รถเมล์สาย 18 – ตอนที่ 12 เบาะแส

บทที่  12  เบาะแส

 

          ด้วยการรักษาของลู่เฉียนฉิง เย่ปินจึงออกจากโรงพยาบาลได้สำเร็จ เพื่อค้นหาเบาะแสให้ได้ภายใน  1  สัปดาห์ พวกเย่ปินทั้งสามคนไม่กล้าหยุดอีกต่อไป พวกเขาไม่ยอมพักและกลับไปที่สถานีตำรวจ เริ่มทำการสืบสวนใหม่อีกครั้ง

          “ เรื่องหัวที่ถูกตัดขาดนั่น หรือว่ามันเคยมีเหตุฆาตกรรมบนรถเมล์ ‘สาย  18’  คันนั้น ?”  จางหลานจับคางครุ่นคิด

          “ ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ฉันมักคิดว่ามีบางสิ่งที่เลวร้ายเกิดขึ้นบนรถเมล์ ‘สาย  18’  คันนั้น” เย่ปินกับจางหลานมีความเห็นเหมือนกัน

          “ เราควรไปที่บริษัทรถเมล์อีกครั้งไหม ?”  จางหลานถาม เมื่อความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว

          เย่ปินตอบพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่ มันอันตรายเกินไป การตายของ ‘หัวหน้าเหล่าหวัง’ ได้บอกเราอย่างชัดเจนแล้วว่า เมื่อใดที่เราตรวจสอบเรื่องรถเมล์ ‘สาย  18’  มันก็จะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น”

          “ แต่ถ้าเราไม่ตรวจสอบเรื่องรถเมล์ ‘สาย  18’  แล้วเราจะสืบสวนคดีนี้ต่อได้ยังไง” จางหลานถอนหายใจ ตอนนี้คดีได้ตกอยู่ในภาวะชะงักงันชั่วคราวแล้ว และหากต้องการไขคดีต่อไป ก็ต้องตรวจสอบเรื่องรถเมล์ ‘สาย  18’  แต่ถ้าตรวจสอบเรื่องรถเมล์ ‘สาย  18’  ก็จะมีบางอย่างเกิดขึ้น

          ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ ทั้งสามคนไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน และแม้จะครุ่นคิดกันอย่างหนัก แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ขัดจังหวะความคิดของคนทั้งสาม

          “ เย่เหอ” เย่ปินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็เห็นว่าคนที่โทรเข้ามาก็คือ เย่เหอน้องชายของเขา

          “ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ?”  จางหลานถามด้วยความสงสัย เพราะทุกคนรู้ว่าเย่เหอไม่ค่อยโทรมาหาพี่ชาย

          เย่ปินไม่คิดอะไรอีกต่อไป และรีบรับโทรศัพท์ “ไง เย่เหอ ?  มีอะไรเหรอ ?”

          “ พี่ จำวีดีโอที่พี่ส่งให้ผมก่อนหน้านี้ได้ไหม ?”  เสียงของเย่เหอฟังดูกระสับกระส่ายและตื่นตระหนกเล็กน้อย

          “ จำได้ เกิดอะไรขึ้น ?”  เย่ปินถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูลึกลับ และเย่เหอก็รู้สึกว่า น้ำเสียงของพี่ชายแปลกไปเล็กน้อยเช่นกัน

          “ ผมจะส่งอะไรไปให้พี่นะ” พูดจบเย่เหอก็วางสายไป ไม่นานคอมพิวเตอร์ของเย่ปินก็มีไฟล์ที่เย่เหอส่งมาให้

          “ เสียง ?”  หลังจากเปิดดู เย่ปินก็พบว่ามันเป็นไฟล์เสียง

          “ มันคืออะไร ?”  เย่ปินแชทถามเย่เหอ

          “ เสียงบน ‘สาย  18’”

          ประโยคสั้นๆของเย่เหอ ทำให้เย่ปินถึงกับหรี่ตาลงทันที แล้วเย่ปินก็เปิดไฟล์เสียงฟัง

          ไฟล์เสียงมีเวลา  5  นาที หนึ่งนาทีแรกมีแต่เสียง ‘ซือ ซือ’ แต่เมื่อไฟล์ดำเนินมาถึงนาทีที่  1  นาที  15  วินาที เสียงกรีดร้องด้วยความกลัวของผู้หญิงก็ดังขึ้น

          “ กรี๊ด !”

           “ ที่นี่ที่ไหน !  ที่นี่ที่ไหน !  ปล่อยฉันออกไป !  ปล่อยฉันออกไป !  ช่วยด้วย !  ช่วยด้วย !”

          ตึก…ตึก…

          เสียงฝีเท้าหนักๆดังขึ้น

          “ อย่าเข้ามานะ !  อย่าเข้ามานะ !  ช่วยด้วย !  ช่วยด้วย !  ใครก็ได้ช่วยด้วย !”

          ครืด !

          เสียงเปิดประตูรถเมล์ดังขึ้น

          “ กรี๊ด !”

          เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง

          ฟุบ !

          เสียงเลือดพุ่ง

          ตึง !

          เสียงร่างล้มลงกับพื้น

          ครืด !

          เสียงปิดประตูรถเมล์ดังขึ้น

          ซือ…ซือ…

          เวลาที่เหลือของไฟล์เสียงเกือบครึ่งหลังจากนี้ก็มีแต่เสียง ‘ซือซือ’

          ในตอนท้ายของไฟล์เสียง ขณะที่เย่ปินกำลังจะปิด ในช่วงเวลานั้นก็มีเสียงหายใจเร็วๆของชายคนหนึ่งดังขึ้น

          “ ฮู่ !  ฮู่ !”

          “ เสี่ยวฟาง !  เสี่ยวฟาง !  ไม่ !  ไม่ !”

          เสียงสิ้นหวังของชายคนหนึ่งดังขึ้น

          เสียงในตอนท้าย ทำให้พวกเย่ปินทั้งสามคนที่นั่งฟังอยู่ด้วยกันถึงกับมีเหงื่อเย็นไหลจากหน้าผากอย่างต่อเนื่อง

          “ เมื่อกี้ ผู้หญิง โดนพาตัวไป ?  ฆ่า ?”  จางหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น และรู้สึกถึงลมหยินที่พัดผ่านร่างกาย

          ( ลมหยิน –  หรือไอปีศาจ หรือจะเรียกว่าลมเย็นตอนผีโผล่ก็ได้ )

          เย่ปินเพียงแค่พยักหน้า ไม่ตอบ

          เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เย่เหอโทรกลับมาอีกครั้ง

          “ ว่าไง” เย่ปินรับโทรศัพท์ และพยายามสงบสติอารมณ์

          “ พี่ ฟังแล้วหรือยัง ?”

          “ ได้เสียงนี้มาจากไหน ?”  เย่ปินพูดเสียงต่ำลึก

          “ เดือนก่อน ตรงจุดที่เด็กหายตัวไปในคดีที่พี่สืบอยู่ มีชายคนหนึ่งเก็บโทรศัพท์มือถือได้ และในเครื่องมีเสียงนี้ จากนั้นเขาก็โพสต์ขึ้นบนอินเตอร์เน็ต ผมดักฟังเสียงนี้มาได้”

           “ เย่เหอ นายไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป ฉันจะแก้ไขมันเอง” เสียงของเย่ปินเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาอย่างฉับพลัน

          เย่เหอที่อยู่อีกด้าน เงียบไปสักพัก จากนั้นไม่นาน เสียงของเย่เหอก็ดังขึ้นอีกครั้ง “พี่ โลกนี้มีผีจริงๆ”

          “ อืม”

          “ โอเค เข้าใจแล้ว” พูดจบเย่เหอก็วางสายไป

          “ ปินจื่อ เสียงนี้เป็นมายังไง ?”  เฉินฮุ่ยพยายามสงบความตื่นตระหนกในใจ ถามเย่ปินเบาๆ

          “ มีคนเก็บโทรศัพท์มือถือไปจากสถานที่เกิดเหตุคดีเด็กหาย เสียงนี้มาจากโทรศัพท์เครื่องนั้น” เย่ปินพูดช้าๆ

          “ ถ้าหาโทรศัพท์เครื่องนี้พบ เราอาจจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบนรถเมล์ ‘สาย  18’”  จางหลานพูดอย่างใจเย็น แต่ความกลัวในใจของเขากลับไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย

          “ อืม” เย่ปินพยักหน้า ขณะที่กำลังจะแชทไปหาเย่เหอ เย่เหอได้ส่งข้อมูลของผู้เก็บโทรศัพท์มาให้กับเย่ปิน

          หลังจากได้ข้อมูล ทั้งสามคนใช้เวลาอยู่นาน เพื่อคลายความกลัวในจิตใจ เมื่อเกือบจะมั่นคงดีแล้ว ทั้งสามคนก็ออกเดินทางไปยังที่อยู่ของผู้เก็บโทรศัพท์

          ก๊อก ก๊อก ก๊อก !  ก๊อก ก๊อก ก๊อก !

          หลังจากมาถึงบ้านผู้เก็บโทรศัพท์ เย่ปินก็เคาะประตู แต่เคาะอยู่นานก็ยังไม่มีใครออกมา

          “ พวกคุณเป็นใคร ?”  หญิงวัยกลางคนถือตะกร้าจ่ายตลาดคนหนึ่งที่กำลังเดินขึ้นบันไดมา มองขึ้นมาเห็นพวกเย่ปินทั้งสามคนก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย  ( ผู้แปล – น่าจะเป็นห้องที่อยู่มุมสุดตรงบันได ถึงได้พอมีคนขึ้นบันไดมาก็มองเห็นได้ทันที … ค่อนข้างงงนิดหน่อย … ไม่เคยอยู่บ้านแบบคอนโด )

          “ สวัสดีครับ พวกเราเป็นตำรวจ เรามาสอบถามเรื่องบางอย่างกับคุณซุนสี่เทาครับ” จางหลานพูดกับหญิงวัยกลางคนด้วยรอยยิ้ม

          “ มาหาซุนสี่เทาเหรอ !  ฉันไม่เห็นเขามาหลายวันแล้ว แล้วก็ไม่เห็นเขาออกมานอกบ้านเลย บางทีเขาอาจไม่ได้อยู่บ้านก็ได้นะ” หญิงวัยกลางคนจำได้ว่าเธอไม่เห็นซุนสี่เทามาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว

          “ ขอบคุณครับ” จางหลานกล่าวขอบคุณ

          “ เอ่อ ?  พวกคุณมองหาเขาทำไม ?  เขามีปัญหาอีกแล้วเหรอ ?”  หญิงวัยกลางคนถามด้วยความสงสัย

          “ ไม่ใช่ครับ พวกเราแค่มาสอบถามบางอย่างเท่านั้น”

          “ โอ้ !  งั้นก็เชิญพวกคุณตามสบาย !”  หญิงวัยกลางคนกล่าว แล้วเปิดประตู เข้าบ้านของตัวเองไป  ( ผู้แปล – น่าจะเป็นห้องมุมสุดตรงบันไดเหมือนกัน แต่คนละชั้น )

          “ ดูเหมือนว่าซุนสี่เทาจะไม่อยู่บ้าน” เย่ปินพูดหลังจากเคาะประตูอยู่นาน แต่ไม่มีการตอบรับ

          “ น่าจะมีปัญหา ฉันก็ลองใช้ทุกวิธีแล้วเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีใครติดต่อซุนสี่เทาคนนี้ได้เลย และที่นี่ก็เป็นบ้านเพียงหลังเดียวของซุนสี่เทาด้วย   แต่เพื่อนบ้านกลับบอกว่าเขาไม่ได้อยู่บ้านมาสักพักแล้ว ถ้างั้นซุนสี่เทาหายไปไหน ?”  จางหลานขมวดคิ้ว เขาพยายามตามหาซุนสี่เทา แต่ก็ไม่พบ ทำให้เบาะแสของคดีถูกขัดจังหวะลงอีกครั้ง

          “ กลับกันก่อนเถอะ ก่อนกลับเราไปฝากเพื่อนบ้านให้ช่วยโทรติดต่อเรา ถ้าเขาเจอซุนสี่เทา” เย่ปินไม่ได้วางแผนจะรออยู่ที่นี่

          “ อืม” จางหลานกับเฉินฮุ่ยพยักหน้าเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเย่ปิน

          “ สวัสดีครับ ขอรบกวนหน่อย ถ้าซุนสี่เทากลับมา คุณช่วยติดต่อเราได้ไหมครับ” หลังจากเคาะเรียกเจ้าของบ้าน เย่ปินก็พูดกับเจ้าของบ้านด้วยรอยยิ้มและส่งข้อมูลติดต่อของเขาให้กับหญิงวัยกลางคน

          หญิงวัยกลางคนพยักหน้าตอบรับอย่างกระตือรือร้น “ได้ เข้าใจแล้ว ถ้าเขากลับมา ฉันจะติดต่อพวกคุณ”

          “ โอเค !  ขอบคุณมากครับ !”

          “ ไม่เป็นไร” หญิงวัยกลางคนพูดอย่างสุภาพ แต่จู่ๆ เธอก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “จริงสิ ถ้าไม่เป็นการรบกวน  พวกคุณช่วยไปดูที่ห้องครัวให้ฉันหน่อยได้ไหม ฉันได้กลิ่นแปลกๆตลอดเวลาเลย”

          “ ได้ครับ !  ผมจะไปดูให้ !”  จางหลานอาสา แล้วตามเธอเข้าไปในครัว

          “ ดูสิ !  เหม็นมากเลย !”  หญิงวัยกลางคนปิดปากปิดจมูก ขณะพูด

          พอจางหลานได้กลิ่นเหม็นน่ารังเกียจ เขาก็ปิดปากปิดจมูกตามหญิงวัยกลางคนเจ้าของบ้าน จางหลานมองขึ้นมองลงตามหาที่มาของกลิ่น ครู่ต่อมาเหมือนจางหลานจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

          “ กลิ่นนี่มัน ?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset