ยอดหญิงสกุลเสิ่น – ตอนที่ 144.2

หนีตามกัน

เสิ่นเวยส่งจืออี๋เหนียงกลับไป หลังจากผ่านไปครึ่งถ้วยชา เฝิ่นหงก็แอบมาที่เรือนเฟิงหวา หลังจากที่เสิ่นเวยซักถามนางสามสี่คำก็คาดเดาว่าเสิ่นอิงน่าจะอาศัยตอนที่ทุกคนกำลังหลับพักผ่อนตอนกลางวัน แอบออกไปนอกจวน ตอนนี้เป็นยามเซิน [1]เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยามกว่าๆ แล้ว นางน่าจะยังไปได้ไม่ไกล

 

 

เสิ่นเวยจึงสั่งให้คนส่งข่าวให้พวกชวีไห่ จางสงกับเฉียนเป้า ในขณะเดียวกันนางก็พาพวกโอวหยางไน่บุกไปที่เรือนหลังนั้น แต่น่าเสียดายตอนที่พวกนางไปถึง เรือนก็ว่างเสียแล้ว ลุงที่เฝ้าประตูบอกว่าคุณชายผู้นั้นเป็นคนที่มาขอเช่าที่นี่ ตอนเช้าหลังจากที่เขาได้รับจดหมายจากที่บ้านก็รีบเก็บข้าวของกลับบ้านเกิดไปแล้ว

 

 

ทันใดนั้นเสิ่นเวยรู้สึกผิดหวังลงครึ่งหนึ่ง สถานการณ์ย่ำแย่ลงทุกที หรือว่าพี่สามไม่ได้ไปกับคนผู้นี้ แล้วนางไปที่ใด เสิ่นเวยครุ่นคิด ในขณะที่เฝิ่นหงหดตัวอยู่ตรงมุมหนึ่งในรถม้าอย่างหวาดกลัว ถ้าหากตามหาคุณหนูไม่พบ หรือเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนู นางคงต้องตายแน่ๆ จืออี๋เหนียงจะต้องฉีกนางเป็นชิ้นๆ แน่

 

 

เมืองหลวงที่กว้างใหญ่เช่นนี้จะไปหาสองคนนั้นที่ไหน หากวันนี้ตามหาไม่พบ ความหวังที่วันต่อไปจะหาพบก็ยิ่งน้อยลง อีกอย่างเรื่องการหายตัวไปของพี่สามก็ปิดไว้ได้ไม่นาน หากเรื่องที่พี่สามป่วยความแตก แม้จะพาตัวกลับมาได้ก็จะมีจุดจบเหมือนกัน จวนจงอู่โหวจะมีบุตรสาวที่หนีตามผู้ชายไปไม่ได้ จวนโหวจะเสียหน้าเพราะเรื่องนี้ไม่ได้

 

 

ข่าวคราวที่ได้มา ความผิดหวังบนใบหน้าของเสิ่นเวยยิ่งฉายชัดขึ้น จิตใจก็ยิ่งเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ

 

 

ทันใดนั้น ของบางอย่างถูกโยนผ่านหน้าต่างของรถม้าเข้ามา เสิ่นเวยตื่นตัวขึ้นมา ยื่นมือไปรับไว้ ในขณะที่นางกำลังตรวจดูอย่างละเอียด เฝิ่นหงก็ถลาเข้ามาด้วยความตื่นเต้น “ปิ่นหยกของคุณหนู” นางน้ำตาไหล แต่ดวงตากลับเป็นประกาย

 

 

เสิ่นเวยหยิบม้วนกระดาษที่สอดอยู่กับปิ่นหยก เมื่อเปิดออกดู ด้านในเขียนอักษรไว้เพียงสองคำ …ท่าเรือ… จะบอกนางว่าคนที่นางกำลังตามหาอยู่ที่ท่าเรืออย่างนั้นหรือ แล้วใครส่งจดหมายนี้ให้กับนาง เสิ่นเวยไม่มีเวลาให้คิดมาก และไม่มีเวลาสนใจด้วยว่านี่จะเป็นกลอุบายหรือไม่ นางรีบสั่งความกับโอวหยางไน่ “ไปท่าเรือ เร็วเข้า” หากไปช้าไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะนั่งเรือออกไปแล้ว

 

 

เจียงไป๋ที่หลบอยู่อีกด้านเห็นรถม้าไปแล้วก็ตบหน้าอกผ่อนลมหายใจ โชคยังดีๆ ถือว่าจดหมายส่งไปให้แล้ว ก็ไม่รู้ว่าคุณชายคิดอย่างไร ไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีเสียหน่อย เหตุใดต้องลับๆ ล่อๆ ด้วย บอกคุณหนูสี่ไปตามตรงไม่ดีกว่าหรือ ไม่แน่ว่าคุณหนูสี่อาจจะซาบซึ้งจนยอมมอบกายแทนคุณก็เป็นได้ เจียงไป๋ไม่เข้าใจสักนิดว่าแท้ที่จริงแล้วคุณชายของเขาคิดอะไรอยู่กันแน่

 

 

           โอวหยางไน่เร่งรถม้าให้เคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาถึงท่าเรือ

 

 

ท่าเรือคึกคักอย่างมาก มีผู้คนสัญจรไปมามากมาย พ่อค้าเร่ถือตะกร้าก็มีมากเช่นกัน ในแม่น้ำก็เรือหลายลำทอดสมออยู่ เสิ่นอิงอยู่ที่ใดเล่า เสิ่นเวยสั่งให้คนจับตามองเรือที่เทียบฝั่งอยู่

 

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง คนที่เข้าไปตรวจดูบนเรือก็กลับมารายงาน พวกเขายังหาไม่พบ เสิ่นเวยไม่ยอมตัดใจ นางมีลางสังหรณ์รุนแรงบางอย่าง เสิ่นอิงอยู่ที่นี่ หากวันนี้นางไม่อาจพาตัวอีกฝ่ายกลับไปได้ ต่อไปวันหน้าพวกนางก็จะไม่ได้พบหน้ากันอีกแล้ว

 

 

ในตอนที่เสิ่นเวยกำลังร้อนใจอยู่นั่นๆ อยู่ๆ นางก็มองเห็นร่างคุ้นตา เฝิ่นหงก็มองเห็นแล้วเช่นกัน นางเกาะขอบหน้าต่างพูดอย่างตื่นเต้นว่า “คุณหนูสี่รีบดูเร็วเจ้าค่ะ นั่นคือคุณหนูของข้า เสื้อผ้าที่สวมก็เป็นของบ่าว” พูดพลางก็คิดจะลงจากรถม้าไปตาม แต่ถูกเสิ่นเวยดึงกลับมา “เจ้าอยู่บนรถเฉยๆ ข้าจะไปเอง”

 

 

           โชคดีที่ตอนที่ออกมาเสิ่นเวยแต่งเป็นผู้ชาย ไม่อย่างนั้นแม่นางน้อยที่สะสวยอย่างนางมาอยู่ที่ท่าเรือเวลานี้จะต้องสะดุดตามากแน่

 

 

ใช่แล้ว นั่นก็คือเสิ่นอิง เพียงแต่แต่งกายด้วยชุดสาวใช้เท่านั้น นางหิ้วห่อผ้าไว้ในมือ กำลังนั่งพักอยู่ในร้านชาข้างทางที่มีไม้เลื้อยเกาะเกี่ยวอยู่ด้านบน ข้างกายของนางมีคุณชายที่แต่งตัวหรูหราผู้หนึ่งอยู่ด้วย ก็ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรกับนาง เสิ่นอิงจึงก้มหน้าแย้มยิ้มเอียงอาย แต่เสิ่นเวยกลับรู้สึกถึงความแปลกประหลาดจากตัวชายผู้นั้น

 

 

เสิ่นเวยก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่รีบเร่ง นางย่อตัวลงหน้าแผงลอย แสร้งทำเป็นดูสินค้า ผ่านไปครู่หนึ่ง คุณชายผู้นั้นแยกตัวออกไป เสิ่นเวยจึงลุกขึ้น ค่อยๆ เดินเข้าไปนั่งข้างๆ เสิ่นอิงอย่างเงียบเชียบ “อย่าร้อง ตามข้ามา”

 

 

เสิ่นอิงตื่นตระหนกขึ้น ในตอนที่กำลังจะส่งเสียงร้องก็เห็นมีดสั้นคมกริบจ่อมาที่สะโพกของตัวเอง ถึงอย่างไรนางก็เป็นหญิงสาวฐานะสูงส่ง เมื่อประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ก็ตกใจจนสีหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ ลุกขึ้นมาอย่างตื่นกลัว เสิ่นเวยดึงนางให้เดินออกมาจากร้านน้ำชา

 

 

เสิ่นเวยผลักเสิ่นอิงขึ้นไปบนรถม้าแล้วจึงปีนตามขึ้นไปทีหลัง

 

 

เสิ่นอิงถูกผลักจนถลาเข้าไปด้านใน เกือบจะกระแทกกับผนังรถ ยังดีที่เฝิ่นหงประคองไว้ได้ทัน “คุณหนู ในที่สุดบ่าวก็หาตัวท่านเจอเสียที” นางจับแขนเสิ่นอิงไม่ยอมปล่อย ราวกับว่าหากปล่อยมือแล้วจะไม่ได้พบหน้านายสาวอีก

 

 

           เสิ่นอิงเมื่อเห็นเฝิ่นหง สาวใช้ของตนก็ตกตะลึงจนเบิกตากว้าง เมื่อหันกลับมาก็พบว่าชายหนุ่มที่ใช้มีดสั้นข่มขู่นางเมื่อครู่ก็คือเสิ่นเวย น้องสาวร่วมบิดาของนาง ทันใดนั้นก็รู้สึกอับอายขึ้นมา อ้าปากหมายจะร้องออกมา แต่ถูกเสิ่นเวยปิดปากไว้

 

 

เสิ่นอิงดิ้นอย่างเอาเป็นเอาตาย สายตาโกรธเคืองราวกับสามารถแทงทะลุร่างของเสิ่นเวยได้

 

 

เสิ่นเวยคว้าผ้าเช็ดหน้าในมือของเฝิ่นหงมายัดใส่ปากของเสิ่นอิง ส่วนอีกมือก็ชักมีดสั้นออกมาอีกครั้ง “อย่าขยับ อยู่นิ่งๆ หากขยับอีก ข้าก็ไม่รังเกียจหากต้องกรีดหน้าเจ้าสักแผล”

 

 

เสิ่นอิงรู้สึกถึงมีดสั้นที่เย็นเฉียบกำลังแนบอยู่กับใบหน้าของนางจึงไม่กล้าขยับอีก มีเพียงสายตากราดเกรี้ยวที่จับจ้องอยู่ที่เสิ่นเวย หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็ว

 

 

อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวนางกับถันหลางก็จะหนีไปได้ไกลแล้ว ทั้งหมดต้องพังทลายในเงื้อมมือของหญิงน่าชังผู้นี้ นางมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับตน เหตุใดนางไม่ตายๆ ไปเสีย

 

 

           เพียงอึดใจเดียวเสิ่นเวยก็มองความคิดของนางออกจึงเหยียดยิ้มออกมา ใช้มีดสั้นที่คมวาวตบใบหน้าของเสิ่นอิง เมื่อมองเห็นความหวาดกลัวในแววตาของอีกฝ่ายจึงรู้สึกพึงพอใจขึ้นมา

 

 

“พี่สาม ท่านคิดว่าข้าไม่กล้าหรือ มีสิ่งใดที่ข้าไม่กล้าทำบ้าง ในเมื่อท่านหนีตามผู้ชายมาโดยไม่แยแสต่อความอัปยศ ข้ายังมีสิ่งใดต้องห่วงอีก นับตั้งแต่ท่านทิ้งจวนโหวที่เลี้ยงดูท่านมาสิบกว่าปีเพียงเพื่อชายผู้หนึ่ง ท่านก็ไม่ใช่พี่สาวของข้าอีกแล้ว ตอนที่ท่านตัดสินใจก็ไม่ได้คิดถึงน้องสาวอย่างข้า ข้ายังไม่มีคู่หมาย ชื่อเสียงฉาวโฉ่ของท่านจะทำให้ข้ากับจวนโหวเสื่อมเสียไปด้วยไม่ได้ ท่านว่าข้าควรชิงชังท่านหรือไม่” เสิ่นเวยขยับไปใกล้นางพร้อมเอ่ยเสียงเบา

 

 

เสิ่นอิงรู้สึกเหมือนถูกงูพิษจับจ้อง รู้สึกขนลุกขนพองไปหมด จนเผลอขดตัวหนีไปด้านหลัง

 

 

นางยังไม่ลืมว่าน้องสาวคนนี้เลือดเย็นเพียงใด แม้แต่ฮูหยินก็ถูกนางส่งเข้าไปในหอธรรม

 

 

เสิ่นเวยแค่นเสียงเยาะ พูดถากถางว่า “ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วหรือ ท่านกล้าหาญมากไม่ใช่หรือ ถึงขนาดหนีตามผู้ชายมา ข้าวปลาอาหารของจวนโหวเลี้ยงคนไร้จิตสำนึกเช่นท่านออกมาหรือ ท่านหนีมาโดยไร้ความรับผิดชอบ เคยนึกถึงจืออี๋เหนียงบ้างหรือไม่ วันนี้หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้านาง ข้าคงไม่สนใจว่าท่านจะไปตายที่ใด”

 

 

เสิ่นเวยไม่ได้รู้สึกดีกับเสิ่นอิงสักนิด…เจ้าอยากไปตามหาชีวิตที่มีความสุขก็ย่อมได้ แต่ก่อนไปเจ้าจะทำให้คนอื่นต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยไม่ได้ อ้อ เมื่อเจ้าไปแล้ว จะทิ้งเรื่องยุ่งเหยิงไว้ให้คนอื่นเก็บกวาดหรือ มียางอายบ้างหรือไม่…

 

 

เสิ่นอิงถลึงตาใส่เสิ่นเวย แค่นเสียงเยาะอย่างไม่ยอมแพ้

 

 

เสิ่นเวยเลิกคิ้วขึ้น “ว่าอย่างไร ยังไม่ยอมรับอีกหรือ พูดมาเถอะ ข้าอยากจะรู้นักว่าท่านจะพูดอะไรได้” นางยื่นมือไปดึงผ้าเช็ดหน้าในปากของเสิ่นอิงออกมา…ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าจะโต้แย้งอะไรได้อีก…

 

 

“เสิ่นเวย เจ้าไม่อยากเห็นข้ามีความสุขใช่หรือไม่ ข้ากับถันหลางรักกัน เจ้ามีสิทธิ์อะไรมายุ่งเรื่องของพวกเรา เจ้า เจ้ารีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้” เสิ่นอิงตะคอกออกมาอย่างร้อนรน ถันหลางกำลังจะกลับมาแล้ว นางจะตามเขานั่งเรือกลับบ้านเกิดด้วยกัน

 

 

เสิ่นเวยโมโหจนเหยียดยิ้มออกมา มองเสิ่นอิงราวกับคนโง่

 

 

“เจ้าที่มีคู่หมายแล้วยังพูดว่ารักกับใครได้อีก ยังมีถันหลางผู้นั้น เจ้ารู้หรือว่าเขาเป็นคนที่ใด เจ้าตามเขาไปเช่นนี้ไม่กลัวหรือว่าในเรือนของเขาจะมีภรรยาอยู่แล้ว” ดูเหมือนฉลาด เหตุใดจึงไร้หัวคิดเช่นนี้ เพิ่งจะรู้จักกันแค่ครึ่งเดือน เคยพบหน้ากันสองสามครั้งก็กล้าหนีตามอีกฝ่ายไปแล้ว ในสมองของนางบรรจุอุจจาระไว้หรือ ชายที่พาผู้หญิงแอบหนีไปด้วยกันจะเป็นคนดีได้อย่างไร รวมถึงชายที่พาหญิงหนีตามกันไปคนนั้นก็ไม่ใช่คนดีอะไร

 

 

เสิ่นอิงสีหน้าพลันเปลี่ยนไป “ไม่ ถันหลางไม่ได้หลอกข้า ถันหลางรักข้า” นางพูดอย่างหนักแน่น สายตาที่ถันหลางมองนางอ่อนโยนปานนั้น เขาพูดกับนางอย่างรักใคร่ว่า ‘อาอิง เจ้าอ่อนโยนงดงามปานนี้ เป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดที่ข้าเคยพบมา’ แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีใครรักและทะนุถนอมนางมาก่อนเลย ในดวงตาของเขา ในหัวใจของเขามีแต่นางเท่านั้น นางหลงใหลแววตาที่เต็มไปด้วยความเอื้ออาทรนั้น

 

 

เสิ่นเวยคร้านจะโต้แย้ง ปรายตามองพี่สาวพลางเอ่ยว่า “ได้ เช่นนั้นพวกเรามาลองดูกัน ดูว่าถันหลางของท่านเป็นคนเช่นไร”

 

 

ให้เสิ่นอิงได้เห็นธาตุแท้ของเจ้าอัปลักษณ์นั้นจะดีกว่า ไม่อย่างนั้น แม้นำตัวนางกลับไปได้ก็คงไม่ได้อยู่อย่างสงบ หากแอบหนีออกมา เสิ่นเวยคงต้องออกแรงตามหาอีกรอบ นางไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น

 

 

เสิ่นอิงแค่นเสียเยาะอย่างมั่นอกมั่นใจ ลองดูก็ได้ ถันหลางของนางเป็นผู้ชายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้า นางยังต้องกลัวการทดสอบอีกหรือ เสิ่นเวยจะต้องอิจฉาที่นางมีถันหลางเป็นแน่

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

เนื่องด้วยถูกมารดาเลี้ยงกลั่นแกล้ง ทำให้ เสิ่นเวย ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอต้องตายลงด้วยความน่าเวทนา ทว่าด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ทหารสาวในยุคปัจจุบันทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของหญิงสาวผู้ที่มีชื่อแซ่เดียวกันกับตนเอง เมื่อถูกมารดาเลี้ยงวางแผนกลั่นแกล้ง เนรเทศตนเองมาอยู่ในสถานที่รกร้างห่างไกล โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้นาง ‘รักษาตัว’ คิดหรือว่านางจะยอมแพ้ต่อความร้ายกาจของมารดาเลี้ยงผู้นี้? ไม่เป็นไร ในเมื่อไล่นางออกมา นางก็จะใช้หนึ่งสมองและสองมือของตนนี้พลิกฟื้นพัฒนาครอบครัวของนางให้กลับมาเชิดหน้าชูตาได้อีกครั้ง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset