ยอดนักรบจอมราชัน – ตอนที่ 168 การต่อสู้ทางวาจา (2)

ฉินเทียนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ดับซิการ์ของเขาจดมอด เขาอดไม่ได้ที่จะยอมรับและชื่นชมวาจาที่เฉียบคมของเย่เชียน เพราะจากสิ่งที่ฉินเทียนได้ยินมาจากลูกสาวของเขาและลุงจางเชียง เขาก็คิดอยู่แล้วว่าหนุ่มน้อยคนนี้นั้นคงไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ๆ เขามีวุฒิภาวะและประสบการณ์ที่ชายหนุ่มธรรมดา ๆ ไม่มี เพราะเขามีทั้งความทะเยอทะยานและความฝันในวัยเยาว์ ฉินทียนคิดว่าในอนาคตเย่เชียนคนนี้อาจจะสร้างความแตกต่างและยิ่งใหญ่บางอย่างก็เป็นได้

“ถ้าหลานชายเย่จะต้องเลือกระหว่างถนนสองสายที่แตกต่างกันโดนสิ้นเชิง ถนนสายหนึ่งเป็นการเดินทางที่วิเศษมาก หากแต่ผลลัพธ์กลับธรรมดา ส่วนถนนอีกสายเป็นการเดินทางที่สุดแสนจะธรรมดา แต่ผลลัพธ์กลับยอดเยี่ยม หลายชายเย่จะเลือกถนนเส้นไหน ?” ฉินเทียนถาม

เย่เชียนผงะไปชั่วขณะ เพราะฟังจากคำพูดของฉินเทียนแล้วดูเหมือนกับว่ามันจะมีความหมายอื่นแฝงอยู่ แต่เขาก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่ามันคืออะไรกันแน่

“ถ้าเป็นคำถามสมมุติผมก็ขอไม่ตอบเช่นกัน” เย่เชียนตอบด้วยคำพูดก่อนหน้านี้ของฉินเทียนย้อนกลับไปที่เขา

ฉินเทียนหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “ดูเหมือนว่ามีหลายอย่างเลยนะที่เราคล้ายกัน แต่ถ้าฉันบอกว่าคำถามนี้มันไม่ใช่คำถามสมมุติล่ะ ? หลานชายจะตอบแบบไหน”

“ยกโทษให้กับความโง่เขลาของเด็กอย่างผมด้วยครับ ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าลุงฉินหมายถึงอะไร” เย่เชียนถาม

ฉินเทียนหัวเราะแล้วพูดว่า “ไว้ก่อน ๆ ช่างมันเถอะ ฉันได้ยินมาว่าหลานชายเย่…”

“ผมขอโทษจริง ๆ ครับ” เย่เชียนรีบพูดขอโทษขัดจังหวะเขา

“ไม่เป็นไร… ฉันได้ยินมาจากหยูเอ๋อร์น่ะว่าหลานชายเย่เคยใช้ชีวิตอยู่ในแถบตะวันออกกลาง และเพิ่งจะกลับมาที่จีนเมื่อไม่นานมานี้เองใช่มั้ย ?” ฉินเทียนถาม

“ใช่ครับ ผมไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว” เย่เชียนตอบ

“แล้วหลานชายเย่ตั้งใจจะทำอะไรต่อไปหรือ ? มีแผนสำหรับอนาคตของตัวเองแล้วหรือยัง” ฉินเทียนถาม

“มันพูดยากจริง ๆ ครับ” เย่เชียนหัวเราะเบา ๆ และพูดต่อ “อนาคตภายภาคหน้ายังอีกไกล… ผมอยากจะแต่งงานมีภรรยามีลูกแล้วใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิต”

เย่เชียนตอบสบาย ๆ แต่ฉินเทียนกลับคิดว่าเย่เชียนนั้นเสแสร้ง เขาเข้าใจดีว่าเย่เชียนแค่ไม่อยากเล่าถึงแผนการและจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของเขา ทว่าฉินเทียนก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะเค้นคำถามซ้ำ ๆ เขานั้นมีชีวิตอยู่บนโลกนี้มานานแล้ว เขาเคยผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตและความยากลำบากมามากมาย เขาจึงมีประสบการณ์มากอยู่พอสมควร มันทำให้เขารู้ว่าเมื่อใดควรเมื่อใดไม่ควร

“แต่บางครั้งการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ เพราะเราต้องแบกรับภาระอันหนักหน่วงและความกดดันต่าง ๆ อย่างมหาศาลเอาไว้” ฉินเทียนพูด

เย่เชียนหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “ฮ่า ๆ ๆ ผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าชีวิตผมจะเป็นยังไงต่อไป”

เมื่อเย่เชียนยังคงแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาและไม่รู้อะไรเลยแบบนี้ มันจึงทำฉินเทียนต้องยอมรับกับความพ่ายแพ้ไปอย่างหมดหนทาง ฉินเทียนคิดว่าเย่เชียนนั้นรับมือได้ยากกว่าที่คิดเอาไว้เยอะมาก มันทำให้เขาคิดว่าถ้าหากเย่เชียนต้องกลายศัตรูคู่แค้นกับเขาในอนาคตล่ะก็ ถึงจะเป็นตัวเขาเองก็ตาม เขาก็ไม่อาจคิดได้ว่าเขาหรือเย่เชียนใครจะเป็นผู้ชนะกันแน่

“หลานชายเย่ หลานเป็นเด็กที่กล้าหาญที่สุดที่ฉันเคยพบเจอมาเลย น้อยคนนักที่ยังสงบสุขุมและยังคงเป็นตัวของตัวเองเหมือนที่หลายชายเย่กำลังพูดคุยกับฉันอยู่ได้แบบนี้ พูดตรง ๆ นะฉันน่ะชื่นชมหลานชายเย่จริง ๆ ” ฉินเทียนพูดอย่างจริงใจ

“ลุงฉินก็ชมผมเกินไป… ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากครับ” เย่เชียนตอบด้วยท่าทีที่อ่อนน้อมถ่อมตน

“ถึงแม้ว่าหลานชายเย่จะไม่ได้กลับมาที่นี่นานแล้ว แต่ก็อยู่มาสักพักหนึ่งแล้วใช่มั้ย ? หลานคิดยังไงเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในเซี่ยงไฮ้ตอนนี้บ้างล่ะ ?” ฉินเทียนถาม

“ผมบอกได้คำเดียวเลยครับว่ามันกำลังมีคลื่นลูกใหญ่ใต้น้ำ!” เย่เชียนตอบ

เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่คำตอบที่ฉินเทียนต้องการ เพราะสิ่งที่เขาต้องการก็คือให้เย่เชียนวิเคราะห์สถานการณ์ของเซี่ยงไฮ้อย่างถี่ถ้วนโดยละเอียดมากกว่านี้ ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถประเมินและตัดสินได้ว่าคำพูดของฉินหยูที่พูดเกี่ยวกับเย่เชียนว่าเย่เชียนนั้นเป็นชายหนุ่มที่มีคุณสมบัติมากพอที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงเมืองแห่งนี้ได้ และจะเป็นบุคคลที่เหมาะสมในการเข้ารับช่วงต่อเป็นผู้สืบทอดของตัวเอง

แต่หลังจากที่ครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้วกับคำตอบของเย่เชียน ฮินเทียนก็อดไม่ได้ที่จะยอมรับว่ามันเป็นความจริงอย่างที่สุดเพราะถึงแม้ว่าคำตอบมันจะดูเรียบง่ายก็ตาม แต่มันกลับสามารถอธิบายถึงเซี่ยงไฮ้ในตอนนี้ได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งที่สุดแล้ว มันคือคลื่นลูกใหญ่ใต้น้ำอย่างจริงแท้

“แล้วหลานชายเย่คิดว่าหงเหมินกรุ๊ปของเราควรจะเดินหน้าต่อไปอย่างไรดีล่ะ ?” ฉินเทียนถามต่อ

เย่เชียนพึมพำกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามขึ้นมาว่า “คำตอบของผมมันจะมีผลต่อการตัดสินใจของลุงฉินมั้ยครับ ?”

“ไม่!” ฉินเทียนตอบอย่างหนักแน่น

เย่เชียนยักไหล่เบา ๆ แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นผมจะตอบหรือไม่ตอบมันก็ไม่สำคัญสินะ แล้วทำไมลุงฉินถึงอยากรู้ความคิดเห็นของผมล่ะ ? บางทีคำตอบของผมมันอาจจะตรงกันข้ามกับวิสัยทัศน์ของลุงฉินก็ได้ มันจะนำมาซึ่งความขุ่นเคืองเสียเปล่า ๆ”

ฉินเทียนจ้องมองเย่เชียนแล้วก็หัวเราะ “เอาหน่า… พูดมาเถอะ”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เย่เชียนก็พูดขึ้นมาว่า “ถ้างั้นผมขอถามลุงฉินเพียงคำถามเดียว! คุณคิดว่าใครมีโอกาสชนะมากที่สุดถ้าหงเหมินกรุ๊ปกับชิงกรุ๊ปเข้าร่วมในสงคราม ? หรือใครที่คุณคิดว่าจะได้รับประโยชน์สูงสุด ?”

ฉินเทียนขมวดคิ้วและเงียบไป ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิดตั้งคำถามนี้ด้วยตัวเองมาก่อนหรืออะไร มันเป็นเพียงเพราะการที่เขารู้สึกว่าเขาจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมาตระหนักและไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วนเพียงเพราะเย่เชียนเป็นคนถาม

เย่เชียนไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาจดจ่ออยู่กับมวนซิการ์ของตัวเองโดยไม่รบกวนหรือรีบเค้นคำตอบจากฉินเทียน เย่เชียนเข้าใจอย่างเป็นธรรมชาติว่าองค์กรขนาดใหญ่อย่างหงเหมินกรุ๊ปนั้น ไม่ได้ขาดคนเก่งที่มีพรสวรรค์ระดับสูงเลย พวกเขาคงจะคิดเรื่องนี้มาก่อนล่วงหน้าบ้างแล้ว ท้ายที่สุดมันก็เป็นเช่นเดียวกับที่เย่เชียนพูดว่า มีบางครั้งสิ่งที่เราต้องการอาจไม่ใช่ผลลัพธ์ แต่เป็นการเดินทางและผจญโลกต่างหาก นั่นคือสาเหตุที่ฉินเทียนเงียบไป

ที่ผ่านมาทั้งผู้มีอำนาจและผู้ทรงอิทธิพลทั้งหมดในเซี่ยงไฮ้แห่งนี้ไม่ได้ให้ความสนใจกับเย่เชียนเลยแม้แต่น้อย แต่สำหรับฉินเทียนแล้ว ในการเผชิญหน้ากันเป็นเวลาสั้น ๆ กับเย่เชียนนั้น ฉินเทียนถือว่าเย่เชียนคนนี้เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวอย่างมาก ถึงแม้ว่าตอนนี้เย่เชียนจะไม่ใช่ศัตรูก็ตาม แต่เย่เชียนก็อาจจะเป็นศัตรูในอนาคตของพวกเขาได้ ดังนั้นเขาจึงต้องคิดและทบทวนอีกครั้งถึงคำถามที่เขาละเลยไปก่อนหน้านี้ทั้งหมด

คิ้วที่ขมวดกันแน่นของฉินเทียนค่อย ๆ ผ่อนคลายลงหลังจากผ่านไปชั่วอึดใจหนึ่ง เขามองไปที่เย่เชียนและพูดขึ้นมาว่า “หลานชายเย่! ฉันคิดว่าฉันชักจะชอบหลานชายมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วล่ะ”

เย่เชียนหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับพูดว่า “ฮ่า ๆ ๆ ลุงฉิน! ผมมีแฟนแล้วนะ”

ฉินเทียนถึงกับผงะไปชั่วครู่ จากนั้นก็หัวเราะออกมา ด้วยคำพูดของเย่เชียนที่หยอกล้อกับเขานั้น มันทำให้อารมณ์ของเขาไม่ตึงเครียดเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว และบรรยากาศที่น่าอึดอัดก็หายไปด้วยเช่นกัน “โอ้ใช่! ฉันจะไปเมืองหนานจิงอีกไม่กี่วันนี้ หลานชายเย่พอมีเวลามั้ย ? ถ้าว่างไปกับฉันสิ” ฉินเทียนชวน

“หนานจิงเหรอ ? มันคือเมืองหลวงเก่าแก่โบราณของราชวงศ์ที่หก ผมอยากไปมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้มีโอกาสเลยครับ” เย่เชียนพูดด้วยความดีใจ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าแผนของฉินเทียนนั้นคืออะไรกันแน่ แต่เย่เชียนไม่ได้กลัวเลยว่าฉินเทียนจะวางอุบายอะไรเอาไว้เพื่อจัดการกับเขา

ประการแรกเลยคือฉินเทียนไม่ใช่คนแบบนั้น ส่วนประการที่สองก็คือในตอนนี้ฉินเทียนไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องต่อสู้หรือกำจัดเย่เชียนเลย เพราะท้ายที่สุดแล้วศัตรูที่แท้จริงของหงเหมินกรุ๊ปในตอนนี้มันไม่ใช่ตัวของเย่เชียนเอง และเขาก็เชื่อว่าฉินเทียนจะไม่เพิ่มศัตรูในเวลาเช่นนี้อย่างแน่นอน ความเป็นไปได้อย่างเดียวก็คือ ฉินเทียนต้องการที่จะค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเย่เชียนด้วยตัวของเขาเอง ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่ไปเสียทั้งหมด แต่เย่เชียนก็เชื่อว่าไม่มากก็น้อยที่จะเป็นแบบนั้น

“หลานชายตกลงใช่มั้ย? ฮ่า ๆ ๆ ” ฉินเทียนหัวเราะและพูดต่อ “ถ้างั้นฉันจะติดต่อไปหาหลานชายเย่เองเมื่อถึงเวลา”

“คือ… ผมมีคำถามนิดหน่อยน่ะครับ ตั๋วเที่ยวไปและกลับนั้นลุงฉินจะเป็นคนซื้อให้ผมใช่มั้ยครับ ฮ่า ๆ ๆ ” เย่เชียนถามพร้อมทั้งหัวเราะอย่างซุกซน

ฉินเทียนถึงกับผงะไปชั่วครู่ จากนั้นก็หัวเราะอย่างมีความสุขและพูดว่า “แน่นอนอยู่แล้ว! ฉันรับประกันเลย ฮ่า ๆ ๆ ”

ยอดนักรบจอมราชัน

ยอดนักรบจอมราชัน

อ่านนิยาย ยอดนักรบจอมราชัน
Status: Ongoing
เรื่องย่อ เขาคือผู้ปกครองที่อยู่เหนือเหล่าทหารรับจ้างและหน่วยรบพิเศษ เขาคือผู้น่าเกรงขามที่สามารถทำให้ผู้นำประเทศแต่ละประเทศถึงกับสั่นคลอน! เพื่อพวกพ้องของเขาแล้วเขาพร้อมที่จะเสียสละตัวเอง เพื่อครอบครัวของเขา..เขาก็ไม่ลังเลที่จะหลั่งเลือด! เขานั้นดุจดั่งมังกรที่ทยานขึ้นเหนือสรวงสวรรค์.. พลังของเขานั้นทำให้ได้มาซึ่งชัยชนะ ไม่ว่าสถานการณ์จะเสียเปรียบและย้ำแย่เพียงใดก็ไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดเขาได้ แม้ว่าจะเป็นสายลมหรือผืนน้ำก็ตาม… ————————————– ————————————– ..โปรย.. ชายหนุ่มผู้เป็นดั่งจุดสูงสุดของเหล่าทหารรับจ้าง..ผู้ที่หวนกลับคืนสู่บ้านเกิดเพื่อจะใช้ชีวิตที่แสนธรรมดา..แต่โชคชะตากลับนำพามาเจอแต่เรื่องวุ่นวาย..ชายที่มีนามว่า ‘เย่เชียน’ ถูกขนานนามว่า ‘ราชันหมาป่า’ แต่กลับต้องมาปลอมตัวใช้ชีวิตเป็นเด็กมหาวิทยาลัยเพื่อที่จะปกป้องหญิงสาวจากองกรค์นักฆ่านานาชาติ…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset