ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก – ตอนที่ 72

กู้จวินตัวแข็งด้วยความตกใจเล็กน้อย ปัญหานี้เป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะถูกถาม

 

 

เเละทันใดนั้นเองกู้จวินก็ตระหนักได้ทันทีว่าเนื่องจากเขาแสดงอาการเสียความสงบอย่างเห็นได้ชัดออกไป เขาจึงรีบทำตัวให้ปกติทันที เขาอุทานด้วยเสียงงุนงงขึ้นมาทันที ‘เอ๋!!!’

 

“คุ้นเคย? คุณหมายถึงอะไร? ผมเรียนแพทย์นะครับ เมื่อผมได้สัมผัสพื้นผิวของศพนั้น ผมก็พบว่าผิวหนังนั้นเป็นผิวหนังที่ตายแล้วทั้งหมด หน้าอกของศพนั้นถูกปิดกั้นโดยกระดูก [ลาเมลน่า] และยังเชื่อมต่อกับกระดูกซี่โครง ความคิดของผม คือการเอากระดูกนั้นออกก่อนที่ผมจะผ่าตัดเข้าไปในทรวงอก….มันเป็นธรรมดาอยู่เเล้วที่ผมจะเดาได้เเละผ่าเป็น”

 

ตรรกะที่เขาให้นั้นดูสมเหตุสมผลอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าจะไม่มีการอ้างอิงทางกายวิภาคที่ไม่สมบูรณ์ แต่ก็มีความเป็นไปได้ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้น ใช่! อย่างน้อยกู้จวินก็เป็นอัจฉริยะภาพคนหนึ่ง

 

ในขณะที่ชายคนนั้นบันทึกคำตอบของเขา ผู้หญิงคนนั้นก็เข้ามาคุยอีกครั้ง

 

“ คุณคิดอย่างไรกับโรคมนุษย์ต้นไทร? โปรดใช้คำสองสามคำเพื่ออธิบายความคิดของคุณ”

 

กู้จวินจำได้ว่าเขารู้สึกว่าต้นไทรนั้นสวยงามเเละแปลกตา บางทีอาจเป็นการดีกว่าที่จะตอบแบบเดิม ๆ ว่า“ น่าขยะแขยง”? เเล้วอีกอย่างหนึ่ง…เนื่องจากการตอบคำถามก่อนหน้านี้ของเขา หากเขาตอบคำถามนี้อย่างคลุมเครือคำพูดทั้งหมดที่เขาพูดจนถึงตอนนี้อาจสูญเสียความน่าเชื่อถือ

 

หลังจากความคิดนี้แวบเข้ามาในใจ เขาก็ตัดสินใจที่จะพูดความจริง

 

 

“ น่ากลัวและบิดเบี้ยว แต่มันน่าสนใจและงดงามมาก”

 

 

 

ผู้สัมภาษณ์ทั้งสามยังคงไม่แสดงออก ในตอนนั้นหญิงสาวคนกลางหยิบรีโมทคอนโทรลขึ้นมา และกดมันสองสามครั้ง ทันใดนั้นโคมไฟเหนือเก้าอี้ก็สว่างขึ้น และแสงไฟนั้นได้ส่องสว่างอย่างท่วมท้น กู้จวินทำได้เพียงแค่หรี่ตาเเคบลงรู้สึกไม่สบายตาเอาเสียเลย …

 

“ นักศึกษากู้โปรดดูที่หน้าจอ” ผู้หญิงคนนั้นพูดเเล้วหันไปทางจอด้านข้าง

 

กู้จวินหรี่ตาและเห็นภาพที่น่าขนลุกปรากฎอยู่บนหน้าจออย่างเงียบ ๆ

 

มันคือภาพนิ้วมนุษย์ ฝูงหนอน ประภาคารริมทะเลยามค่ำคืน ป่าแห้งในภูเขา…

 

ยิ่งเขามองมากเท่าไหร่ ความรู้สึกบีบคั้นในใจของเขาก็ยิ่งรุนแรงขึ้น

 

 

ในสิบนาทีต่อมา กู้จวินไม่รู้ว่าเขาเห็นภาพต่างๆกี่ภาพและความรู้สึกบีบคั้นก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความหดหู่และความไม่สบายเนื้อสบายตัว

 

จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งคนพูดนั้นเป็นคนทางซ้ายที่ยังไม่ได้พูดอะไรกับเขามาตั้งเเรกเลย เเละเช่นเดียวกับสองคนเเรก….ไม่มีร่องรอยของอารมณ์ในเสียงของเขา

 

“นักศึกษากู้ ฉันจะถามคำถามคุณต่อ เเละคุณต้องตอบด้วยหนึ่งในสามคำตอบที่ฉันจะบอกให้ ให้เลือกเอาที่ตรงใจคุณที่สุด

 

ถ้าตอบ A คือ ใช่

ถ้าตอบ B อยู่ระหว่างใช่และไม่ใช่

ถ้าตอบ C สำหรับไม่ใช่

 

คุณต้องตอบภายใน 5 วินาทีเท่านั้น ไม่ว่าคุณจะตอบหรือไม่ก็ตาม ฉันจะถามคำถามต่อไปหลังจาก 5 วินาที “

 

กู้จวินได้ยินสิ่งนี้และเข้าใจจุดประสงค์ที่อยู่เบื้องหลังสิ่งนี้ทันทีนั่นคือการประเมินทางจิตวิทยาเป็นการทดสอบบุคลิกภาพ

 

เพื่อจีบสาวในอดีต เขาได้หยิบความรู้เกี่ยวกับจิตวิทยาการแพทย์มาบ้าง ทางเลือกของ A, B และ C ควรเป็นไปตามแบบจำลองของ

 

<< แบบสอบถามปัจจัยบุคลิกภาพสิบหกเเบบของเเคสเติลล์ >>

 

ผู้ทดสอบจะถูกให้คะแนนตามคำตอบของเขา และคะแนนของผู้ทดสอบจะถูกจัดทำเป็นตารางเพื่อกำหนดประเภทบุคลิกภาพของผู้ทดสอบ

 

จู่ๆ กู้จวินก็รู้สึกว่านี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงเบื้องหลังการสัมภาษณ์

 

ประสบการณ์ชีวิตและความเจ็บป่วยของเขาไม่ได้เป็นจุดสนใจเท่าไหร่ รัฐมีความกังวลมากขึ้นหากเขา “ปลอดภัย” ซึ่งนั่นจะไม่สะดวกที่จะใช้งานเลย

 

หากจิตวิทยาและบุคลิกภาพของเขาถูกพิจารณาว่าไม่เหมาะสมกับงานประเภทนี้ก็จะไม่ได้ผลอย่างแน่นอน

 

“ ปีศาจมีอยู่บนโลกหรือไม่?” ผู้ชายทางซ้ายถามคำถามแรกออกมา

 

 

 

5 วินาที 4 วินาที 3 วินาที กู้จวินยังคงเงียบ …

มีปีศาจอยู่บนโลกหรือไม่?

 

อะไร!? ยังไง!? ปีศาจแบบไหน? ปีศาจเชิงเปรียบเทียบ? หรือมารศาสนา? มารเเท้หรือมารเทียม!? หมายถึงคนที่จิตใจชั่วร้ายหรือเปล่า!?

 

กู้จวินไม่ได้โง่! เขารู้ดีว่าคำว่า ‘ปีศาจ’ เเละการ ‘ตีความ’ มัน เป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบ

 

เพื่อที่ผู้สัมภาษณ์จะได้ทำความเข้าใจเเละรู้ตัวตนของผู้สมัครเกี่ยวได้อย่างชัดเจน ซึ่งแบบสอบถามอาจสะท้อนถึงจิตสำนึก คุณลักษณะส่วนบุคคล และความเชื่อของบุคคลได้

 

ปีศาจที่อยู่ในความคิดของเขาตอนนี้คือปีศาจทางศาสนา! อย่างไรก็ตามเขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับคำตอบนี้เหมือนกัน เขาเป็นนักศึกษาเเพทย์! ที่สำคัญมีปีศาจที่ไหนที่วิทยาศาสตร์อธิบายได้กัน? ถ้าวิทยาศาสตร์อธิบายได้…คำว่าไสยศาสตร์คงไม่เกิด

 

ถ้าเป็นไม่กี่เดือนก่อนกู้จวินอาจจะบอกว่า ‘ไม่’ เเต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้มันแตกต่างกันเเล้ว! ประสบการณ์ชีวิตไม่กี่เดือนที่ผ่านมานับตั้งได้รับระบบ ชีวิตของเขาเเละวิทยาศาสตร์มันก็เป็นอะไรที่ค่อยๆห่างไปทุกทีๆ

 

ในขณะที่เวลาผ่านไป 5 วินาที เขาก็ตอบว่า“ ใช่”

 

ในขณะที่เขาตอบคำถามนี้ ผู้สัมภาษณ์ทั้ง 3 คนก็เขียนลงบนเอกสารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว

 

เเน่นอนว่ากู้จวินไม่รู้ว่าอะไรคือคำตอบที่เเท้จริงเเละได้คะเเนนดีที่สุด

 

ตามปกติการตอบคำถามในเชิงเเบบทดสอบนี้ ถ้าตอบตรงกับจุดประสงค์มักจะได้ 2 คะเเนน เเละสำหรับคำตอบที่แตกต่างกันคะเเนนก็คือ 0 คะแนนสุดท้ายคือ 1 คะแนนสำหรับการตอบกลับที่เป็นกลาง

 

ชายหน้าเหลี่ยมทางด้านซ้ายถามอีกครั้ง “ คุณอยากไปสวรรค์หลังความตายไหม!?”

 

 

 

“ใช่” ใครมันจะอยากไปนรก ปัญญาอ่อนหรือเปล่า!? กู้จวินเเค่นเสียงเหอะในใจเบาๆ

 

“ สุนัขจรจัดตัวหนึ่งถูกทิ้งลงทะเลและจมน้ำตาย นั่นทำให้คุณเศร้าหรือเปล่า”

 

 

 

“เเน่นอน…ใช่” กู้จวินรู้สึกเศร้าจริงๆ นี่ไม่ได้เสเเสร้ง

 

“ คนแปลกหน้าตายจากไป เมื่อเทียบกับสุนัขที่ตายจากไป อย่างไหนที่ดึงดูดใจคุณมากกว่ากัน?”

 

 

 

คำถามนี้เป็นคำถามที่แปลกจริงๆ เพราะหนึ่งคำถามดันมีสถานการณ์ที่แตกต่างกัน เเละคำตอบที่ถูกต้องจะเปลี่ยนไปอย่างมาก เเละคะเเนนก็ด้วย ทันใดนั้นจิตใจของกู้จวินก็พลันดิ่งลง เขารีบคิดถึงความเป็นไปได้ในจิตใจของตนเองทันที

 

จะเป็นอย่างไรถ้าคนแปลกหน้าคนนั้นเป็นฆาตกร?

 

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าสุนัขตัวนั้นเป็นคู่หูที่ดีที่สุดของฉัน เเละฉันเลี้ยงมันมาหลายปี?

 

ว่าเเต่…ทำไมฉันไม่คิดว่าเป็นคนจะเป็นคนดี เเละสุนัขคือสุนัขที่ชั่วร้าย?

 

หรือว่าที่จริงฉันเชื่อว่าสุนัขมีความเมตตามากกว่ามนุษย์ถูกหรือไม่?

 

นี่เป็นคุณลักษณะส่วนตัวของฉันเกี่ยวกับความเข้าใจโลกใบนี้หรือเปล่า?

 

หลังจากครุ่นคิดแล้วกู้จวินก็ต้องเลือกสักคำตอบ

 

“ฉันไม่เเน่ใจ…”

 

“ คุณชอบอารมณ์ที่รุนแรง และมักมีความหลงใหลอย่างบ้าคลั่ง?”

 

“ฉันไม่เเน่ใจ….”

 

“ คุณคิดว่าคนบ้านั้นน่ารังเกียจหรือเปล่า?”

 

“ ฉันไม่เเน่ใจ….”

 

ไม่ว่ากู้จวินจะตอบอย่างไร ไม่ว่าจะขมวดคิ้วเเค่ไหน คำตอบที่หลุดออกมาจากปากของเขาทุกอย่างล้วนเเต่ไม่เป็นที่สนใจของใครเลย

 

ผู้สัมภาษณ์ทั้ง 3 คนยังคงเย็นชาและไม่แสดงออกทางอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น การพูดของผู้ชายหน้าเหลี่ยมก็ยังคงใช้น้ำเสียงโทนเดิมซ้ำซากจำเจเเละไต่ถามด้วยคำถามที่ชวนให้กู้จวินสับสน

 

“ ในฐานะหมอ คุณจะช่วยชีวิตคนชั่วได้ไหม?”

 

 

 

กู้จวินนิ่งงันอีกครั้ง นี่เป็นคำถามเกี่ยวกับศีลธรรมของเขาสินะ ในฐานะแพทย์….คำตอบที่ถูกต้องคือช่วยชายคนนี้

 

 

พวกเขาควรทำหน้าที่ของตนและฝากผลการตัดสินไว้ที่ผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายอย่างตำรวจ อย่างไรก็ตาม…..ไม่มีทางที่ความเป็นจริงจะเรียบง่ายเช่นนั้น เพราะคนชั่วเเละคนดีย่อมเเตกต่าง…ถ้ากู้จวินจะช่วยคนชั่วจริง เเละเป็นคนดีเช่นนั้นจริง เรื่องเเก้เเค้นกับตามหาพ่อเเม่คงจบลงไปนานเเล้วด้วยการปล่อยวาง ดังนั้นกู้จวินจึงเลือกตอบ “ ฉันไม่เเน่ใจ”

 

“ คุณคิดว่าอดีตของคุณเป็นเรื่องจริงหรือไม่?”

 

ยังมีคำถามแปลก ๆ ตามมาเรื่อยๆ เเละมันทำให้กู้จวินต้องคิดมาก เขาได้เชื่อมโยงความคิดของเขาเข้ากับการทดลองแบบ ‘double-slit’ ของกลศาสตร์ควอนตัม จากนั้นเขาก็ตอบว่า “ ฉันไม่เเน่ใจ”

 

 

“ ความรู้เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหรือ?”

 

กู้จวินตอบ “ไม่”

 

 

 

“ คุณต้องการอำนาจหรือไม่?”

 

 

 

“ใช่”

 

“ ความหมายของชีวิต ขีดจำกัดของวิทยาศาสตร์และความจริงของจักรวาล คุณสนใจเรื่องนี้หรือไม่?”

 

 

 

“ใช่” กู้จวินชอบปริศนาทุกประเภท…เเละอะไรที่เขาไม่รู้มันจะทำให้เขานอนไม่หลับทั้งคืน

 

“ เพื่อคำตอบเหล่านี้ คุณจะเสี่ยงทุกอย่างหรือไม่? ”

 

 

 

กู้จวินตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง เสี่ยงทุกอย่าง? นี่เป็นคำพูดที่มีน้ำหนักและแน่นอน แต่ถ้าเขาต้องตอบคำถามนี้จริงๆ เเน่นอนว่า…..

 

กู้จวินตอบว่า “ ฉันไม่เเน่ใจ….” เขาสามารถเพิกเฉยต่อความปลอดภัยของตัวเองได้ แต่เขาไม่ต้องการทำร้ายผู้อื่น….อย่างน้อยเขาก็เป็นคนดี!

 

“ คุณไว้วางใจในความสัมพันธ์ในครอบครัวหรือไม่?”

 

 

“ใช่” กู้จวินตอบอย่างไม่ลังเล เขารักพ่อเเม่มาก เเม้หน้าจะจำไม่ได้เเล้วก็ตาม….

 

“ คุณเชื่อใจในมิตรภาพไหม”?

 

 

 

“ใช่” กู้จวินคิดว่าเพื่อนของเขาเเต่ละคนนั้นนิสัยดีมากๆ

 

“ คุณเชื่อใจในความรักไหม?”

 

“……..”

 

 

 

คำถามสั้น ๆ นี้ทำเอาคาสโนว่ากู้จวินหยุดชะงัก ความรัก? สิ่งนี้ซับซ้อนกว่าคำถามเดิมๆมาก

 

เขาเชื่อโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่ารัก! เเละเขาก็คิดว่าความรักก็มีกฎเกณฑ์ของมัน เเละถ้ามันเป็นไปตามกฎเกณฑ์ นั่นจะเรียกว่าความรัก…ใช่ไหม? กู้จวินเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน ถึงเขาจะมีผู้หญิงพันคนที่ร่วมหอลงโลงกันเเบบชั่วคราวในผับเเละบาร์ เเต่จนป่านนี้ความรัก มันก็ยังเป็นสิ่งงี่ดูเเล้วเเปลกสำหรับเขาอยู่ดี

 

กู้จวินจึงเลือกตอบว่า “ ไม่เเน่ใจ…อาจจะทั้งสองอย่าง”

 

“ คุณเชื่อไหมว่ามีความจริงทางปรัชญาที่ลึกลับกว่ามนุษย์บนโลกใบนี้?”

 

 

 

 

ความคิดของกู้จวินหยุดไปชั่วขณะ เขาทราบว่ามนุษย์เป็นส่วนเล็ก ๆ ของจักรวาล ชีวิตก็สั้น…เต็มที่ก็ไม่มีใครอยู่นานเกิน 150 ปี เเล้วเราจะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ได้อย่างไร?

 

เเต่เขาก็ตอบว่า “ ใช่” อยู่ดี…กู้จวินคิดว่าการไม่ทำตัวเเปลกมันน่าจะดีกว่าถูกไหม?

 

“ ความจริงเหล่านี้สำคัญกว่าความสำคัญของครอบครัว เพื่อนและคนรักของคุณหรือไม่?”

 

มาเเล้ว…คำถามเด็ด!!

ระบบศัลยเเพทย์ ในยุคสิ้นโลก

ระบบศัลยเเพทย์ ในยุคสิ้นโลก

Score 5.9
Status: Ongoing Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง ระบบศัลยเเพทย์ ในยุคสิ้นโลก เรื่องย่อ ครั้งหนึ่ง ถนนเส้นนี้เคยคึกคักครึกครื้น และเต็มไปผู้คนหัวเราะเสียงดัง ทว่าเวลาผันผ่าน..ตอนนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตร บรรยากาศบนท้องถนนเต็มไปด้วยความเงียบที่น่าขนลุก เสียงกระซิบที่แหบแห้งและบ้าคลั่งดังก้องอยู่เหนือท้องฟ้า มีปีศาจยักษ์ใหญ่จากโบราณอันน่ากลัวจนที่ไม่อาจอธิบายได้ แฝงตัวอยู่ในเงามืดของมหาสมุทรที่ไร้ก้นบึ้ง ภัยพิบัติลึกลับได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเเละขยายตัวกระจายไปยังทั่วโลก การระบาดของโรคร้ายและความหายนะทำให้ฝูงคนทั่วโลกตื่นตระหนก ผู้คนหวาดกลัวเเละพากันอพยพหนีตายกันจ้าล่ะหวั่น..มีเพียงหนึ่งเดียวที่พวกเขาต้องการนั่นคือ ที่ซุกหัวที่อบอุ่นเเละปลอดภัยเพียงเท่านั้น หยาดฝนโลหิตไหลรินทั่วแผ่นดิน ในขณะที่มวลมหาสายฟ้าผ่าทั่วท้องนภาอย่างบ้าคลั่ง เเสงสว่างของมันส่องให้เห็นฝูงกาที่กำลังบินฉวัดเฉวียนอยู่ด้านบน “ เราจะเห็นว่าสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างผิดปกตินี้มีซี่โครงสิบสองคู่เหมือนมนุษย์ แต่ยังมี“ กระดูกขวาง” ที่มนุษย์ไม่มี…” ในโรงเรียนแพทย์ กู้จวินยังคงนำมีดผ่าตัดของเขา ผ่าลงที่ซากศพโดยแสดงให้เห็นถึงโครงสร้างทรวงอกที่ผิดปกติของซากศพ โดยรอบๆโต๊ะผ่าศพมีนักเรียนหลายคนมองดูอยู่ ช่วงเวลาที่เลวร้ายและการเเก่งเเย่งได้ใกล้เข้ามา! ความจริงและตรรกะที่พังทลายคำสั่งวิปริตเข้าสู่ความบ้าคลั่ง มนุษยชาติสามารถก้าวไปข้างหน้าได้ด้วยพลังแห่งสติปัญญาและสติปัญญาเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset