ยอดหญิงสกุลเสิ่น – ตอนที่ 211-1 สนามรบของสวีโย่ว

เห็นศิษย์พี่ที่ผลักประตูเข้ามา หลวงจีนเต้ากวงที่ขัดสมาธินั่งสมาธิอยู่บนเบาะกลมก็ลืมตาขึ้น “คราวนี้วางใจแล้วหรือ” ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดศิษย์พี่ถึงได้จ้องมองคนขี้โรคผู้นั้นไม่วางตา สืบค้นรอบหนึ่งแล้วก็ยังไม่วางใจ ไปจู่โจมโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวต่อ แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมาเลยมิใช่หรือ

 

 

เขาบอกแล้วว่านั่นคือคุณชายธรรมดา แต่ศิษย์พี่ก็ราวกับถูกผีสิง ข้อเท็จจริงได้รับการพิสูจน์แล้ว เป็นศิษย์พี่ที่หวาดระแวงเกินไปเอง

 

 

“ศิษย์น้อง ระวังหน่อยก็ไม่เสียหาย” หลวงจีนเต้าเสวียนนั่งลงตรงข้ามเขา ถามด้วยความเป็นห่วง “อาการบาดเจ็บเจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่” สายตาของเขาตกลงบนแขนขวาที่โค้งงอของหลวงจีนเต้ากวง ในดวงตามีความกังวลกะพริบผ่าน

 

 

“ไม่เป็นไร เพียงแค่บาดเจ็บภายนอก” หลวงจีนเต้ากวงเองก็มองแขนขวาของตน คิดครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าว “เขาน่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสกว่าข้า บนกริชข้าชุบยาพิษ ดังนั้นเขาจะต้องหนีไปได้ไม่ไกล ก่อนฟ้าสางจะต้องหาคนเจอ”

 

 

หากเป็นเพียงขโมยทั่วไปก็ดี แต่หากเป็นสายลับของราชสำนักก็เป็นปัญหาแล้ว อีกทั้งดูจากฝีมือของคนผู้นั้น เขาโน้มเอียงไปทางอย่างหลัง

 

 

หลวงจีนเต้าเสวียนพยักหน้าช้าๆ “หมิงเจวี๋ยนำคนไปหาต่ออยู่ ศิษย์น้อง ในใจข้ามักมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง มักจะรู้สึกใจเต้นไม่เป็นสุข คล้ายมีเรื่องใหญ่บางเรื่องกำลังจะเกิดขึ้น”

 

 

เต้ากวงไม่เห็นด้วยเล็กน้อย “จะมีเรื่องใหญ่อะไรได้ วัดจยาหลานของพวกเราสงบสุขไร้คลื่นลมมายี่สิบปีแล้ว ไม่ปิดบังศิษย์พี่ ตอนนี้ศิษย์น้องเคยชินกับชีวิตแบบนี้แล้ว คืนวันฆ่าๆ ฟันๆ เหล่านั้น เฮ้อ เมื่อไตร่ตรองดูให้ดี เป็นหลวงจีนละทางโลกอยู่บนเขาลูกนี้ก็ไม่ได้มีอะไรไม่ดี”

 

 

“ศิษย์น้องคิดเช่นนี้ได้อย่างไร” ดวงตาหลวงจีนเต้าเสวียนมีความประหลาดใจแวบผ่าน “หรือว่าเจ้าลืมนายท่านไปแล้ว ชีวิตของพวกเราได้นายท่านช่วยไว้ ตอนนั้นก็สาบานว่าจะซื่อสัตย์ภักดีต่อนายท่าน”

 

 

“แต่นายท่านอยู่ไหนเล่า ศิษย์พี่ เจ้านับดูสิว่าพวกเราไม่เห็นนายท่านมากี่ปีแล้ว ตอนนั้นพวกเราได้รับคำสั่งมาวัดจยาหลาน ครั้งสุดท้ายที่ได้รับคำสั่งลับของนายท่านก็เมื่อเจ็ดปีก่อนที่มีคนหนึ่งกลุ่มนั้นเพิ่มเข้ามาที่ภูเขาด้านหลัง ต่อมาก็ไม่เคยเห็นนายท่านพูดอีกแม้แต่คำเดียว การเคลื่อนไหวของคนเหล่านั้นที่ภูเขาด้านหลังก็ไม่อนุญาตให้พวกเราถามไถ่ แต่ค่าเลี้ยงดูกลับเป็นพวกเราที่ออก อีกทั้งยังเรียกใช้พวกเราตามอำเภอใจ ศิษย์พี่ยอมได้หรือ แท้จริงแล้วนายท่านมีเจตนาอย่างไรกันแน่” หลวงจีนเต้ากวงกล่าวกับศิษย์พี่

 

 

หลายปีมานี้เขาชินกับฐานะพระอาจารย์ที่ได้รับการเคารพจากคนแล้ว หากไม่ใช่ว่าคนเหล่านั้นบนเขาด้านหลังมักจะมาเตือนสติอยู่บ่อยครั้ง เขาก็คงลืมนายท่านอะไรนั่น คำสั่งลับอะไรนั่น แผนการยิ่งใหญ่อะไรนั่นไปนานแล้ว เขาไม่โง่ ใต้หล้านี้สงบสุขนานแล้ว จักรพรรดิยงเซวียนก็ครองบัลลังก์มั่นคงนานแล้ว อาศัยคนสามพันห้าพันคนนั้นบนเขาด้านหลังก็คิดจะโค่นล้มดินแดนต้ายงได้หรือ อย่าได้ฝันกลางวันเลย แม้ว่าในมือนายท่านจะยังมีกำลังพล แต่ก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี ก่อกบฏไหนเลยจะเป็นเรื่องที่ง่ายเพียงนั้น

 

 

“ศิษย์น้องเจ้า! เจ้าคงจะไม่เป็นคนตระบัดสัตย์คืนคำหลงลืมบุญคุณเช่นนั้นใช่หรือไม่” ดวงตาของหลวงจีนเต้าเสวียนเบิกกว้างในชั่วพริบตา เห็นศิษย์น้องมองเขาอย่างสงบนิ่งไร้กังวล ก็หลับตาด้วยความห่อเ**่ยวอย่างอดไม่ได้ ครู่ใหญ่จึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง “ศิษย์น้อง ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากรับแรงแค้นของคนกลุ่มนั้นที่เขาด้านหลัง แต่พวกเราก็ทำเพื่อนายท่านทั้งนั้นมิใช่หรือ เจ้าจะสนใจคำพูดของพวกเขาทำไม พวกเราทำเรื่องภายในของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว นี่ก็ยี่สิบปีแล้ว นายท่าน นายท่านน่าจะปรากฏตัวเร็วๆ นี้แล้ว…” ยิ่งพูดเขาก็ยิ่งไม่มั่นใจ แม้แต่ตัวเองเขาก็เกลี้ยกล่อมไม่ได้ แล้วจะเกลี้ยกล่อมศิษย์น้องได้อย่างไร ส่วนลึกภายในใจเขาก็กำลังคาดเดาว่านายท่านเดินทางไกล เจอเหตุไม่คาดคิดอะไรหรือไม่ อย่างไรเสียอายุของนายท่านก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว!

 

 

“อย่างไรเสีย อย่างไรเสียข้าก็ไม่ทรยศนายท่าน” ท้ายที่สุดหลวงจีนเต้าเสวียนก็ทิ้งท้ายไว้เช่นนี้ หลวงจีนเต้ากวงถอนหายใจในใจ สวดอมิตาพุทธในใจ จากนั้นจึงหลุบตาเล็กน้อยนั่งสมาธิต่อ

 

 

ช่างเถอะ ฟังคำบัญชาจากสวรรค์เอาแล้วกัน!

 

 

ไพ่ลับที่ใหญ่ที่สุดในมือสวีโย่วไม่ใช่ทหารเงา แต่เป็นทหารคุ้มมังกร ในมือของเขากุมทหารคุ้มมังกรห้าร้อยนายหนึ่งกลุ่ม ความลับนี้แม้แต่จักรพรรดิยงเซวียนก็ยังไม่ทราบ

 

 

เห็นชื่อก็พอจะรู้ความหมาย ทหารคุ้มมังกรเป็นทหารลับที่คุ้มกันจักรพรรดิ เป็นทหารที่จักรพรรดิผู้สถานปนาแคว้นต้ายงสร้างขึ้นเองกับมือ เพียงแต่หลังจากจักรพรรดิองค์ก่อน จักรพรรดิยงเซวียนก็ไม่รู้ว่าทหารคุ้มมังกรกลุ่มนี้ตกอยู่ในมือใคร เขาสืบเสาะค้นหาอยู่หลายปีก็ไม่ได้อะไรเลย ทหารคุ้มมังกรกลุ่มนี้ราวกับสาบสูญไป ไม่ทิ้งเบาะแสไว้แม้แต่นิดเดียว เขาจึงเดาว่าก่อนพ่อเขาจากไปได้กระจัดกระจายทหารคุ้มมังกรกลุ่มนี้หรือไม่ มิเช่นนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ควรส่งต่อให้เขา เขาหารู้ไม่ว่าทหารคุ้มมังกรถูกพ่อเขามอบเป็นของขวัญให้สวีโย่วหลานชายคนนี้อยู่นานแล้ว

 

 

ทหารเงาเก่งกาจอย่างยิ่งแล้ว ทหารคุ้มมังกรก็ยิ่งเป็นราชันในกลุ่มทหารลับ ครั้งนี้สวีโย่วเคลื่อนพลทหารคุ้มมังกรออกมาทั้งหมด แฝงตัวเข้ามาในวัดจยาหลานเงียบๆ กลางดึก รีบรบรีบจบ เขาไม่อยากให้ยืดเยื้ออีกต่อไปแล้ว ออกมาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว หากเขายังไม่กลับไปอีก คาดว่าน้องสี่แซ่เสิ่นคงจะลืมหน้าตาเขาไปแล้ว ไม่ได้ เขาต้องรีบกลับไปแต่งงานกับน้องสี่แซ่เสิ่น

 

 

ทหารคุ้มมังกรออกมา ใต้หล้าใครจะสู้ชนะ! ครึ่งชั่วยาม เพียงแค่ครึ่งชั่วยาม ทหารคุ้มมังกรก็ควบคุมวัดจยาหลานทั้งหลังไว้ได้ และอีกครึ่งชั่วยาม อุโมงค์ใต้ดินล่างวัดจยาหลานก็ถูกทำลายจนหมด

 

 

นักบวชวัดจยาหลาน นอกจากคนที่ฆ่าตายอย่างไม่ได้ตั้งใจแล้ว ทั้งหมดก็ถูกมัดมือมัดเท้าโยนเข้ามาในวิหารใหญ่ อ้อ เต้ากวงเต้าเสวียนและผู้ที่อาวุโสอีกสิบกว่าคนไม่ได้ถูกมัดมือเท้า เพียงแต่พวกเขาคล้ายถูกพิษสลายกล้ามเนื้อ มือเท้าอ่อนแรง สามารถฝืนลุกขึ้นยืนได้ แต่กลับใช้ยุทธ์ไม่ได้ ส่วนเจ้าอาวาสที่ถูกใช้เป็นสิ่งนำโชคสร้างขึ้นมาคุ้มกัน เพราะว่าถูกใช้ยาควบคุมมาเป็นระยะเวลานาน ร่างกายอ่อนแอลงจากเตียงไม่ได้อยู่นานแล้ว ย่อมไม่อาจปรากฏตัวอยู่ในวิหารใหญ่ได้

 

 

หลวงจีนเต้ากวงมองสวีโย่วที่เดินเข้ามาช้าๆ ในใจรู้สึกสับสนมากเป็นพิเศษ ส่วนหลวงจีนเต้าเสวียนก็อยากจะโผเข้าไปฉีกเขาออกเป็นชิ้นๆ ด้วยความโกรธแค้น แม้หมิงเจวี๋ยและคนอื่นๆ จะไม่เปิดปากก่นด่า แต่กลับใช้สายตาที่เคียดแค้นมองเขาอยู่

 

 

“พระอาจารย์เต้าเสวียน เต้ากวง ผู้น้อยเสียมารยาทแล้ว” สวีโย่วยืนนิ่งอยู่ตรงกลางวิหารใหญ่ เจียงเฮยเจียงไป๋ยืนขนาบข้างหลังเขา ฝีเท้าเขาแข็งแรง เรือนร่างสูงตระหง่านดั่งต้นสน ไหนเลยจะยังมีท่าทางอ่อนแอเดินหนึ่งก้าวหอบสามครั้งอย่างเช่นก่อนหน้านี้อยู่อีก ภายใต้แสงสะท้อนของคบไฟ ดวงหน้าที่งามดั่งหยกของเขาก็ยิ่งชัดเจน ดวงตาที่ดำเงาราวกับบ่อน้ำที่สงบนิ่งไร้คลื่นนั้น นี่ไหนเลยจะเป็นคนขี้โรค เห็นชัดๆ ว่าเป็นคุณชายสูงส่งที่มีรูปร่างหน้าตางดงามผู้หนึ่ง

 

 

“เป็นเจ้าดังคาด! ข้าบอกแล้วว่าคนชั่วผู้นี้ซ่อนแผนการร้ายเอาไว้ ศิษย์น้องก็ยังไม่เชื่อ ไอเด็กชั่วคนนั้น รีบบอกชื่อมา ในเมื่อตกอยู่ในมือเจ้าแล้ว ก็ให้ข้าได้ตายไปเป็นผีที่ไร้ข้อแคลงใจ” หลวงจีนเต้าเสวียนมองสวีโย่วอย่างเคืองแค้น กัดฟันกรอดร้องตะโกน

 

 

สวีโย่วเลิกคิ้วเล็กน้อย กล่าวหนึ่งประโยค “ผู้น้อยแซ่สวี”

 

 

“เจ้าเป็นคนของราชสำนัก” หลวงจีนเต้ากวงใจเต้น เขากลับไม่ได้โมโหอย่างหลวงจีนเต้าเสวียน กลับกัน ส่วนลึกภายในใจเขากลับมีความรู้สึกหลุดพ้นบางอย่าง คล้ายหลายปีมานี้เขาเฝ้ารอผลลัพธ์นี้มาโดยตลอด “อาตมาอยากรู้ว่าอาการป่วยของโยมปลอมแปลงได้อย่างไร” เรื่องที่เขาสนใจยิ่งกว่าคือเรื่องนี้ ก่อนที่เขาจะเข้ามาในวัดจยาหลานก็เป็นหมอ ยี่สิบปีนี้ก็ตั้งใจศึกษาตำราแพทย์ ถ้าถามตัวเองแล้วก็ไม่ด้อยไปกว่าหมอหลวงในวัง แต่เขากลับมองไม่ออกแม้แต่นิดเดียวว่าอาการป่วยของสวีโย่วเป็นการเสแสร้ง นี่ทำให้เขาไม่เข้าใจยิ่งนัก

 

 

มุมปากสวีโย่วยกขึ้น ไม่ปิดบังเขา “พระอาจารย์ตรวจไม่ผิด ร่างกายผู้น้อยเดิมก็มีโรคอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้หนักเพียงนั้นก็เท่านั้นเอง ข้างกายผู้น้อยก็มีหมอชื่อดัง”

 

 

“ที่แท้แล้วก็เป็นเช่นนี้ อมิตาพุทธ ขอบคุณโยมยิ่งนักที่ไขข้อสงสัยให้อาตมา” หลวงจีนเต้ากวงคลายความสงสัยในใจแล้วก็ไม่เอ่ยปากอีก

 

 

ทว่าสวีโย่วกลับมองเขาแล้วกล่าว “ในเมื่อพระอาจารย์เต้ากวงเดาได้ว่าผู้น้อยเป็นคนในราชสำนัก เช่นนั้นก็ย่อมรู้เช่นกันว่าผู้น้อยมาทำไม ถูกต้อง ผู้น้อยมาเพราะกำลังพลกลุ่มนั้นที่เขาด้านหลัง พระอาจารย์เป็นนักพรต มีจิตเมตตากรุณา คงไม่อยากเห็นประชาชนตกทุกข์ได้ยากหรอกกระมัง” สวีโย่วกล่าวโน้มน้าว

 

 

“ถุย เจ้าพูดจาไพเราะน่าเลื่อมใสให้น้อยหน่อย จะฆ่าจะฟันก็รีบทำ เยิ่นเย้อทำไม” ดวงตาทั้งคู่ของหลวงจีนเต้าเสวียนมีไฟโกรธ หากไม่ใช่ศิษย์น้องดึงเขาไว้ เขาก็คงจะโผเข้าไปนานแล้ว “ศิษย์น้องอย่าถูกคำพูดไพเราะของเขาหลอก ในราชสำนักจะมีคนดีได้อย่างไร ก่อนหน้านี้เขายังหลอกเราเลย เจ้าอย่าได้ฟังเขา เหอะ เก่งนักก็หาทางไปจับเขาที่เขาด้านหลังเองสิ”

 

 

ประโยคสุดท้ายพูดกับสวีโย่ว บนใบหน้าเขามีความพอใจ ป่าเขากว้างเพียงนั้น นอกจากกองทัพแสนนายจะค้นเขาแล้ว ก็อย่าได้คิดจะจับกำลังพลกลุ่มนั้นที่เขาด้านหลังได้ง่ายๆ

 

 

สวีโย่วไม่สนใจเขา โน้มน้าวพระอาจารย์เต้ากวงต่อ “พระอาจารย์เป็นคนฉลาด ย่อมเข้าใจว่ากำลังพลที่เขาด้านหลังผู้น้อยจำเป็นต้องจับมาให้ได้ มีความช่วยเหลือจากพระอาจารย์หรือไม่ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวมนัก เพียงแค่เสียเวลาก็เท่านั้นเอง ดังนั้นผู้น้อยจะให้โอกาสพระอาจารย์ เพียงเพราะระลึกถึงจิตใจเมตตาของพระอาจารย์ก่อนหน้านี้ก็เท่านั้น ผู้น้อยสามารถให้คำมั่นสัญญาได้ว่า ขอเพียงแค่พระอาจารย์ยอมช่วยผู้น้อยอีกแรง เช่นนั้นผู้น้อยก็จะไม่แตะต้องนักบวชในวัดจยาหลาน พระอาจารย์ยังคงเป็นพระอาจารย์เต้ากวงที่มีคุณธรรมสูงส่งอยู่”

 

 

นักบวชในวัดจยาหลานส่วนใหญ่ต่างก็ไม่รู้เรื่องราว แม้ทุกวันจะฝึกยุทธ์ แต่ก็เป็นนักบวชธรรมดาทั่วไปจริงๆ สวีโย่วเองก็ไม่คิดจะฆ่าพวกเขาทั้งหมด

 

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าข้อเสนอนี้ของสวีโย่วทำให้หลวงจีนเต้ากวงสนใจอย่างมาก เขารู้ดีว่าที่สวีโย่วพูดคือความจริง กำลังพลสามพันห้าพันนายเผชิญหน้ากับกองทัพใหญ่ราชสำนักก็เป็นไม้ซีกที่งัดไม้ซุงอย่างไม่ต้องสงสัย ถูกเก็บกวาดจนเรียบได้ทุกเมื่อ เพียงแค่จะช้าจะเร็วก็เท่านั้นเอง เขาเองก็เบื่อหน่ายแล้วจริงๆ คิดจะหลบอยู่ในดินแดนห่างไกลแห่งนี้ใช้ชีวิตสงบสุขสักหน่อย ชนรุ่นหลังวัยหนุ่มผู้นี้กลับเป็นคนที่มีสายตาเฉียบแหลมมองทะลุจิตใจคน! เพียงแค่นี้เขาก็ไม่กอดความหวังใดๆ กับแผนการการยิ่งใหญ่ที่ว่าของนายท่านอีกแล้ว

 

 

ไม่เพียงแต่หลวงจีนเต้ากวงที่สนใจ ผู้อาวุโสรุ่นหมิงก็มีหลายคนที่สนใจเช่นกัน พวกเขาต่างก็เป็นศิษย์ที่เต้ากวงและเต้าเสวียนเลี้ยงดู ไม่เคยเห็นนายท่านอะไรนั่นอย่างสิ้นเชิง ย่อมไม่ต้องพูดถึงความจงรักภักดี อีกทั้งวัดจยาหลานก็เจริญ ชีวิตของพวกเขาผ่านไปอย่างชื่นมื่น มีชีวิตที่ดีแล้วใครจะยอมทำงานที่อันตรายนั่นเล่า ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีคนกลุ่มนั้นบนเขาด้านหลัง พวกเขาก็ยิ่งเป็นอิสระได้มากกว่าเดิม

 

 

ดังนั้นนอกจากเต้าเสวียนที่เคียดแค้นจนตาแดงก่ำ ด่าทอไม่จบไม่สิ้น นักบวชคนอื่นๆ ในวิหารใหญ่ต่างก็นิ่งเงียบไม่พูดจา ในใจสวีโย่วก็เข้าใจดี

 

 

“โยมสวีพูดจริงหรือ” หลวงจีนเต้ากวงถอนหายใจถามด้วยท่าทีจริงจัง

 

 

“แน่นอน” สวีโย่วตอบอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช้วิธีนองเลือดได้เขาก็พยายามจะไม่ใช้ ก่อนหน้านี้กลับไม่รู้สึก ตอนนี้มีน้องสี่แซ่เสิ่นเด็กคนนั้นแล้ว หัวใจของเขาก็อ่อนลงอย่างไม่มีเหตุผล

 

 

“อาตมายังมีคำขอที่ไม่เหมาะสมนัก” หลวงจีนเต้ากวงพูดพลางมองศิษย์พี่ที่ถูกยัดเศษผ้าไว้ในปาก “หลังเรื่องสำเร็จ หวังว่าโยมสวีจะไว้ชีวิตศิษย์พี่ของอาตมา”

 

 

สวีโย่วมองหลวงจีนเต้าเสวียนที่ถูกจับตัวอยู่ข้างๆ ปราดหนึ่ง เห็นเพียงเขาพยายามดิ้นรน สายตาปรากฏความอาฆาต ในปากส่งเสียงร้องอู้อี้ออกมา

 

 

“ได้ ขอเพียงแค่พระอาจารย์สามารถดูพระอาจารย์เต้าเสวียนให้ดีได้ ผู้น้อยไม่ใช่คนที่ชอบฆ่าใคร” สวีโย่วตอบด้วยความสบายใจอย่างถึงที่สุด ขอเพียงแค่ทำลายกำลังพลกลุ่มนั้นบนเขาด้านหลังให้หมด หลวงจีนเต้าเสวียนเพียงคนเดียวกลับสร้างหายนะอะไรไม่ได้ อีกทั้งวัดจยาหลานเขายังมีแผนการอื่นอยู่

 

 

“อมิตาพุทธ ขอบคุณโยมสวียิ่งนัก” หลวงจีนเต้ากวงประสานมือคำนับให้สวีโย่ว ไม่เอ่ยปากอีกแล้ว

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

เนื่องด้วยถูกมารดาเลี้ยงกลั่นแกล้ง ทำให้ เสิ่นเวย ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอต้องตายลงด้วยความน่าเวทนา ทว่าด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ทหารสาวในยุคปัจจุบันทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของหญิงสาวผู้ที่มีชื่อแซ่เดียวกันกับตนเอง เมื่อถูกมารดาเลี้ยงวางแผนกลั่นแกล้ง เนรเทศตนเองมาอยู่ในสถานที่รกร้างห่างไกล โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้นาง ‘รักษาตัว’ คิดหรือว่านางจะยอมแพ้ต่อความร้ายกาจของมารดาเลี้ยงผู้นี้? ไม่เป็นไร ในเมื่อไล่นางออกมา นางก็จะใช้หนึ่งสมองและสองมือของตนนี้พลิกฟื้นพัฒนาครอบครัวของนางให้กลับมาเชิดหน้าชูตาได้อีกครั้ง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset