ยอดหญิงสกุลเสิ่น – ตอนที่ 204-2 เช้าตรู่วันหนึ่ง

นี่เป็นเช้าตรู่ที่มีความสุขและทำให้คนรู้สึกเปี่ยมล้นไปด้วยความหวังจริงๆ ชาวบ้านยากจนนับไม่ถ้วนในเมืองทงโจวต่างก็เปิดประตูหรือว่าในลานบ้าน หรือว่าข้างประตูบ้าน เก็บก้อนทองหรือว่าก้อนเงินขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ คนที่มีความรู้ก็เข้าใจว่านี่คือขโมยผู้ชอบธรรมในเมือง ประชาชนที่เยอะยิ่งกว่าก็คิดว่าเป็นสวรรค์ พระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์กวนอิมที่คอยปกปักรักษา พากันคุกเข่าโขกศีรษะในลานบ้าน น้อมคำนับขอบคุณพระกรุณาของสวรรค์ พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์กวนอิม 

 

 

ยังคงเป็นเช้าตรู่เช่นเดียวกัน สวีโย่วนั่งอยู่บนรถเข็นโดยมีเจียงเฮยเจียงไป๋ยกขึ้นเขาชิงลั่ว ศาสนิกชนที่บังเอิญพบระหว่างทางก็พากันส่งสายตาสงสารมายังคุณชายวัยหนุ่มผู้นี้ มีผู้อาวุโสอายุมากยังปลอบด้วยความหวังดี “พ่อหนุ่มเอ๋ย อย่าได้ท้อใจไป พระที่วัดจยาหลานของพวกเราศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก เจ้าจุดธูปบูชาให้เยอะหน่อย พระองค์ก็จะรักษาอาการป่วยของเจ้าให้หายดี” เกิดในตระกูลร่ำรวยแล้วอย่างไร ไม่มีร่างกายที่แข็งแรงก็สู้พวกเขาไม่ได้ เด็กหนุ่มคนนี้มองดูก็รู้ว่าอ่อนแอมีโรครุมเร้า เกิดมาดีเช่นนี้ น่าเสียดายยิ่งนัก 

 

 

สวีโย่วมาถึงหน้าวัดจยาหลานท่ามกลางสายตาสงสารตลอดทางเช่นนี้ เงยหน้าขึ้นมอง วัดจยาหลานทั้งหลังก็อาบอยู่ในแสงแรกอรุณ เงียบสงบและขลัง หากไม่ใช่ว่าได้แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ สวีโย่วเองก็ไม่เชื่อว่าพื้นที่ห่างไกลแห่งนี้จะกลายเป็นที่ซ่อนมลทิน 

 

 

“คุณชาย ท่านวางใจ รอไหว้พระเสร็จแล้วอาการป่วยของท่านก็จะดีขึ้นเอง” เจียงไป๋กล่าว พยุงสวีโย่วขึ้นมากับเจียงเฮย ช่วยกันประคองเขาเดินไปยังวิหารใหญ่ คนอื่นๆ ที่ตามมาย่อมรออยู่นอกวิหาร 

 

 

สวีโย่วสีหน้าขาวซีด เดินได้ไม่กี่ก้าวก็เหนื่อยหอบ หน้าผากก็มีเม็ดเหงื่อแน่นขนัดผุดออกมา เจียงเฮยกับเจียงไป๋ไร้หนทาง ทำได้เพียงหยุดพัก หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อให้เขา 

 

 

ระยะทางสั้นๆ สวีโย่วหยุดไปสามรอบ ท่าทางอ่อนแอเช่นนี้ไม่เพียงแต่ศาสนิกชนที่ทนมองไม่ได้ แม้แต่หลวงจีนในวัดก็ยังมีสีหน้าสงสาร 

 

 

สวีโย่วถูกเจียงเฮยเจียงไป๋พยุงคุกเข่าอยู่บนเบาะทรงกลมกราบไหว้สามครั้ง เจียงเฮยจุดธูปแทนเขา ทั้งยังถวายเงินทำบุณเพิ่มอีกห้าร้อยตำลึง เจียงไป๋อธิษฐานเสียงเบา “ข้าแต่พระพุทธเจ้า ขอให้ท่านจงรักษาอาการป่วยคุณชายของข้าให้หายโดยเร็ว คุณชายผู้น่าสงสารของข้ามีความรู้ความสามารถ ท่านต้องรักษาให้เขาดีขึ้นโดยเร็ว หากสมปรารถนา คุณชายของข้าจะหล่อพระพุทธรูปถวายแด่พระพุทธองค์” 

 

 

บอกว่าเสียงเบา แต่อันที่จริงแล้วหลวงจีนในวิหารใหญ่แห่งนี้กลับได้ยินทั้งหมด พวกเขามองคุณชายปวดออดแอดนั่งหลับตาสนิทอยู่บนเบาะปราดหนึ่ง สายตาปรากฏความสงสารหลายส่วน เกิดมาดีเช่นนี้ ทั้งยังฉลาด แต่กลับไม่มีสุขภาพที่แข็งแกร่ง โชคชะตาเล่นตลกจริงๆ 

 

 

หลวงจีนวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ พวกเขาก็กล่าวอมิตาพุทธคราหนึ่ง “โยมผู้นี้ อาตมาเห็นโยมสีหน้าไม่ดี เกรงว่าจะป่วยอยู่ใช่หรือไม่ อาจารย์อาเต้ากวงในวัดอาตมาชำนาญการแพทย์ หากโยมไม่ถือสาจะไปให้อาจารย์อาเต้ากวงดูหน่อยก็ย่อมได้” 

 

 

“จริงหรือ เช่นนั้นก็ดียิ่งนัก พระอาจารย์โปรดชี้แนะ” เจียงไป๋ตื่นเต้นดีใจทั้งใบหน้า หันหน้ามองเจ้านายของตนที่นิ่งเฉย อ้อนวอนอย่างอดไม่ได้ “คุณชาย พวกเราไปให้พระอาจารย์เต้ากวงดูสักหน่อยเถอะ ท่านเองก็ได้ยินแล้ว พระอาจารย์เต้ากวงชำนาญการแพทย์ ไม่แน่ว่าอาจจะรักษาอาการป่วยของท่านได้” 

 

 

สวีโย่วเพิ่งจะลืมตาขึ้นช้าๆ ทั้งใบหน้าสงบนิ่ง “เสี่ยวไป๋ อย่าเปลืองความคิดเลย โรคนี้ของข้าเป็นมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์แล้ว หมอเทวดาหมอหลวงตั้งเท่าไรล้วนรักษาไม่หาย ข้าตายใจไปนานแล้ว สามารถอาบแสงศักดิ์สิทธิ์จากพระพุทธองค์ได้ในวันสุดท้าย หาสถานที่สงบจิตใจ ข้าก็อิ่มใจอย่างยิ่งแล้ว เพียงแค่ลำบากพวกเจ้าที่ติดตามข้ามาตั้งแต่เด็กเหล่านี้” ท่าทางเข้าใจชีวิตความเป็นตายอย่างถ่องแท้  

 

 

เจียงไป๋อ้อนวอนต่อ “คุณชายท่านจะคิดเช่นนี้ไม่ได้ ท่านยังหนุ่มเพียงนี้จักต้องรักษาได้แน่ ท่านให้พระอาจารย์เต้ากวงดูสักหน่อยเถอะ ท่านลำบากตรากตรำเรียนหนังสือมาหลายปีเพียงนั้น ยังไม่ได้แสดงความมุ่งมาดปรารถนาเลย ท่านยอมหรือ ท่านไม่เห็นแก่สิ่งนี้ แต่ก็ต้องคิดแทนฮูหยินด้วยสิขอรับ ฮูหยินมีท่านเป็นลูกชายเพียงคนเดียว หากท่านเป็นอะไรไป ท่านจะให้ฮูหยินไปพึ่งพาใคร คุณชายรองคุณชายสามในจวนไม่อาจทำดีต่อฮูหยินแน่นอน ท่านทนเห็นภาพฮูหยินระทมทุกข์ได้หรือ คุณชาย ผู้น้อยขอร้องท่านล่ะ ท่านอย่าเพิ่งท้อใจ พวกเราออกมาก็เพื่อค้นหาหมอชื่อดังมิใช่หรือ ไม่แน่ว่าพระอาจารย์เต้ากวงอาจจะรักษาท่านหายก็ได้ ใช่หรือไม่พระอาจารย์ใหญ่” เจียงเฮยมองขอความช่วยเหลือจากหลวงจีนวัยกลางคนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ 

 

 

หลวงจีนวัยกลางคนผู้นั้นประกบมือแล้วสวดอมิตาพุทธหนึ่งครา “โยมน้องผู้นี้พูดมีเหตุผล สัตว์เล็กๆ ยังโหยหาชีวิต นับประสาอะไรกับมนุษย์เล่า ในเมื่อโยมมีความปรารถนา อีกทั้งในใจยังมีห่วง เช่นนั้นก็ตั้งสติมารักษาโรคดีกว่า อาจารย์อาเต้ากวงศึกษาการแพทย์มาหลายปี ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นคนที่มีวาสนากับโยม” 

 

 

“ใช่ๆๆ คุณชาย วันนี้ตอนที่ออกมานกกางเขนร้องจิ้บๆ ไม่หยุด นี่เป็นลางดี ไม่แน่ว่าพระอาจารย์เต้ากวงอาจจะรักษาอาการป่วยของท่านได้” เจียงไป๋กล่าวด้วยสีหน้าตื่นเต้น 

 

 

สวีโย่วราวกับถูกกระตุ้น มือทั้งคู่ประกบพยักหน้าน้อยๆ ให้หลวงจีนวัยกลางคนผู้นั้น “เช่นนั้นก็รบกวนพระอาจารย์แล้ว” 

 

 

“พระพุทธองค์เมตตา โยมไม่ต้องเกรงใจ” หลวงจีนวัยกลางคนคำนับกลับ “เชิญโยมทางนี้” 

 

 

สวีโย่วถูกเจียงไป๋เจียงเฮยพยุงกลับไปนั่งลงบนรถเข็น ตามหลังหลวงจีนวัยกลางคนไปหาพระอาจารย์เต้ากวงอะไรนั่นเพื่อดูอาการป่วย 

 

 

ในกุฏิหลังหนึ่ง หลวงจีนสององค์กำลังวางหมาก คนหนึ่งก็คือหลวงจีนเต้ากวงที่หลวงจีนวัยกลางคนในวิหารใหญ่เอ่ยถึงผู้นั้น ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือหลวงจีนเต้าเสวียน 

 

 

หลวงจีนเต้ากวงวางหมากลง มองศิษย์พี่ฝั่งตรงข้ามปราดหนึ่งแล้วกล่าว “เพียงแค่คนขี้โรคคนหนึ่ง ศิษย์พี่หวาดผวาเกินไปหรือไม่” 

 

 

หลวงจีนเต้าเสวียนฝั่งรงข้ามก็วางหมากลง กล่าว “ดูท่าทีก่อนดีกว่า” หยุดครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวต่อ “ศิษย์พี่เจ้าอาวาสบอกแล้วว่า ราชสำนักคล้ายมีความเคลื่อนไหวผิดปกติ ซ้ำที่นี่ก็ยังเป็นวัด คนไปคนมา ใครจะรู้ว่าจะมีสายลับแฝงตัวเข้ามาหรือไม่ พวกเราต้องระมัดระวัง ทำนายท่านเสียเรื่องขึ้นมาจะแย่เอา” 

 

 

หลวงจีนเต้ากวงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง “สถานการณ์ในวัดหลายวันมานี้ก็เป็นปกติดีไม่ใช่หรือ เพียงแค่วันนี้คุณชายขี้โรคมา เจ้าไม่ได้ยินข่าวที่หมิงเจวี๋ยส่งกลับมาหรือ แม้แต่จะเดินยังต้องให้คนพยุง จะเป็นสายลับของราชสำนักได้อย่างไร ศิษย์พี่น่ะ เจ้าอย่ากดดันตัวเองนักเลย” 

 

 

เต้าเสวียนยังคงยืนกราน “ข้ามักจะรู้สึกไม่วางใจอย่างยิ่ง ดูให้ดีๆ หน่อยแล้วกัน ศิษย์น้อง พวกเขามาแล้ว ข้าไปหลบก่อน” เขายืนขึ้นเข้าไปในห้องลับ 

 

 

หลวงจีนวัยกลางคนเข้ามาในกุฏิก่อน ชั่วขณะก็เดินออกมาอีกครั้ง “โยม อาจารย์อาเต้ากวงเชิญเข้าไป” 

 

 

รถเข็นย่อมเข็นเข้ามาไม่ได้ เจียงเฮยเจียงไป๋ก็พยุงสวีโย่วเดินเข้ามาในกุฎิ “พระอาจารย์เต้าหวง ผู้น้อยรบกวนแล้ว” 

 

 

“โยมเชิญนั่ง” หลวงจีนเต้ากวงสวดอมิตาพุทธหนึ่งครา จากนั้นจึงยื่นมือออกมาวางไว้บนข้อมือของสวีโย่ว เขาหลับตาลง คล้ายตั้งใจวินิจฉัยโรค 

 

 

นานอย่างยิ่งจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น เห็นคนทั้งสามตรงหน้ามองเขาอย่างเฝ้ารอคอย จากนั้นจึงถอนหายใจส่ายหน้า กล่าวด้วยความเสียใจอย่างถึงที่สุด “โรคนี้ของโยมมีมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ต่อมาก็ไม่ทันได้รักษา อีกทั้งยังเหมือนกินของสำแดงเข้าไป หากเร็วกว่านี้สักสามถึงห้าปี อาตมาก็ยังมั่นใจห้าส่วนสิบ แต่ตอนนี้กลับเหลือเพียงสามส่วนสิบแล้ว” 

 

 

เดิมคิดว่าคนทั้งสามตรงหน้าจะผิดหวังอย่างถึงที่สุด กลับเห็นบ่าวรับใช้ผู้นั้นด้านขวากล่าวด้วยสีหน้าตื่นเต้น “คุณชายท่านได้ยินหรือไม่ พระอาจารย์บอกว่ามั่นใจสามส่วนสิบ เยอะกว่าหมอหลวงจำนวนมากที่นายท่านผูกสัมพันธ์ทุ่มเทกายใจกว่าจะเชิญมาได้ตั้งสองส่วน คุณชาย ผู้น้อยบอกแล้วว่าท่านจะดีขึ้นได้ ท่านจะต้องหาย พวกเราจะไม่ไปไหน พวกเราจะอยู่ที่วัดจยาหลาน มีพระอาจารย์เต้ากวงออกมือ ท่านจะต้องดีขึ้นอย่างรวดเร็วแน่นอน” 

 

 

จากนั้นก็โผเข้าไปคุกเข่าให้หลวงจีนเต้ากวง “พระอาจารย์ ขอร้องท่านล่ะ ท่านต้องช่วยคุณชายของพวกเรานะขอรับ คุณชายของพวกเราเป็นคนดี มีคุณธรรมมีสติปัญญา จิตใจก็ดี ไม่เคยดุด่าบ่าวเช่นพวกข้าเลย ผู้น้อยขอให้ท่านช่วยคุณชายของพวกเราด้วยเถิด” ปังๆๆ โขกศีรษะขึ้นมา 

 

 

หลวงจีนเต้ากวงรีบห้าม “พอแล้วๆๆ ได้พบกันถือเป็นวาสนา ในเมื่อโยมมากราบไหว้ต่อพระพุทธองค์ อาตมาจะยืนมองดูเฉยๆ ได้อย่างไร เพียงแต่อาการป่วยของโยมอาจจะไม่ได้ดีขึ้นได้ภายในเวลาสั้นๆ โยมต้องเตรียมใจไว้ด้วย” 

 

 

“ไม่กลัว ไม่กลัว ขอเพียงแค่รักษาอาการของคุณชายได้ ต่อให้ต้องอยู่ในวัดแห่งนี้สามปีห้าปีพวกข้าก็ยินดี” บ่าวรับใช้ผู้นั้นทางซ้ายก็เอ่ยปากด้วยสีหน้าตื่นเต้นเช่นกัน 

 

 

หลวงจีนเต้ากวงมองสวีโย่ว สวีโย่วพยักหน้า “เช่นนั้นอาการป่วยของผู้น้อยก็รบกวนพระอาจารย์แล้ว” 

 

 

หลวงจีนเต้ากวงก็ลูบหนวดกล่าว “โยมไม่ต้องเกรงใจ นี่เองก็เป็นเพราะอาตมากับโยมมีวาสนาต่อกัน” 

 

 

สวีโย่วและคนอื่นๆ ตามหลวงจีนวัยกลางคนที่พาพวกเขามาออกไปจัดแจงที่พักในวัด เมื่อพวกเขาไปแล้วหลวงจีนเต้าเสวียนก็เดินออกมาจากห้องลับ “เป็นอย่างไร” เขากล่าวถาม 

 

 

หลวงจีนเต้ากวงกล่าว “คนผู้นี้ไม่มีปัญหา ข้าบอกแล้วว่าศิษย์พี่คิดมากเกินไป” 

 

 

“หรือว่าป่วยจริงๆ หรือ” หลวงจีนเต้าเสวียนยังคงไม่เชื่อนัก ในใจเขามักจะมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง 

 

 

“ไหนเลยจะป่วย ชัดเจนว่าเป็นพิษ พิษที่มีมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์” หลวงจีนเต้ากวงมีความรู้ด้านการแพทย์อยู่หลายส่วนจริงๆ “มีพิษแต่กำเนิด ต่อมาก็ถูกวางพิษอีก ต่อให้ข้าออกมือ ก็เป็นเพียงแค่การต่อชีวิตไปอีกสิบปีแปดปีเท่านั้น คิดอยากจะแก่ตาย ยากนัก” เขาส่ายหน้า บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียดาย คุณชายที่สง่างามล้ำเลิศเช่นนี้กลับมีชะตาชีวิตสั้น ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องรู้สึกเสียดาย 

 

 

“พิษหรือ” หลวงจีนเต้าเสวียนตกใจ บนใบหน้ามีสีหน้างุนงง 

 

 

หลวงจีนเต้ากวงเห็นท่าที ก็หัวเราะจุปากกล่าว “ศิษย์พี่คงจะไม่ได้เป็นหลวงจีนนานจนลืมเรื่องโสมมเหล่านั้นอย่างการตบตีของภรรยาเอกอนุภรรยาในสังคมไปแล้วหรอกกระมัง” สามารถถูกวางยาพิษตั้งแต่อยู่ในครรภ์ได้ ย่อมต้องมาจากคนผู้นั้นที่ตั้งท้องเขา เรือนหลัง ก็คือสถานที่ที่ฆ่าคนไม่เห็นเลือดอย่างไรเล่า เพียงแต่เสียดายเด็กหนุ่มที่รูปร่างหน้าตาโดดเด่นเช่นนี้ 

 

 

หลวงจีนเต้าเสวียนคิดอย่างละเอียด จากนั้นก็เข้าใจแล้ว 

 

 

ระหว่างทางกลับเจียงไป๋พูดไม่หยุดปาก “คุณชายในที่สุดครั้งนี้พวกเราก็มาถูกที่หาถูกคนแล้ว ตอนนี้ดีแล้ว รอท่านหายป่วย พวกเรากลับไปฮูหยินจะต้องดีใจแน่นอน สิบกว่าปีมานี้นางสวดมนต์ขอพรทุกวัน ไม่ง่ายเลย เฮ้อ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น พระพุทธองค์จะต้องเห็นแก่ฮูหยินของพวกเราเป็นแน่…” สาธยายไม่หยุดตลอดทางเต็มๆ สวีโย่วไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแท้จริงแล้วเจียงไป๋พูดเก่งเพียงนี้ 

 

 

หลวงจีนวัยกลางคนนำกลุ่มของสวีโย่วไปยังเรือนหลังเล็กที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง เจียงไป๋เจียงเฮยขอบคุณอย่างซึ้งอกซึ้งใจพลางส่งคนออกไป เมื่อเข้าห้องแล้ว เจียงเฮยเจียงไป๋ก็มองไปรอบด้านด้วยความระมัดระวังปราดหนึ่ง ไม่พบอะไรผิดปกติจึงวางใจลง “คุณชาย วัดจยาหลานแห่งนี้ดูเหมือนผิดปกติมากจริงๆ” เจียงเฮยกล่าวเสียงเบา 

 

 

“ผิดปกติตรงไหน เหตุใดข้าถึงมองไม่ออกเล่า” เจียงไป๋เองก็ลดเสียงต่ำ 

 

 

เจียงเฮยกล่าวในใจ ก็เจ้าเอาแต่เล่นละครสมจริง ไหนเลยจะยังสังเกตสิ่งอื่นได้ 

 

 

“หลวงจีนในวัดแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเณรที่กวาดพื้น หรือว่าพระอาจารย์หมิงเจวี๋ยผู้นั้นที่นำทางเรา กระทั่งพระอาจารย์เต้ากวงที่ดูอาการให้คุณชาย พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์” เจียงเฮยพูดสิ่งที่เขาสังเกตเห็นออกมา 

 

 

สวีโย่วพยักหน้าเบาๆ เขาเองก็สังเกตเห็นจุดนี้ เป็นเพียงวัด แต่ทุกคนกลับเป็นยุทธ์ จะไม่ทำให้คนคิดมากได้อย่างไร พระนักรบ รัชสมัยก่อนก็มีตัวอย่างให้เห็นแล้ว 

 

 

“สงบจิตใจอยู่ไปก่อน คอยหาโอกาสไปดูที่เขาด้านหลัง” สวีโย่วกล่าว เขาคล้ายได้ยินว่ามีคนเอ่ยถึงเขาด้านหลังรางๆ 

 

 

“คุณชายจะบอกว่าเขาด้านหลังซ่อนคนไว้หรือขอรับ” เจียงเฮยเจียงไป๋กล่าวขึ้นพร้อมกัน 

 

 

สวีโย่วพยักหน้า “ถูกต้อง” หลวงจีนวัดจยาหลานจะมีกี่คนกัน อย่างมากก็แค่ไม่กี่ร้อย จากข่าวที่ฝ่าบาทพระราชทานมา คนกลุ่มนี้มีหลายพันคน นอกจากเขาด้านหลังแล้วจะยังซ่อนไว้ที่ไหนได้อีก 

 

 

สวีโย่วหรี่ตาลง เขากำลังคิดว่าจะปราบคนหลายพันคนที่ซ่อนอยู่ด้านหลังเขาได้อย่างไร กองทัพใหญ่ขึ้นเขาจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นได้ ถึงตอนนั้นพวกเขาทะลุเข้าไปในเขา ทั้งยังชำนาญพื้นที่ จะไปหาเจอจากที่ไหน 

 

 

หากว่าน้องสี่แซ่เสิ่นอยู่ก็คงดี เด็กคนนั้นมีแผนร้ายเยอะอย่างยิ่ง ไม่แน่ว่าอาจจะออกความคิดดีๆ ให้เขาได้จริงๆ 

 

 

มองนายท่านที่จมอยู่ในความคิดอย่างชัดเจน เจียงเฮยเจียงไป๋สองพี่น้องก็สบตากันปราดหนึ่ง ไอเบาๆ หนึ่งครา ถามอย่างเป็นห่วง “นายท่าน ร่างกายของท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่” สุขภาพขอคุณชายไม่ดี แต่ถูกหมอเทวดาหลี่รักษาจนเกือบหายดีแล้ว ตอนนี้ที่มีท่าทางป่วยหนักจนเกิดเยียวยาเช่นนี้อันที่จริงเป็นเพราะกินยาลับเข้าไป พวกเขากังวลอย่างยิ่งว่ายาลับจะทำลายสุขภาพของคุณชาย 

 

 

สวีโย่วส่ายหน้า จะเป็นอะไรได้อย่างไร เขาเองก็ใกล้จะเป็นคนที่มีครอบครัวแล้ว จะล้อเล่นกับร่างกายตนเองได้อย่างไร 

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

เนื่องด้วยถูกมารดาเลี้ยงกลั่นแกล้ง ทำให้ เสิ่นเวย ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอต้องตายลงด้วยความน่าเวทนา ทว่าด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ทหารสาวในยุคปัจจุบันทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของหญิงสาวผู้ที่มีชื่อแซ่เดียวกันกับตนเอง เมื่อถูกมารดาเลี้ยงวางแผนกลั่นแกล้ง เนรเทศตนเองมาอยู่ในสถานที่รกร้างห่างไกล โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้นาง ‘รักษาตัว’ คิดหรือว่านางจะยอมแพ้ต่อความร้ายกาจของมารดาเลี้ยงผู้นี้? ไม่เป็นไร ในเมื่อไล่นางออกมา นางก็จะใช้หนึ่งสมองและสองมือของตนนี้พลิกฟื้นพัฒนาครอบครัวของนางให้กลับมาเชิดหน้าชูตาได้อีกครั้ง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset