มู่หนานจือ – บทที่ 39 ใหม่

เจียงเซี่ยนระเบิดอารมณ์ออกไปรอบหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเตะหลี่เชียนไปสองทีแล้ว นางก็อารมณ์ดีขึ้นมาก และถึงพบว่าผู้หญิงคนที่มาตอบหลี่เชียนนั้นไม่รู้ว่าหายไปจากในห้องตั้งแต่ตอนไหนแล้ว

หลี่เชียนเชี่ยวชาญเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้คนที่อยู่ด้วยสบายใจเสมอ

เจียงเซี่ยนพึมพำอยู่ในใจ แล้วหันตัวนั่งลงบนเก้าอี้ไท่ซือที่อยู่ข้างๆ และสั่งหลี่เชียน “ชา!”

แล้วล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำตา พลางคิดว่าล้างหน้าและหวีผมที่นี่ไม่ได้ อีกเดี๋ยวนางเดินออกไปก็ไม่รู้ว่าจะทำให้คนอื่นรู้ว่านางร้องไห้มาหรือเปล่า…

แต่หลี่เชียนกลับตกใจกับน้ำเสียงที่ทรงพลังของเจียงเซี่ยนมาก เขาอยากพูดอะไรบางอย่าง ทว่าเห็นเจียงเซี่ยนกำลังเช็ดน้ำตาบนหน้าอยู่ และหางตายังคงแดงมาก ก็ใจอ่อนอีกครั้ง

ถึงอย่างไรตนเองก็อายุมากกว่าเจียงเซี่ยนสี่ห้าปี เมื่อครู่ทำให้เด็กสาวอย่างนางน้อยใจไปแล้วก็อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับนางด้วยเรื่องเล็กน้อยพวกนี้เลย…ดังนั้นเขาจึงไปรินชาถ้วยใหม่และวางไว้ใกล้มือของเจียงเซี่ยน

เจียงเซี่ยนจัดเสื้อด้านหน้าให้เรียบร้อย และดื่มชาหลายอึกให้คอชุ่มชื้น อารมณ์ก็เย็นลงแล้วเช่นกัน ถึงได้เอ่ยกับหลี่เชียนที่นั่งอยู่ตรงข้ามตนเองว่า “คุณชายหลี่ เมื่อครู่ขอบใจเจ้ามาก! ข้าอารมณ์ไม่ค่อยดี อย่างไรก็ขอให้เจ้าอภัยให้ด้วย”

นางอธิบายอย่างไม่ใส่ใจนัก และไม่คิดที่จะยอมรับผิดและขอโทษแม้แต่นิดเดียว

หลี่เชียนอยากก้มลงไปดูขากางเกงสีขาวราวกับหิมะของตนเองที่โดนนางเตะจนเปื้อนฝุ่นมาก ทว่าสุดท้ายก็ยังอดทนไว้และไม่ดู แล้วเอ่ยกับนางด้วยรอยยิ้มอย่างจนใจว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ใครเจอเรื่องแบบนี้ก็ย่อมโกรธทั้งนั้น ยังดีที่เป็นท่านหญิง หากเป็นคนอื่น เกรงว่าจะบุกไปถึงที่ตั้งนานแล้ว”

นางรู้ดีว่าเจ้าคนสารเลวนี่ไม่เคยพูดจากใจจริงมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

เมื่อครู่ยังบอกนางว่าอย่าไป อย่าหาเรื่องใส่ตัวอย่างเด็ดขาด มีเรื่องอะไรสั่งเขาก็พอแล้ว ชั่วพริบตาก็รู้สึกเหมือนว่านางควรจะบุกไปถึงที่

เจียงเซี่ยนอารมณ์ไม่ดีนัก พลางปรายตาจ้องหลี่เชียน

หลี่เชียนรู้สึกว่าแปลกมาก

ปกติเวลาที่เจียงเซี่ยนมองคนอื่นสายตาจะสงบนิ่ง แต่เวลาที่จ้องเขา หางตากลับชี้ขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาดำและขาวแยกกันอย่างชัดเจน สดใสและมีชีวิตชีวามากกว่ายามปกติ แถมยังเผยความเย่อหยิ่งที่อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบและสามารถควบคุมทุกอย่างได้ออกมาเล็กน้อย มองอย่างไรก็รู้สึกว่าน่าสนใจ ทำให้ในใจเขาเหมือนถูกขนนกปัดผ่านเบาๆ และจั๊กจี้

หลี่เชียนอดที่จะทำเสียงนุ่มไม่ได้ และเอ่ยว่า “เป็นอะไรไป? ยังโกรธอยู่หรือ? ไม่เป็นไร ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”

เขาปลอบใจนาง ความคิดค่อยๆ ฟื้นคืนสติแล้ว

ฮ่องเต้เลี้ยงผู้หญิงคนหนึ่งไว้ข้างนอก ผู้หญิงคนนี้ตั้งท้องแล้ว และเป็นไปได้มากว่าผู้หญิงคนนี้ยังเป็นแม่นมของฮ่องเต้ด้วย…เรื่องแบบนี้ ใครเข้าไปยุ่งอย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอด!

ทว่าเจียงเซี่ยน หลานสาวของไทเฮาไทเฮา ลูกพี่ลูกน้องผู้มีศักดิ์เป็นน้องสาวของฮ่องเต้ คุณหนูใหญ่แห่งจวนเจิ้นกั๋วกง ทั้งร่ำรวยและมีอำนาจ มีคนรับใช้มากมาย กลับเรียกเขามาช่วย

นางคงตั้งใจทำเช่นนี้กระมัง?

กลัวญาติและเพื่อนที่อยู่ข้างกายเดือดร้อนไปด้วย จึงล่อลวงให้ตนเองทำเรื่องชั่วไปด้วย ให้ตนเองรับดาบแทนนาง!

หลี่เชียนรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวจนยากที่จะทนได้ในทันใด

เขาโตมาขนาดนี้ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาก็ยังไม่เคยเสียเปรียบเช่นนี้

หลี่เชียนรู้สึกกลุ้มใจ และอดที่จะรู้สึกขัดแย้งในใจไม่ได้

หากท่านหญิงเจียหนานคิดว่าเขาเป็นเด็กบ้านนอกที่อ่อนต่อโลกและจัดการง่ายนั้น นางก็คิดผิดแล้ว

มีสุขย่อมมีทุกข์ มีทุกข์ย่อมมีสุข

เขาเข้าใจหลักการนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว

ในมุมมองของคนอื่นเขารู้เรื่องลับแบบนี้ มีแต่จะเดือดร้อนไปด้วย และถูกฆ่าปิดปาก แต่ในความคิดของเขานี่อาจจะเป็นโอกาสก็ได้ ขอเพียงควบคุมได้ดีก็สามารถใช้โอกาสในครั้งนี้พูดคุยกับฮ่องเต้ได้อย่างแน่นอน จนกระทั่งกลายเป็นขุนนางที่ใกล้ชิดและได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้

ความคิดฉายวาบผ่านไป หลี่เชียนก็มองเจียงเซี่ยนครั้งหนึ่ง

เจียงเซี่ยนสีหน้าสงบนิ่ง ใบหน้าด้านข้างที่เรียบเนียนและสวยงามแลดูสุภาพและเยือกเย็น

ในใจเขาเริ่มลังเลขึ้นมาเล็กน้อยอีกครั้ง

อยากได้ความไว้วางใจจากฮ่องเต้ ก็จะต้องเปิดเผยสิ่งที่ท่านหญิงเจียหนานทำ…

หลี่เชียนเหมือนทนไม่ได้ เขารู้สึกว่าเจียงเซี่ยนอาจจะไม่ได้ไร้ความเมตตาแบบนี้จริงๆ

เมื่อครู่นางยังระเบิดอารมณ์เหมือนเด็กอยู่เลย!

เขาอยู่ในความมืดนานเกินไปแล้ว พอเห็นใครก็คาดเดาเจตนาร้ายๆ ก่อน

หลี่เชียนหาข้ออ้างให้เจียงเซี่ยน

และสังเกตเห็นว่าเจียงเซี่ยนที่เขาจ้องตาไม่กระพริบนั้นนึกว่าเมื่อครู่เขาตบหัวแล้วลูบหลังนาง จึงอดที่จะเม้มปากไม่ได้

ช่างเถอะ เรื่องในอดีตหลี่เชียนก็ไม่รู้เช่นกัน

นางยึดติดเช่นนี้ก็ใจแคบเกินไปหน่อยแล้วเช่นกัน

ฮ่องเต้สืบทอดบัลลังก์ตั้งแต่อายุยังน้อย ผู้คนพากันหวาดระแวงและเป็นกังวล ใครจะไม่อยากจัดการ?

นางเป็นไทเฮา เขาเป็นอ๋องต่างแซ่ที่ปกครองตามการแบ่งดินแดน เดิมทีทั้งสองคนก็เป็นศัตรูกัน เขาหลอกนาง แต่นางกลับเชื่อ พูดไปพูดมา ก็เป็นเพราะนางไม่มีความสามารถในการแยกแยะคนเท่านั้นเอง

เจียงเซี่ยนปลอบใจตนเอง ทว่าไม่รู้ทำไมนางยังคงรู้สึกไม่สบายใจ

เพียงแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะไปคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องพวกนี้

หลี่เชียนฉลาดมาโดยตลอด ไม่นานก็น่าจะเข้าใจสถานะของเขา และนางยังจำเป็นต้องให้เขาช่วยนางต่อไป เรื่องบางเรื่องก็เปิดใจคุยกันอย่างตรงไปตรงมาให้ชัดเจนเลยจะดีกว่า

นางเก็บกักความไม่พอใจไว้ที่ก้นบึ้งของหัวใจ และเอ่ยกับหลี่เชียนว่า “คุณชายหลี่ ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้บอกความจริงกับเจ้า เพราะกลัวว่าเจ้าจะกังวลระหว่างทาง ความจริงแล้วเดิมทีข้าคิดจะให้ซื่อจื่อชินเอินป๋อพี่ชายของข้ามากับข้า แต่หลายวันนี้เขาไปกินเจที่ศาลเจ้าเป็นเพื่อนท่านป้าของข้า ข้ารอจนใจร้อน ถึงได้ลากเจ้ามาช่วย แต่เจ้าอย่าเข้าใจผิดว่าข้ากำลังทำร้ายเจ้าอยู่อย่างเด็ดขาด ด้วยความฉลาดของคุณชาย เรื่องบางเรื่องกลับไปลองคิดดูก็เข้าใจแล้ว ครั้งนี้เจ้าช่วยข้า อันที่จริงก็ช่วยตัวเจ้าเองกับตระกูลหลี่ด้วย”

เจียงเซี่ยนเอ่ยอย่างจริงใจและตรงไปตรงมา

หลี่เชียนเลิกคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อในสิ่งที่นางพูด

เจียงเซี่ยนก็ไม่คิดเช่นกันว่าหลี่เชียนจะฉลาดถึงขั้นที่ตนเองเอ่ยอย่างมีลับลมคมในเพียงไม่กี่คำ เขาก็เข้าใจได้ นางจึงเปลี่ยนไปเอ่ยเรื่องอื่นว่า “คุณชายหลี่ ข้าอยากเห็นผู้หญิงคนนั้น เจ้ามีวิธีอะไรดีๆ หรือไม่?”

หลี่เชียนฝืนยิ้มอยู่ในใจ

เหตุใดนางถึงยังไม่ยอมเลิกรา?

ต้องเห็นผู้หญิงคนนั้นด้วยตาตนเองให้ได้ถึงจะเลิกรางั้นหรือ?

หลี่เชียนยิ้มพลางเอ่ยไปว่า “ท่านหญิงมีความคิดอย่างไรหรือ?”

เจียงเซี่ยนเอ่ย “ข้าว่าไม่อย่างนั้นก็วางเพลิงที่เรือนด้านหลังของพวกเขา ทำให้คนในบ้านตกใจและออกมา ไม่อย่างนั้นก็หาคนช่วยมาแสร้งทำเป็นจับชู้ บุกไปถึงที่ตรงๆ…ในบ้านหลังนั้นมีคนอาศัยอยู่แค่ไม่กี่คน ขอเพียงควบคุมองครักษ์พวกนั้นได้ คนอื่นก็ไม่จำเป็นต้องกลัว”

ยังจะวางเพลิง หากไหม้ลามไปบ้านข้างๆ แล้วดึงดูดคนของกองบัญชาการปัญจทิศรักษานครมาจะจบอย่างไร?

หลี่เชียนเงียบ นานมากทีเดียวกว่าจะเอ่ยว่า “ท่านคิดว่าองครักษ์สี่คนนั้นควบคุมง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ?”

เจียงเซี่ยนได้ยินแล้วก็เอ่ยอย่างแปลกใจว่า “เจ้าบอกว่าเจ้าก็มีองครักษ์ของตนเองตั้งนานแล้ว และไม่จำเป็นต้องอาศัยพ่อของเจ้ามิใช่หรือ?”

ความนัยที่แฝงอยู่ในนั้นคือ กระทั่งยามสี่คนเจ้าก็เอาชนะไม่ได้หรือ?

หลี่เชียนไม่รู้ว่าจะดุเจียงเซี่ยนอย่างไรดีจริงๆ

เจ้าบอกว่านางไร้เดียงสา นางก็สามารถใช้ตนเองสกัดผู้หญิงของฮ่องเต้ไว้ในบ้านได้ โดยคิดออกในชั่วพริบตา เจ้าบอกว่านางทำอะไรเฉลียวฉลาดและเชี่ยวชาญ นางก็กลับคิดเรื่องวางเพลิงกับจับชู้ออกมาได้…ทว่าการวางเพลิงนั้นทำไม่ได้ แต่การจับชู้เหมือนจะเป็นความคิดที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องแบบนี้ค่อนข้างควบคุมง่าย…

หลี่เชียนคิดทบทวนถึงความเป็นไปได้ของการจับชู้อย่างจริงจัง สุดท้ายก็เอ่ยกับเจียงเซี่ยนว่า “วันหลังดีหรือไม่? ยาสลบวันนี้อาจจะทำให้องครักษ์คนหนึ่งในนั้นระวังตัวแล้ว หากแสดงละครจับชู้บุกเข้าไปอีก เกรงว่าจะเกิดความสงสัยได้ กลัวว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่น และดึงดูดความสนใจของผู้หญิงที่อยู่ในบ้านนั้น”

เจียงเซี่ยนรู้สึกว่าหลี่เชียนพูดจามีเหตุผลมาก

หากผู้หญิงคนนั้นคือคนสกุลฟาง จะจัดการคนสกุลฟางอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่านางเจอคนสกุลฟางด้วยวิธีไหน

เจียงเซี่ยนคิดแล้วก็เอ่ยว่า “ข้ายังมีอีกวิธี…”

————————————

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไป เมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญ แต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่! เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก ‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้ แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน นางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้า ชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง… หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset