ยอดหญิงสกุลเสิ่น – ตอนที่ 244-3 ตลกร้ายก่อนออกจากจวนอ๋อง

 

 

อู๋ซื่อดูพี่สะใภ้ใหญ่กับแม่สามีตอบโต้กันไปมา ในใจอิจฉายิ่งนัก พี่ใหญ่ของสามีไม่ใช่บุตรแท้ๆ ของแม่สามี แม่สามียังเป็นกังวลไม่กล้าพูดเล็กน้อย หากเป็นนาง จะปรึกษานางหรือ สั่งคนไปที่เรือนนางโดยตรง เอาก็ต้องเอา ไม่เอาก็ต้องเอา ไหนเลยจะเหมือนพี่สะใภ้ใหญ่ ไม่พอใจก็ปฏิเสธตรงๆ แม่สามีเองก็ไม่กล้าบีบบังคับ

 

 

ตอนนี้ หูซื่อพูดขึ้นแล้ว “พี่สะใภ้ใหญ่ น้องสะใภ้มีเรื่องจะขอร้องท่าน”

 

 

“อ้อ เรื่องอะไรหรือ มีเรื่องเจ้าก็พูดมาตรงๆ เหตุใดต้องพูดว่าขอร้อง พวกเราเป็นพี่สะใภ้น้องสะใภ้ พูดว่าขอร้องห่างเหินเกินไปแล้ว” เสิ่นเวยกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง ทว่าในใจกลับตำหนิ ยัยนี่คิดจะเล่นลูกไม้อะไรอีกแล้ว

 

 

หูซื่อลูบท้องน้อยๆ อย่างพอใจ กล่าว “ข้ามีครรภ์แล้วไม่ใช่หรือ ความอยากอาหารก็ไม่ค่อยเหมือนเมื่อก่อนนัก เมื่อก่อนของที่ชอบกินตอนนี้ล้วนแตะไม่ได้ ได้กลิ่นก็อยากอาเจียน พี่สะใภ้ใหญ่ท่านไม่รู้ ช่วงนี้ข้ากินอะไรก็อาเจียนเป็นสิ่งนั้น ทำให้บ่าวทั้งหมดต้องลำบากอย่างยิ่ง”

 

 

เสิ่นเวยเผยท่าทีเห็นใจ “ลำบากน้องสะใภ้สามแล้ว ดูสิหน้าเล็กๆ ของเจ้าซูบหมดแล้ว” แม้ว่าคำพูด ความทรมานจะเป็นเรื่องจริง กินอะไรไม่ลงก็เป็นเรื่องจริง แต่ใบหน้าของหูซื่อกลับไม่ซูบลงแม้แต่นิดเดียว เหตุใดน่ะหรือ เดิมทีนางก็มีหน้าที่อ้วนใหญ่อยู่แล้วน่ะสิ

 

 

“นี่เองก็เป็นเรื่องที่หมดหนทาง ทั้งหมดก็เพื่อลูกที่อยู่ในท้อง” หูซื่อทำท่าทีไม่สนใจ อันที่จริงบนใบหน้าล้วนเป็นความพอใจ “เหล่าสาวใช้เรียกได้ว่าทุ่มกายทุ่มใจเพื่อที่จะให้ข้ากินอะไรได้เยอะๆ แต่ข้ากินอะไรก็ยังคงอาเจียนเป็นสิ่งนั้น กลับเป็นบะหมี่เย็นที่พี่เฉินในครัวใหญ่ทำข้าจึงพอทานได้ ข้ารู้ว่าพี่ฉินผู้นี้เป็นคนของพี่สะใภ้ใหญ่ ข้าจึงมาปรึกษากับพี่สะใภ้ใหญ่ ดูว่าจะสามารถตัดใจส่งคนให้ข้าได้หรือไม่” นางทำท่าทางว่าข้าเป็นผู้สร้างคุณูปการใหญ่หลวง ในจวนมีอะไรดีก็ควรมอบให้ข้าก่อน

 

 

อ้อ ยัยนี่เหมือนเสิ่นเสวี่ย ชอบใจคนของนางเช่นกัน นางคิดว่านางเป็นใคร เอ่ยปากทีไรก็คิดจะเอาคนของนางไป พูดแบบไม่น่าฟัง อย่างไรเสียเสิ่นเสวี่ยก็ยังมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับนาง แต่เจ้าหูซื่อเป็นใคร นางตั้งครรภ์กินอะไรไม่ลงเกี่ยวข้องอะไรกับตัวข้าจวิ้นจู่หรือ

 

 

หากเจ้าพูดจาร้องขอดีๆ ตัวข้าจวิ้นจู่อารมณ์ดีก็อาจจะทำให้เจ้าสมปรารถนา เจ้าน่ะขอคนอย่างมั่นอกมั่นใจเช่นนี้ คิดว่าตัวข้าจวิ้นจู่กลั่นแกล้งง่ายนักหรือ ให้เจ้า ให้กระบองเจ้าน่ะสิ!

 

 

เสิ่นเวยเผยสีหน้าลำบากใจ ปฏิเสธตรงๆ “ไม่ได้น่ะสิ พี่เฉินเป็นหญิงรับใช้ออกเรือนของข้า ข้ายังหวังให้นางไปช่วยข้าดูแลครัวที่จวนจวิ้นอ๋อง น้องสะใภ้ไม่ใช่ชอบกินบะหมี่เย็นของนางหรือ เอาเช่นนี้แล้วกัน น้องสะใภ้หาสาวใช้ที่มีฝีมือมาเรียนวิธีทำบะหมี่เย็นกับพี่เฉิน หรือว่า น้องสะใภ้อยากกินเมื่อไรก็ให้พี่เฉินทำ แล้วเจ้าก็ส่งสาวใช้มาเอาไปก็ได้แล้ว”

 

 

แม้จะปฏิเสธ แต่เสิ่นเวยก็ยังคงเสนอทางเลือกให้หูซื่อสองทาง

 

 

เมื่อหูซื่อได้ยินว่าเสิ่นเวยปฏิเสธ ก็น้อยใจทันที “พี่สะใภ้ใหญ่ไม่ยอมช่วยแม้แต่เรื่องเล็กๆ แค่นี้หรือ อย่างไรเสียในท้องข้าก็เป็นหลานชายของท่าน! หรือว่าข้าเอาคนมาแลกกับท่านดีหรือไม่” หากพูดว่าก่อนหน้านี้หูซื่อยังไม่สนใจว่าจะขอตัวพี่เฉินไปได้หรือไม่ ตอนนี้เมื่อเสิ่นเวยปฏิเสธ กลับปลุกความอยากชนะของนางขึ้นมา จะต้องเอาพี่เฉินกลับไปที่เรือนของนางให้ได้

 

 

“เสด็จแม่ ไม่ใช่ว่าลูกไม่มีเหตุผลจริงๆ แต่หลานชายท่านในท้องเรียกร้องต่างหากเล่า” นางมองพระชายาจิ้นอ๋องด้วยความน้อยใจอย่างยิ่ง

 

 

เสิ่นเวยอยากหัวเราะขึ้นมาทันที แค่เลือดเนื้อที่ยังไม่โตเต็มที่ก้อนนั้น นางก็รู้แล้วหรือว่าเป็นลูกชาย พูดในเรือนตนเองก็ไม่เท่าไร อยู่ข้างนอกคำก็หลานชายสองคำก็หลานชาย หลานชาย หากคลอดออกมาแล้วไม่ใช่จะเป็นการตบหน้าหรือไม่ แท้จริงแล้วคนผู้นี้โง่เพียงใด!

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องขมวดคิ้ว มองเสิ่นเวยอย่างไม่เห็นด้วย “เสิ่นซื่อ น้องสะใภ้เจ้าตั้งครรภ์อยู่มิใช่หรือ เพียงแค่คนใช้ เจ้าให้นางก็ได้แล้ว” ตระหนี่เกินไปแล้ว จิตใจคับแคบจนน่าอับอายเสียจริงๆ

 

 

เสิ่นเวยส่ายหน้า “เมื่อครู่ข้าพูดแล้วมิใช่หรือ ให้สาวใช้ในเรือนน้องสะใภ้มาเรียกวิธีทำบะหมี่เย็นก็ได้ หรือว่าจะให้พี่เฉินทำแล้วส่งไปให้ก็ได้ อย่างไรเสียขอเพียงแค่น้องสะใภ้ได้กินบะหมี่เย็นก็พอ เหตุใดจะต้องเอาคนไปให้ได้เล่า” นี่คือนิสัยของตระกูลใหญ่ตระกูลโตหรือ เหอะ ตัวข้าจวิ้นจู่ทนเจ้าไม่ได้แล้ว

 

 

“คนอื่นทำไหนเลยจะรสชาติเหมือนที่พี่เฉินทำเล่า อีกทั้งจวนจิ้นอ๋องกับจวนจวิ้นจู่ยังอยู่ไกลกัน วิ่งกลับไปกลับมาใช่จะวุ่นวายหรือไม่ ข้ารอได้ แต่คนในท้องข้าจะรอได้หรือ” หูซื่อวางท่าทีคล้ายได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง

 

 

สายตาที่มองเสิ่นเวยของพระชายาจิ้นอ๋องก็เย็นเยียบขึ้นทันที ออกคำสั่งอย่างแข็งกร้าว “เสิ่นซื่อ ส่งคนให้น้องสะใภ้เจ้า หากเจ้าขาดคนเรียกใช้ ข้าจะเพิ่มให้เจ้าอีกหลายคน”

 

 

หูซื่อได้ยินดังนั้น ก็มองเสิ่นเวยอย่างอ่อนโยนทันที ทว่าในแววตากลับมีความยั่วยุและพอใจ

 

 

อูซื่อที่นั่งอยู่ข้างๆ หลุบตาลง เก็บความเหยียดหยามในนั้น หน้าไม่อาย หน้าไม่อายเกินไปแล้ว! ไม่เคยเห็นหูซื่อหน้าไม่อายเช่นนี้มาก่อน ส่วนความลำเอียงของแม่สามีนางก็ได้เห็นอีกครั้งแล้ว เพียงแต่นางไม่คิดว่าหูซื่อจะได้คนจากมือพี่สะใภ้ใหญ่ไป แม้ว่าจะมีแม่สามีช่วยอยู่ก็ไม่น่าสำเร็จ

 

 

เดือนนี้นางนับว่าได้เห็นชัดเจนแล้ว พี่สะใภ้ใหญ่ไหนเลยจะอ่อนแอโง่เขลา เห็นชัดๆ ว่าเป็นคนฉลาดมีอุบาย เพียงแค่แสร้งซื่อเป็นแมวนอนหวดก็เท่านั้นเอง

 

 

ดูสิ ตั้งแต่ที่นางเข้ามาเรื่องแต่ละเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ แม่สามีไม่สามารถเอาเปรียบได้แม้แต่นิดเดียว มุมปากของอู๋ซื่อเผยรอยยิ้มหยัน

 

 

เสิ่นเวยยิ้มแล้ว มองพระชายาจิ้นอ๋องอย่างมีเลศนัย จากนั้นจึงมองหูซื่อ เอ่ยปากกล่าวอย่างเกียจคร้าน “อ้อ กินอะไรไม่ลงเป็นเพียงแค่ข้ออ้างสินะ ที่แท้แล้วน้องสะใภ้สามก็ชอบคนของข้า แต่คนที่เป็นน้องสะใภ้เช่นเจ้ามาเรียกร้องความสนใจจากข้าที่เป็นพี่สะใภ้เหมาะสมหรือ เจ้าตั้งท้องจริง แต่คนทั้งจวนจะต้องหมุนรอบเจ้าหรือ ระวังทำอะไรเกินตัวแล้วกรรมจะตามสนอง อารมณ์ดีเจ้าเรียกข้าว่าพี่สะใภ้ใหญ่สักคำข้าก็ขานรับเจ้าแล้ว อารมณ์ไม่ดี เจ้าต้องเรียกข้าว่าจวิ้นจู่เหนียงเหนียง หูซื่อ เจ้ากล้านักบังอาจคิดจะขอคนของตัวข้าจวิ้นจู่ เจ้าเพียงแค่ตั้งท้อง ยังคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่คับฟ้าหรือ เจ้ามันให้เกียรติไม่เอาเกียรติ!”

 

 

“วันนี้ข้าจะพูดไว้ตรงนี้ คน ข้าให้เจ้าไม่ได้ บะหมี่เย็นก็ไม่มีแล้ว ข้าไม่เชื่อว่าขาดบะหมี่เย็นนี้ไปแล้วเจ้าจะตาย เจ้าอาศัยเนื้อก้อนนั้นในท้องคิดจะทำอะไรข้าไม่ยุ่ง แต่ว่า อย่ามายั่วโมโหข้า เจ้าลองทำสิ ทำไปเลย เมื่อไหรที่ทำจนทารกในครรภ์ไม่อยู่แล้วเจ้าจะได้สบายใจ”

 

 

คำพูดนี้พูดจนคนทั้งหมดตระหนกตกใจ ดวงตาของหูซื่อแดงก่ำในชั่วขณะ ลุกขึ้นยืนคิดจะโผไปหาเสิ่นเวย ถูกสาวใช้ข้างกายนางตาไวมือไวจับไว้แล้ว “ฮูหยิน ฮูหยิน ท่านยังตั้งครรภ์คุณชายน้อยอยู่นะเจ้าค่ะ”

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องตกใจในการกระทำของหูซื่อจนอกสั่นขวัญหาย ร้องเสียงแหลม “หูซื่อเจ้านั่งดีๆ เดี๋ยวนี้” ยกมือชี้เสิ่นเวย ริมฝีปากสั่นระริกก่นด่า “เสิ่นซื่อเจ้าคิดอะไรอยู่ เจ้า เจ้า!”

 

 

เสิ่นเวยมองนางกลับอย่างเย็นชา คำพูดที่เอ่ยออกมาเย็นเยียบมากเป็นพิเศษ “เหอะ เจ้ามีความสุข ข้ามีความสุข ครอบครัวพวกเรามีความสุข ดียิ่งนัก! พวกเจ้าดันไม่ยอม จะบีบบังคับให้ข้าโมโหฉีกหน้าให้ได้ เดิมทีวันนี้ข้าอารมณ์ดียิ่งนัก ไม่คิดจะถือสาพวกเจ้า แต่พวกเจ้ามีความสามารถทำให้ข้าหมดอารมณ์ได้ เอ๋ พระชายามองข้าทำไมเล่า ทำไม รังเกียจที่ข้าพูดจาไม่น่าฟังงั้นหรือ แต่นี่ก็เป็นเรื่องจริง ด้วยนิสัยเช่นนี้ของหูซื่อ พระชายายังคิดจะอุ้มหลานชายอยู่อีก ฮ่าๆ คอยดูเถอะ”

 

 

“เอาล่ะ วันนี้ก็พอแค่นี้ ข้ากล่าวลาพระชายาล่วงหน้า พรุ่งนี้เช้าข้ากับคุณชายใหญ่จะย้ายไปจวนจวิ้นอ๋องแล้ว พวกท่านก็ไม่ต้องไปส่ง หลังจากนี้ ทุกวันที่สิบห้าของเดือน หากข้าอารมณ์ดีก็จะมาเคารพพระชายา หากอารมณ์ไม่ดี พระชายาท่านก็ไม่ต้องรอล่ะ เสด็จพ่อบอกหมดแล้ว เรื่องของข้ากับคุณชายใหญ่ที่ทำให้ท่านเป็นทุกข์ ท่านจงเป็นห่วงคุณชายรอง คุณชายสามและคุณชายสี่ให้มากดีกว่า” เสิ่นเวยเชิดหน้าทิ้งท้ายประโยคนี้ไว้แล้วจึงหันหลังเดินจากไปอย่างเอ้อระเหย

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

เนื่องด้วยถูกมารดาเลี้ยงกลั่นแกล้ง ทำให้ เสิ่นเวย ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอต้องตายลงด้วยความน่าเวทนา ทว่าด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ทหารสาวในยุคปัจจุบันทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของหญิงสาวผู้ที่มีชื่อแซ่เดียวกันกับตนเอง เมื่อถูกมารดาเลี้ยงวางแผนกลั่นแกล้ง เนรเทศตนเองมาอยู่ในสถานที่รกร้างห่างไกล โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้นาง ‘รักษาตัว’ คิดหรือว่านางจะยอมแพ้ต่อความร้ายกาจของมารดาเลี้ยงผู้นี้? ไม่เป็นไร ในเมื่อไล่นางออกมา นางก็จะใช้หนึ่งสมองและสองมือของตนนี้พลิกฟื้นพัฒนาครอบครัวของนางให้กลับมาเชิดหน้าชูตาได้อีกครั้ง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset