ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ – ตอนที่ 1568 เผชิญหน้ากับกองทัพโครงกระดูกอีกครั้ง (1) / ตอนที่ 1569 เผชิญหน้ากับกองทัพโครงกระดูกอีกครั้ง (2)

ตอนที่ 1568 เผชิญหน้ากับกองทัพโครงกระดูกอีกครั้ง (1) 

ถ้าเขามีความกล้าเหมือนชายคนนี้ คนรักของเขาก็คงไม่ต้องมาตายจากไปเร็วเช่นนี้ใช่หรือไม่

“อวิ๋นเซียว พวกเราไปกันเถอะ” อวิ๋นลั่วเฟิงมองหน้าชายหนุ่มแล้วยิ้มอ่อนโยนก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน

“ได้” อวิ๋นเซียวสบตานางแล้วยกยิ้มขณะที่โอบกอดเอวนางไว้ เพียงก้าวเดียวของเขาก็เท่ากับร้อยก้าวของคนทั่วไป

“เดี๋ยวก่อน!” ผู้อาวุโสสูงสุดตะโกนเรียกแต่ร่างของพวกนางก็หายไปก่อนที่จะพูดจบ…

“ผู้อาวุโสสูงสุด ในที่สุดพวกเราก็ออกจากสถานที่ที่ถูกพระเจ้าทอดทิ้งแห่งนี้ได้เสียที” ในใจลึกๆ ทุกคนล้วนมีความสุข มีเพียงแค่ผู้อาวุโสสูงสุดเท่านั้นที่แสดงสีหน้ากังวล

“บรรพบุรษของพวกเราทิ้งคำพูดเอาไว้ว่า ใครก็ตามที่สามารถทำลายเขตแดนได้ก็หมายความว่าคนคนนั้นคือคนที่พระเจ้าส่งลงมาให้พวกเรา แต่ตอนนี้นางทิ้งพวกเราไปแล้ว พวกเราจะทำอย่างไรกันดี”

เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสสูงสุดไม่ได้รับรู้ถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงที่บรรพบุรุษทิ้งคำพูดเหล่านี้เอาไว้ พวกเขาแค่ต้องการมอบความหวังให้ลูกหลานพวกเขา แม้แต่บรรพบุรุษเองก็ไม่คิดว่าหลายปีต่อมาจะมีสตรีชื่ออวิ๋นลั่วเฟิงปรากฏตัวขึ้นแล้วทำลายเขตแดนของอาณาจักรได้จริงๆ …

ภายในภูผาสุสานเทพอันแสนอุดมสมบูรณ์มีกลิ่นอายทรงพลังครอบคลุมไปทั่วทั้งภูผา หากผู้ที่เข้ามาเป็นคนอ่อนแอ พวกเขาก็จะถูกกลิ่นอายที่ทรงพลังนี้ทำให้หมดสติไปทันที

พูดได้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงโชคดีมาก เมื่อนางก้าวเท้าเข้ามาในภูผาสุสานเทพ นางก็เผชิญหน้ากับกองทัพโครงกระดูก แล้วตอนนี้ที่นางกำลังจะออกไป นางก็ได้มาเจอกับกองทัพโครงกระดูกอีกครั้ง

เมื่ออวิ๋นเซียวเห็นโครงกระดูกที่กำลังโบกกระดูกในมือแล้วมุ่งหน้าเข้ามาด้วยความเร็ว เขาก็หันไปออกคำสั่งกับเสี่ยวฉงที่กำลังแอบงีบอยู่

“จัดการพวกมันให้เร็วที่สุด”

“อื้อ” เสี่ยวฉงตอบแล้วกำลังจะออกไปสู้กับโครงกระดูก แต่อวิ๋นลั่วเฟิงกลับหยุดเขาไว้

“ข้ามีเรื่องที่ต้องสะสางกับโครงกระดูกพวกนี้” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มร้าย “ดังนั้นข้าจะกำจัดพวกมันเอง”

นางไม่มีทางลืมตอนที่นางก้าวเท้าเข้ามาในภูผาสุสานเทพแล้วถูกกองทัพโครงกระดูกนี้ไล่ล่าได้ ในเมื่อตอนนี้นางพยายามอย่างหนักจนเลื่อนเป็นผู้ฝึกฌานขั้นจักรพรรดิ์ปราชญ์แล้ว นางก็ต้องการชำระแค้นนี้ด้วยตัวเอง!

วืด!

หลังจากพูดจบ นางก็พุ่งไปเข้าไปหากองทัพโครงกระดูก

ครั้งหนึ่งนางเคยถูกพวกมันไล่ล่าจนต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนด้วยหน้าตาย่ำแย่ แต่ในที่สุดนางก็แข็งแกร่งพอจะจัดการกับพวกมันได้แล้ว ถึงแม้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะเป็นผู้ฝึกฌานขั้นจักรพรรดิปราชญ์ แต่การทำลายกองทัพอมตะก็ค่อนข้างเป็นเรื่องยากเพราะโครงกระดูกพวกนี้ไม่สามารถรู้สึกเจ็บปวดหรือตายได้

“ไม่ดีแล้ว ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วข้าก็จะสู้ต่อไปไม่ไหว”

อวิ๋นลั่วเฟิงเอาสมุนไพรพลังฌานออกมาแล้วกลืนมันเข้าไปโดยไม่เคี้ยว พลังกายและพลังฌานที่ใช้หมดไปแล้วก็ค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมา ไม่ไกลจากการต่อสู้ อวิ๋นเซียวกำลังมองอวิ๋นลั่วเฟิงสู้ด้วยสีหน้าใจเย็น แต่เขาก็เตรียมพร้อมในกรณีที่อวิ๋นลั่วเฟิงเอาชนะกองทัพโครงกระดูกไม่ได้ เมื่อถึงตอนนั้นเขาก็จะลงมือทันที…

“เสี่ยวโม่ เจ้ารู้ไหมว่าทำไมพวกเขาถึงกลายมาเป็นกองทัพโครงกระดูก” อวิ๋นลั่วเฟิงเช็ดเลือดที่มุมปากแล้วถามผ่านจิตวิญญาณ

เสียงของเสี่ยวโม่ดังขึ้นในจิตวิญญาณของนางทันที

“ข้าก็ไม่แน่ใจว่าสาเหตุที่แน่นอนคืออะไร แต่ท่านสังเกตเห็นแสงสีเขียวตะไคร่น้ำที่อยู่ในดวงตาโครงกระดูกทุกตัวหรือไม่ พวกมันทุกตัวมีวิญญาณ แต่ไม่ใช่วิญญาณของโครงกระดูกพวกนี้…”

ไม่ใช่วิญญาณของโครงกระดูกงั้นหรือ

อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตาลงชั่วครู่ ดูเหมือนว่านางจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว นางรีบหลับตาลง แล้วเสียงรอบตัวนางหายก็ไปทันทีราวกับโลกทั้งใบเหลือนางเพียงคนเดียว…

…………………………………..

ตอนที่ 1569 เผชิญหน้ากับกองทัพโครงกระดูกอีกครั้ง (2)

ทันทีที่โครงกระดูกมาถึงตัวนาง นางก็ลืมตาขึ้น แล้วพลังมหาศาลก็ระเบิดออกมา จากนั้นเปลวไฟวิญญาณสีเขียวตะไคร่น้ำก็พุ่งเข้าไปในดวงตาของกองทัพโครงกระดูก…

ตอนนั้นเอง โครงกระดูกทุกตัวหยุดการเคลื่อนไหว วิญญาณสองดวงต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงการควบคุม

อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้ลดการระวังตัวลง นางสร้างไฟวิญญาณพวกนั้นจากวิญญาณของนาง มีแต่ต้องใช้พลังวิญญาณของนางเองถึงจะสามารถควบคุมโครงกระดูกพวกนี้ได้ แน่นอนว่าถ้าอวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้กลืนกินวิญญาณของมังกรวารีเข้าไป นางก็คงไม่กล้าเสี่ยงใช้วิธีนี้แม้วิญญาณของนางจะแข็งกร่งขึ้นก็ตาม

ในที่สุดไฟวิญญาณของอวิ๋นลั่วเฟิงก็เข้าควบคุมแล้วกลืนกินดวงไฟวิญญาณของฝ่ายตรงข้ามได้…

วินาทีต่อมา ร่างของนางก็อ่อนแรงแล้วทรุดลงในอ้อมกอดอบอุ่น อวิ๋นเซียวกอดนางไว้แน่น ดวงตาสีนิลของเขาฉายแววปวดใจ

“อวิ๋นเซียว ข้าไม่เป็นไร” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้ม นางรู้ว่าอวิ๋นเซียวตั้งใจจะพูดอะไร ดังนั้นก่อนที่เขาจะอ้าปากนางก็ชิงพูดก่อน “วิญญาณของข้าค่อยๆ ฟื้นฟูแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง อีกอย่างข้าไม่อยากหวังพึ่งเจ้าทุกอย่างแต่ต้องการสู้เคียงข้างเจ้า!”

พูดตรงๆ เลยก็คือนางสามารถให้อวิ๋นเซียวจัดการหุ่นเชิดพวกนี้ตั้งแต่แรกเลยก็ได้ แต่ด้วยพลังของเขา เขาคงทำให้หุ่นเชิดพวกนี้หายไปแน่นอน นางคิดว่าคงดีกว่าถ้านางจะใช้ประโยชน์จากพวกมันเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเอง

ขณะเดียวกัน ในส่วนลึกของภูผาสุสานเทพ จู่ๆ สตรีผู้หนึ่งที่นั่งขัดสมาธิก็ลืมตาขึ้นแล้วกระอักเลือดออกมา สีหน้าของนางซีดเผือด ดวงตาเป็นประกายเดือดดาล

“ใครกัน ใครกลืนกินไฟวิญญาณของข้าแล้วขโมยกองทัพโครงกระดูกไป ถ้าข้ารู้ว่าใครทำ ข้าไม่มีทางปล่อยพวกมันไปแน่!” นางกัดฟันพูด

ไฟวิญญาณของนางถูกกลืนกิน ทำให้นางต้องเสียเวลาฟื้นฟูพลังฌานอีกนาน แล้วนางจะยกโทษให้คนที่ทำเช่นนี้ได้อย่างไร …

อวิ๋นลั่วเฟิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในส่วนลึกของภูผาสุสานเทพ หลังจากนางปราบกองทัพโครงกระดูกได้ นางก็มุ่งหน้าออกจากภูผาสุสานเทพพร้อมอวิ๋นเซียว

แต่…นางก็สัมผัสได้ว่าโม่เชียนเฉิงที่อยู่ในมิติของเผ่าผู้ใช้เวทเริ่มปั่นป่วนและเกือบจะหลุดออกจากมิติออกมาได้ ความรู้สึกนี้ทำให้อวิ๋นลั่วเฟิงตัวสั่น

โม่เชียนเฉิงรักเจวี๋ยเชียนอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นเพื่อช่วยชีวิตตัวนางเองและจีจิ่วเทียน อวิ๋นลั่วเฟิงจึงหลอกว่าตัวเองเป็นเจวี๋ยเชียน ถ้าโม่เชียนเฉิงออกมาจากมิติได้แล้วรู้เรื่องอวิ๋นเซียว เขาจะต้องบ้าคลั่งไปแน่นอน แต่เพราะตัวโม่เชียนเฉิงนั้นเป็นแก่นกลางของมิติ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่สามารถออกมาได้ แต่ทำไมเขาถึงเริ่มปั่นป่วนล่ะ

ใจที่เต้นแรงในตอนแรกของอวิ๋นลั่วเฟิงค่อยๆ สงบลง นางต้องเร่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อรับมือกับปัญหาที่กำลังจะตามมา!

อีกอย่าง… นางไม่มีทางยอมให้โม่เชียนเฉิงทำร้ายอวิ๋นเซียวแม้แต่นิดเดียว!

“นายหญิง…” เสี่ยวโม่เองก็สัมผัสได้เหมือนกัน น้ำเสียงที่เขาใช้พูดสั่นเล็กน้อย

“ตอนนี้ปัญหาก็กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว ข้าต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้ทันเพื่อต่อกรกับโม่เชียนเฉิง!” อวิ๋นลั่วเฟิงกำหมัดอย่างมุ่งมั่น

อวิ๋นเซียวหันไปหาอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วเลิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น”

อวิ๋นลั่วเฟิงสะดุ้งแล้วได้สติกลับมา ดวงตาสีดำสนิทของนางมองชายหนุ่มอย่างลึกซึ้งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “อวิ๋นเซียว ข้าไม่มีทางยอมให้เจ้าไปจากข้าแน่…”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset