ยอดหญิงสกุลเสิ่น – ตอนที่ 151.2

จวนจิ้นอ๋อง

 

 

 

 

วันที่สอง พระชายาจิ้นอ๋องส่งคนไปรับหลานสาวสามคนจากบ้านฝั่งแม่มาพักชั่วคราวที่จวนจิ้นอ๋อง 

 

 

“ท่านอาไม่ได้เจอกันนาน ท่านยังเยาว์วัยอยู่เลย ดูสีหน้าท่านสิ ดีว่าพวกข้าสามคนเสียอีก” ซ่งอี๋ฮุ่ยที่สวมชุดสีเหลืองอ่อนพูดจากประจบประแจง นางเป็นบุตรสาวอนุภรรยาพี่ใหญ่ของพระชายาจิ้นอ๋อง อายุสิบหก อยู่ลำดับที่หก 

 

 

“ใช่แล้วๆ ท่านอาท่านมีเคล็ดลับบำรุงหน้าอะไรรีบบอกหลาน อย่าเก็บไว้คนเดียวสิเจ้าคะ” ซ่งอี๋ 

 

 

เจียที่สวมชุดสีชมพูอ่อนตาโตน่ารักก็สอพลอคล้อยตามเช่นกัน นางเป็นบุตรสาวอนุภรรยาพี่รองของพระชายาจิ้นอ๋องอายุสิบหกปีเช่นเดียวกัน แต่เด็กกว่าซ่งอี๋ฮุ่ยสามเดือน ในจวนอยู่ลำดับที่เจ็ด 

 

 

คนทั้งสองพูดคล้อยตามกันจนพระชายาจิ้นอ๋องหัวเราะร่ามีความสุข ชี้พวกนางแล้วกล่าว “พวกเจ้าน่ะซุกซนนัก อาแก่จะตายอยู่แล้ว ไหนเลยจะเทียบคุณหนูอายุน้อยเช่นพวกเจ้าได้” 

 

 

“ที่ไหนกัน พวกข้าพูดความจริงนะเจ้าคะ ท่านถามน้องเก้าดู ท่านอาทั้งเยาว์วัยทั้งสูงส่งใช่หรือไม่” ซ่งอี๋เจียแสยะปากเล็กๆ ดึงแขนเสื้อของพระชายาจิ้นอ๋องอย่างไม่ยอม อีกทั้งยังบอกให้ซ่งอี๋หนิงที่ยิ้มน้อยๆ จิบชาอยู่ข้างๆ ตัดสิน เดิมนางก็หน้าตาดี ท่าทางเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้คนละสายตาไม่ได้ 

 

 

ซ่งอี๋ฮุ่ยมองจนตาร้อน ไม่ใช่ว่าอาศัยหน้าตาแย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างกับนางหรอกหรือ หน้าตาดีแต่ไม่มีฐานะก็เป็นเพียงคนที่ใช้หน้าตาดึงดูดคน เหมือนกับอี๋เหนียงที่เหนียมอายผู้นั้นของนาง 

 

 

ซ่งอี๋หนิงแค่นเสียงในใจ แต่สีหน้ากลับยิ้มแย้ม “พี่หกกับพี่เจ็ดพูดถูก ท่านอาเป็นถึงพระชายาของจวน รูปลักษณ์ของท่านจะเทียบกับเด็กผู้หญิงที่ยังไม่โตเช่นพวกข้าได้อย่างไร” แม่นางบอกจุดประสงค์ในการมาพักชั่วคราวที่จวนอ๋องครั้งนี้กับนางก่อนแล้ว นางมาเป็นเพื่อนแขก นางมีอนาคตที่ดีอย่างยิ่งอยู่แล้ว ย่อมไม่อาจเข้าร่วมการต่อสู้ของพี่สาวลูกอนุภรรยาสองคนนี้แน่นอน 

 

 

“ดูสิๆ แม้แต่น้องเก้ายังพูดเช่นนี้ ท่านอา ท่านเอาชาดแป้งน้ำที่เคยใช้แล้วมาให้หลานสักกล่องเถิด หลานไม่ขอเทียบเคียงท่านได้ เพียงแค่พอไปวัดไปวาได้หลานก็พอใจแล้ว” ซ่งอี๋ฮุ่ยรับคำพูดต่อ 

 

 

“ขอหลานด้วย! ท่านอาท่านอย่าลำเอียงนะเจ้าคะ!” ซ่งอี๋เจียบิดตัวออดอ้อน 

 

 

“มีๆ มีให้หมดนั่นแหละ หวาเยียน ยังไม่รีบไปเอาชาดแป้งน้ำที่วังหลวงพระราชทานมาให้คุณหนูทั้งสามคนละกล่องอีก พวกเจ้าล้วนเป็นเด็กดี อามีลูกชายสามคน ชอบเด็กผู้หญิงที่อ่อนโยนอ่อนหวานที่สุด ครั้งนี้พวกเจ้าสามคนก็อยู่เป็นเพื่อนอาหลายๆ วันหน่อย” พระชายาจิ้นอ๋องกำชับซ้ำๆ มองหลานที่งามราวกับบุปผา มุมปากก็ยกสูง 

 

 

สมชื่อสามพี่น้องตระกูลซ่ง 

 

 

ซ่งอี๋ฮุ่ยกับซ่งอี๋เจียรู้ดีเรื่องการมาพักชั่วคราวที่จวนจิ้นอ๋อง อีกทั้งยังสมัครใจอย่างถึงที่สุด คุณชายใหญ่ของจวนจิ้นอ๋อง เป็นคู่สมรสที่ตกลงมาจากฟ้าจริงๆ สำหรับเรื่องที่สุขภาพคุณชายใหญ่ไม่ดี หึๆ นี่ไม่ใช่ปัญหาอย่างสิ้นเชิง หากสุขภาพของคุณชายใหญ่แข็งแรงก็คงจะแต่งงานกับสตรีตระกูลสูงส่งไปนานแล้ว ไหนเลยจะตกมาถึงพวกนาง แม้ว่าท่านอาของพวกนางจะเป็นพระชายาจิ้นอ๋อง แต่คุณชายใหญ่เองก็ไม่ใช่คนที่พวกนางจะฝันลมๆ แล้งๆ ถึงได้ 

 

 

ตัดเรื่องฐานะบุตรคนโตของจวนจิ้นอ๋องออกไป เพียงแค่รูปร่างหน้าตาของคุณชายใหญ่ก็ทำให้พวกนางต้องวิ่งไล่ตามแล้ว 

 

 

ตอนนี้ท่านอาให้โอกาสพวกนางเช่นนี้ ในใจพวกนางซาบซึ้ง ทั้งยังตัดสินใจเงียบๆ หลังจากแต่งงานกับคุณชายใหญ่แล้วจะต้องช่วยท่านอาปราบเขาให้อยู่หมัด อาหลานรวมใจ 

 

 

แต่ว่าคุณชายใหญ่มีเพียงคนเดียว สุดท้ายแล้วคนที่แต่งเข้าจวนจิ้นอ๋องก็มีแค่เพียงคนเดียว ดังนั้นซ่งอี๋เจียกับซ่งอี๋ฮุ่ยผู้เข้าแข่งขันสองคนนี้จะยอมญาติดีกับอีกฝ่ายได้อย่างไร ต่างก็อยากจิกฝ่ายตรงข้ามให้ตายไปเสีย 

 

 

“ข้าว่าน้องถอยไปเสียจะดีกว่า คุณชายใหญ่จวนจิ้นอ๋องไม่ใช่ว่าคู่ควรกับใครก็ได้ ถึงตอนนั้นทำตัวเองอับอายแล้วอย่าหาว่าพี่ไม่เตือนเจ้า” ซ่งอี๋ฮุ่ยมองซ่งอี๋เจียอย่างเหยียดหยามแล้วกล่าว 

 

 

ท่านอารองเป็นเพียงขุนนางลำดับหก จะเทียบเท่าบิดาที่มีตำแหน่งเป็นถึงราชเลขาได้อย่างไร บุตรสาวของราชเลขากับบุตรสาวของขุนนางลำดับที่หก เพียงแค่ฐานะตนก็กดนางไว้ได้แล้ว ท่านอาจะต้องเลือกตนอย่างแน่นอน 

 

 

ซ่งอี๋เจียเลิกคิ้วอย่างเย็นชา “ใครทำตัวเองอับอายยังไม่รู้อีกหรือ ด้วยตาเล็กๆ คู่นั้นของเจ้ายังคิดจะอยู่ในสายตาของคุณชายใหญ่อีกหรือ ฝันไปเถอะ!” 

 

 

คนโง่ ฐานะไม่ใช่เรื่องใหญ่ อี๋เหนียงบอกแล้วว่า ผู้ชายชอบหญิงงาม ด้วยใบหน้าที่งดงามดวงนี้ของตน คุณชายก็ควรจะเลือกนาง 

 

 

“เจ้า! คอยดูแล้วกัน! หึ!” ซ่งอี๋ฮุ่ยหน้าเปลี่ยนสี โมโหสุดชีวิต ไม่ใช่สิ่งอื่นใด ซ่งอี๋เจียพูดแทงใจดำนาง หน้าตาเป็นจุดอ่อนของนางเสมอมา แม้ว่าดวงตาทั้งคู่ของนางจะไม่ได้เล็กเหมือนอย่างที่ซ่งอี๋เจียพูด แต่เทียบกับดวงตาที่กลมโตของพี่น้องคนอื่นๆ นางกลับเทียบไม่ติด 

 

 

“คอยดูก็คอยดูสิ ใครกลัวกัน” ซ่งอี๋เจียไม่ยอมอ่อนข้อ 

 

 

คนทั้งสองราวกับนกยูงที่ทะนงตน ต่างฝ่ายต่างไม่ชอบหน้ากัน แค่นเสียงหึหนึ่งครา ต่างคนต่างก็กลับเข้าห้องตัวเองไป 

 

 

สวีโย่วกลับมาจากข้างนอก นึกถึงสายตาที่หยอกล้อคู่นั้นของเสด็จอาองค์หญิงใหญ่ และคำพูดที่ดีใจอย่างถึงที่สุด ‘ก่อนหน้านี้เจ้ายังไหว้วานให้ข้าไปพูดเรื่องสมรสกับคุณหนูสี่ตระกูลเสิ่น โชคดีที่ช่วงนี้ข้ายุ่ง ไม่ได้สนใจ มิเช่นนั้นเจ้าคงจะเสียดายแย่’ ใบหน้าของเขาร้อนผ่าวขึ้นมาเงียบๆ เพียงแค่คิดว่าเสด็จอารับปากจะสู่ขอให้เขา มุมปากเขาก็ยกขึ้นอย่างอดไม่ได้แล้ว 

 

 

สำหรับท่านพ่อและพระชายาในจวน ใครจะสนพวกเขากัน ข้าเป็นคนแต่งงาน ไม่ใช่พวกเขาเสียหน่อย 

 

 

“ญาติผู้พี่” สวีโย่วกำลังเดินไปที่เรือนตนเอง จู่ๆ ก็มีสตรีหน้าตาน่ารักคนหนึ่งวิ่งออกมาจากข้างทางเดินเส้นเล็กขวางอยู่ข้างหน้าเขา 

 

 

สวีโย่วสีหน้าเย็นชา ไม่ชอบใจอย่างยิ่ง เขาไม่ชอบให้คนอื่นเข้าใกล้เขาที่สุด โดยเฉพาะผู้หญิง ทาอะไรไว้ที่ตัวถึงได้ฉุนจมูกเช่นนี้ สวีโย่วอดไม่ได้ที่จะจามอย่างแรง 

 

 

เจียงไป๋ที่ตามมาข้างหลังแทบจะหลุดหัวเราะ นี่ไม่ใช่หลานสาวฝั่งแม่ของพระชายาหรือ เหตุใดเข้ามาหาคุณชายใหญ่ด้วยใบหน้าอิ่มเอิบความรักเล่า คิดจะทำอะไรกันแน่ คุณชายใหญ่มีคนในใจแล้ว ไม่อาจทำให้นางสมหวังได้หรอกนะ 

 

 

“เอ๋ คุณหนูอี๋ฮุ่ยนี่เอง เหตุใดถึงเดินเล่นมาถึงเรือนด้านหน้าเล่า ท่านขวางทางคุณชายของเราอยู่ โปรดหลีกทางหน่อยขอรับ” ปากก็บอกให้หลีกทาง แต่มือกลับยื่นออกไปแล้ว คุ้มกันคุณชายใหญ่ของเขาเดินผ่านข้างกายซ่งอี๋ฮุ่ยไป 

 

 

ซ่งอี๋ฮุ่ยถูกเจียงไป๋กันออกไป แทบจะสะดุดล้มลงบนพื้น มองคุณชายใหญ่ที่เดินออกไปไกลแล้ว ซ่งอี๋ฮุ่ยก็กระทืบเท้าอย่างแรง แววตาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม 

 

 

สุนัขรับใช้ กล้ามองข้ามคุณหนูเช่นข้า รอข้าแต่งงานกับญาติผู้พี่เป็นฮูหยินใหญ่ของจวนจิ้นอ๋องก่อนเถอะ ดูซิว่าจะจัดการเจ้าอย่างไร 

 

 

ซ่งอี๋เจียได้ยินสาวใช้คนสนิทรายงาน บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยัน คนโง่ ไปหาถึงหน้าประตูต่ำช้าเพียงใด มีฝีมือแค่นี้ยังคิดจะแย่งคุณชายใหญ่กับนาง ไม่เจียมตัวจริงๆ 

 

 

ซ่งอี๋เจียยิ้มเยาะไปพลาง สั่งสาวใช้ให้เตรียมวัตถุทำอาหารไปพลาง นางจะลงครัวทำแกงให้ญาติผู้พี่ด้วยตัวเอง เช่นนี้จึงจะสามารถแสดงถึงจิตใจอันงดงามของนางได้ 

 

 

ซ่งอี๋เจียถือถาดอาหาร ใจเต้นรัว ใช้ไม้อ่อนไม้แข็งทั้งหมดกว่าจะมาถึงหน้าห้องหนังสือของสวีโย่วได้ “พี่ชายเล็กเจียงใช่หรือไม่ วานแจ้งให้ข้าที อี๋เจียต้มแกงมาให้ท่านพี่” นางแย้มยิ้มอย่างพอดี กล่าวเสียงเบา 

 

 

เจียงไป๋กลอกตาในใจ ทว่าใบหน้ากลับเผยท่าทีลำบากใจ “ไม่ใช่ว่าผู้น้อยไม่แจ้งให้ท่าน แต่คุณชายใหญ่สั่งว่าไม่อนุญาตให้ใครรบกวน” 

 

 

ทว่าซ่งอี๋เจียกลับยังคงยิ้มแย้ม “พี่ชายช่วยหน่อยเถอะ บอกว่าอี๋เจียมา ญาติผู้พี่จะต้องยอมเจอข้าแน่นอน” 

 

 

เจียงไป๋ตำหนิในใจ คุณชายข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใครด้วยซ้ำ จะยอมพบเจ้าได้อย่างไร หน้าไม่อายเพียงนี้เลยหรือ 

 

 

เขาทำสีหน้าลำบากใจแต่ยังคงไม่ขยับ “คุณหนูอย่าทำให้ผู้น้อยลำบากใจเลยขอรับ ขัดคำสั่งของคุณชายใหญ่แล้ว ผู้น้อยต้องถูกโบยเป็นแน่” 

 

 

ไม่ว่าซ่งอี๋เจียจะบังคับข้อร้องอย่างไร เจียงไป๋ก็ไม่สนใจ เฝ้าประตูห้องหนังสืออย่างเข้มงวด ไม่แจ้งและไม่ให้เข้าไป พูดเพียงหนึ่งประโยค “คุณชายใหญ่สั่งว่าไม่อนุญาตให้ใครรบกวน” 

 

 

ซ่งอี๋เจียโมโหเดือดดาลในใจ ซ้ำยังแสดงออกมาไม่ได้ สุดท้ายพูดจนปากแห้งหมดแล้วก็ยังไม่ได้พบญาติผู้พี่ของนาง ทำได้เพียงพาสาวใช้กลับไปอย่างจนตรอก 

 

 

ตอนที่เข้าไปในเรือนก็บังเอิญเจอซ่งอี๋ฮุ่ยที่กำลังออกมาพอดี ซ่งอี๋ฮุ่ยเห็นถาดอาหารที่นางถืออยู่ในมือ ชั่วขณะก็เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น หัวเราะเยาะนางแล้วกล่าว “แสดงน้ำใจแล้วเขาไม่เห็นหรือ ถูกปิดประตูใส่สินะ บอกแล้วว่าเจ้าอย่าแข่งกับข้าดีกว่า ไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว ขายหน้าสินะ” 

 

 

เดิมซ่งอี๋เจียก็โมโหอยู่เต็มทรวง ตอนนี้หาที่ระบายได้แล้ว นางแค่นเสียงหนึ่งครา ชายตามองซ่งอี๋ 

 

 

ฮุ่ยอย่างเหยียดหยาม “พูดราวกับว่าเจ้าไม่ขายหน้า ใครกันที่วิ่งไปดักคนกลางทางแต่ถูกเขาผลักออก หึ!” จากนั้นก็กลอกตาเชิดหน้าเดินเข้าห้องไป 

 

 

ซ่งอี๋ฮุ่ยถูกยั่วโมโหก็อยากวิ่งตามไปตบนาง แต่ถูกสาวใช้ดึงไว้อย่างสุดชีวิต 

 

 

“ไปแล้วหรือ” เสียงที่แผ่วเบาของสวีโย่วดังขึ้น 

 

 

เจียงไป๋ข้างนอกวิ่งเข้าไปทันที “ขอรับคุณชาย ไปแล้ว” 

 

 

สวีโย่วนวดหว่างคิ้ว วางหนังสือในมือลงกล่าว “เจ้าทำดีมาก” 

 

 

“ขอรับ คุณชาย” น้อยนักที่เจียงไป๋จะได้ยินคุณชายชม แสยะปากยิ้ม เห็นคุณชายคล้ายเหนื่อยล้าเล็กน้อยจึงเสนอความคิดเห็น “แดดร่มแล้ว คุณชายท่านออกไปเดินเล่นเถิดขอรับ” 

 

 

สวีโย่วคิดครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้าเห็นด้วย 

 

 

ทิวทัศน์ของจวนจิ้นอ๋องไม่เลว สวีโย่วกำลังเดินเล่นอย่างเอ้อระเหยอยู่ในจวนอ๋อง คิดว่าเด็กคนนั้นในจวนจงอู่โหวกำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้ ใช่เล่นเดาเหรียญทองแดงกับสาวใช้โง่งมผู้นั้นของนางอีกหรือไม่ จะออกเรือนแล้วยังทำตัวเป็นเด็กๆ เช่นนี้ มุมปากของสวีโย่วยกยิ้มอย่างอดไม่ได้ 

 

 

จู่ๆ ข้างหน้าก็มีเสียงของหนักตกลงในน้ำดังเข้ามา จากนั้นจึงตามมาด้วยเสียงร้องขอความช่วยเหลือที่แตกตื่นของสาวใช้ “ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย คุณหนูข้าตกน้ำแล้ว! คุณชายใหญ่ท่านรีบมาช่วยคุณหนูของข้าทีเจ้าค่ะ” สาวใช้คนนั้นมองเห็นสวีโย่วกับบ่าวรับใช้ก็ตะโกนด้วยความดีใจ 

 

 

สวีโย่วขมวดคิ้ว เจียงไป๋เขย่งเท้ามองครู่หนึ่ง กล่าว “คุณชาย คนที่ตกน้ำคือคุณหนูอี๋เจียที่ต้มน้ำแกงมาให้ก่อนหน้านี้ขอรับ” 

 

 

“กลับเถอะ” มีความสุขอยู่ดีๆ ก็ถูกทำเสียอารมณ์ สวีโย่วไม่แม้แต่จะหยุด หันหลังกลับเดินออกไปทันที 

 

 

เจียงไป๋ก้มหน้ารีบตามหลังคุณชายของตน สำหรับคุณหนูที่ตกน้ำผู้นั้น ก็ทำได้เพียงช่วยตัวเองแล้ว คุณชายของเขาไม่ใช่คนดีอะไร 

 

 

สวีโย่วที่กลับไปถึงห้องหนังสือ ความสุขถูกทำลายเกือบหมด ทั้งขวางทางทั้งนำแกงมาให้ทั้งตกน้ำ ตั้งแต่ที่เขากลับจวนมาก็ยังไม่หยุด ต่อให้เขาโง่ก็เข้าใจว่าคุณหนูตระกูลพระชายาสองคนนั้นมีเจตนาอะไร 

 

 

พระชายาจะเข้ามาจัดการเรื่องการสมรสของเขาแล้ว มุมปากของสวีโย่วเผยรอยยิ้มเย็นเยียบ 

 

 

ดูท่าแล้วเพียงแค่เสด็จอาช่วยเขาสู่ขอจะยังไม่พอ เขาควรจะไปพูดคุยกับองค์จักรพรรดิที่ห้องทรงอักษรพระองค์หรือไม่ ขอพระราชทานงานสมรสดีหรือไม่

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

เนื่องด้วยถูกมารดาเลี้ยงกลั่นแกล้ง ทำให้ เสิ่นเวย ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอต้องตายลงด้วยความน่าเวทนา ทว่าด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ทหารสาวในยุคปัจจุบันทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของหญิงสาวผู้ที่มีชื่อแซ่เดียวกันกับตนเอง เมื่อถูกมารดาเลี้ยงวางแผนกลั่นแกล้ง เนรเทศตนเองมาอยู่ในสถานที่รกร้างห่างไกล โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้นาง ‘รักษาตัว’ คิดหรือว่านางจะยอมแพ้ต่อความร้ายกาจของมารดาเลี้ยงผู้นี้? ไม่เป็นไร ในเมื่อไล่นางออกมา นางก็จะใช้หนึ่งสมองและสองมือของตนนี้พลิกฟื้นพัฒนาครอบครัวของนางให้กลับมาเชิดหน้าชูตาได้อีกครั้ง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset