รถเมล์สาย 18 – ตอนที่ 23 คําสาปที่น่ากลัว

บทที่ 23 คําสาปที่น่ากลัว

 

การค้นพบใหม่ของเย่ปินมาถึงข้อสรุปที่น่ากลัว ซึ่งทําให้จางหลานรู้สึกหนาวสันหลังอย่างต่อเนื่อง เหมือนมีความเย็นที่น่ากลัวมาสัมผัส

 

“ตามข้อสรุปของนาย คนที่ได้เห็นรถเมล์ “สาย 18” ทุกคนจะต้องถูกคําสาปให้ต้องตายในที่สุด งั้นพวกเราล่ะ?” จางหลานคิดได้ในทันที หากคนที่เห็นรถเมล์ “สาย 18” ต้องถูกคําสาปจนถึงแก่ความตาย ถ้าเช่นนั้น เขา เย่ปิน และเฉินฮุ่ยก็กําลังตกอยู่ในอันตราย เพราะพวกเขาต่างก็เคยเห็นรถเมล์ “สาย 18”

 

เป็นเงียบไปไม่รู้จะพูดอย่างไรดี จากการสันนิษฐาน พวกเขาสามคนได้โดนคําสาปไปเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าคําสาปจะเกิดผลเมื่อไหร่ และเมื่อใดที่คําสาปส่งผล พวกเขาทั้งสามคงต้องตายอย่างแปลกประหลาด เหมือนกับผู้ที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้เป็นแน่

 

“บัดซบ! นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน! ไอ้คําสาปนี่มันไม่มีเหตุผลเลยหรือไง? นี่มันอะไรกันเนี่ย!” จางหลานกําหมัดกัดฟันแน่น และชกไปยังผนังที่อยู่ใกล้ตัว ผนังไม่ได้บุบสลายแต่หมัดของจางหลานมีเลือดไหลออกมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจางหลานชกไปแรงขนาดไหน

 

เย่ปินยืนนิ่ง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย แม้แต่เย่ปินก็ไม่สามารถสงบใจลงได้

 

“หลานเกอ พวกเรากลับกันก่อนเถอะ” หลังจากผ่านไปนาน เย่ปินก็พูดขึ้นช้าๆ

 

จางหลานพยายามสงบจิตใจตามเย่ปินกลับไป

 

เมื่อพวกเขากลับมาถึงบ้านเฉินฮุ่ย เพียงมองแวบเดียว ทุกคนก็พบว่าทั้งสองคนดูแปลกไป ทั้งหมดจึงรีบเข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง

 

“ปินจื่อ หลานเกอ พวกนายเป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้น?” เมื่อเห็นทั้งคู่เป็นเช่นนั้น เฉินฮุ่ยก็ตระหนักว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น

 

เป็นเงยหน้าขึ้นเหลือบมองเฉินฮุ่ย แล้วหันหน้ากลับหยุดยืนนิ่งโดยไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี ปล่อยให้จางหลานที่มีสีหน้ามืดมนเดินเข้าไปในบ้านเพียงคนเดียว

 

“ปินจื่อ เกิดอะไรขึ้น? พวกนายไม่ได้ไปสอบถามที่บริษัทรถเมล์เหรอ? ทําไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้?” เฉินฮุ่ยถามเย่ปินอีกครั้ง

 

เย่ปินมองหน้าเฉินฮุ่ยแล้วถอนหายใจยาว ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นช้าๆ “เราค้นพบบางอย่าง”

 

“อะไร?” เฉินฮุ่ยถามด้วยความกังวล

 

“เราค้นพบบางอย่างเกี่ยวกับรถเมล์ “สาย 18” เสียงของเย่ปินเบามากให้ความรู้สึกถึงความอ่อนแอ

 

“รถเมล์ “สาย 18?” เฉินฮุ่ยตะลึงเมื่อได้ยิน

 

“อืม” เปปินพยักหน้า ค่อยๆอธิบายการค้นพบให้ทุกคนฟังอย่างละเอียด รวมถึงเรื่องคําสาปด้วย

 

หลังจากฟังจนจบ เหล่าสวี หนิงหวาและจ้าวเจิ้นยังดูสงบแต่เฉินฮุ่ยกลับตะลึงงันไปแล้ว

 

เมื่อเห็นเฉินฮุ่ยนิ่งงันไป เหล่าสวีเป็นคนแรกที่รู้สึกตัว และนึกถึงสิ่งที่เป็นพูด “เดี๋ยวนะ นายบอกว่าจะโดนคําสาป ถ้าเห็นรถเมล์ “สาย 18” ถ้างั้น…” ถึงจุดนี้ เหล่าสวีหันไปมองหน้าของเฉินฮุ่ยอย่างมึนงง

 

เป็นเพียงพยักหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไร

 

การร้องทักของเหล่าสวี ทําให้จ้าวเจิ้นกับหนิงหวาเข้าใจทันทีว่า ทําไมจางหลานกับเผ่ปินถึงได้มีท่าทางแบบนั้น

 

คืนนั้นเยี่ปินออกจากบ้านของเฉินฮุ่ยไปตามลําพัง และไปซ่อนตัวดื่มเหล้าในบาร์ที่อยู่ใกล้ๆ ส่วนเฉินฮุ่ยก็เป็นเช่นเดียวกับเย่ปิน เขาออกจากบ้านเดินไปตามถนนเพียงลําพังอย่างไร้จุดหมาย

 

จางหลานก็ออกจากบ้านของเฉินฮุ่ยเช่นเดียวกัน เขากลับบ้านไปพูดคุยกับภรรยาอยู่ทั้งคืน เพียงแต่ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่อง “คําสาป” ให้เธอฟัง

 

ส่วนอีกสามคนที่เหลือก็พากันกลับบ้านของตัวเองไป 

 

หลังจากการดื่มเพียงลําพังในบาร์ เมื่อเย่ปินรู้สึกว่าตัวเองเมาแล้ว เขาก็หยุดดื่ม และออกจากบาร์เดินกลับบ้าน 

 

ตอนนี้ดึกมากแล้ว ไม่มีคนอยู่บนถนน ระหว่างทางที่เดินกลับบ้านตามลําพัง เย่ปินก็อดนึกถึง รถเมล์ “สาย 18” ที่เขาเห็นที่สถานีปลายทางหมู่บ้านเฮยสู่ยไม่ได้ หลังจากนึกถึงสิ่งที่เห็น เย่ปินก็สร่างเมาทันที

 

“หนาวชะมัด” เย่ปินกอดอกงอตัว เพราะความรู้สึกหนาวเย็น แต่เขาไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะสภาพอากาศหรือเพราะความกลัวกันแน่

 

เย่ปินตัวสั่นเทา ค่อยๆเดินกลับบ้าน แต่บนถนนไม่ไกลจากบ้านของเขานัก เย่ปินก็เห็นแสงจากประกายไฟ

 

“เที่ยงคืนแล้ว ไม่ควรมีคนอยู่! หรือว่าไฟไหม้?” หลังจากเห็นแสงไฟ ด้วยสัญชาตญาณของอาชีพ เขาบอกตัวเองว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้น เย่ปินจึงเดินไปในทิศทางของแสงไฟ หลังจากเดินผ่านไปสองช่วงตึก เย่ปินก็เห็นได้ชัดเจนว่าแสงไฟไม่ได้เกิดจากไฟไหม้ แต่มีใครบางคนนั่งย่อตัวอยู่ตรงหัวมุมถนนกําลังเผาอะไรบางอย่าง

 

“เฮ้ คุณเผาของตรงนี้ไม่ได้นะ มันอันตราย!” ในเวลานี้เย่ปินสร่างเมาแล้วอย่างสมบูรณ์ ปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณทําให้เขาต้องการหยุดคนที่กําลังเผาสิ่งของตรงหน้า

 

เมื่อเย่ปินเดินเข้าไปหาคนที่กําลังนั่งย่อตัวเผาสิ่งของตรงมุมถนน แล้วเขาก็พบว่าคนๆนั้นเป็นหญิงสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา เธอสวมชุดสีขาว มีผมสีดํายาวประบ่า เย่ปินรู้สึกตกใจเล็กน้อย เมื่อเธอหันมาสบตากับเขา

 

รูปลักษณ์ของหญิงสาวดูบอบบางมาก บนใบหน้าไม่มีร่องรอยของการตกแต่ง เธองดงามราวนางฟ้า ขนตายาว ดวงตากลมโตใสกระจ่างราวกับน้ำ ผลักดันความงดงามของหญิงสาวไปสู่จุดสูงสุด

 

“เอ่อ…” เมื่อเห็นคนตรงหน้างดงามราวนางฟ้า เป็นที่วันๆสนใจแต่งานไม่ค่อยสนใจผู้หญิงยังรู้สึกประทับใจ

 

“ขอโทษ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” เธอไม่เพียงงดงามราวนางฟ้า แต่ยังมีน้ำเสียงที่ไพเราะเพราะพริ้งอีกด้วย

 

เย่ปินที่กําลังตะลึงงันกับความงามและน้ำเสียงอันไพเราะของหญิงสาว แต่ด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า เพียงครู่เดียวเย่ปินก็สามารถดึงตัวเองกลับมาสู่ความเป็นจริง

 

“นี่คนสวย การเผาสิ่งของตรงนี้เป็นอันตรายมาก ถ้าประกายไฟทําให้เกิดไฟไหม้ มันจะเป็นเรื่องใหญ่!” เย่ปินกลับมาสู่รูปลักษณ์เดิม เขาเตือนหญิงสาวด้วยคําพูดที่ค่อนข้างรุนแรง

 

“คุณเป็นตํารวจงั้นเหรอ?” หญิงสาวถามเย่ปินด้วยรอยยิ้มที่เพียงพอจะทําให้ผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่แล้วทุกคนตกหลุมเสน่ห์

 

เมื่อเห็นรอยยิ้มของหญิงสาว เย่ปินก็ถึงกับสติหลุดไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงสติกลับมาแล้วทําสีหน้าเคร่งขรึมและตอบไปว่า “ใช่” แต่พอพูดจบเขาก็นึกขึ้นได้ เขาขมวดคิ้วก่อนจะตอบอีกครั้งว่า “เคยเป็น”

 

“แสดงว่าเมื่อก่อนเป็น แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว” หญิงสาวยังคงยิ้ม

 

“ไม่ว่าผมจะเป็นตํารวจหรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งที่คุณทําอยู่มันผิด การเผาสิ่งของตรงนี้มันอันตรายมาก!” เย่ปินตอบกลับด้วยเสียงอันดัง

 

“คุณดูเหมือนคนที่ฉันรู้จัก” หญิงสาวเพิกเฉยต่อคําพูดของเย่ปิน และมองไปที่แก้มของเขาอย่างเสน่หา พร้อมกับพูดเบาๆ

 

“คนสวย รู้มั้ยว่าพฤติกรรมของคุณมันแย่มาก!” เย่ปินมองหญิงสาวด้วยใบหน้าสงบแต่ดวงตาเย็นชา

 

“คุณคือเย่ปินใช้ไหม?” จู่ๆ หญิงสาวก็เอ่ยชื่อเย่ปินขึ้นมาซึ่งทําให้เขาถึงกับสะดุ้ง

 

“คุณ คุณรู้จักชื่อผมได้ไง?” เย่ปินลองนึกดู แต่ก็จําไม่ได้ว่าเคยเห็นหน้าของเธอมาก่อน แล้วอีกฝ่ายรู้จักชื่อของเขาได้อย่างไร ซึ่งนั่นก็ทําให้เป็นเต็มไปด้วยความตกใจ

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset