ยอดหญิงสกุลเสิ่น – ตอนที่ 170-1 ชัยชนะยิ่งใหญ่

ก้อนหินทุบลงบนยอดกำแพงเมืองอย่างหนักหน่วง ทหารชายแดนที่คุ้มกันเมืองหลบเข้าที่กำบังทันที ทหารซีเหลียงบนบันไดสูงฉวยโอกาสปีนป่ายด้วยความรวดเร็ว ด้วยความเร็วนั้นก็ใกล้จะปีนถึงยอดกำแพงเมืองแล้ว

 

 

เหล่าทหารชายแดนเห็นท่าไม่ดี ก็ออกจากที่กำบังโผเข้าไปบนยอดกำแพงเมืองทันที ฟันทหาร

 

 

ซีเหลียงบนบันไดสูง ทหารซีเหลียงร้องลั่นตกลงไป ทว่าทหารชายแดนผู้นี้กลับถูกหินหนักๆ ทุบลงมาอย่างจัง ยังไม่ทันได้ร้องโอดครวญก็ล้มลงบนยอดกำแพงเมืองแล้ว

 

 

“หลี่เสี่ยวลิ่ว หลี่เสี่ยวลิ่ว!” เพื่อนทหารร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวด ดวงตาแดงก่ำพากันโถมตัวไปยังยอดกำแพงเมืองอย่างเดือดดาล ต่อสู้สุดชีวิตกับทหารซีเหลียงบนบันไดสูง

 

 

เสิ่นเวยเห็นท่าไม่ดี เครื่องยิงหินหลายเครื่องนั้นเป็นอุปสรรคเกินไปจริงๆ ทหารชายแดนบาดเจ็บล้มตายมากเกินไปแล้ว นางคิดหาวิธีจะทำลายเครื่องยิงหินของซีเหลียง

 

 

เสิ่นเวยหรี่ตาสังเกตการณ์อยู่พักหนึ่ง ออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด “เอาธนูมา” หากมีหน้าไม้ก็ดี ใช้ธนูนางไม่มั่นใจว่าจะยิงโดน

 

 

เสิ่นเวยกางแขนน้าวสายธนู ธนูสามดอกยิงออกไปยังทหารซีเหลียงที่คุมเครื่องยิงหินอยู่ โดนแล้ว! เสิ่นเวยถอนหายใจในใจหนึ่งครา การเคลื่อนไหวในมือก็ยังไม่หยุด ยิงธนูออกไปอีกสามดอก ทหารซีเหลียงบนเครื่องยิงหินอีกเครื่องหนึ่งก็ถูกธนูยิงตายเช่นกัน เพียงแค่เวลาครึ่งก้านธูป เครื่องยิงหินห้าเครื่องของ

 

 

ซีเหลียงก็หยุดลง เสิ่นเวยจึงวางคันธนูในมือลง ปาดเหงื่อบนหน้าผาก

 

 

แต่ว่านี่เองก็ไม่ได้ช่วงชิงเวลามาให้ทหารชายแดนได้มากเท่าไรนัก ทหารซีเหลียงชุดใหม่ก็เสริมกำลังเข้าไปบนเครื่องยิงหิน เปิดฉากการยิงถล่มรอบใหม่กับยอดกำแพงเมือง

 

 

เห็นทหารชายแดนบนยอดกำแพงเมืองร้องโอดครวญล้มลงทีละคนๆ เสิ่นเวยก็ยกมือขึ้นอีกครั้ง แต่กลับถูกสวีโย่วข้างๆ ห้ามไว้ “เจ้าพักก่อน ข้าเอง!”

 

 

ฝีมือการยิงธนูของสวีโย่วนั้นก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน กระทั่งยังเร็วยิ่งกว่าความเร็วของเสิ่นเวยเสียอีก แต่ทหารซีเหลียงมีเยอะเกินไป คนหนึ่งตายแล้ว อีกคนหนึ่งก็เข้ามาแทนที่ทันที

 

 

เอาแต่ยิงสังหารทหารซีเหลียงที่คุมเครื่องยิงหินอย่างเดียวไม่ได้ ยังต้องทำลายเครื่องยิงหินจึงจะเป็นแผนที่ดี ต่อสู้เช่นนี้อึดอัดเกินไป นางอยากไปเข่นฆ่าไล่ฟันในกองทัพใหญ่ซีเหลียง นางร้อนใจอยากได้โลหิตสดๆ มาสงบความหงุดหงิดในใจนาง

 

 

“เถาฮวา ไป ถึงเวลาแล้ว!” เสิ่นเวยคว้าดาบหมื่นโลหิตเตรียมตัวจะกระโดดลงจากกำแพงเมือง

 

 

สวีโย่วจับแขนของนางไว้ “ข้าจะพาเจ้าไปเอง!” มือของเขาโอบเอวของเสิ่นเวย เท้าแตะเล็กน้อยก็กระโดดลงจากหอประตูเมืองที่สูงหลายจั้งแล้ว ท่วงท่าสูงสง่างดงามนั่นราวกับเทวดาลงมาบนโลกมนุษย์ ดาบหมื่นโลหิตของเสิ่นเวยฟันลูกธนูนับไม่ถ้วนท่ามกลางอากาศ ทั้งสองตกลงกลางกองทัพซีเหลียงอย่างปลอดภัย

 

 

เจียงเฮยพาเถาฮวากับเจียงไป๋กระโดดลงจากยอดกำแพงเมืองเช่นกัน คนทั้งห้ารวมตัวกันที่บริเวณหนึ่งเปิดฉากเข่นฆ่า ส่วนเสิ่นเวยก็ส่งสัญญาณบุกโจมตีแล้ว

 

 

เสิ่นเวยสวีโย่วคนทั้งห้าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งทั้งหมด ทหารเล็กๆ ของซีเหลียงเหล่านี้จะเป็นคู่ต่อสู้ได้อย่างไร พวกเขาหันหลังชนกันเคลื่อนตัวช้าๆ ขยับเข้าใกล้เครื่องยิงหินทีละก้าวๆ ทุกๆ แห่งที่ผ่านไปล้วนเป็นศพทหารซีเหลียง

 

 

“เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ ขึ้นไป!” เสิ่นเวยฟันทหารซีเหลียงผู้หนึ่งจนตัวลอย ตะโกนบอกเจียงเฮยเจียงไป๋ด้วยเสียงเฉียบขาด

 

 

เจียงเฮยกับเจียงไป๋ถือดาบขึ้นไปบนเครื่องยินธนูทันที ออกแรงฟัน คันยาวของเครื่องยิงธนูก็หักเป็นสองท่อน นับว่าพังทลายอย่างสมบูรณ์แล้ว

 

 

“ทำได้ดี!” เสิ่นเวยเอ่ยชมเสียงดัง จากนั้นก็กำบังคนทั้งสองให้ทยอยทำลายเครื่องยิงหินอีกหลายเครื่องพร้อมกับเถาฮวาสวีโย่ว เสิ่นเวยถอนหายใจยาวหนึ่งครา แกว่งดาบหมื่นโลหิตตั้งใจฆ่าคน ฆ่าทหารซีเหลียงได้หนึ่งคนก็ลดลงไปหนึ่งคน

 

 

ดาบหมื่นโลหิตของเสิ่นเวยดื่มโลหิตสดจนอิ่ม ในที่สุดก็ส่องประกายที่เป็นของตัวเองออกมา ตัวดาบเป็นเงาวาว กะพริบแสงเย็นเยียบภายใต้แสงอาทิตย์ ฟันคนแล้วไม่ต้องเปลืองแรงเยอะ มันร้องคำราม คล้ายสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของเจ้านาย มันกระหายโลหิตสด เอาโลหิตสดมากมายมาชะล้างความอับอายในอดีตของมัน เผยความสง่างามแต่เดิมของมันออกมา

 

 

ตอนนี้ เสิ่นเวยก็คือดาบ ดาบก็คือเสิ่นเวย

 

 

เถาฮวายังคงกล้าหาญฮึกเหิมเช่นนั้น กระบวนท่าของนางเรียบง่ายเช่นนั้นมาโดยตลอด คู่ควรกับแรงที่ไร้ขีดจำกัดแต่กลับมีประสิทธิผลอย่างถึงที่สุดของนาง กระบองเหล็กควงเป็นวงกว้าง ทหารซีเหลียงที่ล้มลงสามารถกองกันเป็นภูเขาลูกเล็กหนึ่งลูกได้แล้ว

 

 

สวีโย่วไม่ได้ใช้กระบี่ยาวของเขา แต่กลับเลือกทวนที่เหมาะสมกับสนามรบมากกว่า ทวนทรราช! ร่างเขาสูงตระหง่าน ทวนยาวหนึ่งเล่มกวัดแกว่งจนเกิดสายลมดังสวบสาบ ทหารซีเหลียงสัมผัสแล้วก็สิ้นชีพ

 

 

เจียงเฮยเจียงไป๋ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ทหารคุ้มกันประจำกายองค์ชายใหญ่สวีจะไร้ประโยชน์ได้อย่างไร สองพี่น้องร่วมมือกัน ฆ่าคนแล้วราวกับหั่นผักหั่นแตง จะบอกว่าเป็นยมทูตหน้าขาวหน้าดําก็ยังได้

 

 

เสิ่นเวยยิ่งฆ่าก็ยิ่งมีความสุข ความกล้าได้กล้าเสียที่หยิ่งผยองทะนงตนนั้นในใจบังเกิดขึ้น นางเงยหน้าร้องคำรามหนึ่งครา “มา พวกลูกหมาซีเหลียง ให้ข้าได้ส่งพวกเจ้ากลับบ้านเก่า คุณชายใหญ่สวี พวกเรามาแข่งกัน ดูว่าวันนี้ใครฆ่าคนได้เยอะกว่า วันหน้าก็เชื่อฟังคนนั้น”

 

 

“จริงหรือ!” สวีโย่วตาลุกวาว นี่เป็นข้อเสนอที่ดึงดูดใจอย่างถึงที่สุดจริงๆ

 

 

“แน่นอนว่าจริง!” เสิ่นเวยยิ้มหวาน ชวนให้คนหวั่นไหวและงดงามเช่นนั้นท่ามกลางสีโลหิต

 

 

เถาฮวาร้องตะโกนอย่างดีใจ “คุณชาย เถาฮวาจะช่วยท่านเอง!” คุณชายของนางจะต้องชนะแน่นอน คุณชายใหญ่สวีไก่อ่อนเช่นนั้นจะฆ่าคนได้เยอะกว่าคุณชายตนได้อย่างไร

 

 

ส่วนเจียงเฮยกับเจียงไป๋ก็กระตุกมุมปาก เอาการฆ่าคนมาเป็นเรื่องสนุก ไม่เคยเห็นคู่รักที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อนจริงๆ

 

 

มีข้อเสนอนี้ในการแข่งขัน เสิ่นเวยกับสวีโย่วก็ฆ่าอย่างฮึกเหิมยิ่งขึ้น ทหารซีเหลียงน่าเวทนา คนที่ตายในน้ำมือของคนทั้งสองไม่ถึงพันคนก็แปดร้อยคนได้ ยังไม่รวมถึงคนที่ได้รับบาดเจ็บอีกด้วย

 

 

“สะใจ สะใจจริงๆ เลย!” เสิ่นเวยลูบหน้าหนึ่งคราหัวเราะร่าฮ่าๆ ความอัดอั้นจากการเห็นเพื่อนร่วมรบตายบนยอดกำแพงเมืองได้รับการระบายแล้ว เจ้าซีเหลียงฆ่าคนต้ายงของข้าหนึ่งคน ข้าเสิ่นเวยก็จะฆ่าเจ้าสิบคน ร้อยคน กระทั่งพันคน!

 

 

“คุณชายๆ พวกข้ามาแล้ว!” ขณะที่เสิ่นเวยกำลังมีความสุข ก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนมากมายดังเข้ามา นางหันหน้ามอง ก็ยิ้มจนดวงตาโค้งเป็นจันทร์เสี้ยวสองดวงทันที

 

 

โอวหยางไน่ จางสง เฉียนเป้าและคนอื่นๆ นำคนเข้ามารวมตัวแล้ว

 

 

โอวหยางไน่และคนอื่นๆ แฝงตัวออกไปตั้งแต่เริ่มศึกใหญ่แล้ว แต่ละคนนำทหารหนึ่งร้อยนายหมอบซุ่มอยู่บริเวณต่างๆ รอเสิ่นเวยส่งสัญญาณ พวกเขาก็สังหารเข้าไปจากข้างหลังของกองทัพซีเหลียง

 

 

กลยุทธ์ที่เสิ่นเวยกำหนดให้พวกเขาคือ ‘ใช้กระบวนทัพแทนการฆ่า พยายามรักษาตัวอย่างถึงที่สุด ตัดกำลังกองทัพข้าศึกให้มาก’

 

 

“ทุกคนยังปลอดภัยดีหรือไม่” เสิ่นเวยตะโกนถาม

 

 

สิ่งที่ตอบคำถามนางคือเสียงหัวเราะที่สบายใจของเฉียนเป้า “มารดามันสิ ลูกหมาซีเหลียงเหล่านี้สู้ไม่เป็นจริงๆ ราวกับกระดาษ ข้ายังไม่ทันสะใจก็ฆ่ามาถึงนี่แล้ว ไก่อ่อนเกินไปแล้ว ไม่ได้กินข้าวมาหรือไร!” เฉียนเป้าดูถูก วาจาเต็มไปด้วยความรังเกียจ

 

 

เมื่อเสิ่นเวยได้ยินคำว่ากินข้าวสองคำนี้ ชั่วขณะก็มีความตั้งใจใหม่ แกว่งดาบหมื่นโลหิต พูดเสียงดัง “ไป ตามข้าบุกออกไป!”

 

 

ฉวยโอกาสตอนที่กองทัพใหญ่ซีเหลียงโจมตีเมือง ที่ตั้งค่ายของพวกเขาจะต้องเหลือคนไว้ไม่มากแน่นอน เช่นนั้นนางก็จะพาคนไปเดินเล่นที่ค่ายสักรอบหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจจะยังได้ของดี

 

 

ทหารม้าหลายกลุ่มรวมตัวกัน ตามเสิ่นเวยฆ่าออกไปข้างนอกด้วยไอสังหารคุกรุ่น แต่ละคนๆ ประหนึ่งเทพสังหาร ทหารซีเหลียงไม่เหลือแม้แต่ความกล้าที่จะต่อต้าน พากันหลีกทางให้ คนที่วิ่งช้าก็ต้องตายเป็นวิญญาณใต้ดาบมิใช่หรือ

 

 

“ไป คุณชายจะพาพวกเจ้าไปค้นค่ายของพวกมัน ทั้งหมด วิ่งไปข้างหน้า” เสิ่นเวยโบกมือบัญชา ชายฉกรรจ์เหล่านี้ก็วิ่งไปข้างหน้าราวกับสายลม

 

 

สำหรับเสิ่นเวย หึๆ นางบอกเป็นนัยให้โอวหยางไน่นำม้าศึกมาให้นางก่อนแล้ว ตอนนี้ก็พาเถาฮวาขี่ม้า ส่วนคุณชายใหญ่สวีน่ะหรือ เขาเป็นคนโง่หรือไร ข้างกายยังมีสองพี่น้องยมทูตหน้าขาวหน้าดําอยู่ ย่อมต้องไม่ขาดม้าให้ขี่แน่นอน

 

 

เป็นอย่างที่เสิ่นเวยคาดการณ์ ค่ายของกองทัพใหญ่ซีเหลียงเหลือคนไว้เพียงห้าร้อยคน เมื่อก่อนองค์ชายใหญ่หลี่หยวนเผิงออกรบ ในค่ายต้องเหลือคนไว้อย่างน้อยหนึ่งพันคน แต่ครั้งนี้องค์ชายรองเป็นคนนำทัพ เขากระหายในชัยชนะ คิดว่าค่ายเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด ไม่จำเป็นต้องทิ้งคนไว้มากเพียงนั้น ดังนั้นจึงเหลือไว้เพียงแค่ห้าร้อยคนนี้

 

 

ไม่ใช่ว่าเสียเปรียบให้เสิ่นเวยหรอกหรือ ชายฉกรรจ์หนึ่งกลุ่มที่ราวกับหมาป่าราวกับเสือโผเข้าไปในค่าย แทบจะไม่ได้ออกแรงอะไรก็เก็บกวาดทหารซีเหลียงที่ทิ้งไว้คุ้มกันห้าร้อยนายนี้จนหมดแล้ว

 

 

“คุณชาย ตรงนี้มีเสบียง!” ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นมา

 

 

เสิ่นเวยเข้าไปดู มีจริงๆ ด้วย ที่วางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ในกระโจมสักหลาดทรงกลมไม่ใช่เสบียงหรือไร โอ้โห ดีใจเหนือความคาดหมายจริงๆ

 

 

“ขนไป ขนไปให้หมด!” เสิ่นเวยตัดสินใจน้อมรับไว้ทั้งหมด “ใช้ทางลัด เข้าไปในป่าก่อน” เพียงชั่วขณะเสิ่นเวยก็คิดวิธีดีๆ ได้แล้ว

 

 

เสบียงขนไปหมดแล้ว ยังจะอยู่ในค่ายเพื่ออะไร เผาเสีย! เสิ่นเวยจุดไฟเผากระโจมหลังใหญ่ที่สุดหลังนั้นด้วยตัวเอง ชั่วพริบตา ค่ายกองทัพใหญ่ซีเหลียงก็กลายเป็นทะเลเพลิงผืนใหญ่ เสิ่นเวยมองเพลิงที่ลุกโหม ในใจมีความสุขมากเป็นพิเศษ

 

 

“คุณชายๆ ตรงนี้มีสตรีนางหนึ่ง” มีเสียงคนร้องตะโกนด้วยความดีใจขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

เสิ่นเวยสงสัย ออกศึกก็พาผู้หญิงมาด้วยหรือ คนโง่ที่ไหนทำเรื่องแบบนนี้

 

 

หญิงงามสวมชุดสวยหรูผู้หนึ่งถูกผลักมาตรงหน้าเสิ่นเวยอย่างแรง นางตัวสั่นระริก ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ตะโกนอะไรบางอย่างด้วยเสียงที่สั่นเครือ เสิ่นเวยฟังไม่เข้าใจ

 

 

 สวีโย่วกลับเข้าใจ บอกเป็นนัยให้เสิ่นเวยว่า ‘สอง’ เสิ่นเวยดีใจขึ้นมาทันที ที่แท้แล้วหญิงผู้นี้ก็เป็นสตรีขององค์ชายรองคนสมองกลวงผู้นั้น หึๆๆ เปิดโลกจริงๆ

 

 

เห็นแก่สตรีที่งดงามเพียงนี้จึงไว้ชีวิตให้องค์ชายรองสักครั้งก็แล้วกัน!

 

 

เดิมเสิ่นเวยอยากดูว่าจะสามารถหาโอกาสจัดการองค์ชายรองได้หรือไม่ ตอนนี้นางเปลี่ยนความตั้งใจแล้ว เก็บองค์ชายรองไว้ก่อนดีกว่า จะไปหาเพื่อนร่วมทีมที่โง่เหมือนหมูเช่นนี้ได้จากไหนอีก เก็บเขาไว้สร้างความรำคาญใจให้องค์ชายใหญ่ผู้เก่งกาจดีกว่า

 

 

“พากลับไปๆ” เสิ่นเวยตัดสินใจเด็ดขาด พากำลังคนเคลื่อนตัวจากทางลัด อีกทั้งยังไม่ลืมที่จะให้โอวหยางไน่นำคนหนึ่งกลุ่มสวมชุดของทหารซีเหลียงไปหลอกคนอีกด้วย

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

เนื่องด้วยถูกมารดาเลี้ยงกลั่นแกล้ง ทำให้ เสิ่นเวย ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอต้องตายลงด้วยความน่าเวทนา ทว่าด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ทหารสาวในยุคปัจจุบันทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของหญิงสาวผู้ที่มีชื่อแซ่เดียวกันกับตนเอง เมื่อถูกมารดาเลี้ยงวางแผนกลั่นแกล้ง เนรเทศตนเองมาอยู่ในสถานที่รกร้างห่างไกล โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้นาง ‘รักษาตัว’ คิดหรือว่านางจะยอมแพ้ต่อความร้ายกาจของมารดาเลี้ยงผู้นี้? ไม่เป็นไร ในเมื่อไล่นางออกมา นางก็จะใช้หนึ่งสมองและสองมือของตนนี้พลิกฟื้นพัฒนาครอบครัวของนางให้กลับมาเชิดหน้าชูตาได้อีกครั้ง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset