ยอดหญิงอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 113-3 กับดักที่สระน้ำ

 

 

สองลุงหลานดื่มสุราพลางอ่านบทกวี หย่งจยาก็คอยสังเกตสีหน้าฝ่าบาทเป็นระยะ พลางเตือนไม่ให้ดื่มมากจนเกินไป ไม่ถึงสิบนาที หนิงซีฮ่องเต้ก็มีอาการกึ่มๆ จึงโบกมือ ถูร่องจมูกไปมา พลางยิ้ม

 

 

“ไม่ไหวละ ดื่มไม่ไหวแล้ว”

 

 

พอหย่งจยาเห็นฝ่าบาทเริ่มเมา หน้าแดงก่ำ ก็รีบกำชับ

 

 

“เด็กๆ พาฝ่าบาทไปอาบน้ำก่อน ค่อยพยุงกลับห้องบรรทม จะได้บรรทมสบายๆ”

 

 

คนในวังรับคำ จากนั้นก็เดินเข้ามาพยุงหนิงซีฮ่องเต้ แล้วช่วยกันประคองพระองค์ไปยังสระน้ำร้อนข้างพระราชนิเวศน์

 

 

หย่งจยาใช้สายตาน้อมส่งหนิงซีฮ่องเต้จนออกจากห้องไป แล้วเฉี่ยวเย่ว์ก็ก้าวเข้ามา มองตามฝ่าบาทเล็กน้อย ก่อนพูดเสียงต่ำ

 

 

“เหล่าสตรีที่ตามเสด็จในวันนี้ พอได้รับพระเมตตา ก็ทยอยเดินกันมาที่พระราชนิเวศน์แล้วเพคะ”

 

 

“ดี” หย่งจยาเชิดหน้าขึ้น ละสายตาจากแผ่นหลังของฝ่าบาท มองมายังเฉี่ยวเย่ว์ พลางยกนิ้วเรียวยาว

 

 

พร้อมเล็บแหลมทาสีแดงขึ้น จับแก้มขาวนิ่มจากเครื่องสำอางของเฉี่ยวเย่ว์เบาๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจ เสียงใสๆ อัน

 

 

อ่อนโยนพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย เปลี่ยนเป็นเสียงที่ทำให้ขนลุก

 

 

“เช่นนั้น ที่เหลือ ก็รู้แล้วใช่ไหมว่าต้องทำเช่นไร”

 

 

“ทราบเพคะ” เฉี่ยวเย่ว์พยักหน้าเงียบๆ ก่อนหันกายเดินจาก

 

 

 

 

 

กระโจมฝั่งสตรี

 

 

เนื่องจากมีอาหารป่าพระราชทานเพิ่มขึ้นมาสองจาน อาหารเย็นของอวิ๋นหว่านชิ่น เฉาหนิงเอ๋อร์และหานเซียงเซียงจึงเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ ทุกคนกินกันอย่างเอร็ดอร่อยเป็นพิเศษ กว่าจะกินกันเสร็จก็มืดค่ำแล้ว อวิ๋นหว่านชิ่นเพิ่งวางตะเกียบลง เจิ้งหวาชิวก็เตรียมชุดนอนกับผ้าขนหนูพร้อมไว้ให้ในตะกร้าสาน แล้วบอกเมี่ยวเอ๋อร์ให้ไปเรียกคน

 

 

ภายใต้การนำของเจิ้งหวาชิว อวิ๋นหว่านชิ่นกับเมี่ยวเอ๋อร์เดินไปตามทางน้อยด้วยกัน ตรงไปยังสระน้ำร้อนข้างพระราชนิเวศน์

 

 

ระหว่างเดินจากกระโจมไป มีแสงโคมส่องสว่างตลอดทาง ด้านข้างมีกลุ่มองครักษ์ถือโคมเดินลาดตระเวน เมี่ยวเอ๋อร์เดินพลางอดไม่ได้ที่จะถามอย่างแปลกใจ

 

 

“พี่เจิ้ง ตอนบ่าวอยู่ในเมืองหลวง เคยได้ยินมาว่า สระน้ำร้อนในป่าล้อมฮู่หลงโด่งดังมาก ว่ากันว่าน้ำในสระเป็นน้ำพุร้อนตามธรรมชาติ แช่แล้วผิวจะเนียนลื่น คืนความอ่อนเยาว์ คล้ายทารกแรกเกิดอย่างไรอย่างนั้น มีเรื่องเช่นนี้จริงหรือ”

 

 

“นับว่าเจ้ายังรอบรู้อยู่บ้าง” เจิ้งหวาชิวหันมาหัวเราะ แล้วว่า

 

 

“น้ำในสระน้ำร้อนไหลมาจากน้ำพุร้อนบนภูเขาหลังพระราชนิเวศน์ ซึ่งช่างฝีมือเป็นคนขุดทางน้ำไหล และออกแบบก่อสร้างสระน้ำร้อน รองรับน้ำจากธรรมชาติที่ไหลลงมาอย่างไม่ขาดสายตลอดปี แล้วจัดการปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม อากาศหนาวแบบนี้ล่ะ แช่แล้วสบายตัวเป็นที่สุด โดยน้ำในสระนั้น ไม่เพียงสามารถถนอมผิวพรรณ คืนความอ่อนเยาว์ วันนี้พอฮองเฮาทรงลงแช่สักพัก ก็แจ่มใสขึ้นมาก อาการป่วยทุเลาลงไม่น้อย”

 

 

พอเมี่ยวเอ๋อร์ได้ยินก็ยิ่งประหลาดใจ ส่วนอวิ๋นหว่านชิ่นเพียงหัวเราะเบาๆ ด้วยรู้ว่า ในน้ำพุร้อนอุดมไปด้วยแร่ธาตุตามธรรมชาติ โดยเฉพาะกำมะถัน แช่แล้วจะทำให้ผิวเนียนนุ่มราวกับผิวไข่ต้ม พอๆ กับการแช่ตัวในน้ำดอกไม้กับกลีบดอกไม้ที่ทำให้ผิวสวยได้ แร่ธาตุแต่ละชนิดมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพของเรามากมายจริงๆ

 

 

ผ่านไปไม่ถึงครึ่งก้านธูป คนทั้งสามก็มาถึงสระน้ำร้อนข้างพระราชนิเวศน์

 

 

สระน้ำถูกแบ่งออกเป็นสระเล็กๆ หลายสระ โดยมีทางเดินเชื่อมต่อถึงกัน และมีกระโจมผ้าไหมสีม่วงอยู่ตรงกลาง เพราะต้องการให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับความเป็นธรรมชาติ ช่างฝีมือจึงวางระบบให้เป็นแบบสระน้ำตามบ้าน แต่ละสระมีทางน้ำไหลจากน้ำพุบนภูเขาเข้ามาโดยตรง ดูๆ ไปก็เหมือนกำลังแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำกลางแจ้ง ที่เปิดโล่งทั้งสี่ด้าน โดยมีเพียงนางในหรือขันทีคอยยืนรับใช้อยู่

 

 

พอเดินเข้าไป ก็เห็นแต่ควันสีขาว และกลิ่นกำมะถันที่เป็นเอกลักษณ์ของน้ำพุร้อนโชยมา เนื่องจากเจิ้ง

 

 

หวาชิวคุ้นเคยกับที่นี่ จึงเข้าไปจัดสรรการใช้สระกับสตรีคนอื่นๆ โดยเฉพาะ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้สระที่เบียดเสียดจนเกินไป แต่ตอนนี้ มีคนไม่มากนัก จึงได้ยินเสียงน้ำไหลโกรกๆ กับเสียงคนเล่นน้ำเบาๆ

 

 

เจิ้งหวาชิวเลือกสระที่ยังว่างอยู่และรอบด้านเงียบสงบ ตัวสระมีรูปทรงคล้ายดอกบัว ริมสระทั้งสองข้างประดับหัวมังกรอ้าปากพ่นน้ำร้อน ไอร้อนจึงอบอวลอยู่รอบๆ ราวกับแดนสวรรค์ก็มิปาน

 

 

ริมสระยังมีฉากกั้นสี่พับติดตั้งไว้ ให้ใช้พาดเสื้อผ้า

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นถอดเสื้อผ้าออกหมด บิดร่างอันเปลือยเปล่าไปมาอย่างเกียจคร้านเพื่อให้รู้สึกสดชื่น พอเดินลงสระ ก็ถูกไอน้ำล้อมรอบตัวทันที ความเมื่อยล้าทั้งปวงล้วนจางหาย เมื่อแหงนหน้าขึ้นอีกครั้ง ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศสระน้ำกึ่งกลางแจ้งบนเนินเขาสูง ด้านหน้าเห็นแสงไฟประปรายจากกระโจม ดุจหิ่งห้อยเรืองแสงระยิบระยับ ด้านหลังอิงอยู่กับยอดเขายามค่ำคืนที่ซ้อนทับกัน…เป็นความเพลิดเพลินชั้นหนึ่งทีเดียวเชียว

 

 

นางหายใจเข้าลึกๆ รูขุมขนตลอดทั้งร่างผ่อนคลายลง แรงสั่นของน้ำพุที่ผุดขึ้นจากก้นสระ คล้ายไม้นวดกำลังนวดเฟ้นตามจุดลมปราณต่างๆ ของร่างกาย พอรู้สึกง่วง ก็แค่เอนหลังพิงขอบสระที่ทำด้วยหินอ่อน หลับตาทั้งสองข้างลง พักสายตาชั่วขณะ

 

 

ขณะครึ่งหลับครึ่งตื่น ความรู้สึกนึกคิดก็ล่องลอยออกไปไกล

 

 

ชานเมืองของเมืองหลวงก็มีบ่อน้ำร้อนในลักษณะนี้อยู่เช่นกัน และมีจำนวนไม่น้อยด้วย แต่น้อยคนนักที่จะพัฒนาให้ดีขึ้น ถ้านางมีเงินมากพอ จนขอสิทธิในการขุดแร่จากทางการ และทำสัญญาร่วมกันได้ ก็จะนำสารสกัดจากพืชที่ทำขึ้นเองผสมลงไปในน้ำ ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย เลือดลมไหลเวียน โดยนอกจากบำรุงผิวแล้ว ยังทำให้สุขภาพแข็งแรงได้ด้วย ซึ่งกลุ่มเป้าหมายก็คือชาวบ้านร้านตลาด ไม่รู้ว่าจะทำให้เซียงหยิงซิ่วมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ล้ำสมัย เป็นที่รู้จักมากขึ้นหรือไม่ จริงด้วย ถึงตอนนั้น ยังสามารถจัดรายการลดแลกแจกแถมในแต่ละ

 

 

เดือน ให้คนจ่ายเงินทีเดียวมากขึ้นอีกหน่อย แบบสั่งซื้อเผื่อเดือนถัดไป หรือมากกว่านั้น

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นคิดนู่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อย สมองดำดิ่งลงเรื่อยๆ จนมุมปากปรากฏรอยยิ้มโดยไม่รู้ตัว แต่พิงนานๆ ก็ชักเมื่อย จึงพลิกตัวมานอนท้าวแขนกับขอบสระ

 

 

และในตอนนี้เอง ก็คลับคล้ายได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังอยู่ไม่ไกล

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นนึกว่าเป็นเจิ้งหวาชิว หรือไม่ก็เมี่ยวเอ๋อร์เดินเข้ามา จึงไม่สนใจ

 

 

แต่กลับสะดุ้ง เพราะได้กลิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

 

 

เป็นกลิ่นสุรา สุราที่แรงเป็นพิเศษ

 

 

แม้ยังอยู่ห่างไกล แต่กลิ่นสุรากลับกระตุ้นประสาทรับกลิ่นที่ไวเป็นอย่างยิ่งหลังกลับชาติมาเกิดใหม่ของนาง ถึงไม่ใช่เจิ้งหวาชิวกับเมี่ยวเอ๋อร์ ก็เป็นไปไม่ได้ที่นางในจะดื่มสุรา

 

 

สระน้ำเป็นเขตต้องห้าม ถ้าด้านในมีสตรีใช้สระอยู่ ด้านข้างก็ต้องมีสาวใช้คนสนิทคอยเฝ้าดู แม้แต่ขันทีก็ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ แล้วคนผู้นี้คือใครกัน?

 

 

สัญชาติญาณเตือนภัยของอวิ๋นหว่านชิ่นถูกปลุกให้ตื่น จึงอาศัยจังหวะที่คนผู้นั้นยังอยู่ห่างออกไป ตะโกนร้องโดยไม่แม้แต่จะคิด “เมี่ยวเอ๋อร์ พี่เจิ้ง!”

 

 

ทว่าระหว่างคาดหวัง กลับไม่มีเสียงใครตอบรับ

 

 

‘ซู่’  นางรีบก้าวขึ้นจากสระขณะตัวเปียก ดึงชุดยาวชั้นในที่พาดอยู่กับฉากกั้นมาสวมใส่ แล้วดึงชุดยาวชั้นนอกมาคลุมตัวคร่าวๆ พอเงยหน้าขึ้น ฉากกั้นสีขาวกึ่งโปร่งแสงก็ปรากฏเงาร่างตะคุ่มๆ เดินเข้ามา

 

 

แม้เห็นไม่ชัดว่าเป็นใคร แต่รูปร่างชัดเจนว่าไม่ใช่สตรี ที่ครอบมวยผมทรงสูง ก็ไม่ใช่ขันทีแน่

 

 

ถ้าไม่ใช่เพราะมีประสาทรับกลิ่นที่ไวหลังเกิดใหม่ ตอนนี้เกรงว่าคงต้องอับอายอย่างยิ่งยวดไปแล้ว เพราะอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า!

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นรัดผ้ารัดเอวให้แน่น แล้วรีบเดินอ้อมฉากกั้นไป แต่ก็ไม่วาย เผชิญหน้ากับบุรุษผู้นี้จนได้

 

 

สีหน้าของบุรุษก็ตกใจเช่นเดียวกัน คล้ายนึกไม่ถึงว่าจะได้พบเจอตน

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset