ยอดหญิงสกุลเสิ่น – ตอนที่ 256-1 สวีโย่วหลงภรรยา

เสิ่นเวยคิดว่าสวีโย่วหลอกให้นางดีใจ ไม่คิดว่าเขาจะยื่นสาส์นกราบทูลฉบับนั้นจริงๆ ร้องขอฝ่าบาทให้เปลี่ยนจวนจวิ้นอ๋องเป็นจวนจวิ้นจู่

 

 

เมื่อสาส์นฉบับนี้เปิดเผยสู่สาธารณะชน ทั่วทั้งราชสำนักก็สั่นสะเทือน ผิงจวิ้นอ๋องผู้นี้หลงภรรยาเกินไปแล้วหรือไม่ นี่ไม่ได้หมายความห้ามหลงภรรยา แต่เจ้าหลงก็หลง รักก็รัก แต่ไม่อาจไร้เหตุผลไร้ขอบเขตเช่นนี้ได้!

 

 

เปลี่ยนจวนผิงจวิ้นอ๋องเป็นจวนจวิ้นจู่ ยินยอมพร้อมใจเป็นอี๋ปิน ศักดิ์ศรีนี้ยังต้องการอยู่หรือไม่

 

 

ทว่าสวีโย่วผู้เป็นคนต้นเรื่องกลับยืดหลังตรง พยายามร้องขอฝ่าบาทด้วยความมั่นอกมั่นใจ “ทุกท่านต่างก็ทราบดี สุขภาพของกระหม่อมไม่ดีตั้งแต่เล็ก แต่จยาฮุ่ยจวิ้นจู่ก็ไม่ทอดทิ้ง ซ้ำยังช่วยชีวิตกระหม่อมไว้นับครั้งไม่ถ้วน กระหม่อมเกิดมาก็ต้องกินยา ชั่วชีวิตนี้ไม่รู้ว่าจะสามารถมีทายาทได้หรือไม่ และไม่รู้เหมือนกันว่าวันไหนจะมีอันเป็นไป จยาฮุ่ยจวิ้นจู่ดูแลกระหม่อมด้วยความรักและจริงใจ กระหม่อมจึงต้องใช้เวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ตระเตรียมครึ่งชีวิตที่เหลือของนางให้เป็นอย่างดี!”

 

 

หยุดครู่หนึ่ง จึงกล่าวอย่างจริงจัง “หากฝ่าบาทรู้สึกลำบากใจ ไม่สู้ลองเมตตาพระราชทานจวนจวิ้นจู่ให้อีกหลัง แม้จะเป็นเพียงเรือนหลังเล็กหนึ่งเรือน ก็สามารถเลี่ยงไม่ให้จยาฮุ่ยจวิ้นจู่ถูกผู้อื่นรังแกภายหลังจากที่กระหม่อมไม่อยู่แล้ว” พูดจบเขาก็คุกเข่าลงบนท้องพระโรงเสียงดัง

 

 

การกระทำนี้ดึงดูดสายตาของคนทั้งหมด ให้ตายสิ ที่แท้แล้วผิงจวิ้นอ๋องที่หน้าตายเป็นเอกลักษณ์ก็เป็นทาสภรรยาที่ตกหลุมรักหัวปักหัวปำอย่างแท้จริง! แม้แต่ตนอาจจะมีทายาทไม่ได้ก็ยังกล้าพูดออกไปข้างนอก ความรู้สึกของคนทั้งหมดซับซ้อนยิ่งนัก ไม่รู้ว่าจะใช้สายตาแบบใดมองผิงจวิ้นอ๋องดี

 

 

ชั่วขณะ ในสายตาของคนทั้งหมดที่มองใต้เท้าราชครูเสิ่นผิงยวน จงอู่โหวเสิ่นหงเหวินและเสิ่นหงเซวียนกรมพิธีการก็เต็มไปด้วยความอิจฉา ดูสิว่าเขาเลี้ยงหลานสาวเก่งเพียงใด มัดใจผิงจวิ้นอ๋องที่ไร้มลทินได้อย่างเหนียวแน่นจนกลายเป็นนุ่นพันดรรชนี ผิงจวิ้นอ๋องหลงภรรยาเช่นนี้ ความสัมพันธ์ที่มีต่อบ้านภรรยาจะไม่สนิทยิ่งขึ้นได้อย่างไร เลี้ยงบุตรสาวเหมือนกัน แต่เหตุใดจวนจงอู่โหวของคนอื่นถึงได้มีวาสนาดีเพียงนั้นเล่า

 

 

หากจะบอกว่าสายตาที่ทุกคนมองจงอู่โหวสามพ่อลูกอิจฉา สายตาที่มองจวนจิ้นอ๋องก็มีเลศนัย ท่านจิ้นอ๋องไม่ออกว่าราชการ ดังนั้นคนที่รับสายตาของคนทั้งหมดแทนก็คือท่านซื่อจื่อสวีเยี่ยกับคุณชายสามสวีเหยียน สีหน้าคนทั้งสองล้วนไม่ดีอย่างยิ่ง

 

 

ฮ่องเต้ยงเซวียนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ทรงพิโรธแล้ว เขามองสวีโย่วที่คุกเข่าอยู่ข้างล่างด้วยความมั่นอกมั่นใจอยากจะถีบเขากระเด็นเสียจริงๆ ไม่รู้ว่ายังสามารถมีทายาทได้หรือไม่อะไร ไม่รู้เหมือนกันว่าวันไหนจะมีอันเป็นไปอะไร คิดว่าเขาไม่รู้หรือว่าตอนนี้สุขภาพของเขาแข็งแรงราวกับวัว ไม่ใช่ว่าคุณหนูสี่แซ่เสิ่นทะเลาะกับพระชายาจิ้นอ๋องอีกแล้วหรือ เจ้าจึงวิ่งเข้ามาหนุนหลังเช่นนี้ ไม่ดูนิสัยที่ห้าวหาญนั่นของคุณหนูสี่แซ่เสิ่นเสียบ้าง นางไม่รังแกคนอื่นก็ดีเท่าไรแล้ว

 

 

กลัวภรรยา เหตุใดเขาถึงคิดไม่ถึงว่าหลานชายที่เขาสั่งสอนเองกับมือจะเป็นคนกลัวภรรยา ลมหายใจในทรวงอกฮ่องเต้ยงเซวียนอุดตันยิ่งนัก คายไม่ออก กลืนไม่ลง

 

 

“ราชครูคิดเห็นเช่นไร” ฮ่องเต้ยงเซวียนถอนหายใจหนึ่งคราออกมาช้าๆ มองเสิ่นผิงยวนที่หลุบตาไม่พูดปราดหนึ่ง

 

 

เสิ่นผิงยวนกล่าวด้วยความเคารพ “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมไม่มีความคิดเห็น สตรีที่แต่งออกไปก็เหมือนน้ำที่สาดออก ทั้งหมดตามแต่ผิงจวิ้นอ๋องจะมีความสุข”

 

 

อย่าว่าแต่ฮ่องเต้ยงเซวียน แม้แต่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งหมดที่ยืนอยู่ข้างล่างก็ยังถูกคำตอบกลับที่น่าไม่อายนี้ลดขีดจำกัดลงไปอีก ให้ตายสิ ใครไม่รู้บ้างว่าหลานสาวของเจ้ากลับบ้านฝั่งมารดาอยู่บ่อยครั้ง ไม่เพียงแต่กลับไปคนเดียว ผิงจวิ้นอ๋องยังไปเป็นเพื่อน ต่อให้จะไม่ว่างจริงๆ ตกค่ำหลังเลิกงานก็ไปรับด้วยตัวเอง ตอนนี้เจ้าบอกว่าสตรีที่แต่งออกไปก็เหมือนน้ำที่สาดออก เจ้าตัดใจสาดออกไปได้หรือ

 

 

จุๆๆ หนังหน้านี้ ด้วยระดับความหน้าไม่อายนี้ ทำให้พวกเขาละอายใจตัวเองจริงๆ! มิน่าเล่าเขาถึงได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ไม่ยอมรับไม่ได้!

 

 

จิ้งจอกเฒ่า! ฮ่องเต้ยงเซวียนสำลักเล็กน้อย มองเสิ่นหงเหวินกับเสิ่นหงเซวียนอย่างไม่ตายใจ “จงอู่โหวกับขุนนางเสิ่นคิดเห็นเช่นไร”

 

 

คนทั้งสองรีบเข้าไปขานรับ “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมคิดเช่นเดียวกับบิดา ออกเรือนเชื่อฟังสามี ทั้งหมดเอาตามแต่เจตนาของผิงจวิ้นอ๋อง”

 

 

ให้ตายสิ ใครบอกว่าลูกชายหลายคนของเสิ่นผิงยวนสติปัญญาธรรมดาเล่า นี่ไม่ใช่ว่าเฉียบแหลมรอบคอบอย่างยิ่งหรอกหรือ

 

 

มือที่จับพนักเก้าอี้ของฮ่องเต้ยงเซวียนพลันแน่น เห็นหลานชายของเขาก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด ตรัสด่า “รีบไสหัวไป คิดว่าบ้านที่เรามอบให้เป็นของเหลือหรือ เจ้าวางใจ หากถึงวันนั้นเจ้ามีอันเป็นไปจริงๆ ก็ยังมีราชสำนักดูแลจยาฮุ่ยจวิ้นจู่ ไม่อาจให้ใครมารังแกได้” ประโยคสุดท้ายสวีโย่วแทบจะได้ยินเสียงกัดฟันของเสด็จลุงเขาแล้ว

 

 

สวีโย่วถอยออกไปอย่างคล่องแคล่ว คำนับขอบคุณ “ขอบคุณฝ่าบาทที่กรุณา เช่นนี้กระหม่อมก็วางใจแล้ว” ท่าทางไร้กังวลทั้งใบหน้า ฮ่องเต้ยงเซวียนเห็นแล้วก็ยิ่งว้าวุ่นใจ

 

 

หลังว่าราชการเสร็จ เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ก็ทยอยกันเดินออกไปข้างนอก เนื่องด้วยหน้าตาของสวีโย่ว จึงไม่มีใครไม่ดูตาม้าตาเรือเข้าไปพูดอะไรกับเขา ท่านเสนาบดีฉินที่เดินอยู่ข้างหลังประสานมือคารวะเสิ่นผิงยวน หัวเราะเหอเหอกล่าว “ยินดีกับราชครูที่เลี้ยงหลานสาวดี!”

 

 

เสิ่นผิงยวนก็หัวเราะท่าทางเหมือนสุนัขจิ้งจอก “ไยท่านเสนาบดีจะต้องดูถูกตัวเองเกินไปด้วยเล่า คุณหนูในจวนท่านก็ไม่ได้ด้อย!”

 

 

ท่านเสนาบดีฉินหัวเราะร่าฮ่าๆ “ดีพอกัน ดีพอกัน”

 

 

เสิ่นผิงยวนเองก็หัวเราะร่าฮ่าๆ ในดวงตามีประกายแวบผ่าน

 

 

ภาพๆ นี้ตกอยู่ในสายตาของผู้อื่น ในใจอิจฉาอย่างถึงที่สุด ความสัมพันธ์ของท่านเสนาบดีกับราชครูดีจริงๆ!

 

 

สาส์นกราบทูลในพระตำหนักจินหลวนของสวีโย่วถูกประกาศทั่วเมืองหลวงในชั่วพริบตา ไม่ว่าเหล่าขุนนางจะแอบวิจารณ์ว่าสวีโย่วว่ากลัวภรรยาหลงภรรยาอย่างไร เหล่าฮูหยินคุณหนูแต่ละจวนต่างก็อิจฉาวาสนาของเสิ่นเวยอย่างถึงที่สุด หากรู้ก่อนหน้านี้ว่าผิงจวิ้นอ๋องรักภรรยาเช่นนี้ ต่อให้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเขาสุขภาพไม่ดี ก็ต้องชิงลงมือก่อน! ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจให้เด็กผู้หญิงที่เติบโตในชนบทฉกฉวยไปได้

 

 

สวี่ซื่อป้าสะใภ้ใหญ่บ้านฝั่งมารดาของเสิ่นเวยทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ข้าบอกแล้วว่าเวยเอ๋อร์มีวาสนา ดูสิ ข้าพูดถูกแล้วมิใช่หรือ อมิตาพุทธ ผิงจวิ้นอ๋องปฏิบัติเช่นนี้ต่อเวยเอ๋อร์ได้ ในที่สุดหัวใจของข้าก็วางลงได้แล้ว” เวยเอ๋อร์สามารถยืนหยัดมั่นคงได้เป็นผลประโยชน์ต่อจวนจงอู่โหวมากเพียงใด เพราะผิงจวิ้นอ๋องสนิทชิดเชื้อกับบ้านพ่อตา แม้แต่ในกรมกลาโหมท่านโหวก็ถูกคนให้ความสำคัญสามส่วน ตอนนี้เสนาบดีกรมกลาโหมปฏิบัติต่อท่านโหวด้วยความสุภาพยิ่งนัก

 

 

โหลวซื่อพี่สะใภ้ใหญ่ของสวี่ซื่อเองก็ยิ้มแย้มทั้งใบหน้าเช่นกัน “นี่เองก็เป็นเพราะเวยเอ๋อร์ฉลาดมีคุณธรรม” เวยเอ๋อร์มีบุญคุณใหญ่หลวงกับบุตรสาวนาง นางย่อมหวังดีต่อเวยเอ๋อร์

 

 

แม้ในใจจ้าวซื่อจะอิจฉาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่คนที่ตาไม่มีแวว “เวยเอ๋อร์ของพวกเราหน้าตาดี นิสัยดี ซ้ำยังมีสินเดิมมหาศาล ผิงจวิ้นอ๋องจะไม่รักไม่หลงได้อย่างไร” นางนึกถึงบุตรสาวของตน กลุ้มใจยิ่งนัก! นางไม่กล้าฝันว่าเซวียนเอ๋อร์จะแต่งงานได้อย่างผิงจวิ้นอ๋อง ดีได้ครึ่งหนึ่งนางก็พอใจแล้ว

 

 

“ใช่ๆๆ พูดให้ดีก็คือเวยเอ๋อร์ของพวกเราดีเยี่ยม ดีได้ด้วยตัวเอง” โหลวซื่อกล่าวคล้อยตาม

 

 

สวี่ซื่อเองก็พยักหน้า ฝีมือของเวยเอ๋อร์ชัดเจนที่สุด สามารถทำให้ผิงจวิ้นอ๋องเชื่อฟังและโปรดปรานเช่นนี้ได้ นางไม่แปลกใจเลยจริงๆ

 

 

“น้องสาว คู่หมั้นของเสิ่นเชียนเจ้าเลือกได้แล้วหรือยัง” โหลวซื่อเปลี่ยนเรื่อง ถามถึงคู่หมั้นของเสิ่นเชียนขึ้นมา

 

 

เมื่อเอ่ยถึงการหมั้นหมายของลูกชาย รอยยิ้มบนใบหน้าสวี่ซื่อก็ยิ่งกว้าง “เลือกได้แล้ว เลือกได้แล้ว เป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลใต้เท้าฉังหัวหน้าราชวิทยาลัยกั๋วจื่อ ปีนี้อายุสิบหกปีแล้ว เด็กกว่าเชียนเอ๋อร์สามปี เหมาะสมพอดี”

 

 

“ยิ่งไปกว่านั้นอีก คุณหนูตระกูลฉังผู้นั้นยังหน้าตาดี อีกทั้งตั้งแต่เล็กก็อ่านกลอน รู้กฎระเบียบทำนองคลองธรรมที่สุด นางเป็นบุตรสาวคนโตในตระกูล แม่นางร่างกายไม่ค่อยดีนัก งานในจวนของพวกนางล้วนแต่เป็นนางที่ดูแล ตั้งแต่อายุแปดเก้าปีก็จัดการได้แล้ว พี่สะใภ้ใหญ่ได้ลูกสะใภ้ที่มีความสามารถยิ่งนัก” จ้าวซื่อกล่าวเสริมด้วยสีหน้าอิจฉา

 

 

บนใบหน้าของโหลวซื่อเองก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “จริงหรือ เช่นนั้นก็ดีจริงๆ คุณหนูใหญ่แซ่ฉังมีความสามารถเช่นนี้ หลังจากนี้น้องก็รอใช้ชีวิตอันสุขสบายได้เลย ท่านแม่ของเราเป็นทุกข์เรื่องการหมั้นหมายของเชียนเอ๋อร์ทั้งวัน กลับไปได้ยินข่าวดีนี้ จะต้องดีใจมากแน่นอน”

 

 

สวี่ซื่อพยักหน้า “อ่านบทกลอนหรือไม่ หน้าตาโดดเด่นหรือไม่ นี่เป็นสิ่งรองลงมา เรื่องที่ข้าให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือความสามารถของคุณหนูฉัง แม้จวนของพวกเราจะไม่ได้มีทายาทบางตาเหมือนจวนแม่ทัพใหญ่หร่วน แต่อันที่จริงสถานการณ์ที่เผชิญหน้าก็เหมือนกัน เหิงเอ๋อร์ต้องการภรรยาที่มีสามารถมาดูแลเรือนหลัง เชียนเอ๋อร์ของพวกเราเองก็เหมือนกัน เขาอยู่ไกลถึงซีเจียง ก็ต้องการภรรยาที่มีความสามารถมาจัดการงานในเรือนหลังด้วยมิใช่หรือ”

 

 

หยุดครู่หนึ่งจึงกล่าวต่อ “อันที่จริงเรื่องนี้ยังคงเป็นนายท่านผู้เฒ่าโหวที่เตือนข้า ก่อนหน้านี้ข้าคิดเพียงแต่ว่าจะหาภรรยาที่นิสัยอ่อนโยนให้เชียนเอ๋อร์ มีชีวิตที่เข้ากันกับเขาปรนนิบัติเขาได้ดีก็เพียงพอแล้ว ยังคงเป็นนายท่านผู้เฒ่าโหวที่บอกว่า วิถีชีวิตของคนในซีเจียงห้าวหาญ นิสัยอ่อนโยนไปที่นั่นแล้วจะปรับตัวไม่ได้ แม้แต่ตัวเองยังดูแลไม่ได้ จะดูแลเชียนเอ๋อร์ได้อย่างไร อีกทั้งไปถึงซีเจียงแล้วไม่เพียงแต่ต้องปรนนิบัติเชียนเอ๋อร์ แต่ยังต้องผูกมิตรกับครอบครัวฝ่ายหญิง ไม่หาสตรีที่มีนิสัยแข็งแกร่งมีความสามารถก็จะจัดการสถานการณ์ไม่อยู่ คุณหนูตระกูลฉังผู้นี้นายท่านผู้เฒ่าเองก็เคยเอ่ยถึง ข้าดูแล้ว โห ดีจริงๆ ด้วย นี่ไม่ใช่ว่าต้องรีบหมั้นหมายให้เชียนเอ๋อร์หรอกหรือ หาช้าไปจะถูกคนแย่งตัวไปได้”

 

 

สำหรับว่าที่ลูกสะใภ้ที่นายท่านผู้เฒ่าโหวเลือก สวี่ซื่อไม่มีความคิดเห็นแม้แต่นิดเดียว อย่างไรเสียสายตาของนายท่านผู้เฒ่าโหวแม้แต่พ่อนางยังเลื่อมใส อีกทั้งคุณหนูฉังผู้นี้ก็โดดเด่นจริงๆ ดีกว่าคนที่นางเคยดูก่อนหน้านี้หลายส่วน

 

 

“นายท่านผู้เฒ่าโหวใส่ใจหลานชายจริงๆ” โหลวซื่ออิจฉายิ่งนัก นายท่านผู้เฒ่าโหวเป็นราชครูของรัชทายาท สายตาของเขาใช่คนทั่วไปสามารถเทียบได้หรือ ภรรยาดีรุ่งโรจน์ไปสามชั่วโคตร เชียนเอ๋อร์มีวาสนาจริงๆ

 

 

คราวนี้จ้าวซื่ออิจฉาแล้วจริงๆ กล่าวด้วยความริษยา “ลูกหลานเต็มจวน คนที่นายท่านผู้เฒ่าโหวรักที่สุดก็คือเวยเอ๋อร์ อีกคนหนึ่งก็คือเชียนเอ๋อร์” เทียบกันแล้ว ซงเอ๋อร์ไป่เอ๋อร์และเซวียนเอ๋อร์ของนางห่างชั้นอยู่มาก

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

เนื่องด้วยถูกมารดาเลี้ยงกลั่นแกล้ง ทำให้ เสิ่นเวย ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอต้องตายลงด้วยความน่าเวทนา ทว่าด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ทหารสาวในยุคปัจจุบันทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของหญิงสาวผู้ที่มีชื่อแซ่เดียวกันกับตนเอง เมื่อถูกมารดาเลี้ยงวางแผนกลั่นแกล้ง เนรเทศตนเองมาอยู่ในสถานที่รกร้างห่างไกล โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้นาง ‘รักษาตัว’ คิดหรือว่านางจะยอมแพ้ต่อความร้ายกาจของมารดาเลี้ยงผู้นี้? ไม่เป็นไร ในเมื่อไล่นางออกมา นางก็จะใช้หนึ่งสมองและสองมือของตนนี้พลิกฟื้นพัฒนาครอบครัวของนางให้กลับมาเชิดหน้าชูตาได้อีกครั้ง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset