ยอดหญิงสกุลเสิ่น – ตอนที่ 148.2

ลอบสังหารและได้รับบาดเจ็บ

 

 

 

คนชุดดำเห็นสถานการณ์ย่ำแย่ นางเด็กบ้าผู้นี้ฝีมือร้ายกาจไม่น้อยจึงรีบสั่งพรรคพวกสี่คนให้ล้อมเถาฮวาไว้

 

 

ถึงแม้เถาฮวามีเรี่ยวแรงมหาศาล แต่อาวุธไม่ถนัดมือ ไม่กี่กระบวนท่าก็ถูกคนชุดดำฟันพลองไม้จนเหลือแค่หนึ่งฉื่อ[1]เท่านั้น

 

 

“เถาฮวา ระวัง” เสิ่นเวยเห็นดาบใหญ่กำลังจะฟันลงที่ศีรษะของเด็กหญิงก็ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง นางไม่สนว่าตัวเองอาจจะได้รับบาดเจ็บ รีบถีบศัตรูตรงหน้าออกไป ก่อนจะพุ่งทะยานออกไป

 

 

คมดาบพาดผ่านหน้าผากของเถาฮวาไป นั่นเป็นเพราะเสิ่นเวยดึงนางกลับมา หญิงสาวเป็นคนสนิทปลอดภัยดีก็รู้สึกโล่งใจ แต่สะโพกด้านหลังกลับรู้สึกเจ็บปวดรุนแรง กระบี่เล่มหนึ่งฟันถูกสะโพกของนาง

 

 

“คุณหนู!”

 

 

“พี่เวย!”

 

 

“ญาติผู้น้อง!”

 

 

“ย้าก!” เถาฮวาดวงตาแดงก่ำ ขว้างท่อนพลองไม้ที่เหลือออกไป มันกระแทกคนชุดดำผู้หนึ่งกระเด็นออกไปไกล แต่ยังไม่สาแก่ใจ นางขึ้นคร่อมบนร่างของมัน ยกหินก้อนใหญ่กระแทกใส่ศีรษะของมัน จนกระทั่งศีรษะของมันแตกออกเป็นชิ้นๆ

 

 

พวกหร่วนเหมียนเหมียนไม่สนว่าตนเองจะไม่มีวรยุทธ์ พวกนางหยิบอาวุธบนพื้นขึ้นมาพุ่งเข้าไปฟันใส่ศัตรูมั่วๆ น้ำตานองจนแทบจะบดบังการมองเห็น ทุกคนคลุ้มคลั่งขึ้นมา แต่ละคนมีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น…สับร่างพวกมันเป็นชิ้นๆ…

 

 

“คุณหนูสี่!” ภาพเหตุการณ์นี้ปรากฏแก่สายตาของสวี่โย่วที่รีบร้อนตามมา นัยน์ตาของเขาทอแววอำมหิตจนน่ากลัว เขาควบม้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพลิกตัวลงจากหลังม้ามาประคองเสิ่นเวยไว้ จึงได้เห็นสีหน้าขาวซีดไร้สีเลือด

 

 

ริมฝีปากปิดแน่น ก่อนจะสั่งการอย่างเลือดเย็น “อย่าปล่อยให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”

 

 

สิบกว่าคนที่สวี่โย่วพามาล้วนเป็นองครักษ์ประจำตัวของเขา คนเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือ เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วยามก็สังหารนักฆ่าที่เหลืออยู่จนหมด

 

 

“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม” สวี่โย่วจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าไร้สีเลือดของหญิงสาว แววตาเกลื่อนไปด้วยความห่วงใยที่ปิดไม่มิด

 

 

เสิ่นเวยฝืนขยับมุมปากเผยรอยยิ้มอ่อนแรง “ไม่เป็นไร” ก่อนจะหลับตา จมดิ่งลงไปในความมืดมิดอย่างวางใจ

 

 

สวี่โย่วพลันร้อนใจขึ้นมา เขาอุ้มนางกระโดดขึ้นหลังม้า ควบทะยานออกไป “กลับหมู่บ้าน”

 

 

หร่วนเหิงคิดจะขวางไว้ กลับถูกโอวหยางไน่ขวางไว้ “เป็นคนรู้จักของคุณหนูขอรับ พวกเราก็รีบกลับกันเถอะขอรับ” เขาเองก็เป็นห่วงคุณหนูเหมือนกัน

 

 

 ศพคนชุดดำที่เกลื่อนอยู่เต็มพื้น คนติดตามของคุณชายสวี่จะจัดการเอง

 

 

เป็นดังคาด เจียงเฮยสั่งความจบก็ควบม้าไล่ตามคุณชายของเขาไป

 

 

หร่วนเจิ้นเทียนได้ยินความเคลื่อนไหว เมื่อออกมาดูก็เห็นคุณชายหนุ่มแปลกหน้าอุ้มหลานสาวที่เนื้อตัวเปื้อนเลือดเข้ามา ชายชราจึงร้องถามอย่างตื่นตระหนก “นี่ นี่เกิดอะไรขึ้น”

 

 

สวี่โย่วไม่ตอบคำใด แต่พุ่งตรงเข้าไปด้านใน เจียงไป๋ที่พาหมอเทวดาหลี่เข้ามา จึงเอ่ยปากอย่างรีบร้อน “แม่ทัพหร่วน หลานสาวของท่านถูกลอบสังหาร คุณชายของพวกเราตามมาช่วยขอรับ”

 

 

 หร่วนเจิ้นเทียนเมื่อได้ยินว่าถูกลอบสังหารก็ยิ่งร้อนใจ “เวยเจี่ยเอ๋อร์ไม่เป็นไรใช่ไหม คนอื่นล่ะ ได้รับบาดเจ็บหรือไม่” แม้แต่เวยเจี่ยเอ๋อร์ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ เหิงเกอเอ๋อร์กับเหมี่ยนเจี่ยเอ๋อร์จะปลอดภัยได้อย่างไร “ยังไม่ทราบขอรับ ท่านแม่ทัพใหญ่อย่าร้อนใจไปเลยขอรับ หมอเทวดาหลี่เข้าไปแล้ว ไม่เป็นไรหรอกขอรับ” เจียงไป๋ปลอบใจ เขานึกภาวนาอยู่ในใจ คุณหนูสี่จะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด หากเป็นเช่นนั้น ไม่รู้ว่าคุณชายใหญ่ของพวกเขาจะทำอะไรลงไปบ้าง

 

 

“อาฟู่ รีบเข็นข้าเข้าไปดูเวยเจี่ยเอ๋อร์” หร่วนเจิ้นเทียนไม่มีใจจะรอดหลานอีกสองคนแล้ว

 

 

ทันใดนั้นพวกหร่วนเหิงก็กลับมาถึง “ท่านปู่” หร่วนเหมียนเหมียนพุ่งเข้ามาหา

 

 

“เหมี่ยนเจี่ยเอ๋อร์ไม่เป็นไรใช่ไหม เหิงเกอเอ๋อร์ล่ะ” ชายชราจับมือหลานสาวไว้ เมื่อเห็นว่านอกจากสภาพมอมแมมก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไร เขาก็รู้สึกเบาใจขึ้นมา

 

 

“ท่านปู่ ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ พี่เวยกับท่านพี่ปกป้องข้าไว้ พี่ชายก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ มีแค่พี่เวยเท่านั้นที่บาดเจ็บสาหัส” เด็กหญิงรีบบอกออกมา

 

 

เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้นางตกใจจนเสียขวัญ แต่เมื่อคิดถึงอาการบาดเจ็บของพี่เวย นางก็ไม่กลัวอีก “ท่านปู่ ข้าจะไปดูพี่เวย เพราะต้องคอยปกป้องข้า นางจึงได้รับบาดเจ็บ” เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เด็กหญิงก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา

 

 

“ได้” หร่วนเจิ้นเทียนลูบศีรษะของหลานสาว ในใจรู้สึกเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของเสิ่นเวยมาก ดูจากเลือดบนเสื้อผ้า นางจะต้องบาดเจ็บสาหัสแน่

 

 

เพิ่งจะไปถึงประตู สวี่โย่วก็ออกมา “แม่ทัพหร่วนโปรดรอสักครู่ หมอเทวดาหลี่กำลังดูอาการให้คุณหนูสี่อยู่”

 

 

หร่วนเจิ้นเทียนพยักหน้ารับ เขาก็รู้ว่าเวลานี้ไม่ควรเข้าไปรบกวน เพราะเห็นว่าคุณชายผู้นี้น่าจะเป็นผู้มีพระคุณช่วยเหลือชีวิตของเวยเจี่ยเอ๋อร์ เขาจึงประสานมือคารวะ พร้อมกล่าวไปว่า “คุณชายช่วยเวยเจี่ยเอ๋อร์ไว้ ข้าซาบซึ้งในน้ำใจของท่านจริงๆ”

 

 

สวี่โย่วสีหน้าเรียบเฉย พรางตอบกลับไปอย่างเย็นชา “ไม่จำเป็นขอรับ คุณหนูสี่ก็เคยช่วยชีวิตผู้น้อยไว้เช่นกัน” สายตาของเขาจับจ้องไปที่ประตู ราวกับว่าสามารถมองทะลุบานประตูเข้าไปได้ ในใจรู้สึกร้อนใจมาก

 

 

หร่วนเจิ้นเทียนถอนหายใจ ไม่เข้าใจว่าแท้ที่จริงแล้วคนผู้นี้มีเจตนาใดกันแน่

 

 

เจียงไป๋รีบอธิบายว่า “แม่ทัพหร่วนไม่ต้องแปลกใจ คุณชายของพวกเรามีนิสัยเช่นนี้ อ้อ จริงสิ คุณชายของเราคือคุณชายใหญ่ของจวนจิ้นอ๋อง เป็นสหายของคุณหนูสี่ หลานสาวของท่าน ก่อนหน้านี้คุณหนูสี่ก็เคยช่วยเหลือคุณชายของพวกเรา ท่านวางใจได้ขอรับ หมอเทวดาหลี่มีวิชาแพทย์ล้ำเลิศ คุณหนูสี่จะต้องไม่เป็นไรขอรับ” ก็ไม่รู้ว่าคำพูดสุดท้าย พูดให้ใครฟัง

 

 

ภายในห้อง หลีฮวามองบาดแผลบนร่างของคุณหนู รู้สึกปวดใจจนน้ำตาไหล นึกตำหนิเหอฮวากับเถาจืออยู่ภายในใจ สองคนนั้นมัวแต่ทำอะไรกันอยู่ ไม่รู้จักกันคุณหนูไว้ ทั้งยังนึกชังตัวเองที่ทำอย่างไรก็ขี่ม้าไม่เป็น ถ้าหากวันนี้นางติดตามไปด้วย แม้ต้องตายนางก็จะขอตายก่อนคุณหนู ถึงแม้ในใจจะนึกตำหนิเหอฮวาและเถาจือ แต่รู้ดีแก่ใจว่า ในยามคับขันคุณหนูจะต้องปกป้องพวกนางไว้ด้านหลัง

 

 

…แต่ว่าคุณหนู บ่าวก็อยากปกป้องท่านเช่นกัน…

 

 

ถังน้ำเลือดถูกยกออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า คนที่รออยู่ด้านนอกก็ยิ่งร้อนใจ หร่วนเหมียนเหมียนกับสาวใช้อีกสามสี่คนร้องไห้สะอึกสะอื้น ในใจภาวนากับสวรรค์…จะต้องคุ้มครองคุณหนูให้ปลอดภัยนะเจ้าคะ…

 

 

เถาฮวาพิงร่างกับผนังห้องอย่างตกตะลึง แม้แขนจะมีเลือดไหลนางก็ไม่สนใจ ในใจมีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น…คุณหนูบาดเจ็บเพราะช่วยนาง นางมองเห็น กระบี่เล่มนั้นเสียบร่างของคุณหนู แต่ท่านก็ยังยิ้มให้นาง

 

 

นางกลัวมาก หากคุณหนูตายจะทำอย่างไร ถ้าคุณหนูตาย ก็จะไม่มีใครดีกับนางอีกแล้ว จะไม่มีใครลูบศีรษะของนางและชมว่านางฉลาดอีก จะไม่มีใครให้เนื้อนางกินอีก จะไม่มีอีกแล้ว

 

 

หน้าอกปวดร้าวราวกับถูกฉีกกระชาก เถาฮวากดตรงตำแหน่งนั้นไว้ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว

 

 

ก่อนที่นางจะลุกพรวดพราดขึ้นมาและพุ่งเข้าไปในห้อง คุกเข่าลงข้างเตียง ยื่นไปจับมือของเสิ่นเวยเอาไว้ “คุณหนู ท่านห้ามตาย ท่านอย่าตายนะเจ้าคะ เถาฮวาเจ็บ เถาฮวาเจ็บตรงนี้” นางกดลงที่หน้าอกของตัวเอง

 

 

หมอเทวดาหลี่กลอกตามอง ก่อนจะถลึงตาใส่อย่างขุ่นเคือง “คร่ำครวญอะไร คุณหนูของเจ้ายังปลอดภัยดี จะพูดเรื่องตายเพื่ออะไร” เด็กโง่ที่ไหน ช่างเบาปัญญาเสียจริง เขา หลี่เฟิงไท่รักษาด้วยตัวเอง นางจะตายได้หรือ

 

 

“คุณหนูจะไม่ตายหรือ” เถาฮวามองหมอเทวดาหลี่อย่างตกตะลึง

 

 

อีกฝ่ายแค่นเสียงเยาะ ก่อนจะทำแผลให้เสิ่นเวยต่อไป จุ๊ จุ๊ จุ๊ เด็กน้อยคนนี้อดทนได้ดี ถึงแม้ไม่ได้บาดเจ็บสาหัส แต่ว่าบาดแผลที่ยาวและลึกเช่นนี้คงเจ็บมาก

 

 

“คุณหนูจะไม่ตาย” เถาฮวามองเขาอย่างดื้อดึง นางจะต้องได้คำยืนยัน

 

 

หลีฮวากลัวว่านางจะทำให้หมอเทวดาหลี่โมโหจึงรีบรั้งตัวเด็กหญิงมาอีกด้าน “เถาฮวา อย่ารบกวนหมอเทวดาหลี่รักษาแผลให้คุณหนู คุณหนูไม่เป็นไร”

 

 

“อ้อ” เถาฮวาอยากจะยิ้ม แต่ในเสี้ยววินาทีต่อมาร่างเล็กก็ล้มหงายไปด้านหลัง

 

 

 

 

[1] ฉื่อ (尺) หน่วยวัดความยาวของจีน หนึ่งฉื่อประมาณสามสิบเซนติเมตร

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

เนื่องด้วยถูกมารดาเลี้ยงกลั่นแกล้ง ทำให้ เสิ่นเวย ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอต้องตายลงด้วยความน่าเวทนา ทว่าด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ทหารสาวในยุคปัจจุบันทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของหญิงสาวผู้ที่มีชื่อแซ่เดียวกันกับตนเอง เมื่อถูกมารดาเลี้ยงวางแผนกลั่นแกล้ง เนรเทศตนเองมาอยู่ในสถานที่รกร้างห่างไกล โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้นาง ‘รักษาตัว’ คิดหรือว่านางจะยอมแพ้ต่อความร้ายกาจของมารดาเลี้ยงผู้นี้? ไม่เป็นไร ในเมื่อไล่นางออกมา นางก็จะใช้หนึ่งสมองและสองมือของตนนี้พลิกฟื้นพัฒนาครอบครัวของนางให้กลับมาเชิดหน้าชูตาได้อีกครั้ง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset