ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 152

กระบี่เลือนเร้นพื้นฐาน

จิวโมไป๋จอดรถยนต์หน้าทางเข้า ก่อนจะเดินเข้าไปในเกาะโดดเดี่ยว จิวโมไป๋มองอากาศของเกาะโดดเดี่ยวที่เริ่มเย็น หิมะเริ่มปกคลุมทั่วเกาะ สัตว์หลายร้อยตัวที่เขานำมาปล่อย เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน ต่างก็ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของเกาะโดดเดี่ยว เมล็ดสมุนไพรและพืชต่างๆ ก็สามารถเติบโตอย่างรวดเร็ว พวกมันไม่ถูกผลกระทบจากหิมะและอากาศเย็นเลยแม้แต่น้อย แม้บางสายพันธ์จะเป็นพืชฤดูร้อน พวกมันสามารถยืนหยัดในอากาศหนาวเย็นอย่างแข็งแกร่งโดยไม่ตาย อาจเพราะพลังธรรมชาติที่มากกว่าภายนอกถึง 10 เท่า ทำให้ความหนาวเย็นเพียงแค่นี้ไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้

จิวโมไป๋พยักหน้าพอใจ ก่อนจะไปที่ภูเขาสำนัก ยังไม่ทันได้ขึ้นเขา เสียงร้องคำราม และเสียงต่อสู้ก็ดังลั้น

จิตสัมผัสของเขาตรวจพบเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยกำลังต่อสู่กันอย่างดุเดือด ลานหน้าบ้านที่เขาอาศัย ถูกทำลายไม่เป็นชิ้นดี ยังดีที่ทั้งสองไม่ทำลายบ้าน ความเสียหายจำกัดอยู่แค่ลานหน้าบ้านเท่านั้น

ความเร็วของเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยเหนือกว่าผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 หรืออาจพอๆกับขั้นที่ 8 ต้น แต่ความแข็งแกร่งไม่ต่างจากขั้นที่ 6 มากนัก พวกมันยับยั้งแรงในการต่อสู้หรือเปล่า เขาก็ไม่รู้

เสี่ยวไป๋สัมผัสได้ถึงจิวโมไป๋ มันหยุดการต่อสู้ วิ่งออกมากระโดดขึ้นไหล่จิวโมไป๋ เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ

เสี่ยวเหมยช้าไปเล็กน้อย แต่มันไม่น้อยหน้ากระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของจิวโมไป๋ แล้วบิดตัวออดอ้อน จิวโมไป๋ยิ้มแผ่วเบาและลูบขนสีขาวฟูฟ่องของมัน เสี่ยวไป๋มองลงอย่างไม่พอใจเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ทำอะไร มันเชิดหน้าเย่อหยิ่ง แต่ตัวของมันเบียดเข้ากับแก้มของจิวโมไป๋

หยอกล้อเล่นกันสักพัก พวกเขาเดินเข้าไปในลานหน้าบ้าน จิตสัมผัสของเขาตรวจพบลูกนกอินทรี กำลังยืนมองอยู่จากต้นไม้ห่างออกไปนอกบ้าน มันยังไม่เข้ามาหาเขา จิวโมไป๋ก็ไม่เร่งรัดมัน เขาตรวจหาเสี่ยวหวง พบว่ามันกำลังยืนหลับตานิ่งบ่มเพาะพลังอยู่หลังบ้าน ร่างกายของมันปล่อยไอสีขาวผุดขึ้นมาจากรูขุมขนไม่ขาดสาย กล้ามเนื้อทั่วร่างของมันบีบรัด จนเป็นมัดกล้ามที่ทรงพลัง ระดับการบ่มเพาะพลังของเสี่ยวหวงในตอนนี้อยู่ขั้นที่ 3 เส้นเอ็นปลาย ความเร็วในการบ่มเพาะของมัน ทำให้เขาแปลกใจอย่างมาก

การบ่มเพาะของสัตว์แตกต่างต่างจากมนุษย์ที่ไม่มีขีดจำกัดในการบ่มเพาะพลัง สำหรับสัตว์ยิ่งระดับการบ่มเพาะสูงขึ้น ความเร็วจะลดลง การทะลุขั้นพลังแต่ละครั้งจะยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถเลื่อนขั้นได้อีก แม้จะใช้ความพยายามมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถเลื่อนขั้นได้อีกต่อไป เพราะสัตว์แต่ละตัว จะบ่มเพาะพลังไปได้ไกลแค่ไหน ต้องดูที่สายเลือดของพวกมัน

สัตว์สายเลือดที่อ่อนแอ ในการทะลวงผ่านขั้นการบ่มเพาะพลังจะเต็มไปด้วยความยากลำบาก ขีดจำกัดระดับการบ่มเพาะพลังของพวกมันก็ไม่มากนัก สัตว์สายเลือดที่ทรงพลังการทะลุขั้นจะง่ายจนถึงขั้นไม่พออุปสรรคเลยก็มี ขีดจำกัดระดับการบ่มเพาะพลังของพวกมันก็ไกลกว่า สัตว์สายเลือดอ่อนแอ

สายเลือดของเสี่ยวหวงเป็นเผ่าพันธุ์วัวธรรมดาสามัญ หลังจากขั้นที่ 3 เส้นเอ็น ความเร็วในการบ่มเพาะจะลดลงอย่างมาก และจะยิ่งลดลงไปเรื่อยๆ ขีดจำกัดระดับบมเพาะพลังอยู่ที่ขั้นที่ 3 ปลาย มีน้อยมากที่สัตว์ประเภทวัวธรรมดาจะบ่มเพาะได้ถึงขั้นที่ 4

แม้ในช่วงเวลาที่พลังวิญญาณพลุ่งพล่าน เผ่าพันธุ์วัวจะได้รับการกลายพันธุ์ อย่างมากพวกมันก็จะติดคอขวดที่ขั้นที่ 8 ต้องพบโชควาสนาจริงๆถึงจะผ่านไปขั้นที่ 9 ได้

แต่เสี่ยวหวงหลังจากที่ทะลวงผ่านขั้นที่ 3 เส้นเอ็น ความเร็วยังไม่ลดลง และยังมีทีท่าว่าจะทะลวงผ่านไปขั้นที่ 4 ในอีกไม่นาน

พรสวรรค์ในการบ่มเพาะพลังของเสี่ยวหวงสูงมาก แต่น่าเสียดายที่สายเลือดของมันอ่อนแอเกินไป จากการคาดเดาของเขา เมื่อถึงขั้นที่ 4 ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเสี่ยวหวงจะลดลง จนถึงขั้นที่ 4 ปลายก็ไม่สามารถไปได้ต่อ ยากที่จะทะลุขั้นที่ 5

จิวโมไป๋ครุ่นคิดเล็กน้อย ไม่นานเขาก็ยิ้มออกมา เขาเกือบลืมไปเลยว่า มีสมบัติที่สามารถพัฒนาสายเลือดสัตว์ประเภทวัวอยู่ แต่การที่จะได้รับมันมานั้นยากลำบากมาก เขาต้องใช้ความพยายามไม่น้อย

จิวโมไป๋ตัดสินใจที่จะส่งเสริมเสี่ยวหวง เพราะการที่ได้รับมันมาเลี้ยงดู ถือว่าเป็นโชคชะตา เขาจะส่งเสริมมัน และพามันไปพร้อมกับเขาในเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ

จิวโมไป๋ปลุกเสี่ยวหวง

เสี่ยวหวงลืมตาขึ้นมองจิวโมไป๋ด้วยแววตาใส แต่เมื่อมันเห็นเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยมันก็ไม่กล้าเข้าใกล้

ในช่วง 7 วันนี้มันเห็นการต่อสู้ของทั้งสองหลายครั้ง แต่ละครั้งมันไม่สามารถมองได้ทัน มันเห็นแค่ความเสียหายที่ปรากฎขึ้น มันไม่กล้าที่จะทำให้ทั้งสองไม่พอใจ

จิวโมไป๋ยิ้มปล่อยเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยลง เดินไปลูบหัวเสี่ยวหวงเบาๆและให้โอสถเสริมกายาให้มันกิน 1 เม็ดกับเสี่ยวหวง เขาคิดดีแล้ว อย่างน้อยโอสถเสริมกายา จะช่วยยกระดับพื้นฐานร่างกายของเสี่ยวหวงให้แข็งแกร่งขึ้น มันอาจโชคดีทะลวงผ่านขั้นที่ 5 โดยที่ไม่ต้องใช้สมบัติ ก็เป็นได้

เสี่ยวหวงมองโอสถเสริมกายาด้วยความสงสัย แต่มันคิดไม่นาน มันก้มกินโอสถเสริมกายา ทันทีโอสถลงไปที่ท้อง ร่างกายของมันสั่นอย่างรุนแรง จนมันร้อง มออ ลากยาว แต่ไม่นานมันก็ยืนหยัดมั่นคง จิวโมไป๋เดินมายืนข้างๆและแนะนำการบ่มเพาะพลังให้กับเสี่ยวหวงอยู่ครู่หนึ่ง เสี่ยวหวงทำตามทันที ความเจ็บปวดทั่วร่างค่อยๆลดลง กล้ามเนื้อหดเล็กลงเล็กน้อย เพราะกล้ามเนื้อทั่วร่างสลายไขมันไร้ประโยชน์ เหลือแต่กล้ามเนื้อที่บีบอัดจนแข็งแกร่ง

จิวโมไป๋ยิ้มพอใจ ร่างกายของเสี่ยวหวงดูดซับโอสถได้มากกว่าที่เขาคิด

โอสถของมนุษย์ สัตว์สามารถกินและดูดซับได้ แต่จะไม่ช่วยให้สัตว์ได้รับประโยชน์เต็มสิบส่วน พวกมันจะได้รับ สามในสิบ ของคุณค่าโอสถ

เมื่อจิวโมไป๋ยืนอยู่ข้างเสี่ยวหวง เขาใช้พลังวิญญาณ ช่วยเสี่ยวหวงดูดซึมคุณค่าของโอสถให้ได้มากขึ้นกว่าปกติ เสี่ยวหวงได้รับโอสถ ห้าในสิบ ถึงจะเสียคุณค่าไปครึ่งหนึ่ง เขาก็ไม่เสียดาย

จิวโมไป๋ปล่อยให้เสี่ยวหวงบ่มเพาะพลัง และพาเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยเข้าไปในบ้าน และทำอาหารให้พวกมันกิน ทั้งสองกินอาหารจนหมดก็แยกตัวกันไปนอน เพราะพึ่งผ่านการต่อสู้มาอย่างหนัก

จิวโมไป๋ไปที่ตำหนักหลอม เพื่อทำการเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกของอาวุธที่เขาและสามพี่น้องใช้ เพราะอาวุธพวกนี้ถูกคนของโคลอสเซียม บันทึกเอาไว้แล้ว ถ้ายังใช้อาวุธเดิมพวกเขาจะถูกพบทันที จิวโมไป๋ทำการผสมแร่เหล็กดำคุณภาพสูงลงไป และปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของพวกมันเล็กน้อย ไม่ให้เหมือนเดิมจนเกินไป และด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายที่เพิ่มขึ้นทำให้ อาวุธทั้ง 5 ชิ้นที่เขาสร้างแข็งแกร่งขึ้นอีกขั้น

มีดผนึกโลหิต

พลองผ่านฟ้า

ธนูเขียวขจี

ถุงมือพยัคฆ์

หอกเหล็กดำ

อาวุธทั้ง 5 กลายเป็น สมบัติมนุษย์ ระดับ 1 สูงสุด ขาดอีกแค่เล็กน้อยจะกลายเป็นสมบัติมนุษย์ระดับ 2

เมื่อเสร็จแล้วจิวโมไป๋ก็เก็บอาวุธทั้ง 5 ลงไปในแหวนมิติเก็บของ และทำความสะอาดเตาหลอมจนสะอาดเรียบร้อย เขาก็หยิบ ภูเขาสมบัติ สมบัติปัฐพี ระดับ 6 ออกมา

เมื่อภูเขาสมบัติ ปรากฏขึ้น พลังธาตุดินก็แผ่กระจายออกไปโดยรอบ เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมย ชะงักตัวเงยหน้าขึ้นจากการมองไปรอบๆ ก่อนจะวิ่งไปที่ ตำหนักหลอมอย่างรวดเร็ว

เสียวหวงที่บ่มเพาะพลังอยู่ มันรู้สึกของพลังธาตุดินได้ มันยืนเงียบเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ พื้นดินที่มันยืนอยู่ลอยขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะตก และลอยขึ้นใหม่และตกลงพื้นอยู่อย่างนี้หลายครั้ง

จิวโมไป๋วางภูเขาสมบัติบนพื้น และหยิบอุปกรณ์วาดข่ายอาคมออกมา และทำการสร้างข่ายอาคมรอบห้องหลอม เมื่อวาดข่ายอาคมเสร็จแล้ว เขาก็เปิดการทำงานทันที แสงสว่างหมุนวนรอบห้องหลอม เหมือนมีม่านพลังป้องกัน ไม่ให้พลังงานภายในหลุดออกไปด้านนอก

เมื่อข่ายอาคมทำงาน จิวโมไป๋ก็ทำการใช้ค้อนแบ่งภูเขาสมบัติ 1 ส่วน 10 ออกมา และเก็บ 9 ส่วนไว้ในแหวนมิติ 1 ส่วนของภูเขาสมบัติ ยังคงมีพลังธาตุดินอยู่เป็นจำนวนมาก อาจเพราะข่ายอาคมทำให้พลังธรรมชาติของภูเขาสมบัติไม่หายไป

แม้จะทำให้ภูเขาสมบัติเสียหายไปบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเขามีวิธีทำให้มันกลับมาเหมือนเดิม และเมื่อถึงวันที่พลังธรรมชาติพลุ่งพล่าน เขามันใจว่าภูเขาสมบัติจะพัฒนาขึ้นกว่าตอนนี้อย่างแน่นอน ทำให้เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดมากนัก

เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมย เห็นภูเขาสมบัติถูกแยกออก พวกมันก็ยืนตกใจ แอบมองอยู่ห่างๆ

จิวโมไป๋เอาแร่หลายชนิดออกมาวางเรียงกัน โดยเฉพาะแร่เหล็กดำคุณภาพสูง ที่มีจำนวนมากที่สุด

เขาก็เริ่มถลุงแร่ เรียงกันตามขนาดจากมากไปหาน้อย เริ่มจากแร่เหล็กดำ ผ่านไป 2 ชั่วโมง เหลืองแท่งแร่บริสุทธิ์ที่ผ่านการถลุง 14 ชนิด หนึ่งในนั้นมีแร่ผนึกโลหิตรวมอยู่ด้วย

จิวโมไป๋นั่งสมาธิพักร่างกายครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ทำการบดภูเขาสมบัติกลายเป็นเศษดิน พลังธาตุดินหนาแน่นแผ่กระจายอยู่ในเศษดินไม่กระจายหายไป เพราะข่ายอาคมที่จิวโมไป๋วางไว้ จิวโมไป๋หยิบแบบแปลนกระบี่ยาวออกมาจากแหวนมิติเก็บของ และเริ่มตีกระบี่ด้วยแร่ทั้งหมด ในระหว่างนั้นเขาก็ใช้พลังวิญญาณหยิบ เศษภูเขาสมบัติผสมลงไปในแต่ละขั้นตอน

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆจนถึง 4 ชั่วโมง แร่เหล็กกว่า 14 ชนิด ถูกตีจนบางเหลือไม่ถึงหนึ่งส่วนสี่เซนติเมตร ใหญ่กว่าแผ่นกระดาษเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

จิวโมไป๋ทำการตีขึ้นรูปจนเข้ารูป ก่อนจะใช้พลังวิญญาณทำการบีบอัดเป็นครั้งสุดท้าย กระบี่ยาวก็ถูกตีจนเสร็จ จากนั้นเขาก็ใช้พลังวิญญาณ ยกกระบี่ที่กำลังแดงก่ำด้วยความร้อน แช่น้ำในถังน้ำขนาดใหญ่ ไอขาวพุ่งกระจายไปทั่วห้องในทันที ที่กระบี่สัมผัสน้ำ น้ำในถังหายไปครึ่งหนึ่ง จิวโมไป๋หมุนกระบี่ไปมาจนสีแดงส้มตามตัวกระบี่ค่อยๆหายไป

แต่ก็ยังเหลือไอร้อนอยู่

เขาก็ใช้พลังวิญญาณยกกระบี่ออกมา และทำการขัดกระบี่ด้วยวิธีพิเศษ อยู่นานกว่า 2 ชั่วโมงกระบี่ก็เสร็จ เหลือเพียงทำด้ามจับเท่านั้น

รูปลักษณะของกระบี่ยาว เหมือนกระบี่ธรรมดาไม่แตกต่างจากกระบี่ทั่วไป แต่เนื้อเหล็กของกระบี่แตกต่างจากกระบี่ทั่วไป มันมีสีดำอ่อนจนเหมือนเป็นสีเทา มีประกายแดงเข้มเมื่อสะท้อนแสง ทำให้ผู้คนที่มองรู้สึกพลังกดดัน ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก

จิวโมไป๋ยิ้มพอใจ แม้ว่าจะทำให้ภูเขาสมบัติเสียเปล่าไปบางแต่ก็คุ้ม

กระบี่เลือนเร้นพื้นฐาน สมบัติมนุษย์ ระดับ 3 สูงสุด

ตอนเดียวครับ^^

ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์

ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์

ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์
Status: Ongoing
อ่านนิยายย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ จิวโมไป๋ ชายอายุเกือบ100ปี ได้ย้อนเวลากลับมาก่อนที่จะเกิดโศกนาฏกรรมที่ทำให้ครอบครัวของเขาต้องพังพินาศ เขาใช้ความรู้ในอนาคตเพื่อปกป้องครอบครัวและสหาย สร้างกองกำลังที่แข็งแกร่งเพื่อเข้าร่วมสงครามในอนาคต

Comment

Options

not work with dark mode
Reset