ยอดหญิงสกุลเสิ่น – ตอนที่ 254-1 เลือกอนุเลือกความงาม

แม่นมซือมาตามคำสั่ง ตัวนางเองก็เป็นคนฉลาดมีสายตาเฉียบแหลม รู้ว่าคุณชายใหญ่สองสามีภรรยาต่างก็ไม่ใช่คนที่ยั่วยุได้ง่ายๆ ด้วยเหตุนี้จึงยิ้มแย้มวางท่าทางดี แต่หลังจากที่เข้ามาในจวนผิงจวิ้นอ๋องแล้ว ตลอดทางที่เข้ามา คนรับใช้ทั้งหมดมีมารยาทดีอย่างถึงที่สุด เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่เป็นรองจวนจิ้นอ๋องเลย ความดูถูกเล็กๆ นั้นในเบื้องลึกจิตใจนางก็ถูกเก็บไป

 

 

เสิ่นเวยกลับให้เกียรติแม่นมซืออย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่ให้ที่นั่ง ซ้ำยังสั่งสาวใช้ยกชามาให้ ทำให้แม่นมซือประหลาดใจจนขอบคุณแล้วขอบคุณอีก ก่อนมานางยังเตรียมใจว่าคงจะไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีจากฮูหยินใหญ่ พระชายากับฮูหยินใหญ่นับได้ว่าฉีกหน้ากันแล้ว นางเป็นแม่นมคนสนิทข้างกายพระชายาไม่ถูกฮูหยินใหญ่กลั่นแกล้งสิแปลก ไหนเลยจะคิดถึงว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติเช่นนี้ นี่ทำให้ในใจแม่นมซือทั้งดีใจทั้งเป็นกังวล

 

 

อันที่จริงเสิ่นเวยไม่มีเจตนาอื่นอย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่มีสุภาษิตว่าไว้หรือว่า ‘มีมารยาทต่อผู้อื่น ผู้อื่นไม่อาจกล่าวโทษ’ อีกอย่าง ต่อให้นางจะโกรธเกลียดพระชายาจิ้นอ๋อง แต่นั่นก็เป็นเรื่องระหว่างนาย นางกลับไม่อาจพาลใส่บ่าว อีกทั้งนางมองดูแล้ว แม่นมซือผู้นี้ยังค่อนข้างรู้จักหนักเบา ตอนที่นางมีเรื่องกับพระชายาจิ้นอ๋องก็ไม่ได้ฉวยโอกาสวางแผนร้ายอะไร

 

 

จุดประสงค์ในการมาของแม่นมซือเรียบง่ายอย่างยิ่ง คุณหนูเจ็ดจวนเสนาบดีฉิน ว่าที่ฮูหยินสี่ของจวนจิ้นอ๋องได้รับเชิญมาเป็นแขกวันพรุ่งนี้ นางที่เป็นพี่สะใภ้คนโตย่อมต้องไปรับแขกที่จวน

 

 

เสิ่นเวยตอบตกลงด้วยความง่ายดายอย่างถึงที่สุด ต่อหน้าลูกสะใภ้ที่ยังไม่เข้าเรือน พระชายาจิ้นอ๋องต้องสำรวมอาการหน่อยหรือไม่ เสิ่นเวยคิดเช่นนี้ แน่นอน หากพระชายาจิ้นอ๋องก่อเรื่องอะไรอีกนางก็ไม่กลัวเช่นกัน อย่างไรเสียถึงตอนนั้นคนที่เสียหน้าก็ไม่ได้มีแค่นางเพียงคนเดียว พระชายาจิ้นอ๋องยังไม่กลัว นางที่เป็นชนรุ่นหลังจะกลัวอะไร

 

 

คบค้ากับคนเช่นพระชายาจิ้นอ๋อง หน้าไม่หนาพอไม่ได้

 

 

วันรุ่งขึ้น เสิ่นเวยทานข้าวเช้าเสร็จก็ไปจวนจิ้นอ๋อง อาจจะอยู่ไกล เจอไม่บ่อย พระชายาจิ้นอ๋องจึงต้อนรับนางด้วยความเป็นมิตรอย่างยิ่ง ทักทายพอเป็นพิธีหลายประโยค ดึงเข้ามาถามว่างานในจวนจัดการดีหรือไม่ บ่าวรับใช้เชื่อฟังหรือไม่

 

 

เสิ่นเวยย่อมไหลไปตามน้ำ พระชายาจิ้นอ๋องจะเป็นแม่สามีที่ดี เช่นนั้นนางย่อมเป็นลูกสะใภ้ดีที่ว่าง่ายเชื่อฟังที่สุด

 

 

บอกว่ารับแขก อันที่จริงไม่ต้องให้เสิ่นเวยทำอะไรเลย เสิ่นเวยเองก็ไม่อาจโง่เข้าไปทำอะไรได้ นางแยกจวนออกมาแล้ว แน่นอนว่าไม่อาจแย่งงานอู๋ซื่อสร้างความรำคาญใจให้คนได้

 

 

เสิ่นเวยนั่งอยู่ไม่นาน สาวใช้ใหญ่หวาเยียนก็นำฉินอิงอิงเข้ามา เสิ่นเวยมองดูนิ่งๆ ครู่หนึ่ง เห็นเพียงนางสวมชุดกระโปรงรัดอกสีเขียวอ่อน ทำให้ดูสดชื่นอย่างถึงที่สุด บนใบหน้าแต้มชาดบางๆ จมูกโด่งเป็นสันริมฝีปากสีแดงสด ดวงตาคู่โตเป็นประกาย ความจริงแล้ว ฉินอิงอิงแม่นางผู้นี้นอกจากนิสัยสร้างความรำคาญให้ผู้อื่นแล้ว คนก็ยังคงมีหน้าตาที่งดงามอย่างยิ่งจริงๆ

 

 

“ผู้น้อยเคารพพระชายาเพคะ” ฉินอิงอิงเคารพได้เพียงครึ่งเดียวก็ถูกพระชายาจิ้นอ๋องจับขึ้นมา นางมองประเมิณคนที่งดงามดั่งหยกผู้นี้ ในแววตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องมารยาทมาก ไม่ใช่คนอื่นคนไกล” ประโยคสุดท้ายพูดอย่างแฝงความนัยโดยเฉพาะ

 

 

แก้มทั้งสองของฉินอิงอิงแดงระเรื่อ หลุบตาลงด้วยความเขินอายเล็กน้อย ทว่าปากกลับพูด “พระชายาเมตตา แต่กฎย่อมไม่อาจละเมิด” ยืนกรานเคารพพระชายาจิ้นอ๋องใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็คำนับเสิ่นเวยและคนอื่นๆ

 

 

การกระทำนี้ของฉินอิงอิงทำให้พระชายาจิ้นอ๋องพอใจยิ่งขึ้น ให้ความสำคัญแก่นางเพิ่มขึ้นหลายส่วน กล่าวชมซ้ำๆ “เป็นสตรีรู้จักมารยาท”

 

 

ก่อนหน้านี้พระชายาจิ้นอ๋องเองก็เคยเห็นฉินอิงอิงแล้ว ความพอใจที่สุดที่มีต่อนางนอกจากจะมีฐานะเป็นญาติผู้น้องของซูเฟยเหนียงเหนียงแล้ว ยังมีหน้าตาของนาง นางรู้นิสัยลูกชายคนเล็กของนางดี ชอบความงามที่สุด ฉินอิงอิงหน้าตาสละสลวยจะต้องมัดใจลูกชายได้แน่นอน เลี่ยงไม่ให้เขาออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกบ่อยครั้ง

 

 

ตอนนี้เห็นมารยาทการอบรมของนางล้วนไม่เลว ก็ยิ่งพอใจ

 

 

อันที่จริงนางไม่รู้ว่าฉินอิงอิงใช้ความพยายามมากเพียงใดจึงจะไม่ทำให้ตนเสียกิริยาได้ คำนับอู๋ซื่อกับหูซื่อ นางมองดวงตาของของฝ่ายตรงข้ามอย่างเปิดเผยสบายใจ คำนับเสิ่นเวย นางกลับหลุบสายตาจ้องมองปลายเท้าตัวเอง ร่างทั้งร่างแข็งทื่ออย่างถึงที่สุด กลัวว่าจะสบสายตาที่เหยียดหยามของเสิ่นเวยแล้วจะอดทนต่อไปไม่ได้ กระทำการที่เสียกิริยาใดๆ ออกมา

 

 

เสิ่นเวยเองย่อมเห็นความอึดอัดของฉินอิงอิงแล้ว แต่ขอเพียงแค่ไม่หาเรื่องมาถึงนาง นางก็ไม่ใช่คนที่ชอบทะเลาะ ยิ่งไปกว่านั้นระหว่างนางกับฉินอิงอิงด็ไม่ได้มีความแค้นฝังลึกอะไร เพียงแต่ทะเลาะกันตามประสาเด็กผู้หญิงก็เท่านั้นเอง

 

 

“ดูสิ ดูสิ เสด็จแม่ลำเอียงจริงๆ มีคุณหนูเจ็ดแซ่ฉินที่งดงามถูกใจแล้ว ก็ทิ้งคนเก่าเหล่านี้เช่นพวกลูกไว้ข้างๆ เสด็จแม่ อย่างไรเสียท่านก็สนใจลูกสักหน่อยได้หรือไม่!” เห็นพระชายาจิ้นอ๋องพูดกับฉินอิงอิงด้วยความสนิทสนม อู๋ซื่อก็กล่าวหยอกล้อ

 

 

หูซื่อเองก็บุ้ยปากคล้อยตาม “เสด็จแม่ ท่านได้ใหม่ลืมเก่าเร็วเพียงนี้ ลูกไม่ยอมนะเพคะ”

 

 

“เฮ้อ ใครให้พวกเราไม่สวยเหมือนคุณหนูเจ็ดเล่า ดูคุณหนูเจ็ดของพวกเราสิ ให้ตาย ใบหน้าเล็กๆ นี้อ่อนนุ่มราวกับกลีบดอกไม้ เปรียบเทียบกันแล้ว พวกเราก็เป็นหมันโถวที่เผาจนไหม้ เสด็จแม่ไม่รังเกียจได้ก็ไม่เลวแล้ว” อู๋ซื่อกล่าวด้วยท่าทีเสียใจ

 

 

คนทั้งสองแทรกมุขตลกเย้าหยอกให้พระชายาจิ้นอ๋องหัวเราะจนไม่อาจปิดปาก “พวกเจ้าก็ชอบหยอกคนอื่น วันนี้แม่ยังชอบใจคุณหนูสี่อยู่ พวกเจ้าน่ะไปยืนอยู่ข้างๆ เสีย” ยกมือไล่ ราวกับว่ารังเกียจมาก

 

 

ส่วนฉินอิงอิงที่ถูกหยอกล้อก็ก้มหน้าอย่างเขินอาย ใบหน้าด้านข้างราวกับเมฆหมอกที่แผดเผาอยู่บนขอบฟ้า น่าหลงใหลเหลือเกิน ทำให้พระชายาจิ้นอ๋องยิ่งหัวเราะเสียดัง

 

 

มีเพียงเสิ่นเวยผู้เดียวที่อมยิ้ม พูดแทรกประโยคครึ่งประโยคบ้าง ส่วนใหญ่นางไม่พูด เป็นเสมือนผู้ชม

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องชายตามองมาทางนางปราดหนึ่ง ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่ กลับไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

 

ในขณะนี้เอง ก็มีสาวใช้เข้ามารายงาน “พระชายา คุณหนูอี๋ฮุ่ยกับคุณหนูอี๋จยามาแล้วเพคะ”

 

 

ดวงตาของพระชายาจิ้นอ๋องเป็นประกาย “เด็กน้อยฮุ่ยยาโถ่วกับจยายาโถ่วมาแล้ว รีบเชิญเข้ามา” จากนั้นก็หันหน้าไปอธิบายให้ฉินอิงอิงฟัง “อี๋ฮุ่ยกับอี๋จยาเป็นหลานสาวตระกูลฝั่งมารดาของข้า อายุไล่เลี่ยกับเจ้า พวกเจ้าจะต้องเข้ากันได้แน่นอน”

 

 

ฉินอิงอิงเม้มปากยิ้มพยักหน้า ท่าทางเชื่อฟังนี้ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของพระชายาจิ้นอ๋องกว้างยิ่งขึ้น ในใจพอใจมากเป็นพิเศษ สะใภ้ทั้งสามคนล้วนแต่เป็นคนที่ตนเลือกเองกับมือ แต่ละคนต่างก็ทำให้นางพอใจ

 

 

ม่านประตูเปิดออก แม่นางรูปร่างสูงโปร่งสองคนเดินเข้ามาจากข้างนอก คนที่สวมชุดสีเหลืองอ่อนเสิ่นเวยรู้จัก คือซ่งอี๋ฮุ่ยที่นางเคยเจอครั้งหนึ่ง อีกคนหนึ่งที่สวมชุดสีม่วงอ่อนกลับแปลกหน้า คาดว่าคงจะเป็นซ่งอี๋จยา

 

 

“ท่านอา หลานเคารพท่าน” แม่นางทั้งสองเสียงใสกังวาน ทำความเคารพช้าๆ

 

 

จากนั้นก็คำนับเสิ่นเวยซ่งซื่อหูซื่อ “คารวะพี่สะใภ้ญาติผู้พี่ทั้งสามท่าน”

 

 

ท้ายที่สุดจึงจะเป็นฉินอิงอิง “คนผู้นี้คือคุณหนูเจ็ดจวนเสนาบดีฉินใช่หรือไม่ ญาติผู้พี่สี่มีวาสนายิ่งนัก!” ซ่งอี๋จยาปิดปากหัวเราะคิกคัก

 

 

ซ่งอี๋ฮุ่ยเองก็ไม่ยอมน้อยหน้า “ก็ใช่น่ะสิ มิเช่นนั้นเหตุใดใครๆ ถึงบอกว่าสายตาของท่านอาดีเล่า” เหลือบตามองซ่งอี๋จยาที่ปิดปากหัวเราะปราดหนึ่ง แล้วกล่าวต่อ “น้องเจ็ด ในหมู่พวกเราพี่น้องหน้าตาของเจ้าโดดเด่นที่สุด วันนี้เห็นคุณหนูเจ็ดแซ่ฉินก็นับว่าได้เข้าใจสุภาษิตเหนือคนยังมีคนเหนือฟ้ายังมีฟ้าแล้ว เจ้าถูกเปรียบเทียบแล้ว” นางเองก็ปิดปากหัวเราะคิกคักเช่นกัน ในดวงตามีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น

 

 

ซ่งอี๋จยาอยากจะฉีกปากของซ่งอี๋ฮุ่ยยิ่งนัก แต่สีหน้ากลับยังคงยิ้ม “ดูพี่หกพูดเข้า น้องจะเทียบคุณหนูเจ็ดแซ่ฉินได้อย่างไร น้องเพียงแค่หน้าตาพอๆ กันเท่านั้น จะโดดเด่นที่สุดได้อย่างไร หากจะนับว่าโดดเด่น ท่านอาของพวกเราจึงจะเป็นที่หนึ่ง” ไม่เพียงแต่โต้กลับซ่งอี๋ฮุ่ยเล็กๆ ซ้ำยังประจบพระชายาจิ้นอ๋องอีกด้วย

 

 

เสิ่นเวยเลิกคิ้ว ไอหย่า พี่น้องสองคนนี้ยังจิกกัดกันแล้วหรือ พระชายาจิ้นอ๋องก็ไม่จัดการหรือ

 

 

เสิ่นเวยมองพระชายาจิ้นอ๋องอย่างเงียบๆ ก็เห็นคิ้วของนางขมวดมุ่นอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงยื่นมือชี้ซ่งอี๋ฮุ่ยกับซ่งอี๋จยา ยิ้มก่นด่า “พวกเจ้าสองคนชอบเย้าแย่คนอื่น โดดเด่นอะไรกัน ที่หนึ่งอะไรกัน ไม่อายคนหรือไร คุณหนูเจ็ดแซ่ฉินหัวเราะพวกเจ้าแล้ว”

 

 

ฉินอิงอิงที่เป็นคนต้นเรื่องย่อมไม่กล้าไม่เอ่ยปาก “คุณหนูทั้งสองพูดถูก หากจะพูดถึงหน้าตา ใครในที่นี้จะเทียบพระชายาได้! ผู้น้อยเพียงแค่มีรูปร่างหน้าตากลางๆ คุณหนูทั้งสองชมเชยเช่นนี้ ผู้น้อยทำตัวไม่ถูกจริงๆ” นางกล่าวอย่างตั้งใจจริง บนใบหน้าสัตย์ซื่อ เปลี่ยนเรื่องแล้วกล่าว “หน้าตาสวยไม่สวยอะไร ท่านแม่สั่งสอนผู้น้อย วาจาความประพฤติมีคุณธรรม คุณธรรมของสตรีจึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หน้าตาจึงจะเป็นรอง”

 

 

คำพูดนี้ชนะจนพระชายาจิ้นอ๋องชื่นชมทันที “ได้ยินหรือไม่ ได้ยินหรือไม่ พวกเจ้าเด็กโง่สองคน นี่จึงจะเป็นสิ่งที่ควรจะเทียบจริงๆ”

 

 

มีพระชายาจิ้นอ๋องนำ หลายคนที่เหลือก็ย่อมพากันเลียเท้า ฉินอิงอิงก็โบกมืออย่างเขินอาย “ผู้น้อยเพียงแค่พูดความจริงก็เท่านั้นเอง ไหนเลยจะควรค่าให้ทุกคนชื่นชมเช่นนี้ ผู้น้อยละอายยิ่งนัก”

 

 

แม้แต่เสิ่นเวยยังอดมองฉินอิงอิงใหม่ไม่ได้ อ้อ ที่แท้แล้วเด็กเจ้าอารมณ์ยังมีด้านนี้ด้วยงั้นหรือ ดูท่าแล้วในบ้านจะทุ่มเทสั่งสอนมาแล้ว

 

 

ขณะที่เสิ่นเวยกำลังคิดเรื่อยเปื่อย ก็ได้ยินเพียงเสียงร้องอุทาน ‘อ้ะ’ หนึ่งครา เห็นสาวใช้คุกเข่าขอโทษอยู่บนพื้น “บ่าวสมควรตาย บ่าวสมควรตาย คุณหนูเจ็ดแซ่ฉิน บ่าวไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เจ้าค่ะ” ในน้ำเสียงมีความตกใจกลัว

 

 

ฉินอิงอิงยืนอยู่ข้างๆ มองชุดที่ถูกน้ำชาหกใส่ สีหน้าค่อยข้างไม่ดีเล็กน้อย นางสูดหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้งเค้นรอยยิ้มออกมากำลังจะพูดว่าไม่เป็นไร เสียงตำหนิของพระชายาจิ้นอ๋องก็ดังขึ้น “เจ้าทำอะไร ไม่รู้จักระมัดระวัง แม้แต่ยกชายังทำไม่ได้ เก็บเจ้าไว้ทำไม ไสหัวออกไป!”

 

 

จากนั้นก็มองฉินอิงอิงด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไรใช่หรือไม่ ไม่โดนลวกใช่หรือไม่ รีบมาให้ข้าดูหน่อย”

 

 

ฉินอิงอิงส่ายหน้า “ไม่เป็นไรเพคะ น้ำชาอุ่นอยู่” หยุดครู่หนึ่งจึงมองสาวใช้ที่ร้องขอชีวิตไม่หยุดบนพื้น ในแววตามีบางอย่างแวบผ่าน ร้องขอ “พระชายา ให้อภัยนางเถิด นางเองก็ไม่ได้ตั้งใจ อีกอย่างก็ไม่เป็นอะไรมิใช่หรือ”

 

 

คราวนี้พระชายาจิ้นอ๋องย่อมต้องไว้หน้า อีกทั้งนางตำหนิสาวใช้เป็นเพียงแค่การเสแสร้ง ไม่คิดจะลงโทษจริงๆ อย่างสิ้นเชิง ด้วยเหตุนี้จึงผลักเรือตามน้ำ “ในเมื่อคุณหนูเจ็ดแซ่ฉินขอร้องแทนเจ้าแล้ว ครั้งนี้ก็อภัยให้เจ้าแล้วกัน ยังไม่รีบขอบคุณคุณหนูเจ็ดแซ่ฉินอีก”

 

 

สาวใช้คนนั้นคลานเข้าไปโขกศีรษะไม่หยุด “ขอบคุณพระชายาเพคะ ขอบคุณคุณหนูเจ็ดแซ่ฉิน”

 

 

“พอแล้ว เจ้าออกไปเถอะ คราวหน้าก็ระวังให้มากหน่อย” ฉินอิงอิงสะกดกลั้นความไม่พอใจแล้วกล่าว นางมองชุดที่เปียกบนร่างตัวเอง มองพระชายาจิ้นอ๋องด้วยความลำบากใจเล็กน้อย “พระชายา โปรดอนุญาตให้ผู้น้อยไปเปลี่ยนชุด” คุณหนูตระกูลใหญ่ออกมาเป็นแขก มักจะต้องเตรียมชุดสำรองมาด้วยเสมอ

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องกล่าว “สมควรยิ่งนัก สมควรยิ่งนัก ฮุ่ยยาโถ่ว เจ้าพาคุณหนูเจ็ดไปเปลี่ยนชุดที่ห้องข้าง”

 

 

“เจ้าค่ะ คุณหนูเจ็ดแซ่ฉินโปรดตามมา” ซ่งอี๋ฮุ่ยที่ถูกเรียกชื่อก็คล้ายไม่ค่อยดีใจเล็กน้อย

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

เนื่องด้วยถูกมารดาเลี้ยงกลั่นแกล้ง ทำให้ เสิ่นเวย ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอต้องตายลงด้วยความน่าเวทนา ทว่าด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ทหารสาวในยุคปัจจุบันทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของหญิงสาวผู้ที่มีชื่อแซ่เดียวกันกับตนเอง เมื่อถูกมารดาเลี้ยงวางแผนกลั่นแกล้ง เนรเทศตนเองมาอยู่ในสถานที่รกร้างห่างไกล โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้นาง ‘รักษาตัว’ คิดหรือว่านางจะยอมแพ้ต่อความร้ายกาจของมารดาเลี้ยงผู้นี้? ไม่เป็นไร ในเมื่อไล่นางออกมา นางก็จะใช้หนึ่งสมองและสองมือของตนนี้พลิกฟื้นพัฒนาครอบครัวของนางให้กลับมาเชิดหน้าชูตาได้อีกครั้ง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset