ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ – ตอนที่ 1446 เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ (3) / ตอนที่ 1447 เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ (4)

ตอนที่ 1446 เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ (3)

 

 

“ข้าบอกว่าข้าชื่ออวิ๋นลั่วเฟิง” อวิ๋นลั่วเฟิงพูดอย่างอ่อนใจแล้วมองหน้าตื่นเต้นของโม่เชียนเฉิง

 

 

ดวงตาของโม่เชียนเฉิงมืดครึ้มก่อนจะหลุบตาลงเพื่อปกปิดความผิดหวัง “ข้าขอโทษ ข้าจะไม่เรียกชื่อเจ้าผิดอีก” ถ้าเกิดเขาทำเรื่องผิดผลาดแล้วทำให้เจวี๋ยเชียนไม่ต้องการเขาอีกจะทำอย่างไร

 

 

“หุ่นเชิดตัวนี้ยังไม่สมบูรณ์” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้ม “ความแข็งแกร่งของนางยังอยู่แค่ขั้นราชันปราชญ์ระดับกลาง สำหรับข้า ความแข็งแกร่งของหุ่นเชิดยังไม่พอ”

 

 

โม่เชียนเฉิงพยักหน้าด้วยความเข้าใจเพียงครึ่งเดียว “เจ้าหมายถึงหุ่นเชิดตัวนี้ล้มเหลวหรือ”

 

 

“เปล่า นางเป็นแค่ผลงานสำเร็จเพียงครึ่งเดียว โชคดีที่หลังจากเรียนวิชามาถึงสองปี ในที่สุดข้าก็เข้าใจถึงแก่นการสร้างหุ่นเชิด ครั้งหน้าข้ามั่นใจว่าข้าจะสร้างผลงานที่สมบูรณ์ขึ้นมา!”

 

 

สองปีที่ผ่านมา นางเสียวัตถุดิบไปมาก แต่โชคดีที่เจวี๋ยเชียนเตรียมวัตถุดิบไว้ให้หมดแล้ว ดังนั้นนางก็เลยไม่ต้องใช้ของตัวเอง อวิ๋นลั่วเฟิงพูดจบนางก็เลิกสนใจโม่เชียนเฉิงแล้วมุ่งความสนใจไปที่การสร้างหุ่นเชิดอีกครั้ง

 

 

โม่เชียนเฉิงถอยหลังกลับไปที่หินที่เข้าอยู่ตอนแรกเงียบๆ เขาเอามือเท้าคางแล้วจ้องอวิ๋นลั่วเฟิงโดยไม่ละสายตา

 

 

เวลาผ่านไปช้าๆ

 

 

ครั้งนี้โม่เชียนเฉิงไม่ต้องรอนาน หุ่นเชิดอีกตัวก็ปรากฏขึ้นข้างหน้าอวิ๋นลั่วเฟิง เมื่อเทียบกับหุ่นเชิดตัวก่อนหน้านี้ หุ่นเชิดตัวนี้ไม่ได้เป็นเด็กสาวน่ารักไร้พิษภัย

 

 

แต่เป็นชายหนุ่มที่เห็นกล้ามเนื้อแน่นชัดเจนเหมือนวีรบุรุษในนิยาย แล้วแม้ว่าเขาจะมีใบหน้าธรรมดาแต่ก็โดดเด่นท่ามกลางฝูงชน

 

 

โม่เชียนเฉิงหน้าบึ้งแล้วถามอย่างโกรธเคือง “อวิ๋นลั่วเฟิงทำไมเจ้าต้องสร้างหุ่นเชิดเป็นบุรษ” แต่ตอนที่เขาโกรธอยู่ก็เห็นอะไรบางอย่าง แล้วใบหน้าโกรธขึ้งของเขาก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงมองโม่เชียนเฉิงอย่างแปลกใจ

 

 

สติของชายคนนี้ยังดีอยู่หรือไม่ วินาทีที่แล้วเขายังโกรธอยู่ แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นมีความสุขเสียแล้ว หรือว่าเขาจะถูกขังอยู่ที่นี่นานเกินไปก็เลยกลายเป็นบ้า

 

 

โฮก!

 

 

หลังจากวิญญาณของมังกรยักษ์ภายในกระดูกผู้ใช้เวทถูกปลดปล่อย เขาก็มาอยู่เงียบๆ ข้างโม่เชียนเฉิง เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมสีหน้าของโม่เชียนเฉิงจึงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเลยคำรามอย่างไม่เข้าใจแล้วแสดงดวงตาสับสน

 

 

โม่เชียนเฉิงกำลังมีความสุขมาก เพราะตอนที่อวิ๋นลั่วเฟิงสร้างหุ่นเชิด นางลืมสร้างอะไรบางอย่างที่สำคัญกับบุรุษ ดังนั้น…ต่อให้ในอนาคตหุ่นเชิดตัวนี้มีสติปัญญาเขาก็ยังเป็นขันทีอยู่ดี!

 

 

“อวิ๋นลั่วเฟิง ข้ารู้ว่าเจ้าดีต่อข้า” รอยยิ้มสดใสของโม่เชียนเฉิงดูเจิดจ้ามาก เขายิ้มกว้างจนเห็นฟันกระต่าย “ไม่อย่างนั้นเจ้าคงไม่สร้างหุ่นเชิดออกมาแบบนี้” หลังจากพูดจบ โม่เชียนเฉิงก็ปีนขึ้นหลังวิญญาณมังกรแล้วบินขึ้นฟ้า

 

 

จีจิ่วเทียนก็บังเอิญเดินมายืนข้างอวิ๋นลั่วเฟิงพอดี

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้าแล้วถาม “โม่เชียนเฉิงอยู่ในนี้จนเสียสติไปแล้วหรือ”

 

 

“หืม…” จีจิ่วเทียนลูบคางเบาๆ แล้วพยักหน้าอย่างจริงจัง “ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้น”

 

 

ถ้าเขาไม่ได้เสียสติในฐานะที่เป็นบุรุษ โม่เชียนเฉิงจะรักชอบเจวี๋ยเชียนได้อย่างไร

 

 

“เป็นอย่างไรบ้าง” จีจิ่วเทียนเลื่อนสายตามาหยุดอยู่ที่ชายมีกล้ามข้างหลังอวิ๋นลั่วเฟิง แล้วเขาก็ค่อยๆ หรี่ตา “นี่คือหุ่นเชิดที่เจ้าสร้างงั้นหรือ”

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงพยักหน้า “น่าเสียดายที่ข้ายังสร้างให้เขามีสติปัญญาเหมือนมนุษย์ไม่ได้

 

 

 

 

”ตอนที่ 1447 เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ (4)

 

 

“ดีแล้วที่อย่างน้อยเจ้าก็สร้างหุ่นเชิดได้สำเร็จ ส่วนเรื่องสติปัญญา…” จีจิ่วเทียนหยุดก่อนพูดต่อ “เจวี๋ยเชียนเองก็หาวิธีที่สมบูรณ์ไม่ได้แม้จะใช้เวลาศึกษาอยู่หลายปี”

 

 

คัมภีร์ที่ถูกเจวี๋ยเชียนทิ้งไว้ก็เพื่อเป็นข้อแนะนำในการสร้างสติปัญญาให้หุ่นเชิด เจวี๋ยเชียนเองก็รู้ถึงแค่ส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็งที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาเท่านั้น แล้วก็โชคร้ายที่เขาตอนนั้นถูกโจมตีเสียก่อนที่จะสามารถพัฒนาวิธีการที่สมบูรณ์ได้

 

 

“สักวันหนึ่ง ข้าจะสร้างหุ่นเชิดที่มีสติปัญญาสำเร็จแน่นอน!” เสียงของอวิ๋นลั่วเฟิงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ข้าทำบททดสอบของเจวี๋ยเชียนหมดแล้ว ดังนั้นพวกเราก็ออกจากมิติลวงตาได้ทันที”

 

 

สามปี! นางใช้เวลาอยู่ในเวลามิติลวงตาแห่งนี้ถึงสามปีเต็มๆ โดยที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์ข้างนอกแม้แต่น้อย

 

 

อวิ๋นเซียวจะออกมาตามหานางหรือไม่นะ

 

 

“หืม?” ทันใดนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างเข้ามาประทับอยู๋ในความคิดนางจนทำให้นางสะดุ้ง แล้วดวงตาก็เป็นประกายสับสน “นี่คืออะไร”

 

 

“นายหญิง” เสียงของเสี่ยวโม่ดังขึ้นผ่านจิตนาง “ท่านทำบททดสอบของเจวี๋ยเชียนเสร็จแล้ว ดังนั้นเขาก็เลยยกมิติลวงตาแห่งนี้ให้ท่าน ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ท่านสามารถเข้าออกภายในมิติลวงตาได้ตามใจ”

 

 

เมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงได้ยินดังนั้น ดวงตาของนางก็เป็นประกายมีความสุข นี่หมายความว่าในอนาคต นางสามารถส่งคนจากกองกำลังมาในมิติลวงตาเพื่อฝึกพลังฌานได้สินะ

 

 

“ถ้าข้าควบคุมมิติลวงตาได้ อะไรจะเกิดขึ้นกับโม่เชียนเฉิงที่เป็นแก่นพลังของมิติลวงตานี้ล่ะ” อวิ๋นลั่วเฟิงถามเสียงเบาแล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย

 

 

เสี่ยวโม่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนตอบ “นายหญิง ถึงแม้ว่าโม่เชียนเฉิงจะเป็นแก่นพลังของมิติลวงตา แต่เขาไม่ใช่สมบัติหรือสัตว์อสูรวิญญาณ ดังนั้นเขาจึงไม่ถูกบังคับให้ทำสัญญากับท่าน! ดังนั้นเขาจะติดตามท่านไปทั้งชีวิต ถ้าเขารู้ว่าท่านแสร้งเป็นเจวี๋ยเชียน ท่านจะต้องอยู่ในอันตรายแน่นอน”

 

 

ความผิดหวังพุ่งเข้ามาในหัวใจอวิ๋นลั่วเฟิง ตอนแรกนางคิดว่าระเบิดเวลาอย่างโม่เชียนเฉิงจะถูกไล่ออกไปเมื่อเจวี๋ยเชียนยกมิติลวงตาให้นาง

 

 

“อีกอย่าง โม่เชียนเฉิงจะตายไม่ได้! ถ้าเขาตาย มิติลวงตาก็จะพังทลายลงเหมือนกัน ไม่มีอะไรได้มาเปล่าๆ โดยไม่มีอะไรแลกเปลี่ยน” เสี่ยวโม่พูดต่อ “แต่ว่าอย่างน้อยโม่เชียนเฉิงก็ออกจากมิติลวงตานี้ไม่ได้ไปอีกสักพัก”

 

 

“สักพัก? เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

 

 

“นายหญิง รู้หรือไม่ว่าทำไมโม่เชียนเฉิงถึงฝึกพลังฌานภายในมิติลวงตาได้ยากลำบาก นั่นเป็นกลไกที่เจวี๋ยเชียนตั้งไว้ หลังจากโม่เชียนเฉิงเลื่อนระดับถึงจุดจุดหนึ่ง เขาก็จะสามารถออกไปจากมิติได้!”

 

 

หัวใจของอวิ๋นลั่วเฟิงก็ตื่นเต้นดีใจทันที ดูเหมือนว่านางจะต้องรีบเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองให้เร็วที่สุดเพื่อรออันตรายที่นางจะต้องเผชิญ

 

 

ฝุบ!

 

 

โม่เชียนเฉิงกระโดดลงมาจากมังกรแล้วร่อนลงมาจากฟ้า เมื่อเขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ดวงตาเขาจับจ้องอยู่ที่อวิ๋นลั่วเฟิง

 

 

“เจ้ากำลังจะไปแล้วหรือ” เขารีบถามแล้วเม้มริมฝีปากเล็กน้อย

 

 

“ใช่แล้ว” อวิ๋นลั่วเฟิงตอบพร้อมพยักหน้า “ข้ายังมีครอบครัวและเพื่อนอยู่ข้างนอก ข้าอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้”

 

 

ประกายสีชาดปรากฏขึ้นในนัยน์ตาของโม่เชียนเฉิง เขาออกแรงดึงแขนของอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงโมโหเหมือนเด็กๆ “เจ้าออกไปจากที่นี่ไม่ได้! ข้าไม่ยอมให้เจ้าไป! ข้ารอเจ้ามาหลายปีทำไมเจ้าถึงทิ้งข้าไปอีกแล้ว”

 

 

“โม่เชียนเฉิงปล่อยนาง!” ดวงตาสีดำของจีจิ่วเทียนเป็นประกายสังหารแล้วจ้องโม่เชียนเฉิงอย่างเย็นยะเยือก

 

 

โม่เชียนเฉิงหันมาจ้องหน้าเขาโดยไม่ยอมแพ้ “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ เจ้าก็แค่ต้องการแย่งนางไปจากข้า! ข้าไม่ยอมให้นางไป! ถ้าเจ้าต้องการออกไป เจ้าก็ไปคนเดียวสิ!”

 

 

ทันทีที่จีจิ่วเทียนกำลังจะเดินเข้าไป อวิ๋นลั่วเฟิงก็ยกมือห้ามเขา

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

Author:
อวิ๋นลั่วเฟิง นักเรียนแพทย์หัวกะทิได้ย้อนอดีตกลับไปอยู่ในร่างของคุณหนูใหญ่สุดสำรวย สตรีผู้มีชื่อฉาวคาวกระฉ่อนว่าเป็นเพียงสวะของสกุล ซ้ำร้ายยังหน้าหนาไปฉุดหนุ่มรูปงามทั้งที่ตนมีคู่หมั้นเป็นถึงองค์รัชทายาท เรื่องน่าอับอายนี้เป็นเหตุให้นางโดนถอนหมั้นจนตัดสินใจปลิดชีวิตตนไปด้วยความเจ็บปวด ครั้นเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง คุณหนูใหญ่แห่งสกุลอวิ๋นก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ฉายาคุณหนูสวะนั้นหรือเป็นเพียงคำลวง แพทย์หญิงอัจฉริยะต่างหากที่เป็นของจริง! ไหนจะมี ‘ชายปริศนา’ ที่โผล่มาบอกให้นาง ‘รับผิดชอบ’ เขา ทั้งยังคอยติดตามอยู่ข้างกายไม่ห่างพร้อมประกาศว่า “ใครหน้าไหนที่จะมาทำร้ายสตรีของข้าก็ดาหน้ากันเข้ามา แต่จงจำไว้ว่ามันจะไม่มีวันได้มีชีวิตกลับไป!” เช่นนี้แล้วอวิ๋นลั่วเฟิงจะรับมือกับเรื่องราวเหล่านี้อย่างไรดีเล่า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset