ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก – ตอนที่ 44

ดวงอาทิตย์ทอเเสงประกายสีส้มอ่อน ๆ ทอดผ่านขอบฟ้าอันสวยงามทำให้เกิดแสงอันอบอุ่นทั่วเมืองตะวันออก

 

ในขณะที่ท้องฟ้ายังคงมีความมืดมิดของยามก่อนรุ่งอรุณอันเเสนสงบ กลุ่มอาจารย์และนักศึกษาทั้งหมดที่เข้าร่วมการแข่งขันชิงฟรอนเทียร์คัพที่เป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นได้มารวมตัวกันที่ลานกว้างแล้ว

 

สำหรับการแข่งขันครั้งนี้สถานที่สำหรับเเข่งไม่ได้อยู่ที่มหาวิทยาลัยใด ๆของฝั่งไหนทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกะทันหันเกินไปหรือจงใจไม่จัดที่มหาลัยฝั่งใดฝั่งหนึ่งเพราะความยุติธรรมกันเเน่

 

หลังจากเปลี่ยนเเปลงกำหนดการ ผู้จัดการงานเเข่งขันได้แจ้งให้มหาวิทยาลัยต่างๆที่ลงชื่อเข้าเเข่งขันทราบกำหนดการเบื้องต้นรวมถึงวิธีการเเละเส้นทางเเบบคร่าวในการพาผู้เข้าเเข่งเข้าไปในงาน…

 

ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็ได้รับคำสั่งไม่ให้นำโทรศัพท์ กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์จับภาพอื่น ๆ ไปเด็ดขาด หากพวกเขาฝ่าฝืนเเละยังคงเเอบเอาไปล่ะก็…ทุกๆอย่างจะถูกยึด เเละจะคืนให้ในภายหลัง

 

 

 

แม้จะมีคำสั่งของผู้จัดงานการเเข่งขัน เเต่กู้จวินก็นำโทรศัพท์ของเขาและโทรศัพท์ของหลี่เยี่ยรุ่ยไปด้วยอยู่ดี เพราะเขาเองก็ไม่มีทางเลือก…ระหว่างที่ไม่อยู่อาจจะมีใครย่องมาขโมยของๆเขาก็เป็นไปได้ ดังนั้นต่อให้ถูกยึดเขาก็ยอม

 

กู้จวินเอาโทรศัพท์ทั้งสองเครื่องใส่เข้าไปในซองหนังปิดผนึกอย่างดีแล้วส่งมันให้กับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ทางเข้าอย่างไม่แยแส

 

จริงๆ เขาไม่กังวลว่ารัฐบาลหรือคนน่าสงสัยจะมาขโมยโทรศัพท์จากเขาในตอนนี้ อย่างเเรก..ไม่มีอะไรมารับประกันว่าคนพวกนั้นจะรู้ว่าโทรศัพท์อยู่ที่กู้จวิน อย่างที่สอง ถ้าพวกเขาจะเอาโทรศัพท์จากกู้จวินอย่างเเรกก็ต้องไปค้นที่หอพักก่อน…เเล้วจากนั้นค่อยมาหาเขา เเละพวกมันคงนึกไม่ถึงว่าเขาจะฝากมันไว้ที่เจ้าหน้าที่หน้างานอย่างเปิดเผย

 

หลังจากเจ้าหน้าที่ช่วยกันคัดกรองอาจารย์และนักศึกษามากกว่าร้อยคน ในที่สุดฝูงชนก็ได้ทยอยกันขึ้นรถบัสขนาดใหญ่ 3 คัน ซึ่งรถเหล่านี้ไม่มีใครรู้ว่าจะนำทางเหล่าคณาจารย์เเละนักศึกษาไปยังสถานที่เเห่งใด เเม้จะบอกทางคร่าวๆ เเต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรู้จุดหมายปลายทางเลยเเม้เเต่คนเดียว

 

รถบัสทั้งสามคันนั้นล้วนเเต่เป็นรถบัสชั้นธรรมดา เเต่เพื่ออำนวยความสะดวกของนักศึกษาผู้มีเกียรติ ทางผู้จัดจึงส่งเจ้าหน้าที่ธรรมดามาช่วยเหล่านักศึกษาขนของขึ้นรถ เเละจัดระเบียบให้รถให้ปลอดภัย ทว่า..ในวินาทีที่กู้จวินขึ้นรถ เขาก็ไปชนกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง…เจ้าหน้าที่คนนั้นมีกล้ามเนื้อที่เเข็งเเรง ร่างกายกำยำ เเม้พวกเขาจะกำลังใส่สูทสีดำเรียบร้อยเเละไม่ได้พูดอะไร อีกทั้งมีการแสดงออกที่เย็นชาและเคร่งขรึม

 

ดวงตาอันเฉียบคมของพวกเขาพินิจพิเคราะห์ทุกรายละเอียดราวกับว่าพวกเขาไม่ใช่เจ้าหน้าที่ธรรมดา หากบอกว่าเป็นทหารหน่วยพิเศษก็ย่อมมีคนเชื่อเเน่นอน จากรูปลักษณ์ของพวกเขาที่เเข็งเเกร่งราวนักรบเเดนเถื่อน แม้แต่นักเรียนที่มีสติปัญญาไม่โดดเด่นก็สามารถบอกได้ว่าการแข่งขันในรอบนี้คงไม่ง่ายเหมือนสมัยก่อนเเละมีนัยสำคัญอะไรบางอย่างอีกด้วย

 

ในขณะที่กลุ่มนักศึกษาลูกศิษย์ของศาสตราจารย์กู้กำลังจะยกของมาขึ้นรถ เหล่านักศึกษากลุ่มอื่นก็หันมามองด้วยความงวยงงเเละและประหลาดใจ พวกเขาเริ่มเอ่ยปากพูดคุยกันด้วยเสียงที่ไม่ดังเท่าไหร่

 

“ทุกคน! นั่นมันเสี่ยกู้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้”

 

 

เช่นเดียวกับไฟป่าเมื่อมันติดเเล้วก็ย่อมลุกลาม…การพูดคุยนินทาก็เช่นกัน ทันทีที่มีคนเริ่มก็มีคนสานต่อ ในไม่ช้าเรื่องของกู้จวินที่เข้าเเข่งขันในครั้งนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งรถบัส เเละตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้เเล้วว่า [เสี่ยกู้] มีส่วนร่วมในการแข่งขันอันทรงเกียรตินี้เรียบร้อย

 

อันที่จริงชื่อ “เสี่ยกู้” มีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยมากทีเดียว…เเต่เป็นในทางใดนั้น…ไม่ต้องเดาก็น่าจะตอบได้

 

ข่าวการฝึกผ่าศพของกู้จวินตลอดสองวันที่ผ่านมาถูกนำไปพูดถึง จะจริงจะเท็จไม่มีใครรู้ มันขึ้นอยู่กับการใส่สีตีไข่ของผู้พูดเอง เเต่พวกเขาไม่เคยคาดว่ามันจะเป็นจริง คนอย่างกู้จวินไม่น่าทำเรื่องเเบบนั้นได้

 

ในความคิดของพวกเขาตอนนี้ พวกเขาอยากจะตั้งคำถามกับศาสตราจารย์กู้เกี่ยวกับการตัดสินใจของเขาเหลือเกิน….

 

เพราะศาสตราจารย์เเก่เเล้วหรือเปล่า!? สนิมมันถึงได้ขึ้นสมองจนปัญญาอ่อนเเละคว้าเสี่ยกู้มาเข้าเเข่ง! อยากอับอายขนาดนั้นเลยรึไง!?

 

บางคนถึงกับตำหนิว่าเขากล้าปล่อยให้เด็กพรรค์นั้นมาล่อลวงในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ได้อย่างไน! การปรากฏตัวของเสี่ยกู้จะทำให้มาตรฐานของมหาวิทยาลัยตกลงไปในเหว!

 

“ เอ่อ! ใจเย็นหน่า เสี่ยกู้เป็นศิษย์รักของศาสตราจารย์กู้ บางทีเขาคงแค่พาไปดูล่ะมั้ง…” นักศึกษาคนหนึ่งกล่าวตัดความรำคาญ

 

“ ถ้าไม่ใช่เพราะศีลธรรมอันเที่ยงตรงของศาสตราจารย์กู้ ฉันคงเชื่อว่าสารเลวเเซ่กู้นั่นติดสินบนเขา” นักศึกษาคนหนึ่งเอ่ยขึ้น จากนั้นเขาก็ขึ้นรถไป

 

เเน่นอนว่าเด็กนักศึกษาทำได้เเค่พูดซุบซิบเบาๆ เพราะศาสตราจารย์กู้นั้นเขาคือศาสตราจารย์ที่มีความสามารถ นักศึกษาเเบบพวกเขาไม่สามารถก้าวก่ายการตัดสินใจได้

 

ในอีกด้านหนึ่ง…เมื่อเผชิญกับข่าวลือและคำพูดซุบซิบเหล่านี้ ทีมของซูไห่ก็ทำตัวลำบาก พวกเขาได้ยินคำพูดซุบซิบของ “กลุ่มราชานักนินทา” มานานแล้ว จะร้ายจะดีพวกเขาก็เป็นเพื่อนร่วมทีมที่ดีต่อกู้จวิน เเน่นอนว่าไม่ได้สนิทมากเท่าจางห้าวหลันหรือเฮ่ออี้หาน เเต่คำพูดเหล่านั้นก็ทำให้ทุกคนในทีมเริ่มอึดอัดเเละโมโหจนอยากจะไปต่อยปากคนพูดสักหมัดให้หายระคายหู…เเต่มันก็เเค่คิด! พวกเขาคือนักศึกษาที่ทรงเกียรติ จึงได้เเต่ด่าในใจ….

 

 

ฮึ่ม! ดูถูกกู้จวินเหรอ!? เอาเลย ด่าเขาเยอะๆ ถึงเวลาโชว์ฝีมือจริง ฉันจะคอยดูว่าพวกเเกจะม้วนเสื่อกลับบ้านด้วยสีหน้าเเบบไหน!?

 

 

 

“ กู้จวิน นายเป็นอย่างไรบ้าง!?” หวังรั่วเซียงหันกลับมาและถามกู้จวินซึ่งนั่งอยู่ที่เบาะหลัง เเต่เธอก็เห็นเเล้ว เมื่อเทียบกับเมื่อคืนวานเเล้วสีหน้าของกู้จวินดูดีขึ้นมาก

 

“ไม่มีปัญหา” เมื่อคืนกู้จวินนอนหลับสนิทและฟื้นร่างกายได้อย่างว่องไว รวมทั้งเมื่อเช้านี้เขากินยาลึกลับนั่นด้วย ทำให้ร่างกายและจิตใจของเขาเฉียบแหลมและชัดเจนมากขึ้น บกตามตรงก็คือตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่พรั่งพร้อมอย่างสูงสุด เขาจ้องมองหวังรั่วเซียงอย่างละเอียดและตรวจสอบร่างกายของเธอ เขาเห็นแขนเล็กๆและขาผอม ๆ ของเธอชัดเจน กู้จวินเอียงศรีษะด้วยความประหลาดใจ จากสายตาของเขามันบอกได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีร่องรอยของกล้ามเนื้อที่แข็งแรงสักนิด

 

กู้จวินเลยเอ่ยปากถามอย่างงุนงง “ เธอเป็นนักคาราเต้สายดำจริงๆหรือว่าเเค่ล้อเล่น?”

 

“จริงสิ!!” หวังรั่วเซียงโบกมือในอากาศจนเสียงหวีดรอบหู จากนั้นเธอก็กล่าวอย่างมั่นใจ “ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเรียนหมอหนัก ฉันก็คงเป็นมืออาชีพได้แล้ว”

 

นั่นยิ่งทำให้กู้จวินนิ่งตะลึงงันและสูญเสียคำพูดไปทั้งหมด ข้างๆ เขาก็คือไช่ฉีซวน เมื่อเขาได้ยินคำพูดนี้ของหวังรั่วเซียงเขาก็เสียใจเช่นกัน

 

“โอ้ว! หัวหน้าชั้นเรียน เธอทำให้ฉันนึกถึงมู่หลาน…หญิงสาวสุดเเกร่งที่เอาชนะได้กระทั่งชายยอดนักรบ”

 

 

 

ด้วยพื้นที่เเละเวลาที่จำกัด ทำให้เสียงพึมพำของพวกเขาหยุดลงหลังจากพูดเพียงไม่กี่คำ พวกเขารู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่งกับการจ้องมองที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นจากทีมอื่น ๆ ต่อให้นั่งอยู่บนรถเเละรถกำลังเคลื่อนที่ เเต่พวกเขาก็ยังไม่ยอมหยุดมองสักที

 

จากวินาทีเปลี่ยนเป็นนาที ในเวลาต่อมา พวกเขามาถึงสนามกีฬาเล็ก ๆ ตามที่พวกเขาคาดคิดไว้

 

ที่นั่นมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่างกายกำยำดุจนักรบสปาร์ต้าเฝ้าประตู นั่นทำให้เกิดบรรยากาศที่หนาวเย็นในความคิดคณาจารย์เเละนักศึกษาทั้งหมดในทันที ทันใดนั้นเจ้าหน้าทั้งหมดก็หันมาทางพวกเขาด้วยใบหน้าที่จริงจัง ทำให้นักศึกษาทั้งหมดถึงกับนิ่งอึ้งจนใบหน้าเเทบจะเเข็งค้างด้วยความตื่นตระหนก

ระบบศัลยเเพทย์ ในยุคสิ้นโลก

ระบบศัลยเเพทย์ ในยุคสิ้นโลก

Score 5.9
Status: Ongoing Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง ระบบศัลยเเพทย์ ในยุคสิ้นโลก เรื่องย่อ ครั้งหนึ่ง ถนนเส้นนี้เคยคึกคักครึกครื้น และเต็มไปผู้คนหัวเราะเสียงดัง ทว่าเวลาผันผ่าน..ตอนนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตร บรรยากาศบนท้องถนนเต็มไปด้วยความเงียบที่น่าขนลุก เสียงกระซิบที่แหบแห้งและบ้าคลั่งดังก้องอยู่เหนือท้องฟ้า มีปีศาจยักษ์ใหญ่จากโบราณอันน่ากลัวจนที่ไม่อาจอธิบายได้ แฝงตัวอยู่ในเงามืดของมหาสมุทรที่ไร้ก้นบึ้ง ภัยพิบัติลึกลับได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเเละขยายตัวกระจายไปยังทั่วโลก การระบาดของโรคร้ายและความหายนะทำให้ฝูงคนทั่วโลกตื่นตระหนก ผู้คนหวาดกลัวเเละพากันอพยพหนีตายกันจ้าล่ะหวั่น..มีเพียงหนึ่งเดียวที่พวกเขาต้องการนั่นคือ ที่ซุกหัวที่อบอุ่นเเละปลอดภัยเพียงเท่านั้น หยาดฝนโลหิตไหลรินทั่วแผ่นดิน ในขณะที่มวลมหาสายฟ้าผ่าทั่วท้องนภาอย่างบ้าคลั่ง เเสงสว่างของมันส่องให้เห็นฝูงกาที่กำลังบินฉวัดเฉวียนอยู่ด้านบน “ เราจะเห็นว่าสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างผิดปกตินี้มีซี่โครงสิบสองคู่เหมือนมนุษย์ แต่ยังมี“ กระดูกขวาง” ที่มนุษย์ไม่มี…” ในโรงเรียนแพทย์ กู้จวินยังคงนำมีดผ่าตัดของเขา ผ่าลงที่ซากศพโดยแสดงให้เห็นถึงโครงสร้างทรวงอกที่ผิดปกติของซากศพ โดยรอบๆโต๊ะผ่าศพมีนักเรียนหลายคนมองดูอยู่ ช่วงเวลาที่เลวร้ายและการเเก่งเเย่งได้ใกล้เข้ามา! ความจริงและตรรกะที่พังทลายคำสั่งวิปริตเข้าสู่ความบ้าคลั่ง มนุษยชาติสามารถก้าวไปข้างหน้าได้ด้วยพลังแห่งสติปัญญาและสติปัญญาเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset