาร์คทําให้พยาบาลนั้นงุนงง ชาเมนนั้นรู้สึกดีใจมาก

“แต่จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา?”

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นฉันจะจัดการหาคนที่แทนเทอขึ้นมาเอง”

ทั้งชาเมนและพยาบาลก็ต่างสับสนกับสิ่งที่มาร์คกล่าว เขาต้องการได้คนที่จะมาแทนเธองั้นหรอ?เขาจะไปหามาจากไหนกัน?

พวกเธอต้องการที่จะถามแต่บทสนทนาก็ถูกตัดออกไปก่อนดูเหมือนว่าสส.หญิงนั้นได้แจ้งเรื่องการกลับมาของมาร์คและออกไปพบกับเขา

เมื่อคุณนายเลนเข้าไปหามาร์คนั้น เธอก็ได้ยิ้มออกมา

“นายกลับมาแล้วหรอ? เธอจะไปศูนย์บัญชาการตํารวจตอนนี้เลยมั้ย?ฉันรู้ว่านายบอกว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆแต่ฉันคิดว่านายน่าจะให้คนของฉันไปกับนานย
นะ”

มาร์คมองไปที่เธอและตอบออกไป

“จริงๆแล้วแผนของฉันเปลี่ยนไปแล้วล่ะ ฉันต้องการนายต่ารวจสักคนที่คุณมีไปกับฉันหน่อย”

เมื่อสส.หญิงได้ยินคําตอบเธอก็รู้สึกดีใจ อย่างน้อยยังเหลือพื้นที่ไว้ให้ร่วมมือกันโอกาสที่จะทําให้เขานั้นช่วยพวกเขานั้นก็เพิ่มสูงขึ้นแต่อย่างไรก็ตามเธอนั้นกลับรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติไปสําหรับมาร์คนั้นที่อยู่ๆก็ได้เปลี่ยนใจ

“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ?”

เธอถามด้วยน้ําเสียงห่วงใยและมาร์คก็พยักหน้าให้กับคําถามของเธอ

“ดูเหมือนว่าพวกนักโทษในสถานีตํารวจได้หนีออกมาคนพวกนั้นครอบครองยึดพื้นที่ชั้นบนของสถานีพวกมันมีกันอยู่ยี่สิบสามคน”

หัวหน้าตํารวจมัลลาริซึ่งยืนอยู่ข้างหลังสส.หญิงก็ได้ตกใจอ้าปากค้าง

“พวกเลวนั่นหนีออกมางั้นหรอ? ได้ยังไงกัน?”

มาร์คตอบกลับไปถึงความกังวลของเขา

“ฉันก็ไม่รู้เรื่องนั้นเหมือนกัน อย่ามาถามฉัน”

มาร์คตอบหัวหน้าและหันกลับไปหาคุณนายเลน

“แล้วอีกอย่างฉันก็พบว่ามีผู้รอดชีวิตอยู่ข้างในชั้นสองของศูนย์อนามัยพวกเขามีกันอยู่แปดคนพวกเขาน่าจะเป็นหมอ พยาบาลและคนไข้ถ้าฉันคิดถูกนะ”

สส.หญิงก็ได้ประหลาดใจ ไม่ใช่เพราะว่าการที่มาร์คพบผู้รอดชีวิตอยู่ในอาคารแต่เป็นเพราะว่าชายคนนี้นั้นระบุจํานวนผู้รอดชีวิตมาได้อย่างละเอียดชัดเจน

“นายแน่ใจนะ? แล้วอีกอย่างนายรู้จํานวนผู้รอดชีวิตได้ยังไง? จานวนคนพวกนั้นแม่นย่าแล้วหรอ?”

“อย่าสงสัยฉันเรื่องนี้ จํานวนที่ฉันบอกไปนั้นแม่นย่าแล้ว แค่อย่าถามว่าฉันรู้ได้ยังไง”

มาร์คจ้องเขม็งไปที่สส.หญิง สายตานั้นไม่ได้มีเจตนาร้ายแอบแฝงแต่เป็นเพียงเพื่อการเตือนเธอเขานั้นรู้ตัวว่าเขาได้ทําอะไรอยู่

คุณนายเลนีมองไปที่เขาและพยักหน้า

“นายต้องการคนกี่คน?”

“แค่สามหรือสี่คนก็เพียงพอแล้ว ฉันไม่ได้ต้องการให้พวกเขาทําอะไรมากมายแค่ต้องการให้พวกเขาไปขู่ขวัญก็พอแล้ว”

“นายหมายความว่าอย่างไร?”

สําหรับคําถามของสส.หญิงนั้นหัวหน้ามัลลาริก็เป็นคนตอบคําถามให้เธอ

“คุณนายครับ เขาน่าจะใช้เราเพื่อสร้างการปราบปามทางจิตใจ หากอาชญากรเหล่านั้นเห็นว่ามีต่ารวจเข้ามาใกล้แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เกรงกลัวแต่พวกเขาก็ยังคงสามารถตื่นตระหนกอยู่ภายในจิตใจซึ่งมันส่งผลต่อการเคลื่อนไหวและความคิดของพวกเขา”

สส.หญิงก็ได้รู้แจ้งถึงสิ่งที่เขาอธิบาย

“ดูเหมือนว่านายรู้หน้าที่ของนายแล้วน”

มาร์คกล่าว

“โปรดอย่ามาดูถูกฉัน ใช่ว่าฉันจะไม่ได้อะไรจากการรับอาชีพตําแหน่งนี้พวกเรานั้นก็ยังได้ใช้วิธีการนี้ในการปฏิบัติงาน

“แล้วผู้รอดชีวิตในศูนย์อนามัยล่ะ?”

คุณนายเลนี่ได้ถามมาร์ค เธอนั้นยังคงมีหวังว่าพวกเขานั้นจะสามารถช่วยผู้รอดชีวิตเหล่านั้นได้แต่คีย์หลักสาคัญในสถานการณ์นี้ก็คือมาร์คเธอไม่รู้ว่าทําไมแต่สัญชาติญาณของเธอนั้นที่ได้มาจากการดํารงตําแหน่งมาสี่ปีก็ได้บอกเธอว่าชายคนนี้นั้นไม่ใช่คนธรรมดาปกติทั่วไป

“จริงๆแล้ว ฉันต้องการยาให้น้องสาวของฉัน ถ้าพวกเขาเอายามาให้ฉันได้ฉันจะยอมช่วยพวกเขาออกมา”

“นั่นพูดจริงหรอ?”

สีหน้าของคุณนายเลนี่ก็สว่างไสว พวกเขานั้นกําลังต้องการบุคลากรทางการแพทย์มากในตอนนี้คนเดียวที่พวกเขามีอยู่ก็คือพยาบาลหญิงคนนี้คนเดียวที่สามารถรักษาพวกเขาได้ในระหว่างที่พวกเขาหนีไปที่ชั้นนี้และนอกจากนั้นก็ไม่มีใครทําได้แล้ว

“เอาล่ะ เรื่องนี้ไว้จัดการที่หลัง พวกเราต้องการอาวุธในสถานีตํารวจสะก่อนอย่าคาดหวังว่าฉันจะปกป้องช่วยเหลือผู้รอดชีวิตเหล่านั้นด้วยตัวคนเดียวล่ะคนของเธอก็ต้องช่วยด้วยเหมือนกัน”

“ถ้าอย่างนั้น พวกเราจะสร้างแผนจัดการกับพวกนักโทษในสถานีตํารวจกันเลยมั้ย?”

“ไม่จําเป็นหรอก อย่างที่ฉันบอกไปก่อนหน้านี้ ฉันแค่ต้องการให้พวกเขาเล่นการแสดงสักหน่อยสําหรับการต่อสู้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน ฉันจําเป็นต้องฝึกซ้อมกับของสิ่งนี้สักหน่อยนายเห็นมั้ยล่ะ”

มาร์คชี้ไปที่ปืนไรเฟิล เขาไม่แม้กระทั้งที่จะซ่อนความกระหายเลือดเอาไว้

ในขณะที่คนส่วนใหญ่นั้นไม่รู้สึกอะไร บอดี้การ์ดรุ่นเก๋และตํารวจก็ตัวสั่นชายคนนี้นั้นอยากฆ่าคน!

หลังจากนี้นายก็จะไปพร้อมกับน้องสาวของนายใช่มั้ย?

คุณนายเลนจู่ๆก็ได้ถามออกมา

“ใช่”

“มีวิธีใดบ้างที่คุณจะยอมในการพาเราออกไปด้วย หลังจากรับอาวุธแล้วเราจะไม่เป็นภาระของคุณใช่มั้ย”

“พยาบาลคนนี้เพิ่งถามฉันด้วยคําถามเดียวกันก่อนที่คุณจะมาถามคุณรู้ไหม? ยิ่งไปกว่านั้นพวกคนของคุณจะไปไหนล่ะ? ฉันไม่คิดว่าพวกคุณจะไปสามารถไปศูนย์อพยพที่ไหนได้ศูนย์อพยพที่ใกล้ที่สุดน่าจะอยู่เมืองเบย์”มาร์คกล่าว

“ไม่พวกเราจะไม่ไปที่เมืองเบย์ พวกเราได้ติดต่อผ่านทางวิทยุกับสถานีตํารวจอีกที่หนึ่งไว้แล้วพวกเขาจัดการเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับหน่วยงานส่วนตัวพร้อมกับผู้รอดชีวิตจํานวนหนึ่ง สถานที่นั้นน่าจะอยู่ใกล้และดีกว่าอาคารที่กําลังจะพังทลายนี้”

เมื่อได้ยินแบบนั้น มาร์คก็เริ่มสนใจ จริงๆแล้วตํารวจท้องถิ่นได้จัดพื้นที่รักษาความปลอดภัยอีกแผนกหนึ่งไว้แล้วงั้นหรอ?เขานั้นรู้สึกแปลกใจไม่ใช่ว่าเขาก่าลังเยาะเย้ยกองกําลังตารวจในประเทศของเขาแต่ด้วยสิ่งที่เขาเห็นและประสบการณ์ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเรื่องแบบนั้นคงไม่ง่ายเว้นแต่ ..

มาร์คมองไปที่แอ็บบีเกล

“บอกมาสิว่าสถานที่แผนกของตํารวจอีกที่หนึ่งนั้นมีใครบางคนโดนกัดและไม่กลายร่างงั้นหรอ?และแถมยังได้พลังความสามารถพิเศษอีกด้วยใช่มั้ย?”

หัวหน้ามัลลาริและคุณนายเลนี้ต่างก็ตกใจ

“นายรู้ได้อย่างไร?”

เมื่อมาร์คเห็นใบหน้าที่ตกใจของพวกเขา มันก็ทําให้เขาตาสว่าง คนพวกนี้ที่เหลือนั้นไม่ได้รู้เรื่องนักกลายพันธุ์และสิ่งต่างๆที่เกี่ยวกับการกลายพันธุ์ใช่เลยพวกเขาขาดการติดต่อกับกองทัพทหาร แต่อย่างไรมาร์คก็ไม่มีความคิดที่จะบอกพวกเขาที่เหลือให้รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ มันจะมีปัญหาที่ต้องอธิบายแน่ๆ

“อย่าถามว่าฉันรู้ได้ยังไงสถานที่ที่เธอพูดถึงมันอยู่ที่ไหนกัน?”
คุณนายเลนี่มีความสงสัยเคลือบแคลงใจแต่เธอก็ไม่เก็บประเด็นนั้นมาต่อเถียงเธอตอบออกไป

“ไฟเลนซ์

เมื่อได้ยินชื่ออีกหน่วยงานแห่งหนึ่ง มาร์คก็แทบจะหายใจไม่ออก แม้กระทั่งชาเมนที่กําลังนั่งอยู่ก็เกือบลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ

จุดหมายต่อไปของมาร์คหลังได้จากออกจากสถานที่แห่งนี้ก็คือบ้านเกิดของชาเมนเหตุผลที่จะไปนั้นก็คือเพื่อไปรับพี่สาวของชาเมน และไฟเลนซ์มันเป็นหน่วยงานส่วนตัวอีกแห่งหนึ่งที่ด้านหน้าของหน่วยงานนั้นเป็นที่ตั้งของบ้านของชาเมน

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

Status: Ongoing
เรื่องย่อ เป็นเช้าอีกวันที่คล้ายจะปกติธรรมดาเหมือนในทุกๆวัน แต่ใครจะรู้ล่ะ วันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ จุดกำเนิดเริ่มต้นของหายนะนั้นไม่ได้ถูกกำหนดเอาไว้ แต่หารู้ไม่ เชื้อหายนะนั้นเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เกิดจักรวาลแห่งนี้ แต่นั่นก็แค่เกิดขึ้นบริเวณนอกบรรยากาศของโลกเพียงเท่านั้นเอง ผู้คนและสัตว์ต่างๆกลับฆ่าฟันและกินกันเอง จากนั้นค่อยๆกลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาดที่ใครๆต่างก็รู้จักชื่อนี้ดี ‘ซอมบี้’ ในขณะที่บางคนนั้นโชคดีได้รับพลังและทักษะความสามารถที่จะต่อสู้กับมัน ทุกๆชีวิตในตอนนี้ที่ไม่ได้ ‘กลายร่าง’ ก็เริ่มพัฒนาหาวิธีทำลายล้างและหยุดเรื่องราวทั้งหมดนี้ในขณะที่โลกทั้งใบนี้กำลังติดเชื้อโดยสารก่อการกลายพันธุ์บางอย่าง มาร์ค ชายผู้เป็นโอตาคุ เกมเมอร์ และไม่ชอบออกไปสู่โลกภายนอก กลับติดแหงกอยู่ใจกลางแห่งความหายนะซึ่งดูเหนือธรรมชาติ การใช้ความคิด ความรู้ และความสามารถที่ไม่เหมือนใครและไม่เป็นไปตามแบบแผนของสังคมของเขานั้น จะทำให้เขามีชีวิตรอดไปอีกนานแค่ไหนกับหายนะที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดซอมบี้ การเปลี่ยนแปลงต่างๆ และผู้คนชั่วร้ายสารเลวในฐานะผู้ที่ยังรอดชีวิตอยู่ในประเทศบ้านเมืองที่มีประชากรล้นเหลือแบบนี้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset