ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) – ตอนที่ 158 การตามจีบอีกครั้ง

บทที่ 158
การตามจีบอีกครั้ง

นอกห้อง หลิวฮัวลี่และอีกสองคนต่างก็รอด้วยความกังวล นอกจากสองคนที่ได้รับบาดเจ็บคนอื่นๆก็เข้าไปในห้องไม่ได้

เมื่อชูอี้เสิ่นมาถึง เขารีบกดโทรศัพท์และถามเลขห้องของมู่หรงเสวี่ยทันที เขาวิ่งไปที่ประตูห้องและเห็นนักศึกษาชายหญิงสามคนกำลังนั่งอยู่ที่หน้าประตูห้อง เขารีบวิ่งเข้าไปถาม “ใช่เพื่อนของมู่หรงเสวี่ยหรือเปล่า?”

เมื่อหลิวฮัวลี่เห็นชูอี้เสิ่น เขาก็รีบลุกขึ้นและพูดว่า “ผมเป็นรุ่นพี่ของเอง เสี่ยวเสวี่ยยังอยู่ข้างใน”

“เกิดอะไรขึ้น?” ชูอี้เสิ่นถามอย่างเป็นกังวล
ทุกอย่างก็เป็นเพราะลานสเกตที่เขาเป็นคนเสนอให้ไป เขาจึงพูดออกไปอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย “ที่ลานสเกต เสี่ยวเสวี่ยบังเอิญชนเข้ากับคนอื่นในระหว่างที่สเกตอยู่ มันเป็นอุบัติเหตุและตอนนี้หมอก็กำลังตรวจเธออยู่ข้างใน…”

“รุนแรงหรือเปล่า?” ชูอี้เสิ่นถามอย่างกังวล
“ตอนที่มาที่นี่เธอยังคุยได้แต่เมื่อมาถึงโรงพยาบาลก็สลบไป เดาว่าการชนน่าจะแรงอยู่…” หลันเฟ่ยหมิงเองก็พูดด้วยสีหน้าเป็นห่วง

ฮวงเสี่ยวเฟิงตะลึงไปเลยเมื่อเห็นชูอี้เสิ่น ในโลกนี้ยังมีคนที่หล่อแบบนี้อยู่ด้วยงั้นเหรอ เธอไม่คิดเลยว่าเมื่อมีชายคนนี้อยู่ตรงหน้าหลิวฮัวลี่จะดูหมองไปเลย ชายคนนี้ดูเหมือนมีแสงสว่างอยู่ล้อมรอบตัวเขาซึ่งดึงดูดสายตาของเธอจนไม่สามารถละสายตาได้เลย

เธอทำความสะอาดชุดเล็กน้อยและพยายามปัดฝุ่นที่ไม่มีอยู่เลย หัวใจเธอสดชื่นขึ้นมาและรู้สึกเขินขึ้นมาเล็กน้อย เธอเดินตรงเข้ามาและถามเสียงอ่อน “หลิวฮัวลี่ นี่เพื่อนพี่เหรอ?”

พวกเขาหันมามองเธอพร้อมๆกัน หลิวฮัวลี่นึกได้ว่าคนอื่นอาจจะไม่รู้ว่าชูอี้เสิ่นเป็นใคร เขาเลยแนะนำตัวเขาสั้นๆ “เขาคือแฟนของเสี่ยวเสวี่ย ชู…ชูอี้เสิ่น เขามาดูอาการมู่หรงเสวี่ย ไม่ใช่เพื่อนฉัน”

ชูอี้เสิ่นพยักหน้าด้วยความพอใจเมื่อได้ยินประโยคนี้ เขาชอบการแนะนำนี้

หลันเฟ่ยหมิงมองไปที่ชูอี้เสิ่นด้วยความประหลาดใจ ถึงแม้เขาจะรู้ว่าชูอี้เสิ่นเป็นแฟนของเสี่ยวเสวี่ยถึงแม้เขาจะเคยเห็นตามข่าวมาบ้าง แต่ก็จำหน้าไม่ได้ในทันที

หน้าของฮวงเสี่ยวเฟิงเปลี่ยนเป็นซีดและหัวเราะออกมาอย่างไม่เต็มใจเท่าไร “จริงเหรอ? เสี่ยวเสวี่ยไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ…” เธอดีใจมากที่ไม่มีใครเห็นจิตใจที่สกปรกของเธอ ชายที่หล่อเหล่าคนนี้เป็นแฟนของเสี่ยวเสวี่ยจริงๆ เสี่ยวเสวี่ยได้ทุกอย่างทั้งโลกไป แม้แต่แฟนของเธอก็ยังวิเศษขนาดนี้เลย ทำไมพระเจ้าไม่ยุติธรรมเลย

ทุกคนต่างก็คิดว่าเธอหน้าซีดก็เพราะเป็นห่วงมู่หรงเสวี่ยและไม่ได้คิดมากเรื่องนี้ มีเพียงฮวงเสี่ยวเฟิงเท่านั้นที่รู้ว่าในหัวใจเธอคิดอะไรอยู่ เธออยากที่จะเดินเข้าไปทักทายชายคนนั้น ใช้ความได้เปรียบของรูปลักษณ์ที่ราวกับเจ้าหญิงในวันนี้ เธออาจจะดึงดูดความสนใจของชายคนนี้ได้ อย่างไรก็ตามเธอไม่คิดว่าเขาเป็นแฟนของมู่หรงเสวี่ย

หลังจากนั้นไม่นาน จางหลินหลี่ก็เดินออกมา ทุกคนต่างก็รีบลุกขึ้นและเดินเข้าไป “คุณหมอ เป็นไงบ้าง?”

จางหลินหลี่มองไปที่พวกคนที่ต่างก็เป็นห่วงและพูดออกไปว่า “ไม่ต้องห่วงนะ ไม่เป็นไรแล้ว ส่วนอีกคนก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง บางทีเธอน่าจะฟื้นในช่วงบ่าย ถ้าพวกเธอมีอะไรที่ต้องไปทำก็กลับก่อนก็ได้นะ หมอรู้จักเสี่ยวเสวี่ย หมอจะดูแลเธอเอง ส่วนสำหรับอีกคนพวกเธอต้องติดต่อครอบครัวของเขา…”

ดูเหมือนว่าทุกคนจะไม่คิดว่าจางหลินหลี่จะพูดอะไรแบบนั้น น้ำเสียงที่เย็นชาของชูอี้เสิ่นถามออกไปเล็กน้อย “แฟนผม ผมดูแลเองได้ ไม่จำเป็นต้องรบกวนหมอหรอกครับ!”

ในตอนนี้จางหลินหลี่มองชูอี้เสิ่นอย่างจริงจัง เขาขมวดคิ้ว ชายคนนี้มาจากไหนกัน? เสี่ยวเสวี่ยไปเป็นแฟนเขาได้ยังไง? เสี่ยวเสวี่ยต้องเป็นแฟนของโม่สิ
“คุณเป็นใคร?” จางหลินหลี่ถาม
“แฟนของเสี่ยวเสวี่ย ชูอี้เสิ่น!” เขาตอบ หมอคนนี้ดูเหมือนจะคิดไม่ดีเท่าไร เขาอยากที่จะดูแลเสี่ยวเสวี่ยเอง ฝันไปเถอะ!

หลังจากที่ยืนจ้องกันอยู่นาน ในที่สุดจางหลินหลี่ก็พูดออกมา “เรื่องที่คุณพูดไม่จำเป็นต้องเป็นความจริง เมื่อเสี่ยวเสวี่ยฟื้นขึ้นมา ผมจะถามเธอเอง!” น้ำเสียงออกแนวข่มขู่

“อะไรก็ช่างแต่ผมกับเธอเป็นแฟนกัน ทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้ ถ้าคุณไม่เชื่อก็ถามเหล่านักศึกษาพวกนี้ดูก็ได้ อีกอย่างคุณก็เป็นแค่หมอแล้วหมอต้องมาดูแลคนไข้เองตั้งแต่เมื่อไร?” อย่างที่คาดไว้เลยชายคนนี้มีความคิดไม่ดี ไม่งั้นเขาจะไม่พอใจเรื่องที่เขาเป็นแฟนเสี่ยวเสวี่ยทำไม

จางหลินหลี่กำหมัดแน่น นี่มันเกิดอะไรขึ้นตอนที่เขาเลี่ยงที่จะรับรู้ข่าวของเสี่ยวเสวี่ย?!! ชางกวนโม่บอกว่าเขาจะทำดีกับเสี่ยวเสวี่ยไปตลอดชีวิตของเขานี่ ตอนนี้…เขารู้ว่าทำไมตัวเองถึงยอมปล่อยมือง่ายๆเพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทของเขา เพราะคนทั้งสองตกหลุมรักกันและกัน เขาไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่ๆ เขาไปคบกับคนอื่นแล้วเหรอ

เขามองไปที่ดวงตาดุเดือดของชูอี้เสิ่น เขารู้จักชายคนนี้ เขาเป็นคุณชายคนโตของตระกูลชูและก็ต้องยอมรับว่าเขาดีไม่น้อยไปกว่าชางกวนโม่เลย เป็นเพราะความสงสารของมู่หรงเสวี่ยหรือเปล่า?! มู่หรงเสวี่ยไม่น่าใช่คนแบบนั้น ภาพวันนั้นที่เธอร้องไห้เพราะชางกวนโม่ยังติดตรึงอยู่ในใจเขาอยู่เลย

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายโกรธมากแค่ไหน เขาก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น! เขาไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายต้องรอโอกาสมานานมากแค่ไหน แล้วเขาจะยอมให้คนอื่นเข้ามาแทนทีได้ยังไง!

จางหลินหลี่หันหัวไปและมองคนทั้งสามที่จ้องเขาอยู่แล้วพูดออกมาเสียงเบา “พวกเธอกลับไปก่อนเถอะ ผมจะดูแล มู่หรงเสวี่ยเอง สุภาพบุรุษคนนี้กับผมมีอะไรต้องคุยกันหน่อย…”

หลิวฮัวลี่คิดอยู่สักพักว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเองก็มีเจ้าหน้าที่ของลานสเกตเฝ้าอยู่เหมือนกัน เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวเสวี่ยไม่ต้องการพวกเขา เขาจึงพยักหน้าออกไป “ถ้าเป็นแบบนั้นเรากลับก่อนดีกว่า!” แล้วเขาก็ดึงหลันเฟ่ยหมิงและฮวงเสี่ยวเฟิงให้ออกไป ฮวงเสี่ยวเฟิงไม่อยากที่จะกลับ เธอยังไม่อยากที่จะกลับเป็นเพราะความปรารถนาที่เห็นแก่ตัวที่อยากจะอยู่ใกล้ๆกับผู้ชายคนนั้นและกลัวว่าเมื่อไม่มีมู่หรงเสวี่ยแล้วเธอจะกลายเป็นลุกเป็ด ขี้เหร่อีกครั้งแต่ก็หาเหตุผลที่จะอยู่ต่อไม่ได้

ทั้งคุณหมอและแฟนของเสี่ยวเสวี่ย ชูอี้เสิ่นต่างก็เป็นคนที่ดีมากๆจนไม่อาจละสายตาได้ เป็นเรื่องที่วุ่นวายมากจริงๆที่คนแสนดีทั้งสองต้องมาสู้กันเพื่อแย่งมู่หรงเสวี่ยที่กำลังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เธออยากที่จะลากนังมู่หรงไปลงนรกจริงๆ เธออยากที่จะให้พวกคนที่พระเจ้าโปรดปรานได้ลิ้มรสชาติชีวิตแบบตกนรกของเธอบ้าง

ทันใดนั้นเธอก็หยุดและส่ายหัวไล่ความคิดแย่ๆพวกนี้ออกไป เธอหน้าซีดเผือดและแม้แต่เหงื่อเย็นๆผุดขึ้นมาด้วย เธอ…เธอ…กลายเป็นคนที่แย่แบบนี้ได้ยังไง

หลิวฮัวลี่และหลันเฟ่ยหมิงต่างก็หยุดและถามอย่างเป็นห่วง “ฮวงเสี่ยวเฟิง?! เป็นอะไรเหรอ? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
ฮวงเสี่ยวเฟิงเบิกตากว้างด้วยความกลัวว่าคนอื่นจะรู้ความคิดที่ดำมืดของเธอ เธอก้าวถอยหลังไปสองก้าวแล้วก็ได้สติกลับมา เธอเผยรอยยิ้มออกมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก “ฉัน…ฉันไม่เป็นไร…ฉันแค่เป็นห่วงเรื่องเสี่ยวเสวี่ย…” เธอโกหก ตั้งแต่ที่เสี่ยวเสวี่ยได้รับบาดเจ็บจนถึงตอนนี้ เธอไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงเรื่องเสี่ยวเสวี่ยเลยสักนิด เธอคิดกับตัวเองในความคิดของเธอมันก็แค่รอยช้ำเล็กๆเท่านั้น จะเป็นเรื่องใหญ่ได้ขนาดไหนกันเชียว? ในอดีตขนาดเธอขาหัก เธอยังไม่ได้ไปหาหมอเลยแต่กลับตรงกลับบ้านเหมือนไม่เป็นอะไร เธอไม่มีปัญญาที่จะเข้าไปนอนพักในโรงพยาบาลด้วยซ้ำ

หลิวฮัวลี่พูดปลอบใจ “เธอไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอก เธอก็ได้ยินแล้วว่าเสี่ยวเสวี่ยไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อีกอย่างแฟนของเสี่ยวเสวี่ยก็อยู่ด้วย เราไม่ต้องเป็นห่งหรอก…” เดิมทีเขาอยากที่จะรอให้เสี่ยวเสวี่ยฟื้นแต่เห็นอยู่ชัดๆว่าตอนนี้พวกเขาไม่เป็นที่ต้อนรับเท่าไร

“โอเค…” ฮวงเสี่ยวเฟิงตอบเสียงเบา
หลังจากนั้นทั้งสามก็กลับไปที่มหาลัยด้วยกัน มีหลายคนตามท้องถนนที่มองมาที่ฮวงเสี่ยวเฟิงซึ่งเป็นอีกครั้งที่ทำให้หัวใจที่หดหู่ของเธอพองโตขึ้นมาอีกครั้ง

ที่โรงพยาบาล ด้านนอกห้องพักของมู่หรงเสวี่ย ชูอี้เสินและจางหลินหลี่ยืนตรงข้ามกัน

“พวกหมอในโรงพยาบาลต่างก็น่ารำคาญเหมือนนายทุกคนหรือเปล่า?” ชูอี้เสิ่นพูดประชดประชัน

“เท่าที่ฉันรู้ แฟนของเสี่ยวเสวี่ยคือชางกวนโม่ แล้วจะเป็นนายไปได้ยังไง?” จางหลินหลี่ถามสิ่งที่ตัวเองสงสัยออกมาตรงๆ

สายตาของชูอี้เสิ่นเยือกเย็น “อย่าพูดถึงชางกวนโม่ต่อหน้าเสี่ยวเสวี่ย ไอ้ผู้ชายเลวคนนั้นไม่ดีพอสำหรับผู้หญิงที่แสนดีแบบเสี่ยวเสวี่ย เขาตั้งใจทำร้ายเธอ เธอยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่เมื่อต้องคิดถึงช่วงเวลานั้น”

“นายกำลังพูดเรื่องอะไร?! พวกเขารักกันและกันอย่างมาก…” เขาเชื่อในเพื่อนรักคนนี้มาก ตั้งแต่เด็กมาชางกวนโม่ไม่เคยคบผู้หญิงคนไหนเลย นี่เป็นความรักครั้งแรกของโม่ นี่เป็นครั้งแรกที่โม่แคร์ใคร

“ฮึ! รักกันและกันงั้นเหรอ?! อย่ามาล้อเล่นน่า…ฉันไม่สนใจว่านายรู้จักเสี่ยวเสวี่ยได้ยังไงนะ แต่ขอพูดสั้นๆว่าอย่ามารบกวนเธอ…ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันหยาบคายกับนายล่ะ…” ชูอี้เสิ่นพูดขู่

“ฉันไม่เชื่อสิ่งที่นายพูด ฉันจะถามเขาให้ชัดเอง…” จางหลินหลี่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเตรียมที่จะกดโทรหาชางกวนโม่

ชูอี้เสิ่นปัดโทรศัพท์ซึ่งร่วงหล่นไปที่พื้นทันที
“นายรู้ไหมว่าชางกวนโม่ทำอะไร?! นายอยากจะเรียกให้เขามาที่นี่งั้นเหรอ?! นายอยากที่จะทำให้มู่หรงสติแตกงั้นเหรอ?” ชูอี้เสิ่นพูดอย่างไม่พอใจ

จางหลินหลี่แปลกใจ “สติแตกอะไร?!! เกิดเรื่องบ้าอะไรกับสองคนนั้นงั้นเหรอ?” โม่ทำอะไรกับเสี่ยวเสวี่ย

ชูอี้เสิ่นมองไปที่เขาอย่างเย็นชาแล้วจึงพูดออกมา “บอกนายไปก็ไม่สำคัญอะไรหรอก พูดง่ายๆนะอย่าทำเรื่องที่ไม่จำเป็น ชางกวนโม่ ไอ้สาระเลวทรยศเสี่ยวเสวี่ย เขาไปคบกับไป๋เสวี่ยหลี่ ในตอนนั้นเสี่ยวเสวี่ยแทบจะใจสลาย ขอบอกเลยนะว่าอย่าพูดถึงชางกวนโม่ต่อหน้าเสี่ยวเสวี่ยอีกและอย่าบอกเรื่องนี้ของ เสี่ยวเสวี่ยกับเขา ฉันขอล่ะ…” เขาไม่อยากที่จะเห็นมู่หรงเสวี่ยเป็นเหมือนตอนนั้นอีก…เธอเย็นชาราวกับไม่ใช่คน

“เป็นไปได้ยังไง…” จางหลินหลี่มองไปที่ชูอี้เสิ่นด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ดูเหมือนเขาอยากที่จะเจอร่องรอยของความโกหกในสายตาของชูอี้เสิ่น น่าเสียดายที่มันไม่มีร่องรอยนั้นเลย

“ฮึ!” ชูอี้เสิ่นไม่อยากที่จะพูดถึงเขาอีก เขาเปิดประตูห้องและเดินเข้าไป

มู่หรงเสวี่ยนอนอยู่บนเตียงใบหน้าเล็กที่ซีดเผือดหลับอยู่เงียบๆ เขาดึงมือเธอออกมากุมไว้ในมือ

หลังจากนั้นสักพัก จางหลินหลี่เองก็เข้ามาด้วยเช่นกันและมองไปที่มือที่พวกเขาจับกันอยู่ สายตาของเขาแวบประกายอารมณ์ที่ไม่รู้ได้ แต่เขาก็ไม่ได้เปิดปากพูดอะไรเลย เขาคิดว่า มู่หรงเสวี่ยควรที่จะได้พัก จนกระทั่งถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่อยากที่จะเชื่อว่าโม่และไป่เสวี่ยหลี่จะคบกัน พวกเขาอยู่ด้วยกันมานานแล้วถ้าอยากที่คบกันทำไมต้องรอจนถึงตอนนี้ด้วย

แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาถามเสี่ยวเสวี่ยไม่ได้ โม่ก็เลิกคุยกับเขาไปแล้วตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งที่แล้ว เขาเคยลองโทรไปแต่ก็ต้องวางสายหลังจากที่คุยไปได้เพียงแค่ไม่กี่คำ เขาเองก็ไม่กล้าที่จะสนใจสองคนนี้มากเกินไปเพราะเขากลัวว่าจะเผยความรู้สึกของตัวเองออกไป เขาคิดว่าพวกเขาคงมีความสุขด้วยกันไปแล้ว ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกและเรื่องที่มันกลับกลายเป็นแบบนี้…

เมื่อได้ยินเสียงประตูที่เปิดเข้ามา ชูอี้เสิ่นมองไปที่ จางหลินหลี่แล้วหันกลับมามองที่มู่หรงเสวี่ย คนอื่นไม่เกี่ยวอะไรกับเขา นอกจากนี้จากสิ่งที่คุยกันเมื่อกี้เขาก้รู้ได้เลยว่าหมอคนนี้น่าจะเป็นเพื่อนกับชางกวนโม่ งั้นเขาก็หมดโอกาสแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เสี่ยวเสวี่ยจะยอมรับเพื่อนของชางกวนโม่ เขากลัวว่าชื่อของชางกวนโม่จะกลายเป็นบาดแผลในจิตใจของเสี่ยวเสวี่ย เขาจะค่อยๆเติมเต็มบาดแผลในหัวใจเธอด้วยความอบอุ่น

อย่างไรก็ตามถึงแม้จะเลิกกันแล้วแต่ด้วยนิสัยของเสี่ยวเสวี่ยก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะมีแฟนใหม่ได้เร็วขนาดนี้ จางหลินหลี่รู้สึกสงสัยเรื่องความจริงของคำพูดของชูอี้เสิ่น อันที่จริงเสี่ยวเสวี่ยเป็นเด็กสาวที่อ่อนไหวและบอบบาง ถ้าโม่ทำร้ายเธอจริงๆ เธอก็คงต้องใช้เวลานานในการเยียวยา

เมื่อคิดว่ามู่หรงเสวี่ยจะเสียใจขนาดไหน หัวใจของจางหลินหลี่ก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา ถึงแม้เขาจะไม่ได้พูดแต่มู่หรงเสวี่ยก็เป็นหญิงสาวคนเดียวที่เขารัก บางครั้งเขาถึงขนาดที่อยากจะหาแฟนเพื่อที่จะให้ลืมเสี่ยวเสวี่ย อย่างไรก็ตามเขาก็เปลี่ยนแฟนไปเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าเขาจริงจังมากกับการออกไปเที่ยวกับสาวมากหน้า เขาเปิดตัวแฟนสาวและโทรหากันทุกวัน ถึงแม้เขาจะสูญเสียหัวใจไปแต่ก็รู้สึกว่าเมื่อเวลาผ่านไปบางทีเขาอาจจะชอบพวกเธอขึ้นมาจริงๆ แล้วเมื่อเวลาผ่านไปชื่อของมู่หรงเสวี่ยที่อยู่ในใจเขาก็จะกลายเป็นเพียงความทรงจำ

อย่างไรก็ตามผู้หญิงทุกคนที่เขาติดต่อด้วยต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “คุณไม่มีหัวใจเลย ฉันรู้สึกเหมือนกำลังคุยอยู่กับหุ่นยนต์…” ผู้หญิงเหล่านั้นร้องไห้อย่างหัวใจสลายและน้ำตาไหลออกมาอาบแก้มทีละคนๆแต่เขากลับไม่รู้สึกสงสารเลยสักนิด ทำได้เพียงพูดออกไปว่าเสียใจ

หลังจากนั้นเขาก็ได้รู้ว่าไม่มีใครมาแทนมู่หรงเสวี่ยในหัวใจเขาได้เลย เขาข่มตาหลับไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะกลัวว่าที่จะต้องฝันถึงใบหน้าของเธอ

จางหลินหลี่เองก็นั่งอยู่ที่อีกฝั่งของเก้าอี้เช่นกัน นั่งรออยู่เงียบๆเพื่อรอให้มู่หรงเสวี่ยฟื้น ในเมื่อไม่มีชางกวนโม่แล้วงั้นเขาก็มีโอกาสที่จะจีบเธออีกครั้ง

ย้อนเวลาแค้น

ย้อนเวลาแค้น

ในชีวิตก่อนเป็นเพราะเธอโง่งมอยู่ในความรัก เธอจึงถูกชายโฉดที่เธอรักรวมหัวกับหญิงชั่ว ญาติที่เธอรักเหมือนน้องสาว รวมหัวกันวางแผนทำลายชีวิตเธอ ด้วยความแค้นหลังความตาย เธอจึงย้อนกลับมาในร่างของเธอ ตอนอายุ 15 เพื่อให้เธอได้มีโอกาสแก้แค้นคนเหล่านั้น ชาตินี้เธอจะไม่โง่และหลงเชื่อในความรักอีกแล้ว แต่ดูเหมือนความตั้งใจของเธอจะมีมารผจญ ชางกวนโม่นายน้อยไร้หัวใจ “ เธอเป็นผู้หญิงของฉัน เป็นเมียฉันมันไม่ดีตรงไหน?” ชูอี้เสิ่นหนุ่มปริศนาข้างห้อง “เสี่ยวเสวี่ย ผมบาดเจ็บอีกแล้ว ช่วยดูแลผมหน่อย” โม่จื่อเหวินบอดี้การ์ดสุดหล่อ “แม้จะต้องลงนรก ฉันจะปกป้องเธอด้วยชีวิต”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset