ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ – ตอนที่ 1448 เวลาไหลผ่นดั่งสายน้ำ (5) / ตอนที่ 1449 เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ (6)

ตอนที่ 1448 เวลาไหลผ่นดั่งสายน้ำ (5)

 

 

“โม่เชียนเฉิง เจ้าปล่อยก่อนเถอะ” นางพูดแล้วขมวดคิ้วน้อยๆ

 

 

โม่เชียนเฉิงสะดุ้งเมื่อเขาเห็นว่าเขาจับข้อมืออวิ๋นลั่วเฟิงอย่างแรงจนเป็นรอยแดง หัวใจเขาบีบรัดแล้วดวงตาก็ฉายแววความเจ็บปวดใจ เขาละล่ำละลักพูดด้วยความกังวล “ข้า…ข้าไม่ได้ตั้งใจ เจ้าเจ็บหรือไม่ ข้าช่วยเจ้า..”

 

 

“โม่เชียนเฉิง ตอนนี้ข้าควบคุมมิติลวงตาแห่งนี้ได้แล้ว เมื่อข้าออกไป ข้าก็เอามิติลวงตาไปด้วย ดังนั้นเจ้าเองก็ติดตามข้าไปด้วยเหมือนกัน” อวิ๋นลั่วเฟิงพูดอย่างเคร่งเครียด

 

 

ความดีใจคืบคลานเข้าสู่จิตใจของโม่เชียนเฉิง เขาเหมือนไม่เชื่อคำพูดของนาง “เจ้าจะไม่ทิ้งข้าจริงหรือ เจ้ายินดีพาข้าไปด้วยตอนที่เจ้าออกไปหรือ”

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงพยักหน้า “อีกอย่างในอนาคตผู้ติดตามของข้าก็จะเข้ามามิติลวงตาเพื่อฝึกพลังฌานด้วย”

 

 

ก่อนที่โม่เชียนเฉิงจะรู้ว่านางโกหก คนรอบตัวนางก็จะปลอดภัย ถ้านางพาคนในกองกำลังเข้ามาที่นี่ก็จะไม่เกิดปัญหาอะไร…

 

 

“เข้าใจแล้ว” ดวงตาของโม่เชียนเฉิงยังคงจับจ้องไปที่อวิ๋นลั่วเฟิง “เจ้าต้องไม่หลอกลวงข้าอีก! ไม่อย่างนั้น…ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่ละเว้นเจ้า!” เมื่อเขาพูดจบ โม่เชียนเฉิงก็ปล่อยกลิ่นอายอันตรายออกมาแล้วดวงตาที่เป็นประกายสีชาดของเขาก็เข้มขึ้น

 

 

“จีจิ่วเทียน ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปกันเถอะ” อวิ๋นลั่วเฟิงส่งสายตาให้โม่เชียนเฉิงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหน้ามาหาจีจิ่วเทียน “พวกเราอยู่ที่นี่มาสามปีแล้ว ถึงเวลาที่เราต้องออกไปแล้ว”

 

 

เพราะว่าตอนนี้มิติลวงตาเป็นของนาง ดังนั้นเพียงแค่นางคิดก็สามารถออกจากมิติลวงตาได้

 

 

แล้วนางก็ทิ้งสัตว์อสูรวิญญาณไว้ในมิติลวงตาเพื่อฝึกพลังต่อไป!

 

 

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงไม่รู้ว่าในช่วงสามปีที่นางหายไป เมืองหลวงก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมา กแล้วสวรรค์ถูกพลิกกลับ

 

 

อย่างแรกเมื่อสามปีที่แล้วภายในดินแดนแห่งจินตนาการของเผ่าผู้ใช้เวทเกิดแสงบางอย่างปรากฏขึ้นแล้วร่างของเซี่ยงเฟยก็โผล่ขึ้นมาเหนือลานในเผ่าผู้ใช้เวท

 

 

เมื่อหัวหน้าเผ่าผู้ใช้เวทได้ยินข่าวเขารีบมาที่นี่พร้อมกับคนอื่นทันที พวกเขาไม่คาดว่าจะได้ยินเสียงหัวเราะบ้าคลั่งเหมือนคนเสียสติของเซี่ยงเฟย

 

 

หัวหน้าเผ่าตั้งใจจะถามความเป็นอยู่ของอวิ๋นลั่วเฟิงแต่เซี่ยงเฟยกับพูดบางคำขึ้นมาก่อน

 

 

“ตายหมดแล้ว พวกเขาตายหมดแล้ว!”

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเขาหัวใจของหัวหน้าเผ่าก็หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม พวกเขาตายหมดแล้วงั้นหรือ ก็หมายความว่าคนที่เข้าไปในดินแดนแห่งจินตนาการตายหมดแล้วยกเว้นเซี่ยงเฟย

 

 

โชคไม่ดีที่หัวหน้าเผ่าตัดสินใจเร็วเกินไป หลังจากเซี่ยงเฟยพูดจบร่างของเขาก็ค่อยๆ จางหายไป เมื่อหัวหน้าเผ่าเห็นแบบนั้นก็โกรธจัดจนพุ่งเขาไปกระชากคอเสื้อเซี่ยงเฟยแล้วตะโกนถามอย่างโมโห “เซี่ยงเฟย เจ้าสังหารพวกเขาหรือ ไอ้สารเลว”

 

 

เซี่ยงเฟยแค่ส่งสายตาเย้ยหยันให้หัวหน้าเผ่าแต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรร่างของเขาก็กลายเป็นควันสลายไปเสียก่อน รอยยิ้มสุดท้ายของเขาทำให้หัวหน้าเผ่าเข้าใจผิดว่าคนของหุบเขาพิษสังหารอวิ๋นลั่วเฟิง!

 

 

ดังนั้นเขาจึงรีบส่งคนไปตามหาครอบครัวของอวิ๋นลั่วเฟิงเพื่อจะแจ้งข่าวแก่พวกเขา

 

 

โดยที่ไม่รอให้ข่าวการตายของอวิ๋นลั่วเฟิงไปถึงหูครอบครัวนาง คนจากหุบเขาพิษก็มาถึงหน้าประตูเผ่าผู้ใช้เวทอีกครั้ง หัวหน้าเผ่าผู้ใช้เวทที่กำลังโดนหุบเขาพิษโจมตีจนข้างหนึ่งก้าวไปสู่ความตายก็โชคดีที่ผู้อาวุโสจวินมาถึงแล้วกำจัดคนจากหุบเขาพิษ

 

 

ผู้อาวุโสจวินเพิ่งรู้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นหลานสาวของตัวเอง แล้วก็รู้ข่าวว่านางเดินทางมาที่นี่เพื่อตามหากระดูกผู้ใช้เวท จึงรีบตามมาอย่างตื่นเต้น

 

 

ใครจะรู้ว่า…เขาจะต้องมาฟังข่าวร้ายแบบนี้

 

 

ใครจะไปเข้าใจความรู้สึกของคนที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองมีครอบครัวแล้วออกมาตามหาแต่กลับต้องมาฟังข่าวร้ายทันทีที่มาถึง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1449 เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ (6)

 

 

จิตวิญญาณที่กระฉับกระเฉงของผู้อาวุโสจวินลดลงไปหลายสิบปีทันที แม้แต่หลังจากที่เขาออกมาจากเผ่าผู้ใช้เวท แผ่นหลังของเขาก็โค้งงอแล้วแสดงสีหน้าเศร้าโศกอยู่ตลอดเวลา ต้องมีใครสักคนชดใช้กับความเสียใจของชายชราผู้นี้! เขาโทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดของหุบเขาพิษ ดังนั้นเขาจึงมุ่งหน้าไปที่หุบเขาด้วยตัวเองเพื่อเริ่มการสังหารหมู่

 

 

ขณะเดียวกัน…

 

 

ข่าวการตายของอวิ๋นลั่วเฟิงก็แพร่ไปทั่วแคว้นแล้วปลุกระดมคนหลายกลุ่ม

 

 

ทั้งเมืองบูรพาที่หงหลวนอยู่และเมืองประจิมของสำนักศึกษาเมืองประจิมเองก็มุ่งหน้ามาโจมตีหุบเขาพิษเช่นเดียวกัน แม้ยอดฝีมือจากตระกูลจวินแห่งเมืองวิญญาณจะไม่ได้ลงมือ แต่แค่ผู้อาวุโสจวินคนเดียวก็เพียงพอที่จะทำลายหุบเขาพิษ

 

 

ประมุขของหุบเขาพิษสับสนจากความตกใจ ใครจะคิดว่าจะมีใครก็ไม่รู้ในหุบเขากล้าโจมตียอดฝีมือของเมืองเหล่านี้ สิ่งที่ทำให้เขาโมโหยิ่งขึ้นก็คือไอ้สวะเซี่ยงเฟยหาเรื่องใครไม่ทำ ดันไปหาเรื่องสตรีที่ชื่ออวิ๋นลั่วเฟิง!

 

 

ดังนั้นเพื่อความอยู่รอด ประมุขหุบเขาจึงพากลุ่มคนที่เขาไว้วางใจถอยไปตั้งหลักที่ภูผาสุสานกับเขา ถ้าที่ที่อันตรายที่สุดในแผ่นดินหลงเซี่ยวคือป่าในแดนลับแล เช่นนั้นที่ที่อันตรายที่สุดของแคว้นเจ็ดเมืองก็คือภูผาสุสานเทพ ตามตำนานกล่าวว่าแม้เหล่าเทพเซียนจะมาที่ภูผาสุสานเทพก็ยากที่จะหนีออกไปแบบมีชีวิต!

 

 

แม้ประมุขหุบเขาพิษอาจจะต้องทิ้งชีวิตไว้ที่ภูผาสุสานเทพ แต่ก็ดีกว่าตกอยู่ในมือของศัตรู ไม่แน่เขาอาจจะโชคดีแล้วรอดชีวิตในภูผาก็ได้…

 

 

การกระทำของสมาชิกของหุบเขาพิษมีประสิทธิภาพอย่างมาก เมื่อยอดฝีมือทั้งหลายเห็นว่าพวกเขาหนีเข้าไปในภูผาสุสานเทพ พวกเขาก็หยุดไล่ล่า แต่พวกเขาก็ยังเฝ้าดูอยู่ด้านนอก ถ้าคนจากหุบเขาพิษออกมา พวกเขาจะเข้าไปสังหารทันทีโดยไม่ลังเล!

 

 

ขณะที่ทุกคนคิดว่านอกจากคนจากหุบเขาพิษที่หนีเข้าไปในภูผาสุสานเทพแล้วก็คงไม่มีใครเข้าไปอีก แต่ก็มีชายหนุ่มหล่อเหลาสวมอาภรณ์ยาวสีดำมุ่งหน้าเข้าไปในภูผาท่ามกลางสายตาของทุกคน

 

 

นอกจากใบหน้าหล่อเหลาคมคายของเขาแล้ว กลิ่นอายของเขาก็ทรงพลังเหมือนกัน ใครก็ตามที่อยู่ใกล้เขาล้วนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเย็นยะเยือกจนไม่น่าเข้าใกล้จากเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าเข้าไปถามเมื่อเห็นเข้าไปในภูผา จนกระทั่งร่างของเขาหายไป ทุกคนถึงพึ่งมีการตอบสนอง

 

 

“ชายคนนั้นเป็นใครกัน”

 

 

“ข้าก็ไม่รู้ แต่กลิ่นอายของเขาทรงพลังมากเกินไป ตอนที่ข้ายืนอยู่ข้างเขาเมื่อกี้ ข้ารู้สึกได้ว่าตัวเองถูกปกคลุมไปด้วยความหนาวเหน็บราวกับว่าชีวิตของข้าสามารถหายไปภายใต้น้ำมือเขาได้ทุกเมื่อ”

 

 

การที่สามารถสังหารคนได้เพียงแค่ใช้กลิ่นอายชายคนนี้ต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกัน ไม่แน่ว่าอาจจะมีแค่ผู้อาวุโสจากตระกูลจวินเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับเขาได้

 

 

 

 

ณ เมืองหลวง

 

 

ภายในจวนเก่าแก่หลังหนึ่ง ผู้อาวุโสจวินร้องไห้คร่ำครวญเหมือนเด็กๆ น้ำตาไหลอาบแก้ม ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเศร้าโศก

 

 

มู่ต้งถอนหายใจ “นี่ก็ผ่านมาสามปีแล้ว ถึงแม้ว่านางจะตายจริง นางก็จากไปเกือบสามปีแล้ว เจ้าจะร้องไห้อีกนานแค่ไหน”

 

 

“คนที่ตายไม่ใช่หลานสาวเจ้านี่ เจ้าก็เลยไม่เสียใจ” ผู้อาวุโสจวินสะอึกสะอื้นไม่หยุด “ไอ้พวกสารเลวจากหุบเขาพิษ พวกเขากล้าแตะต้องหลานสาวของชายแก่คนนี้ ถ้าพวกเขาตกอยู่ในกำมือข้าเมื่อไร ชายแก่คนนี้จะทำให้พวกเขาเสียใจยิ่งกว่าความตาย!”

 

 

มุมปากของมู่ต้งกระตุก เขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็จบลงที่ปิดปากเงียบอย่างช่วยไม่ได้ ลืมมันซะเถอะ ข้าไม่สามารถยุ่งกับชายแก่คนนี้ได้อีกแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะพุ่งเข้าไปในภูผาสุสานเทพเพื่อหาทางแก้แค้นกับคนของหุบผาพิษ!

 

 

ที่จริงเมื่อสามปีที่แล้วชายชราคนนี้ก็เกือบพุ่งเข้าไปข้างในแล้ว ถ้าเขาไม่เข้าไปหยุดชายชราไว้เสียก่อน ไม่แน่เขาอาจจะไปเป็นอาหารให้สัตว์อสูรวิญญาณในภูผาสุสานเทพแล้ว

 

 

“เวลาก็ผ่านไปสามปีแล้ว ไม่แน่คนจากหุบเขาพิษอาจจะตายอยู่ข้างในแล้วก็ได้ สถานที่นั่นอันตรายมาก อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่พวกเราก็ไม่กล้าเข้าไปข้างในแบบไม่ระวังตัว”

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

Author:
อวิ๋นลั่วเฟิง นักเรียนแพทย์หัวกะทิได้ย้อนอดีตกลับไปอยู่ในร่างของคุณหนูใหญ่สุดสำรวย สตรีผู้มีชื่อฉาวคาวกระฉ่อนว่าเป็นเพียงสวะของสกุล ซ้ำร้ายยังหน้าหนาไปฉุดหนุ่มรูปงามทั้งที่ตนมีคู่หมั้นเป็นถึงองค์รัชทายาท เรื่องน่าอับอายนี้เป็นเหตุให้นางโดนถอนหมั้นจนตัดสินใจปลิดชีวิตตนไปด้วยความเจ็บปวด ครั้นเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง คุณหนูใหญ่แห่งสกุลอวิ๋นก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ฉายาคุณหนูสวะนั้นหรือเป็นเพียงคำลวง แพทย์หญิงอัจฉริยะต่างหากที่เป็นของจริง! ไหนจะมี ‘ชายปริศนา’ ที่โผล่มาบอกให้นาง ‘รับผิดชอบ’ เขา ทั้งยังคอยติดตามอยู่ข้างกายไม่ห่างพร้อมประกาศว่า “ใครหน้าไหนที่จะมาทำร้ายสตรีของข้าก็ดาหน้ากันเข้ามา แต่จงจำไว้ว่ามันจะไม่มีวันได้มีชีวิตกลับไป!” เช่นนี้แล้วอวิ๋นลั่วเฟิงจะรับมือกับเรื่องราวเหล่านี้อย่างไรดีเล่า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset