ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก – ตอนที่ 124

ตอนที่ 124 เปลือก!

 

“ ก็อย่างที่ท่านพูด “บุตรแห่งความโชคร้าย” คนชุดแดงที่คุกเข่าอยู่ข้างหน้าพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงอารมณ์ที่ขุ่นมัวออกมา หากแต่ใบหน้าที่น่าเกลียดของเขานั้นไม่ได้ขยับแม้แต่นิ้วเดียว มือของเขาจุ่มลงไปในพื้นดินสกปรกด้านหน้า กลิ่นของดินและของสกปรกลอยดีขึ้นจมูกมาแต่เขาก็ไม่หวั่นไหว

 

“ พวกเราเป็นพวกปรสิตที่สกปรก โง่เขลาและวิปริตบ้าคลั่ง เป็นแค่สาวกที่ถูกทอดทิ้งโดยสิ่งที่เรียกว่า “เทพธิดาแห่งชีวิต”…” เสียงของคนชุดแดงที่คุกเข่าอยู่ข้างหน้ายังคงพูดต่อไป

 

ไม่มีสมาชิกคนใดที่คุกเข่าอยู่ส่งเสียงดังขึ้นมาขัดขวางเขาพูดแม้แต่น้อย รอบๆ มีแต่ความเงียบสนิท..แต่ความสงบนั้นได้ถูกทําลายจากเสียงคลื่นกระทบฝั่งจากท้องทะเลด้านนอกดังขึ้นมาเป็นครั้งเป็นคราว

 

เทพธิดาแห่งชีวิต?

 

กู้จวินเคยเจอคํานั้นในไดอารี่ของชายหนุ่มที่ชื่อ เรย์บันดี้ เขาจําได้ว่าเธอเป็นเทพที่ได้รับการบูชาจากอารยธรรมนั้น

 

สาวกที่ถูกทอดทิ้ง

 

สมาชิกของลัทธิชีวิตหลังความตายคนนี้พูดว่าตัวเขาเองเป็นสมาชิกของอารยธรรมต่างโลกงั้นหรือ? แต่ทําไม? พวกเขามาจากไหนและพวกเขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?

 

“ โลกเก่าถูกทําลายไปแล้ว เอ็ด! เรามาถึงโลกใหม่นี้ แต่เราสูญเสียความรู้และพลังไปแล้ว แม้กระทั่งภาษาในโลกเก่าพวกเราก็ยังจําไม่ได้เลย” คนในชุดแดงอีกคนเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ แต่เรายังจําคําสัญญาที่พระเจ้าประทานให้เราได้”

 

หัวใจของกู้จวินสั่นสะท้าน ลัทธิชีวิตหลังความตายยังไม่วางมือจากภาพวาดภาษาต่างโลกที่เขาวาดอีกหรือ?

 

แต่เดี๋ยวสิ! ไม่ใช่ว่าทุกคนควรรู้หมดแล้วหรือ? เขาวาดซะโจ่งแจ้งแบบนั้น หรือเป็นเพราะว่าแม่กับพ่อของเขาซ่อนภาพเหล่านั้นเอาไว้?? อาจจะใช่! บางทีพวกเขาอาจมีเป้าหมายที่แตกต่างจากคนของลัทธิชีวิตหลังความตาย

 

“ เจ้าสิ่งชีวิตที่ด้อยกว่าเอ๊ย..” เด็กที่อยู่ในโพรงต้นไม้เรียกพวกเขาด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ โดยปราศจากอารมณ์โดยสิ้นเชิง

 

“ ด้วยคําขอวิงวอนจากสิ่งมีชีวิตที่ต้อยต่ำเช่นเจ้า…”

 

มีเพียงการเย้ยหยัน เยาะเย้ยและเหน็บแนมผ่านคําพูดและน้ำเสียง อีกทั้งเด็กชายังมีใบหน้านิ่งไร้อารมณ์

 

พอได้ยินแบบนั้นเสียงของผู้นําสาวกชุดแดงก็ลดลงไปอีก

 

“ เป็นเพราะ “เปลือก” นี้ไม่เป็นไปตามมาตรฐานของท่านใช่หรือไม่? เพราะร่างกายของเขาไม่สามารถรองรับพลังงานจากโลกเก่าได้? ถ้างั้นเราจะต้องสังเวยเพื่อเพิ่มพลังด้วยเลือดของเขาอีกไหมขอรับ?”

 

เด็กชายไม่ได้พูดและไม่ได้แสดงท่าที่อะไรออกมา แต่การเงียบสําหรับทุกคนก็ถือว่าเป็นคําตอบ

 

“ หอยนี่คือเครื่องสังเวย?” คนในชุดสีแดงพิมพ์ออกมา จากนั้นเขาก็ยกมันขึ้นต่อหน้าของเด็กชายแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอันดัง “ แด่จุดเริ่มต้นของความโชคร้าย!”

 

สาวกคนอื่น ๆ ยังคงเงียบประหนึ่งไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น

 

แต่เสียงฟ้าร้องได้ทําลายความเงียบบนท้องฟ้าไปจนสิ้น เสียงของฟ้าร้องมันเริ่มดังก้องขึ้นทุกขณะ

 

และทันใดนั้นกู้จวินรู้สึกปวดหัวขึ้นมาอีกรอบ ทุกอย่างรอบกายเขาพลันบิดเบี้ยวไปทั้งหมด แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงไฟที่ลุกโชนในใจเช่นกัน อารมณ์ที่ซับซ้อนทั้งหมดปะทะกันภายในตัวเขาในขณะที่พวกเขาพยายามหาทางออก ทันใดนั้นเขาก็เปิดริมฝีปากแล้วพูดด้วยความ

 

“อดีตเป็นเรื่องจริงหรือ? ต่างโลกกับที่นี่นั้นมีจุดเชื่อมโยงต่อกัน และอะไรที่ว่าอนาคตสามารถนํามาเปลี่ยนแปลงในอดีตได้ ไม่ใช่ว่าอดีตสามารถเอามันปรับเปลี่ยนปัจจุบันได้หรือ???

 

ในที่สุดท้องฟ้าที่มืดมิดก็คล้ายจะถล่มลงมา และฝนห่าใหญ่ก็ตกลงมาอย่างหนักไปทั่วบริเวณ ม่านฝนสีขาวนั้นแผ่ขยายราวกับจะตกไปทั่วทุกพื้นที่ในโลกนี้

 

เสียงของเด็กชายที่อยู่ในโพรงต้นไม้จู่ๆ ก็เพิ่มระดับเสียงกลายเป็นเสียงที่รุนแรงกว่าเดิมและลําคอของเขามีอีกเสียงหนึ่งราวกับเสียงสองเสียงที่กระทบกันมันกําลังผสานกัน มันฉีกผ่านความสว่างและความมืดทําให้ผู้คนที่กําลังคุกเขารุมกับกราบไหว้ด้วยคลั่งไคล้เชิดชูบูชากันอีกระลอก

 

“ เด็กคนนี้มีชะตากรรมของตัวเอง” เสียงแปลก ๆ ของเด็กชายดังขึ้นในความว่างเปล่า “ ฉันจะไม่ยอมให้สิ่งมีชีวิตที่ด้อยกว่าอย่างพวกเจ้า ใช้นิ้วอันแสนโสโครกมาแตะต้องเขา”

 

สาวกในชุดสีดําและสาวกในชุดสีแดงยังคงไม่เคลื่อนไหวและพวกเขาไม่เงยหน้าขึ้นแม้แต่น้อยทําให้พวกเขาไม่เห็นว่าแววตาแห่ง ความฉลาด” บางอย่างได้ทะลุเข้ามาในดวงตาของเด็กชายเหมือนลูกบอลไฟแห่งความหวังที่ส่องสว่างลึกลงไปในก้นบึงแห่งความมืดมิด

 

“ เด็กชายคนนี้จะเติบโตเป็นชายหนุ่มที่แท้จริง พวกเจ้าจะต้องไม่รบกวนเขาหรือทําร้ายเขาให้เขาลืมทุกสิ่ง แต่วันหนึ่งในอนาคต…เด็กชายคนนี้จะยืนอยู่ตรงหน้าพวกเจ้าอีกครั้ง”

 

เด็กชายที่อยู่ในโพรงต้นไม้ประกาศเช่นนั้น มันไร้สาระ แต่มีเหตุผล คําประกาศนี้คล้ายกับว่ามันดังขึ้นในอดีต ปัจจุบันและอนาคต และกําหนดชะตาชีวิตของเขาไปตลอดกาล

 

“ เมื่อถึงเวลานั้น…ปัญหาทุกอย่างทั้งหมดจะถูกสะสาง นั่นคือคําสัญญาของฉันที่มีต่อพวกเจ้าทุกคน”

 

กู้จวินน้อยพูดประโยคซ้ำ ๆ ทีละคํา แต่คําพูดสุดท้าย เขาก็พูดอยู่ในใจเขาเท่านั้น

 

และวันนั้นจะเป็นวันแห่งการพิพากษาของเจ้า”

 

ต้นไทรขนาดใหญ่ยืนนิ่งท่ามกลางพายุ..หากแต่กิ่งก้านที่ปะทะลม ส่งเสียงคํารามดังไปทั่ว

 

เหล่าสาวกที่คุกเข่าอยู่ในดินโคลน ในที่สุดพวกเขาก็ตอบรับด้วยการบ่นพึมพําคล้ายกับสวดเวทย์มนต์คาถาที่อธิบายไม่ได้ และพวกเขาก็ยอมรับคําทํานายที่พระเจ้าประทานพรแก่พวกเขาอย่างยินดีจากก้นบึงของจิตใจ

 

เมื่อกู้จวินลืมตาตื่นขึ้นมาจากภาพนิมิตของเขาแล้ว เขาก็รู้ว่าผู้ป่วยในอีกห้องถูกพาออกไปตั้งนานแล้ว และเขาก็ผลอย “หลับ” ในระหว่างการทดลอง

 

ในขณะนั้นหวังเค่อและคนอื่นๆ หลังจากพาผู้ป่วยกลับไปที่ค่ายพักแล้ว พวกเขาก็กลับมาดูกู้จวินที่กําลังนั่งหลับอย่างสบายใจ แม้เวลาจะผ่านไปนานแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงจับจ้องกู้จวินอยู่แบบนั้นคล้ายกับคนที่ไม่มีอะไรจะทําแต่ก็ไม่กล้าที่จะปลุกกู้จวินขึ้นมา

 

ทันใดนั้นกู้จวินก็ลืมตาขึ้นมา แต่สิ่งที่เห็นเป็นสิ่งแรกกลับไม่ใช่ห้องเก่าๆหรือภาพผู้ปวยจํานวนมหาศาลที่กําลังยืนชี้หน้าเขาอยู่ แต่กลับกลายเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนที่กําลังจ้องหน้าเขาด้วยความเคร่งขรึม ราวกับว่ากลัวว่าเขาจะหายไปในระหว่างนอนหลับ อย่างไรก็ดีทันทีที่เขาเห็นหน่วยสืบสวนกําลังจ้องมองอยู่ เขาก็ตัดสินใจบอกบางอย่างให้แก่คนพวกนี้ไป

 

“ หัวหน้าหวัง เมื่อกี้นี้ฉันเพิ่งนึกถึงความทรงจําบางส่วนจากวัยเด็กของฉันได้…” เสียงของชายหนุ่มนั้นเหนื่อยอ่อนราวกับว่านิมิตเมื่อครู่นี้ที่เขาเห็น มันได้กินพลังงานของเขาไปจํานวนมหาศาล แต่ก็ไม่แปลกอะไร ทุกครั้งที่เขาเกิดนิมิต เขามักจะยืนทรงตัวไม่อยู่ หรือแม้แต่บางครั้งก็ล้มลงไปด้วยซ้ำ ทว่าสิ่งที่เขาได้ยินจากปากของหัวหน้าหวังที่รีบตอบรับเขานั้นก็คือ

 

“ ฉันต้องการให้คุณมาดูการบันทึกเสียงกับเราก่อน” หวังเค่อสั่งการกู้จวินทันทีที่เห็นเขาตื่น ดังนั้นกู้จวินจึงตามพวกเขากลับไปที่ค่ายทหารเมื่อก่อนหน้านี้ทันที

 

ทว่าในหัวใจของเขาตอนนี้ เขาไม่ได้คิดเรื่องหัวหน้าหวัง แต่ตัวเขายังคงประมวลความหมายของความทรงจําจากนิมิตก่อนหน้านี้ แน่นอนว่าแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ใช้ไม่ได้อีกต่อไป นี่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับการแพทย์โดยสิ้นเชิง แต่มันคือเรื่องของพลังงานที่ผิดปกติหรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “สิ่งเหนือธรรมชาติ

 

มันไม่ผิดปกติตั้งแต่มีบุตรแห่งโชคร้ายแล้ว…คนอะไรจะตั้งชื่อแบบนี้ให้แก่ลูก!

 

และอีกอย่างหนึ่ง ท่ามกลางฝนที่กําลังจะตกในอีกไม่นานและพื้นดินที่เป็นโคลนแบบนั้น ศาสดาของลัทธิใดชอบให้สาวกของตัวเองเกลือกกลิ้งอยู่ในโคลนกันบ้าง แต่ก็นะ! สมัยก่อนการทําแบบนั้นอาจเป็นเรื่องดีก็ได้ แต่เขาเป็นคนสมัยใหม่ดังนั้นเขาไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องพวกนี้

 

ผู้คนจากลัทธิชีวิตหลังความตายเชื่อมโยงกับอารยธรรมต่างโลกนั้น บางทีในคืนก่อนที่โลกนั้นจะถูกทําลายลงด้วยโรคประหลาดและสัตว์ประหลาดโจมตี ก็มีบางคนที่นั้นเชื่อว่าพวกเขาถูกเทพธิดาแห่งชีวิตทอดทิ้ง ดังนั้นพวกเขาจึงหันไปรับใช้ เทพเจ้าที่แท้จริง” แห่งความมืดแทน และสติสัมปชัญญะของพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาในโลกนี้

 

จากนั้นพวกคนเหล่านั้นก็จับเขาและเด็กคนอื่น ๆ ไปเข้าการทดลอง ทําการบูชายัญและพิธีกรรมในการอัญเชิญ และการเข้าพบศาสดาอย่างบุตรแห่งโชคร้าย

 

อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่าเขาสามารถเข้าถึงอดีตผ่านภาพในนิมิตรเมื่อครู่ได้อย่างไรและเขาไม่รู้ว่าเขาจะจัดการรับพลังงานที่เป็นของโลกอื่นผ่านระบบได้จริงหรือไม่? เขาแตกต่างจากคนทั่วไปหรือเปล่า? ท้ายที่สุดเขาเกือบจะเสียชีวิตจากไข้หวัดธรรมดาเมื่อตอนที่เขาอายุสิบห้าปี และนั่นก็เป็นเรื่องก่อนที่เนื้องอกในสมองจะคุกคามชีวิตของเขา

 

อย่างไรก็ตามกู้จวินมั่นใจว่าเขาเป็นเพียงมนุษย์ ท้ายที่สุดนั่นคือสิ่งที่ระบบจัดหมวดหมู่ให้เขาเป็น “โฮโมเซเบี้ยน”

 

“ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เขาบอกกับตัวเองเงียบๆ

 

ไม่นานจอคอมพิวเตอร์ในค่ายทหารก็เล่นเสียงบันทึกจากห้องก่อนหน้านี้ จากนั้นกู้จวินก็เห็นตัวเองนั่งอยู่บนเก้าอี้ สีหน้าของเขาเริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ มือของเขาจับหัวเอาไว้แน่น ในขณะที่เขาถูกดึงเข้าไปในนิมิต

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น..ประการแรกเขามีความเงียบเหมือนกําลังถูกความตายครอบงํา จากนั้นริมฝีปากของเขาก็เปล่งคําพูดที่ไม่ต่อเนื่องกันเป็นระยะๆและกินเวลาประมาณสิบวินาที…

 

กู้จวินถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ และตอนนั้นเองที่เขาตระหนักว่าบางที่การเดินทางไปสู่ภาพนิมิตและย้อนไปในอดีตก็ส่งผลกระทบต่อเขาเช่นกัน

 

“ หมอกู้ พวกเราต้องมาคุยกัน” หวังเค่อดึงเก้าอี้ให้กู้จวินนั่ง และจากนั้นเขาก็บอกกู้จวินว่ามีกล้องติดตั้งอยู่ภายในค่ายทหาร ความจริงใจถูกวาดไว้ทั่วใบหน้าของหวังเค่อ มันเหมือนกับว่าเขากําลังคุยกับเพื่อนเก่า

 

“ ฉันจะบอกคุณบางอย่างและฉันหวังว่าคุณจะบอกเราบางอย่างในทางกลับกันอย่างซื่อสัตย์ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าคําพูดนั้นจะฟังดูไร้เหตุผลแค่ไหน เราก็จะซื่อสัตย์ต่อกันอย่างเต็มที่ ก่อนอื่นฉันจะบอกเหตุผลว่าทําไมเราถึงพาคุณมาที่นี่ สิ่งที่คล้ายภาษาที่คุณเขียนไว้ในระหว่างการทดสอบบุคลิกภาพ และสิ่งที่ฝ่ายตรวจสอบนํากลับมาพร้อมกับผลลัพธ์ใหม่มันค่อนข้างตรงกัน”

 

“ โอ้?” กู้จวินรู้สึกที่ง เขาต้องยอมรับว่านั่นเป็นข้อมูลที่เขาอยากรู้

 

“ สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับภารกิจล่าสุดของฝ่ายปฏิบัติการ” การแสดงออกของหวังเค่อเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงเช่นเดียวกับใบหน้าของถังซีหยินและเซ้าอี้ชงและคนอื่น ๆ ที่กําลังมองกู้จวินจากรอบๆ

 

ระบบศัลยเเพทย์ ในยุคสิ้นโลก

ระบบศัลยเเพทย์ ในยุคสิ้นโลก

Score 5.9
Status: Ongoing Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง ระบบศัลยเเพทย์ ในยุคสิ้นโลก เรื่องย่อ ครั้งหนึ่ง ถนนเส้นนี้เคยคึกคักครึกครื้น และเต็มไปผู้คนหัวเราะเสียงดัง ทว่าเวลาผันผ่าน..ตอนนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตร บรรยากาศบนท้องถนนเต็มไปด้วยความเงียบที่น่าขนลุก เสียงกระซิบที่แหบแห้งและบ้าคลั่งดังก้องอยู่เหนือท้องฟ้า มีปีศาจยักษ์ใหญ่จากโบราณอันน่ากลัวจนที่ไม่อาจอธิบายได้ แฝงตัวอยู่ในเงามืดของมหาสมุทรที่ไร้ก้นบึ้ง ภัยพิบัติลึกลับได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเเละขยายตัวกระจายไปยังทั่วโลก การระบาดของโรคร้ายและความหายนะทำให้ฝูงคนทั่วโลกตื่นตระหนก ผู้คนหวาดกลัวเเละพากันอพยพหนีตายกันจ้าล่ะหวั่น..มีเพียงหนึ่งเดียวที่พวกเขาต้องการนั่นคือ ที่ซุกหัวที่อบอุ่นเเละปลอดภัยเพียงเท่านั้น หยาดฝนโลหิตไหลรินทั่วแผ่นดิน ในขณะที่มวลมหาสายฟ้าผ่าทั่วท้องนภาอย่างบ้าคลั่ง เเสงสว่างของมันส่องให้เห็นฝูงกาที่กำลังบินฉวัดเฉวียนอยู่ด้านบน “ เราจะเห็นว่าสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างผิดปกตินี้มีซี่โครงสิบสองคู่เหมือนมนุษย์ แต่ยังมี“ กระดูกขวาง” ที่มนุษย์ไม่มี…” ในโรงเรียนแพทย์ กู้จวินยังคงนำมีดผ่าตัดของเขา ผ่าลงที่ซากศพโดยแสดงให้เห็นถึงโครงสร้างทรวงอกที่ผิดปกติของซากศพ โดยรอบๆโต๊ะผ่าศพมีนักเรียนหลายคนมองดูอยู่ ช่วงเวลาที่เลวร้ายและการเเก่งเเย่งได้ใกล้เข้ามา! ความจริงและตรรกะที่พังทลายคำสั่งวิปริตเข้าสู่ความบ้าคลั่ง มนุษยชาติสามารถก้าวไปข้างหน้าได้ด้วยพลังแห่งสติปัญญาและสติปัญญาเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset