ยอดหญิงอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 98-1 จับปลาในน้ำขุ่น

 

 

ซุนจวิ้นอ๋องรู้เรื่องศึกชิงอำนาจระหว่างองค์ชายด้วยกันดี และรู้ว่าวันนี้ตนถูกนำตัวออกมา โดยอ้างว่าพามาหาหมอ จึงเตรียมใจไว้แล้วว่า ต้องถูกเค้นให้เปิดโปงเรื่องเว่ยอ๋องแน่ ตอนนี้พอเห็นเยี่ยนอ๋องคลายความโกรธลง ไม่บีบให้ตนลำบากใจอีก ก็นับว่าโล่งอกขึ้นมาก

 

 

พอเยี่ยนอ๋องพูดจบ ก็ลุกเดินออกจากห้อง กวักมือเรียกสารถีที่มาด้วยกันในวันนี้ แล้วกำชับเสียงต่ำไปสองสามประโยค

 

 

สารถีเติบโตในจวนเยี่ยนอ๋อง แซ่เฉียวชื่อเวย เป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ แรงดี ท่าทีน่าเกรงขาม เดิมเป็นหนึ่งในองครักษ์คนสนิทของเยี่ยนอ๋อง แต่วันนี้ออกมาพร้อมนาย ทำหน้าที่คุ้มครองร่วมกับเป็นสารถี เยี่ยนอ๋องพูดกระชับสั้นไม่กี่คำ เฉียวเวยก็เข้าใจ พยักหน้าแล้วไปจัดการทันที

 

 

เยี่ยนอ๋องเก็บรอยยิ้มคืนกลับ ก่อนเลิกผ้าม่านเข้าไปในห้อง แล้วว่า

 

 

“รถม้าพร้อมแล้ว เชิญซุนจวิ้นอ๋องกลับไปเถิด หวังว่าจะไม่ได้เห็นจวิ้นอ๋องถูกวางยาซ้ำอีกครั้งนะ”

 

 

ซุนจวิ้นอ๋องรู้สึกอับอาย จึงลุกขึ้นคารวะ “วันนี้ลำบากเยี่ยนอ๋องกับหมอหลวงเหยาแล้ว อีกทั้งยังต้องฝากขอบคุณฉินอ๋องแทนข้าด้วย” ว่าแล้วก็ก้มหน้าก้มตาเดินออกจากห้องไป

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นมองผ่านม่านประตู เห็นซุนจวิ้นอ๋องรีบก้าวฉับๆ ออกจากบ้าน โดยมีน้าอวี๋นำทางไปยังประตูใหญ่ และพอนางหันกลับมามองในห้อง ก็เห็นเยี่ยนอ๋องกับเหยากวงเหย้ากำลังพูดคุยกัน และพอทั้งสองแยกย้ายกันไป เหยากวงเหย้าก็หัวร่องอหาย “วิธีนี้ค่อยง่ายหน่อย!” ว่าแล้วก็ออกไปจัดการเรื่องก่อน

 

 

ส่วนซุนจวิ้นอ๋องก็เดินตามน้าอวี๋ออกจากสวนซิ่ง มาที่รถม้าซึ่งเฉียวเวยนั่งประจำตำแหน่งสารถีรออยู่ก่อนแล้ว พอเฉียวเวยเห็น ก็จับแส้ม้าขึ้น และทักทายเขา

 

 

“นี่ก็สายมากแล้ว จวิ้นอ๋องขึ้นรถเถิด บ่าวจะส่งท่านกลับจวนเอง”

 

 

ซุนจวิ้นอ๋องจึงกระโดดขึ้นรถ พอนั่งได้มั่นคง ม้าก็หันไปอีกทาง ก่อนวิ่งออกจากสวนซิ่งไป ไม่นานก็วิ่งออกจากหมู่บ้าน

 

 

ซุนจวิ้นอ๋องรอดชีวิตมาได้ จากการอาเจียนยาพิษออก แล้วดื่มยาแก้พิษของเหยากวงเหย้าลงไป ตอนนี้สติจึงแจ่มใส รู้สึกสบายตัวขึ้นมาก เป็นความสุขหลังรอดพ้นจากภัยพิบัติอย่างหนึ่ง แม้ลึกๆ แล้วจะรู้สึกเคียดแค้นเว่ยอ๋องที่ใจโหด แต่ก็ยังคงปลอบใจตัวเองว่า ครั้งนี้เว่ยอ๋องทำพลาด แหวกหญ้าให้งูตื่นแล้ว ต่อไปก็น่าจะระวังตัวหน่อย อย่างน้อยคงไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม ทำร้ายตนพร่ำเพรื่อไปอีกนาน พอคิดได้เช่นนี้ ซุนจวิ้นอ๋องก็เลิกม่านหน้าต่างขึ้นอย่างอดไม่ได้ ก่อนระบายลมหายใจยาวๆ ออกมา

 

 

ทิวทัศน์สวยงามแถบชานเมืองพัดโบกความกลัดกลุ้มใจของซุนจวิ้นอ๋องให้มลายหายไปกว่าครึ่ง ไม่ง่ายเลยที่อารมณ์ความรู้สึกของเขาจะสงบนิ่งลง พอมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง ถนนใหญ่ก็อยู่ตรงหน้าแล้ว

 

 

ทว่าขณะนั้น ล้อรถพลันส่งเสียง ‘เอี๊ยด’ ก่อนบดไปบนทางน้อยอย่างแรง เสียงดังเสียดแก้วหูยิ่ง เนื่องจากสารถีพลันดึงบังเ**ยนให้รถหยุด!

 

 

ซุนจวิ้นอ๋องไม่คาดคิดมาก่อน ร่างจึงคะมำไปข้างหน้าตามแรงเฉื่อย พอดีชนเข้ากับผนังด้านหน้าของตัวรถเสียงดัง ‘กึก’ หน้าผากโนเป็นลูกซาลาเปา เจ็บจนต้องลูบกะโหลกศีรษะไปมา ก่อนส่งเสียงด่าทอ

 

 

“ขับรถประสาอะไร! ขับเป็นหรือเปล่าหะ…จะขับให้ข้าตายหรือไง…”

 

 

‘ครืด’ เสียงรูดม่านในทีเดียว กลับเห็นคนขับรถม้าที่อยู่ตรงหน้าโยนแส้ม้าทิ้ง หน้าซีด จ้องสิ่งที่อยู่ด้านหน้าเขม็ง

 

 

ซุนจวิ้นอ๋องเครียด จึงเงียบเสียงลง แล้วมองตามสายตาของเฉียวเวยไป

 

 

ตอนนี้รถม้ากำลังหยุดอยู่บนทางน้อยที่มีต้นไม้เรียงรายอยู่สองข้าง มีนกราวสองตัว ด้านหน้าเป็นทางแคบที่เงียบสงบ แต่ไม่รู้ว่ามีชายวัยกลางคนๆ หนึ่งโผล่มาจากไหน ยืนขวางอยู่กลางทางแคบ

 

 

เขาสวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบ เปิดอกเสื้อเล็กน้อย เผยให้เห็นกล้ามเนื้อหน้าอกตึงเปรี๊ยะ ใช้ผ้าดำปิดศีรษะและใบหน้า ไม่ให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง เห็นเพียงดวงตารูปสามเหลี่ยมทั้งสองข้างที่ดุร้ายยิ่ง ตรงขมับยังมีรอยบากเด่นชัด มองไปก็ไม่รู้ว่าควรตอแยหรือไม่ ในมือยังถือดาบยาว จ้องมองพลางเดินเข้าหาอย่างเย็นชา

 

 

พลันได้ยินเสียงคนทั้งสามหายใจอย่างหนักหน่วง

 

 

ซุนจวิ้นอ๋องกลืนน้ำลาย ไม่สามารถปลอบใจตัวเองแล้วว่า ชายฉกรรจ์รายนี้มาเพื่อทักทายตน!

 

 

พริบตานั้น เฉียวเวยก็ได้สติ หันหลังกลับ พลางกดเสียงพูดให้ต่ำ

 

 

“คนผู้นี้เกรงว่าไม่ได้มาดีกับจวิ้นอ๋อง บ่าวจะรับมือเอง ส่วนท่านก็ฉวยโอกาสนี้หนีไปก่อน”

 

 

มาถึงขั้นนี้แล้ว แม้เฉียวเวยไม่บอก ซุนจวิ้นอ๋องเห็นเฉพาะท่าทางอันดุร้ายของชายผู้นี้ก็เข้าใจแล้วว่า ผู้ที่ขวางรถม้าคือนักฆ่า…

 

 

ถ้ามิใช่คนที่เว่ยอ๋องนั่นส่งมา! ยังจะมีใครอีก ที่นึกอยากจะให้ตนรีบๆ จบชีวิตลงเสีย

 

 

เมื่อวางยาไม่ตาย ก็ต้องซ้ำอีกหนึ่งดาบ เว่ยอ๋องหนอเว่ยอ๋อง เจ้านี่มันโหดจริงๆ…ซุนจวิ้นอ๋องได้สติ รีบกระวีกระวาดลงจากรถ แต่จะไปทางไหนดีล่ะ ทั้งสองข้างทางเป็นป่ารกทึบ มองไม่เห็นทิศทาง ทางข้างหน้าที่จะออกสู่ถนนใหญ่ก็ถูกนักฆ่าขวางเอาไว้ หรือจะหันหลังกลับ…ถ้าคนขับต้านไม่อยู่ แล้วตนวิ่งกลับทางเดิม ก็จะวิ่งกลับไปยังทางน้อยที่ไม่มีแม้แต่เงาคนอีก ใยมิใช่รนหาที่หรอกรึ!

 

 

หรือวันนี้ คือวันตายของตนจริงๆ!

 

 

ขณะซุนจวิ้นอ๋องไม่รู้จะทำอย่างไรดี นักฆ่าผู้นั้นก็พุ่งเข้ามาดุจพยัคฆ์ หมุนดาบ เงื้อขึ้น แล้วฟันลง

 

 

ซุนจวิ้นอ๋องเพียงรู้สึกว่ามีแสงสีเงินวาวของคมดาบสาดเข้ามา “อ๊ากก” เขาร้อง ปัสสาวะอุ่นๆ ราดออกมา เปียกไปทั้งกางเกง แต่ดาบกลับมิได้ฟันลงตามคาด มองไปอีกที ก็เห็นเฉียวเวยก้าวเข้ามา กอดขานักฆ่าไว้แน่น พลางตะโกนเสียงดัง “จวิ้นอ๋อง ยังไม่หนีไปอีก!”

 

 

นักฆ่าพยายามดิ้นให้หลุด แต่ติดที่เฉียวเวยเป็นคนตัวใหญ่ ดิ้นหลุดไม่ได้ง่ายๆ จึงก็ได้แต่ปล่อยให้เขากอดขาไว้ พลางจ้องมองผู้ที่ทำให้เสียแผนการอย่างเ**้ยมเกรียม

 

 

“ยังไม่หลีกไปให้พ้นทางอีก!”

 

 

“รีบหนีไป! จวิ้นอ๋อง…” ดวงตาเฉียวเวยแดงก่ำ กอดขานักฆ่าอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย

 

 

พอซุนจวิ้นอ๋องได้โอกาสดีเช่นนี้ ไหนเลยยังจะสนใจอีกว่าปัสสาวะเลอะกางเกง ก้มหน้าวิ่งตรงไปข้างหน้าทันที

 

 

โดยได้ยินเสียงต่อสู้พัวพันของคนทั้งสองดังตุ๊บตั๊บไม่หยุดอยู่เบื้องหลัง ซุนจวิ้นอ๋องได้ยินแล้วก็ยิ่งรู้สึกคล้ายวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง ตื่นตระหนกจนรู้อยู่แต่ว่าต้องวิ่งหนีเอาชีวิตรอดให้ได้ ทันใด เสียงร้องโหยหวนก็ดังขึ้น แม้รู้ว่าไม่สามารถหันหลังกลับ แต่ก็ทนเสียงทำลายล้างดินฟ้านั่นไม่ไหว หันกลับไปมอง และเห็นว่า นักฆ่าได้แทงดาบเข้าไปในทรวงอกของเฉียวเวยอย่างเฉียบขาด รวดเร็ว และไร้ความปรานี!   เพื่อต้องการสลัดหลุดจากพันธนาการของเขา

 

 

โลหิตสดๆ ฉีดพุ่งออกมาดุจเสาน้ำพุอย่างไรอย่างนั้น ยังไม่ทันไร หลุมบ่อบนทางน้อยก็รวมตัวกันเป็นลำห้วยโลหิตเล็กๆ ไปเสียแล้ว ซุนจวิ้นอ๋องถลึงตาจ้องมองผู้ที่ตนเพิ่งพูดคุยยิ้มหัวด้วยเมื่อครู่ คนขับรถม้าที่มีชีวิต  ตอนนี้กลับจับบาดแผล ล้มปวกเปียกลงบนพื้นดิน

 

 

แต่นักฆ่าตัดสินใจไม่ปล่อยเขาไว้เช่นนี้ จิตใจอำมหิตสุดๆ หันกลับไป ดึงอกเสื้อของเฉียวเวยขึ้น โดยหันหลังให้ซุนจวิ้นอ๋อง เงื้อดาบ แล้วฟันฉับลงไปสองครั้ง พอหันกลับมา ก็เห็นซุนจวิ้นอ๋องเข่าอ่อน วิ่งไม่ออกในที่สุด ด้วยเห็นว่านักฆ่าถือของกลมๆ บวมๆ ที่มีผมสีดำอยู่ด้านบนไว้ในมือ แม้เห็นไม่ค่อยชัดเจน แต่…ไม่ใช่ศีรษะของเฉียวเวย ยังจะเป็นอะไรได้อีก

Comment

Options

not work with dark mode
Reset