ยอดหญิงอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 128-1 กอบกู้ชีวา กากเดนมนุษย์

จวนอ๋องที่เหมือนกับวัดทางตอนเหนือบริเวณชานเมือง จวนอ๋องที่ราวกับร้านค้าตลาดหลวง  

 

 

การเยาะเย้ยนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในบรรดาชนชั้นสูงของเมืองหลวง พูดกันว่าจวนฉินอ๋องในเมืองเหนือเงียบสงบและเยือกเย็นพอๆ กับวัดโบราณในชานเมือง ส่วนจวนเว่ยอ๋องมีชีวิตชีวาพอๆ กับร้านค้าในตลาด  

 

 

แม้ว่าฮูหยินท่านโหวอาวุโสจะได้ยินจากฮว่าซั่นมาก่อน แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าจวนฉินอ๋องนั้นเยือกเย็นขนาดนี้ ตั้งอยู่โดดเดี่ยวบนถนนสายยาวที่ไม่มีผู้คนในอยู่ทางเหนือ บานประตูอันเย็นเฉียบ มีขั้นบันไดถึงเจ็ดแปดขั้น ไม่เหมือนจวนอ๋องในเมืองหลวง แม้กระทั่งประตูนอกจวนจวิ้นอ๋องหรือจวนองค์หญิงยังมีเหล่าทหารคอยลาดตระเวนล้อมรอบ   

 

 

กำแพงสีขี้ผึ้งที่ดูเหมือนจะไม่ได้รับการปรับปรุงใหม่นับตั้งแต่สร้างจวนและบางส่วนก็ทรุดโทรมไปแล้วด้วยซ้ำ ภายในกำแพงชายคาสูงเสียดฟ้าเป็นกระเบื้องสีฟ้า ปรากฏให้เห็นถึงความเรียบง่ายแต่กลับเย็นชาเงียบสงัด ไม่ได้มีความหรูหราเหมือนกับจวนพ่อค้าคหบดีในเมืองหลวงเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่แวบแรก กลับไม่สะดุดตาดั่งจวนกุยเต๋อโหวเลยด้วยซ้ำ  

 

 

ดวงอาทิตย์ยามเที่ยงร้อนแรงยิ่ง ในตอนที่รีบบึ่งมาถึงประตูจวนฉินอ๋องในทางเหนือ ฮว่าซั่นเหงื่อท่วมตัว พลางเคาะประตูเรียก  

 

 

ประตูวงทองแดงเปิดออกพร้อมเสียงดัง เอี๊ยด บ่าวร่างกายกำยำก็โผล่ศีรษะออกมา   

 

 

อาหู่ที่คอยดูอยู่หน้าประตูจวนพอเห็นว่าเป็นสตรีที่สวมใส่ชุดสาวใช้ผู้หนึ่ง จึงกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “นายท่านของข้าไม่รับแขก ไปเสียไป” ช่างยากจะเจอจริงๆ ในปีนี้หญิงสาวที่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับองค์ชายสามล้วนมาในลักษณะเดียวกันหมด รูปโฉมดุจดอกท้อบานสะพรั่ง เริ่มด้วยการให้หนุ่มน้อยรูปงามที่มีหน้าตาสง่างามกว่านักสังคีตในเมืองหลวงมาเยือนถึงหน้าประตูด้วยตนเอง หลังจากนั้นก็จะบอกว่าได้รับคำสั่งขององค์จักรพรรดิให้จัดพิธีสมรสกันขึ้น นี่ก็มาอีกหนึ่งคนแล้ว!   

 

 

ฮว่าซั่นเห็นว่าประตูทองแดงกำลังจะปิดลง ก็รีบยื่นมือจับไปที่ประตู “บ่าวมีเรื่องด่วนมากที่จะต้องทูลฉินอ๋อง เป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณหนูตระกูลอวิ๋น!”  

 

 

คุณหนูตะกูลอวิ๋น? ไม่ใช่ในวันหน้าว่าจวนอ๋องจะต้องต้อนรับพระชายารึ อาหู่สะดุ้ง และรีบเปิดประตูอีกครั้ง หลังจากฟังคำกล่าวของฮว่าซั่น ก็ไม่กล้ารีรอ พลันรีบวิ่งเข้าไปในจวนอย่างรวดเร็ว  

 

 

พอได้บอกคำต่อความ ฮว่าซั่นที่รอคำตอบอยู่ข้างๆ ซั่นเฟิงก็เดินไปมาอย่างกังวล ในใจกระสับกระส่ายยิ่ง ด้วยกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณหนูใหญ่ตระกูลอวิ๋น จะกลัวก็แค่แผนการชั่วร้ายของอวิ๋นหว่านเฟยจะสำเร็จ ได้เลื่อนขั้นอย่างสมใจ ขณะพอคิด ก็สบถกับตัวเองออกมาอย่างไม่รู้ตัว “วันนี้มีข้าอยู่ คอยดูกันว่าเจ้าจะเอาเรื่องอะไรมาพัวพันใส่คุณชายรอง…”  

 

 

ยังไม่ทันคิดเสร็จ เสียงเปิดประตูก็ดัง ปัง ด้วยแรงลมกระชาก ฮว่าซั่นสะดุ้งตกใจ พลันถอยไปที่บันไดด้านล่าง เมื่อประตูทองแดงถูกเปิดออก จวนที่แต่เดิมมีแต่ความเงียบงัน ก็ประหนึ่งมังกรที่ซ่อนตัวตื่นขึ้น พยัคฆ์ที่หลับใหลพลิกตัว!  

 

 

ชายคนหนึ่งที่แต่งกายเหมือนองครักษ์ในชุดคลุมสีเขียวเดินลงบันไดประตู ดวงตาแข็งกร้าว เขาก้มมองร่างฮว่าซั่นที่นำข่าวมาแจ้ง   

 

 

“เจ้าเป็นสาวใช้อยู่ในจวนกุยเต๋อโหวรึ เจ้ามาที่นี่เพื่อแจ้งข่าวหรอกหรือ คงไม่ใช่คนขี้โกหกหรอกนะ”  

 

 

ฮว่าซั่นตกใจมากจนไม่กล้าออกส่งเสียง จึงรวบรวมความกล้าหาญ “แม้กล้ากว่านี้อีกหนึ่งแสนหมื่นเท่า บ่าวก็มิกล้าโกหกฉินอ๋องเจ้าค่ะ บ่าวเห็นกับตาว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลอวิ๋นเข้าไปในเรือนของอนุอวิ๋น อนุอวิ๋นโกหกนางว่าป่วยหนัก ต้องมีเล่นเล่ห์เหลี่ยมเป็นแน่เจ้าค่ะ…”  

 

 

ก่อนจะกล่าวจบ ก็เห็นเพียงองครักษ์ผู้นั้นเบี่ยงกายออก ก้มศีรษะลงเล็กน้อย หลีกกายออกเป็นทางสายหนึ่ง ในตอนนั้นเองก็มีเงาร่างสูงใหญ่สายหนึ่งพุ่งตรงมาจากผนังด้านหลังประตู   

 

 

ชายคนนี้แต่งกายด้วยชุดลำลอง เห็นได้ชัดว่าเดินออกมาจากห้องนอนในบ้าน เสื้อคลุมสีขาวราวพระจันทร์ ลวดลายมังกร แขนเสื้อที่ยืดสยายออก กวานที่ผมไม่ได้มัดให้ดี มีผ้าไหมสีดำและน้ำเงินร้อยรวมกันและคล้องอยู่ บนไหล่อันกว้างใหญ่ทั้งสองข้างแบกใบหน้าเบี้ยวขมึงทึงถึงขีดสุดเอาไว้!  

 

 

ดวงตาของฮว่าซั่นถึงกับเบิกโพลง รูปร่างโฉมงามของฉินอ๋องเป็นที่เลื่องลือ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ตนได้เห็นบุรุษผู้มีรูปโฉมดุจเทพเทวาเช่นนี้ แต่ในขณะนี้ นางกลับไม่มีความคิดจะชื่นชมความงามของเขา เนื่องจากใบหน้าของชายคนนั้นซีดขาวราวกับหิมะ คล้ายกับว่าเขาหลุดออกมาจากความมืดมิดที่ลึกที่สุด ดวงตาทั้งสองที่ซุกซ่อนความเยือกเย็นเอาไว้ ก็เพียงพอจะตรึงคนที่อยู่ห่างออกไปสามฉื่อให้ชะงักนิ่งอยู่กับที่ได้ สิ่งที่แปลกกว่านั้นคือ สาบเสื้อลำลองตรงหน้าอกนั้นหลวมเล็กน้อย เผยให้เห็นบาดแผลที่หน้าอก ทั้งยังคงมีเลือดสีดำซึมอยู่ด้วย ทว่า…ฉินอ๋องผู้นี้คล้ายกับว่าไม่เจ็บไม่คัน ประหนึ่งไม่มีความรู้สึกเลย!  

 

 

ช่างน่าประหวั่น! ฮว่าซั่นถึงกับตัวสั่น ไหนเลยยังจะสนใจรูปร่างหน้าตาขององค์ชายสามผู้นี้!  

 

 

“องค์ชายสาม มิสู้ให้บ่าวไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ยังไม่แน่ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นนะขอรับ” ซือเหยาอันเห็นว่าองค์ชายสามออกมาด้วยตัวเอง จึงรีบพูดขึ้น  

 

 

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ตราบใดที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณหนูตระกูลอวิ๋น ก็ต้องไปที่นั่น อาการบาดเจ็บที่ขาขององค์ชายสามเพิ่งจะดีขึ้น สองสามวันนี้ก็ประจวบเหมาะกับเป็นช่วงที่ต้องถอนพิษประจำเดือน ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหน็ดเหนื่อยจากการเร่งเดินทางกลับจากการล่าสัตว์ฤดูสารท ทั้งยังนำทัพไปล่าสัตว์ป่าเขาลึกด้วยตนเองหรือไม่ อาการของพิษเดือนนี้กลับร้ายแรงเป็นพิเศษ เพิ่งจะใช้โอสถอสรพิษกัดกลืนเมือกที่เป็นพิษไป ดูดเลือดที่เป็นพิษตกค้างออก เมื่อครู่นี้ก็กำลังพักผ่อนในห้องบรรทม   

 

 

กลับเห็นองค์ชายสามหายใจหอบพลางคว้าแส้ม้า ปิดปกคอเสื้อ แล้วรับเสื้อคลุมตัวใหญ่ลายกระเรียนสีเงินที่ถืออยู่ในมือของพ่อบ้านเกามา พลิกมือแล้วพาดไว้ที่ไหล่ หันตัวขึ้นม้าเหมือนลมกระโชก เมื่อม้ายกกีบหน้าลายครามขึ้นแล้วส่งเสียง ฮี่ ยาวเสียงหนึ่ง ก็ดึงหัวม้าหันควบไปยังใจกลางเมืองหลวง  

 

 

หรุ่ยจือที่รีบวิ่งตามออกมา มองไปยังแผ่นหลังของผู้เป็นนาย แล้วจ้องเขม็งไปทางซือเหยาอัน “ยังไม่ตามไปอีก!”  

 

 

**  

 

 

ด้านนอกเรือน ภายในห้อง  

 

 

หลังจากที่อวิ๋นหว่านชิ่นเอ่ยเช่นนั้นออกไป ก็รู้สึกว่าสูญเสียพละกำลังไปมากจนถึงขั้นใกล้หมดสติ แต่ยังคงจับผ้าปูที่นอนแน่น จ้องมองไปยังบุรุษตรงหน้า หากดวงตาเป็นมีดยาวกระบี่คม ร่างกายของมู่หรงไท่คงโดนเสียบแทงเป็นรูนับไม่ถ้วนไปนานแล้ว  

 

 

มู่หรงไท่ที่โดนยั่วยุด้วยประโยคนั้นไปก็กลับอารมณ์ปะทุขึ้นมา ทูลฮ่องเต้องค์ก่อนให้ตนไม่ได้ตายดีนะหรือ สตรีนางนี้ ชาติที่แล้วก็เป็นเช่นนี้ไม่ใช่หรือ  

 

 

เขานึกย้อนความทรงจำในอดีต ดวงตาที่ยาวเรียวก็ควบแน่นไปด้วยหมอกชั้นหนึ่ง พลันหยุดชะงักลงชั่วครู่ เนื้ออันโอชะใต้ร่างนี้ มาถึงข้างปากเขาแล้ว ยังกลัวว่าจะโบยบินหนีไปได้อีกหรือ  

 

 

เขาหรี่ตา แล้วโน้มตัวลง เห็นเปลือกตาของนางปิด ขนตาตกลง และหมดสติไป คงไม่ได้ยินสินะ แล้วบนริมฝีปากที่นุ่มนวลก็ส่งเสียงเฮอะเบาๆ ราวกับละเมอฝัน “ทูลองค์ฮ่องเต้องค์ก่อนรึ เฮอะ ข้าเคยลองครั้งหนึ่งแล้ว ไยต้องกลัวที่จะลองอีกครั้ง…ชาติที่แล้ว เจ้าก็ใช้วิธีนี้เพื่อทำร้ายข้า แต่สวรรค์ให้โอกาสข้าอีกครั้ง…ไม่อย่างนั้น บัดนี้เจ้าจะมานอนใต้ร่างข้าได้อย่างไร…”   

Comment

Options

not work with dark mode
Reset