รถเมล์สาย 18 – ตอนที่ 15 ลู่เฉียนฉิง

บทที่  15  ลู่เฉียนฉิง

 

          “ เอ่อ อืม เราจะพิจารณาซื้อบ้านทีหลัง แต่ตอนนี้ ไปกับเราก่อนเถอะ…” จางหลานมองลู่เฉียนฉิงอย่างอายๆ อย่างไรก็ตาม พอคำพูดมาถึงปาก เขาก็พูดออกมาอย่างไม่อาย

          “ ไม่ ให้ผมแนะนำพวกคุณก่อน ล่าสุดบ้านแบบ  XXX  มีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายมาก อย่างอื่นยังไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้มาพูดถึงที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของชุมชนกัน พูดถึงพื้นที่สีเขียวของชุมชน…” ภายในเวลาอันสั้น ลู่เฉียนฉิงให้คำแนะนำที่ครอบคลุมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่เขาขายทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ

          เมื่อพวกเย่ปินทั้งสามคน เห็นว่าลู่เฉียนฉิงให้คำอธิบายอย่างจริงจัง พวกเขาก็มองหน้ากันและรู้สึกละอายใจที่จะขัดจังหวะ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฟังคำอธิบายของลู่เฉียนฉิงจนจบ

          “ ถูกต้อง บ้านนี้ดีจริงๆ” เฉินฮุ่ยยิ้มออกมาอย่างเชื่องช้า ขณะที่กำลังจะพูดต่อ ก็ถูกลู่เฉียนฉิงขัดจังหวะ

          “ ว้าว คุณเองก็รู้เหมือนกันเหรอเนี่ย บ้านหลังนี้ดีจริงๆ นะครับ แต่ยังมีหลังที่ดีกว่า ดูหลังนี้ก่อน มีภูเขามีแม่น้ำ ทางเข้าเป็นสวนท้อ !”  ลู่เฉียนฉิงกล่าว พร้อมกับนำ ‘โฆษณาที่อยู่อาศัย’ ออกมาจากกระเป๋าเอกสารที่นำมาด้วย

          “ จบกัน” จางหลานยิ้มขื่น เห็นใจเฉินฮุ่ยมาก

          ลู่เฉียนฉิงดึงเฉินฮุ่ยออกจากกลุ่ม จากนั้นก็แนะนำให้เฉินฮุ่ยรู้จักอสังหาริมทรัพย์ ที่ครอบคลุมอยู่ใน ‘โฆษณาที่อยู่อาศัย’ ทั้งหมด

          ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา เย่ปินก็รู้สึกทนไม่ไหว เขาจึงก้าวออกไปขัดจังหวะการพล่ามไม่รู้จบของลู่เฉียนฉิง

          “ ลู่เสี่ยวเกอ เราอยากขอความช่วยเหลือจากคุณ มีคนในชุมชนนี้โทรหาตำรวจ บอกว่ามีวิญญาณชั่วร้ายอาละวาด !”

          ลู่เฉียนฉิงที่กำลังพล่ามเรื่องอสังหาริมทรัพย์ให้เฉินฮุ่ยฟังอย่างเมามัน ถึงกับอึ้งไปชั่วครู่ แล้วเหลือบตามอง “วิญญาณชั่วร้าย ?”

          “ อืม ก็ อย่างที่บอก วิญญาณชั่วร้าย ว่ากันว่า ตอนนี้มีคนถูกวิญญาณชั่วร้ายทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาลแล้ว”

          “ ฮู่ !”  ลู่เฉียนฉิงวางมือจากการ ‘โฆษณา’ มองดูพวกเย่ปินทั้งสามคนแล้วพูดขึ้นช้าๆ “พวกคุณไม่ได้จะซื้อบ้าน แต่ต้องการให้ผมช่วยพวกคุณจับวิญญาณชั่วร้าย” ตอนนี้ลู่เฉียนฉิงเข้าใจจุดประสงค์ของคนทั้งสามแล้ว

          “ ขอโทษ” เย่ปินกล่าวขอโทษ

          “ เฮ้อ…”  ลู่เฉียนฉิงถอนหายใจ ส่ายหน้า และพูดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ว่า “เดิมทีผมแค่อยากจะขายบ้าน แม้จะก็รู้ว่าหลบตลอดไปไม่ได้ แต่ก็ยังอยากลอง มันก็แค่นั้นแหล่ะ แค่นั่นแหล่ะ” ลู่เฉียนฉิงกล่าว พร้อมกับหัวเราะเยาะตัวเอง

          “ ขอโทษด้วย ลู่เสี่ยวเกอ” เย่ปินกล่าวขอโทษลู่เฉียนฉิงอย่างจริงใจอีกครั้ง

          ลู่เฉียนฉิงยิ้มและพยักหน้าอย่างเข้าใจ “อย่าตำหนิตัวเองเลย พลังที่ยิ่งใหญ่ ย่อมมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง และมีบางสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไปกันเถอะ ผมจะตามคุณเข้าไป ตอนที่ผมมาเหยียบที่นี่ ก็รู้สึกแล้วว่า ชุมชนนี้มีแรงอาฆาตที่ไม่ธรรมดาอยู่”

          พอลู่เฉียนฉิงพูดจบ พวกเย่ปินทั้งสามคนที่ได้ยินก็ถึงกับตกตะลึง

          ลู่เฉียนฉิงเก็บ ‘โฆษณาที่อยู่อาศัย’ ทั้งหมดใส่กระเป๋าเอกสาร จากนั้นก็หยิบเข็มทิศขึ้นสนิมออกมา แล้วเดินนำทุกคนเข้าไปในชุมชน

          ลู่เฉียนฉิงถือเข็มทิศ เดินไปตามทิศทางที่เข็มทิศชี้ ซึ่งก็เป็นเส้นทางไปสู่สถานที่เกิดเหตุ อันเป็นบ้านของซุนสี่เทา

          “ ควรจะเป็นที่นี่” ลู่เฉียนฉิงเก็บเข็มทิศ จ้องมองไปยังหนึ่งในอาคารชุดที่พักอาศัยตรงหน้า

          พวกเย่ปินทั้งสามคนที่ยืนอยู่ข้างๆลู่เฉียนฉิงถึงกับตกตะลึง แน่นอนว่าพวกเขาทั้งสามไม่ได้ให้การชี้นำใดๆกับลู่เฉียนฉิง ดังนั้นจึงชัดเจนว่าลู่เฉียนฉิงมาที่นี่ด้วยเข็มทิศในมือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และแสดงให้ว่าลู่เฉียนฉิง ‘มีความสามารถ’ ด้านนี้จริงๆ

          “ ยืนนิ่งอยู่ทำไม เข้าไปกันเถอะ” ลู่เฉียนฉิงหันมามองคนทั้งสาม จากนั้นก็ก้าวนำพวกเย่ปินเข้าไปในอาคาร

          อาคารบ้านหลิวหลินอยู่ในชุมชนเก่าแก่ เป็นอาคารที่มีเพียง  6  ชั้น และไม่มีลิฟต์ บ้านของซุนสี่เทาอยู่ที่ชั้น  5  แต่หลังจากที่ลู่เฉียนฉิงเดินขึ้นมาถึงชั้น  4  เขาก็ขมวดคิ้ว เหมือนรู้สึกถึงบางอย่างและหยุดเดิน

          “ ลู่เสี่ยวเกอ มีอะไรเหรอ ?”  เย่ปินงง เพราะบ้านของซุนสี่เทาอยู่ที่ชั้น  5  แล้วทำไมลู่เฉียนฉิงถึงได้มาหยุดอยู่ที่ชั้น  4

          “ ที่นี่” ลู่เฉียนฉิงชี้ไปยังประตูบ้านหลังหนึ่งบนชั้น  4  และพูดขึ้นด้วยความมั่นใจอย่างยิ่ง

          “ ลู่เสี่ยวเกอ ดูผิดไปหรือเปล่า ?”  จางหลานถามอย่างไม่มั่นใจ

          ลู่เฉียนฉิงมองไปที่จางหลานด้วยท่าทางสับสน “อ๋า ?  คุณรู้ได้ไงว่าผมดูผิด ?  คุณสัมผัสวิญญาณได้เหมือนกันเหรอ ?”

          “ ห๊ะ !  ไม่ ไม่ ไม่ !  ผมเดาเอาน่ะ” จางหลานยิ้มเจื่อนรีบอธิบาย

          “ ลู่เสี่ยวเกอ คนที่โทรหาตำรวจอยู่ชั้นบน” เย่ปินที่อยู่ข้างๆ กล่าวเตือนเบาๆ

          ลู่เฉียนฉิงไม่ตอบ แต่หยิบเข็มทิศขึ้นสนิมออกมาอีกครั้ง

          ในเวลานี้ ตัวชี้บนเข็มทิศขึ้นสนิม ยังคงแกว่งไปมา และสุดท้ายก็ไปหยุดอยู่ตรงหน้าห้องที่ลู่เฉียนฉิงชี้ก่อนหน้านี้

          “ พวกคุณสามคน ถือยันต์นี้ไว้คนละใบ และพยายามอย่าอยู่ห่างจากผมมากเกินไป” ลู่เฉียนฉิงกล่าวพร้อมกับหยิบยันต์ออกมาส่งให้กับพวกเขาสามคน

          หลังจากรับยันต์มา พวกเย่ปินทั้งสามคนก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึมและไม่พูดอะไรมาก

           ลู่เฉียนฉิงเก็บเข็มทิศอีกครั้ง  แล้วนำกระบี่สั้นที่ทำมาจากเหรียญทองแดงออกมาจากกระเป๋าเอกสาร จากนั้นลู่เฉียนฉิงก็ถือกระบี่ก้าวเข้าไปในห้องนั้นทีละก้าว…ทีละก้าว

          ในขณะที่ทุกคนกำลังกลั้นหายใจด้วยใจเต้นระทึก ทันใดนั้นประตูกันขโมยของบ้านตรงข้ามก็เปิดออก แล้วหญิงวัยกลางคนก็โผล่หน้าออกมา และมองมายังกลุ่มของเย่ปินด้วยสีหน้าสับสน

          “ เอ๋ ?  พวกคุณยังไม่กลับกันอีกเหรอ ?”  หญิงวัยกลางคนที่พูดก็คือเพื่อนบ้านของซุนสี่เทาที่พวกเย่ปินเคยพบมาก่อนหน้านี้

          “……”  พวกเย่ปินกับพวกถึงกับอึ้ง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาไม่รู้จะตอบยังไงดี

          ในเวลานั้นเอง ลู่เฉียนฉิงก็ถอนหายใจออกมาอย่างกะทันหัน “เฮ้อ…”

           “ ลู่เสี่ยวเกอ ?  เกิดอะไรขึ้น ?”  พอได้ยินเสียงถอนหายใจของลู่เฉียนฉิง ทุกคนก็หันไปมองด้วยความสงสัย

          ลู่เฉียนฉิงส่ายหน้าเล็กน้อย “แรงอาฆาตของวิญญาณร้ายหายไปแล้ว”

          “ วิญญาณร้าย ?  วิญญาณร้ายอะไรกัน ?”  ก่อนที่พวกเย่ปินทั้งสามคนจะทันได้พูด หญิงวัยกลางคนก็ถามกับลู่เฉียนฉิงด้วยสีหน้างุนงง

          “ นี่ป้า ช่วยแสดงว่าเป็นเหตุบังเอิญกว่านี้หน่อยได้ไหม ?”  ลู่เฉียนฉิงเหลือกตามองหญิงวัยกลางคน

          “ เฮ้ย !  ไอ้เด็กสารเลว ใครเป็นป้าแก ?”  หญิงวัยกลางคนพอได้ยินลู่เฉียนฉิงเรียกว่าป้าก็โกรธจัดขึ้นมาทันที

 “ ก็ป้านั่นแหล่ะ ยายป้ามหาภัย !”

          “ ไอ้เด็กสารเลว ลองพูดอีกทีซิ !  แม่จะเอาไม้กวาดฟาดกระบาลแก !”

          “ ป้า”

          “# ¥%&”

          หลังจากการโต้เถียงเริ่มเลวร้ายลง พวกเย่ปินทั้งสามคนก็รีบพาลู่เฉียนฉิงออกจากชุมชนบ้านหลิวหลิน

          “ ลู่เสี่ยวเกอ ขอโทษด้วย ที่พาคุณมาที่นี่” จางหลานพูดด้วยรอยยิ้มอึดอัดใจ ขณะมองไปยังลู่เฉียนฉิง

          “ ไม่เป็นไรครับ” ลู่เฉียนฉิงพูดเรียบๆ เขาไม่ได้โกรธที่ถูกพวกเย่ปินทั้งสามคนหลอกให้มาที่นี่

          “ ลู่เสี่ยวเกอ วิญญาณชั่วร้ายที่คุณพูดถึงวันนี้ มันจะยังมาปรากฏตัวอีกไหม ?”  เย่ปินกังวลมาก ที่วิญญาณชั่วร้ายไม่ได้ถูกจับในวันนี้

          ลู่เฉียนฉิงส่ายหน้าเล็กน้อยและตอบไปว่า “ไม่ควรมาแล้ว มันไม่ใช่วิญญาณที่ชั่วร้ายมาก แต่เป็นวิญญาณเร่ร่อนที่บ้าคลั่ง และไม่มีผลกระทบกับคนทั่วไปมากนัก”

          เย่ปินพยักหน้า “งั้นก็ดีแล้ว”

          “ แต่สิ่งที่ทำให้ผมสับสนก็คือ แรงอาฆาตที่อยู่ในชุมชนนี้ไม่ควรมาจากวิญญาณเร่ร่อน” พูดถึงจุดนี้ ลู่เฉียนฉิงก็ขมวดคิ้ว

          “ ลู่เสี่ยวเกอ ที่เราเชิญคุณมาคราวนี้ ความจริง…” เย่ปินพูดได้เพียงครึ่งเดียวก็ชะงักไป และไม่ได้พูดต่อ

          “ ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร ผมเคยมาที่นี่มาก่อน ก่อนที่จะพบกับพวกคุณ หลังจากสอบถามข้อมูลแล้ว ผมก็พอรู้เรื่องทั่วๆไปมาบ้าง”

          พวกเย่ปินทั้งสามคนถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินเรื่องนี้

          “ เป็นแบบนี้นี่เอง” เย่ปินแสดงรอยยิ้มจนปัญญา จากนั้นก็ถามลู่เฉียนฉิงว่า “ลู่เสี่ยวเกอ งั้น คดีนี้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องเหนือธรรมชาติหรือไม่ ?”  เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว เย่ปินก็ถามลู่เฉียนฉิงออกมาตรงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset