ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก – ตอนที่ 133

ตอนที่ 133 ชายอาหรับผู้บ้าคลั่ง

 

“อุโมงค์ถล่มแล้ว!”

 

หลังจากคลื่นแห่งความตกใจของเหล่าหน่วยนักล่าอสูรได้เริ่มต้นขึ้น เสวี่ยป้าก็หันมาพูดกับสายสื่อสารส่งข่าวทันที “ ทีม B มาที่พบฉันที่นี่ทันที พลซุ่มยิงให้การสนับสนุนขณะเดินทางด้วย!”

 

“รับทราบตามนั้นครับ พวกเราจะไปพบภายในสี่นาที” “หยางเหอหนาน” หัวหน้าทีม B ตอบเสวี่ยป้าทันที จากนั้นก็ทําสัญลักษณ์มือและสื่อสารผ่านสายสื่อสารให้ลูกน้องทุกคนได้ทราบ “ทุกคน! พวกเราจะไปพบทีม A เดินทางเดี๋ยวนี้”

 

“ แย่แล้วครับหัวหน้าเสวี่ย! หินเหล่านั้นจมอยู่ใต้น้ำหมดแล้วครับ…” หลินโม่พูดด้วยน้ำเสียงที่รุนแรง การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทําให้เขาอยากชูนิ้วกลางแล้วใส่เกี่ยวกับโชคชะตามากๆ

 

พวกเขาศึกษากําแพงหินที่นี่มานานแสนนาน บางคนถึงกับเตะและปาหินใส่กําแพงเล่นแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย.ทุกอย่างดูแข็งแรงและปกติสุข แต่เมื่อกู้จวินโผล่เข้ามา ทุกอย่างที่เขาอยู่ใกล้มันก็พังทลายจนสิ้น หลักฐานห่าเหวอะไรก็แทบจะพังยับ

 

นี่มันอะไรกันแน่!?

 

เหตุผลแบบไหนที่อยู่เบื้องหลังสิ่งประหลาดแบบนี้?

 

พวกเขาทั้งหมดมองลงไปในอุโมงค์ใต้ดินด้วยความสงสัยว่าเส้นทางนี้มันพาไปที่ไหนกันแน่

 

“ อาจวิ้น ทําไมถึงเงียบไป เกิดอะไรขึ้น? ว่าแต่ความหมายของประโยคนั้นคืออะไร?” คิ้วที่เป็นพวงของเสวี่ยป้ายนเข้าหากันแน่นขขัด สายตาที่เฉียบคมของเขาบ่งบอกถึงความหมายที่ชัดเจนของคําเตือนว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาเล่น!

 

กู้จวินกะแล้ว!! เขาเพิ่งคิดไปหยกๆว่าการแยกทางกันและแบ่งทีมแยกกันสํารวจมันไม่ใช่เรื่องดีเพราะมันคือต้นเหตุแห่งหายนะ แต่กู้จวินก็ยังคงประหลาดใจกับเหตุการณ์นี้อยู่ดี…สมพรปากจริงๆ! แยกปั๊บ….ฉิบหายปั๊บ

 

จากนั้นกู้จวินก็มองไปที่รอบๆ เขามีความคิดมากมายที่จู่ๆก็ปรากฏขึ้นมาในหัว แต่ การเคลื่อนไหวอย่างเร่งด่วนของเพื่อนร่วมทีมและความแปลกตื่นของคนบางคน รวมถึงปริศนาที่อยู่รอบตัวไปหมด ทําให้เขาไม่สามารถจับความหมายอะไรในความคิดนั้นได้เลย นั่นทําให้กู้จวินเริ่มหงุดหงิดและถอนหายใจออกมาอย่างแรง

 

และเมื่อเห็นความสงสัยบนใบหน้าของหัวหน้าเสวี่ยที่มองมาทางเขากู้จวินก็อดไม่ได้ที่จะเหนื่อยใจซ้ำซ้อนอีก แต่แท้จริงแล้วเขาก็ไม่ได้โกรธเคืองหัวหน้าเสวี่ยและเฟคต้าที่มองเขาแบบนั้นหรอก

 

เฟคต้าเพิ่งถูกซุ่มโจมตีโดยลัทธิชีวิตหลังความตายจนสมาชิกล้มตายดั่งผักหญ้าและกู้จวินก็ดันมีภูมิหลังที่เกี่ยวข้องกับลัทธินั่นโดยตรงอีก แถมยังเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเขาอาจะเป็นคนของลัทธิเหมือนพ่อแม่ของเขา เป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่หัวหน้าเสวี่ยจะสงสัยเขาโดยพิจารณาจากสถานการณ์และภูมิหลังของเขาทั้งหมด

 

“ตาย..คือไม่ตาย สัจธรรมลวงโลกที่อยู่ไปชั่วนิรันดร์…หากตายไม่ใช่ตาย มันก็อาจจะตายได้!” กู้จวินกล่าวประโยคนี้ด้วยน้ำเสียงเรียบๆ และไม่มีอารมณ์ใดๆในน้ำเสียงทั้งสิ้น

 

แต่ไม่ใช่เหล่าคนในหน่วย…เมื่อทุกคนในกลุ่มได้ยินเช่นนั้นอาการหนาวสั่นก็ปรากฎ

 

“ เป็นไปไม่ได้น” เสี่ยป้าตกใจทันที และเมื่อเขาเห็นใบหน้าที่สับสนรอบตัวเขาเขา เขาก็รีบถามทุกคนทันที “ พวกคุณไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เหรอ? โอ้! ไม่สิ เดี๋ยวก่อน! นี่เป็นข้อมูลระดับ D .. อ่า ไม่เป็นไรตอนนี้เป็นเรื่องฉุกเฉินแล้ว นี่คือโคลงกลอนที่เขียนโดย “อับดุล อัลฮาร์เซส” ชาวอาหรับผู้บ้าคลั่ง ครั้งหนึ่งเขาเคยฝันถึงสถานที่ที่เรียกว่าเมืองไร้ชื่อซึ่งเป็นซากปรักหักพังที่อยู่ลึกเข้าไปในทะเลทราย อ้า! ทําไมมองอย่างนั้น ฉันพูดความจริงนะ! ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน คุณสามารถตรวจสอบได้เมื่อคุณกลับมาที่ฐานทัพ โอ้! น่าเสียดาย ลืมซะสนิท นี่คือข้อมูลระดับ D คงไม่มีใครสามารถเข้าถึงได้ เฮ้อ!”

 

ชายร่างกํายํากําลังจะเกาผมของเขาเพื่อแสดงท่าทางกลบเกลื่อนความคิดและเฝ้าสงสัยว่าคําพูดของเขาที่เป็นหัวหน้าไม่มีใครฟังแล้วเหรอ ความจริงไม่มีใครสงสัยในความรู้ของเขาหรอก พวกเขาขมวดคิ้วเนื่องจากความตกใจเป็นหลักต่างหาก

 

“ ชาวอาหรับบ้าคลั่งคนนี้คือใครหรือครับ” กู้จวินได้ยินคําพูดของหัวหน้าเขาก็รู้สึกสับสนมากขึ้น และทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงความฝัน? เขาเคยฝันที่จะไปเยี่ยมชมต้นไทรใหญ่ที่เชื่อมต่อกับหมู่บ้านกู่หรงมาก่อน แต่สําหรับชาวอาหรับบ้าคลั่งนั่นเขาไม่เคยได้ยิน แม้กระทั่งตัวตนของคนต่างชาติยังหาได้ยากมากๆในนิมิต

 

“ เราไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเขามากนัก เขาเป็นตัวละครในตํานานตั้งแต่สมัยโบราณ ตามตํานานนั้นกล่าวว่าเขาเขียนหนังสือชื่อ “เนโครโนมิคอน” แต่ไม่มีใครพบหนังสือที่ว่านั่นเลย มีแต่บทกลอนเก่าๆของเขาเท่านั้นที่ยังเหลือสืบทอดมาถึงปัจจุบัน” เสี่ยป้าอธิบายให้กู้จวินฟัง จากนั้นเขาก็รู้สึกมันนานๆ ไป เขาเลยหันมาเช็คสัญญาณการเชื่อมต่อกับศูนย์บัญชาการต่อ

 

“ ศูนย์บัญชาการ.ผมคือเสวี่ยป้า กู้จวินยืนยันประโยคที่พบว่าประโยคนั้นเกี่ยวข้องกับชายชาวต่างชาติในตํานานนาม “อับดุล อัลฮาร์เซส หรือชายชาวอาหรับผู้บ้าคลั่งจึงน่าสงสัยว่าสถานที่แห่งนี้เกี่ยวข้องกับเมืองนิรนามไร้ชื่อนั่นครับ”

 

“แม่งเอ๊ยยย!” ลู่เสียวหนิงได้ยินเรื่องแปลกประหลาดเธอก็สบถมทําแล้วมองรอบๆด้วยท่าทีไม่เป็นมิตร

 

ในขณะที่หลินโม่ส่ายหัวและถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “ นี่มันอะไรกัน? ฉันเข้าเฟคต้ามาเพราะฉันเรียนวิทยาศาสตร์เก่ง โอ่! ฉันควรเรียนไสยศาสตร์และประวัติศาสตร์มาดีกว่า”

 

“ สิ่งนี้ทําให้คุณตะลึงแล้วหรือ? ฮ่า ฮ่า เด็กสมัยนี้นี่มัน…” ลุงต้านบนทันที เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้อารมณ์ของทุกคนดีขึ้นมา “ นี่ไม่ใช่สิ่งที่น่าตกใจที่สุดที่ฉันเคยเห็น คุณน่าจะเคยอยู่ในความฝันที่ฉันเคยอยู่กับคิมคาร์ดาเชี่ยนมาแล้วครั้งหนึ่ง”

 

แต่คนทั้งหน่วยนั้นไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะหัวเราะอีกต่อไป!

 

“แล้วตัวละครโบราณจากตํานานงั้นเหรอ?” กู้จวินมองไปที่ทางเข้าที่มืดมิดแล้วครุ่นคิดอย่างหนัก เขายังไม่รู้ว่าข้อมูลทุกอย่างเชื่อมโยงกันอย่างไร นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน หรือว่าเขาได้กระตุ้นกลไกบางอย่าง แต่แล้วกระตุ้นอย่างไร? โดยการแปลตัวอักษรต่างโลก? กระตุ้นโดยการอ่านออกมาดัง ๆ เหมือนเปิดการทํางานด้วยเสียง? แต่เขาก็ลองพูดซ้ำอีกครั้งในใจและตะโกนออกมาด้วย แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นและมันทําให้เขาสับสนมากขึ้นไปอีก

 

สี่นาทีต่อมาสมาชิกทุกคนของทีม B มาถึงอย่างปลอดภัย วิดีโอที่พวกเขาถ่ายไว้ก่อนหน้านี้ยังคงบิดเบี้ยว แต่เสวี่ยป้าไม่ถือ…เพราะมันคือเรื่องปกติ และตอนนี้เขาได้ถอดหมวกกันน็อกของเขาออกแล้วและมองผ่านกล้องส่องทางไกลเพื่อสํารวจสภาพแวดล้อมทั้งหมด

 

ลําต้นของต้นไม้ที่เน่าเสียได้ล้มลงไปเอง หลุมต้นไม้หายไปแล้ว คาดว่าคงจะแผ่นดินถล่มแล้วหายไปเอง

 

จากนั้นเสวี่ยป้าก็สั่งให้ทั้งกลุ่มตั้งแนวป้องกันรอบ ๆ อุโมงค์ใต้ดิน พวกเขาตัดสินใจที่จะลงไปที่นั่นในตอนนี้เลยเพื่อสํารวจ แต่พวกเขาก็ต้องระวังนั่นก็เพราะภายในกําแพงสูงนี้ไม่มีจุดชมวิวหรือจุดหลบซ่อนใดๆทั้งสิ้น หากศัตรูมาถึงที่นี่ตอนนี้ เช่น มาจากด้านบน พวกเขาอาจต้องถอยเข้าไปในอุโมงค์ แน่นอนว่าศัตรูอาจออกมาจากอุโมงค์ได้ด้วย ดังนั้นเขาจึงมอบหมายให้สมาชิกสองคนให้เฝ้าทางเข้าอย่างแข็งขัน และเนื่องจากอากาศถ่ายเทได้ดี พวกเขาจึงไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับออกซิเจนในนี้อีกต่อไปและชุดสีเหลืองที่พวกเขาใส่ก็เริ่มจะไม่จําเป็น แต่อาหารของพวกเขาจะอยู่ได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ท้าทายสติปัญญาของเสวี่ยป้าอย่างแท้จริงแล้ว …

 

ถ้าอิงตามหลักความจริงพวกเขาควรเข้าไปในอุโมงค์เพื่อสํารวจทันทีและใช้ระเบิด C4 โยนเข้าไปที่มุมหนึ่งของกําแพงเพื่อดูว่ามีอะไรบ้างและมีห้องลับด้านหลังไหม? เพราะในการตรว

 

“ นี่พวกคุณรู้สึกว่ามีบางอย่างกําลังเฝ้าดูพวกเราอยู่หรือเปล่า?” จู่ๆลุงต้านก็ถามขึ้น “ ฉันไม่ได้พยายามทําให้คุณตลกหรือทําให้ตกใจนะ มันเป็นสัญชาตญาณของฉันน่ะ…”

 

“ ใช่! ฉันก็รู้สึกเช่นกัน มีคนแอบมองพวกเราอยู่” หลินม่อพูดพร้อมกับขมวดคิ้วในขณะที่เขาถือเรดาร์ตรวจจับสิ่งมีชีวิตไปส่องพื้นทันที หยางเฮ่อหนาน โจวอี้และสมาชิกคนอื่น ๆ แสดงความรู้สึกเดียวกัน ถึงแม้ว่าบรรยากาศรอบๆ มันจะยังคงเงียบอยู่ แต่พวกเขาก็มีความรู้สึกว่ามีบางอย่างกําลังเฝ้ามองพวกเขาจากความมืด

 

กู้จวินจับปืนไรเฟิลขนาดเล็กไว้แน่นและความกังวลในใจก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า คนอื่นไม่รู้แต่กู้จวินรู้! อีกสาเหตุหนึ่งที่ทําให้เขาหวาดกลัวก็เนื่องมาจากรายการเควสระบบของเขาในวันนี้

 

[ภารกิจปกติ: ดําเนินการช่วยเหลือฉุกเฉินหนึ่งครั้งให้เสร็จในวันนี้ รางวัล: ยาที่กําหนดเป้าหมายเนื้องอกที่ก้านสมองของมนุษย์หนึ่งกล่อง]

 

[ภารกิจยาก: ทําศัลยกรรมระดับสองดาวให้สําเร็จ (สําเร็จแบบสมบูรณ์) ภายในสามวัน ด้วยผลงานส่วนตัวรวมกว่า 150% รางวัล: มีดผ่าตัดคาร์ลอต 1 ด้าม]

 

[ภารกิจระดับนรก: ทําการชันสูตรศพซอมบี้ให้เสร็จสิ้นภายในหนึ่งสัปดาห์ รางวัล: ไม่ทราบ]

 

หลังจากคุ้นเคยกับระบบมาระยะหนึ่ง กู้จวินก็ตระหนักว่าเควสของระบบมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับชีวิตของเขา โดยเฉพาะเควสปกติและยาก!! โดยปกติชีวิตของเขาจะถูกกําหนดไว้ในสถานการณ์ที่เขามีโอกาสที่จะทําภารกิจให้สําเร็จ แต่ตอนนี้เขาได้แต่วิงวอนต่อฟ้า…เขาไม่ต้องการให้ โอกาส” และ “เหตุการณ์” นั้นปรากฏเป็นครั้งที่สอง

 

เมื่อนึกย้อนไปถึงการผ่าตัดเมื่อวานนี้ กู้จวินก็หันไปมองพื้นดินผุๆ สีดําด้านใต้ จากนั้นเขาก็ถามคนรอบข้างทันที “ หัวหน้าเสวี่ยครับ…เป็นไปได้ไหมว่ามีอะไรอยู่ใต้ดิน? อย่างเช่นสิ่งที่เหมือนหนอนยักษ์ใต้ดิน?”

 

เสวี่ยป้าตกใจทันที เขาหันไปถามหลินม่ออย่างรวดเร็ว “ หลินม่อ รีบสํารวจเร็วเข้า ในพื้นดินมีอะไรไหม?”

 

หลินม่อพยักหน้าและเขาก็เคลื่อนที่ไปรอบ ๆ พร้อมด้วยเรดาร์ตรวจจับสิ่งมีชีวิตของเขาอย่างละเอียด “ ไม่มีครับ แถวนี้ไม่มีอะไร… แต่ผลลัพธ์ไม่ใช่การรับประกันที่แน่นอน พวกคุณรู้เกี่ยวกับความผิดปกติของสถานที่นี้จะมีอะไรโผล่มาก็ไม่แปลก…”

 

ทว่า…ก่อนที่เขาจะสแกนเสร็จ สิ่งสกปรกที่อยู่ใต้เท้าของเขาก็ระเบิดออกและประโยคที่เหลือของเขาก็ถูกกลืนหายไปด้วยเสียงกรีดร้อง “อ๊ากกกกก!”

 

หัวใจของกู้จวินบีบตัวฉับพลันเมื่อเห็นหัวของสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์อยู่ห่างจากเขาสิบเมตร มันโผล่ออกมาจากใต้พื้นดินอย่างรวดเร็ว! เสียงคํารามของมันดังไปทั่ว ดินและสิ่งสกปรกปลิวว่อนตามพลังของการปรากฏตัวขึ้นของมัน

 

ในชั่วครู่! ทุกคนก็รู้สึกคล้ายเวลากําลังหยุดนิ่งทั่วบริเวณเต็มไปด้วยความเงียบที่กดดันและเสียงหนอนยักษ์ที่น่าสะพรึงกลัว

 

ระบบศัลยเเพทย์ ในยุคสิ้นโลก

ระบบศัลยเเพทย์ ในยุคสิ้นโลก

Score 5.9
Status: Ongoing Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง ระบบศัลยเเพทย์ ในยุคสิ้นโลก เรื่องย่อ ครั้งหนึ่ง ถนนเส้นนี้เคยคึกคักครึกครื้น และเต็มไปผู้คนหัวเราะเสียงดัง ทว่าเวลาผันผ่าน..ตอนนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตร บรรยากาศบนท้องถนนเต็มไปด้วยความเงียบที่น่าขนลุก เสียงกระซิบที่แหบแห้งและบ้าคลั่งดังก้องอยู่เหนือท้องฟ้า มีปีศาจยักษ์ใหญ่จากโบราณอันน่ากลัวจนที่ไม่อาจอธิบายได้ แฝงตัวอยู่ในเงามืดของมหาสมุทรที่ไร้ก้นบึ้ง ภัยพิบัติลึกลับได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเเละขยายตัวกระจายไปยังทั่วโลก การระบาดของโรคร้ายและความหายนะทำให้ฝูงคนทั่วโลกตื่นตระหนก ผู้คนหวาดกลัวเเละพากันอพยพหนีตายกันจ้าล่ะหวั่น..มีเพียงหนึ่งเดียวที่พวกเขาต้องการนั่นคือ ที่ซุกหัวที่อบอุ่นเเละปลอดภัยเพียงเท่านั้น หยาดฝนโลหิตไหลรินทั่วแผ่นดิน ในขณะที่มวลมหาสายฟ้าผ่าทั่วท้องนภาอย่างบ้าคลั่ง เเสงสว่างของมันส่องให้เห็นฝูงกาที่กำลังบินฉวัดเฉวียนอยู่ด้านบน “ เราจะเห็นว่าสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างผิดปกตินี้มีซี่โครงสิบสองคู่เหมือนมนุษย์ แต่ยังมี“ กระดูกขวาง” ที่มนุษย์ไม่มี…” ในโรงเรียนแพทย์ กู้จวินยังคงนำมีดผ่าตัดของเขา ผ่าลงที่ซากศพโดยแสดงให้เห็นถึงโครงสร้างทรวงอกที่ผิดปกติของซากศพ โดยรอบๆโต๊ะผ่าศพมีนักเรียนหลายคนมองดูอยู่ ช่วงเวลาที่เลวร้ายและการเเก่งเเย่งได้ใกล้เข้ามา! ความจริงและตรรกะที่พังทลายคำสั่งวิปริตเข้าสู่ความบ้าคลั่ง มนุษยชาติสามารถก้าวไปข้างหน้าได้ด้วยพลังแห่งสติปัญญาและสติปัญญาเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset