ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – ตอนที่ 25 สร้างความประทับใจ ศิษย์พี่หญิงผู้เก่งรอบด้าน

บทที่ 25 สร้างความประทับใจ ศิษย์พี่หญิงผู้เก่งรอบด้าน
เมื่อได้ยินคำพูดของเซียนซีเสวียน ปฏิกิริยาแรกของหานเจวี๋ยคือเซียนซีเสวียนกำลังล้อเล่นอยู่เป็นแน่

ในตอนนี้เอง

จู่ๆ ก็มีตัวอักษรปรากฏขึ้นด้านหน้าเขาสามบรรทัด

[เจ้าสำนักหยกพิสุทธิ์พบเจอภยันตราย เป็นหรือตายไม่อาจรู้ได้ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์ พเนจรในแดนบำเพ็ญพรต จะได้รับโอสถรวมปราณหนึ่งขวด]

[สอง อยู่ที่สำนักหยกพิสุทธิ์ต่อ ตราบจนสำนักหยกพิสุทธิ์ล่มสลาย หรือลัทธิมารฟ้ามืดเลิกมุ่งร้ายสำนักหยกพิสุทธิ์ จะได้รับอาวุธเวทหนึ่งชิ้นและเคล็ดวิชาเวทหนึ่งเล่ม]

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

จิตใต้สำนึกเขาจะเลือกตัวเลือกแรก หลีกเลี่ยงให้ไกลจากอันตราย

แต่คิดย้อนไปอีกที ข้าสวมอาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทองอยู่ ข้าจะกลัวสิ่งใดอีก

หานเจวี๋ยถามว่า “แล้วท่านอาจารย์เล่า”

เซียนซีเสวียนกล่าวตอบด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “อาจารย์จะร่วมเป็นร่วมตายกับสำนักหยกพิสุทธิ์”

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ลังเลที่จะพูด

หานเจวี๋ยกล่าวขึ้นอย่างจริงจัง “เช่นนั้นศิษย์ก็จะร่วมเป็นร่วมตายกับอาจารย์ด้วย”

ทำภารกิจ ถือโอกาสสร้างความประทับใจไปในตัว!

[ความประทับใจที่เซียนซีเสวียนมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 3 ดาว]

3 ดาวแล้ว!

หากเพิ่มขึ้นอีกดาว ก็จะพัฒนาเป็นคู่บำเพ็ญเพียรได้ใช่หรือไม่?

มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจของหานเจวี๋ย

‘เพ้อเจ้อแล้ว

จิตใจข้าแสวงหามรรค ต้องไม่สกปรกโสมม’

เซียนซีเสวียนไม่เปลี่ยนสีหน้า ถามขึ้นว่า “แน่ใจรึ เจ้ากลัวตายไม่ใช่หรือ”

“มนุษย์ย่อมต้องตาย ไม่ว่าเบากว่าขนนก หรือหนักกว่าเขาไท่ซาน ข้าแสวงหาอายุขัยยืนยาว แต่ก็ไม่คิดจะทอดทิ้งอาจารย์เช่นกัน”

“อาจารย์ไม่ได้สอนสิ่งใดให้แก่เจ้า”

“แม้ไม่ได้สอน แต่ว่ามีพระคุณลึกซึ้ง ท่านอาจารย์ช่วงชิงโอกาสวาสนามาให้ศิษย์หลายครั้ง และยังช่วยศิษย์จัดการปัญหาที่อาจเกิดขึ้นบางอย่าง ศิษย์ล้วนจดจำไว้ในใจ”

คำพูดเหล่านี้ เขาพูดออกมาจากใจจริง

ตายแล้วเกิดใหม่ มีชีวิตอยู่มาหกสิบกว่าปี เซียนซีเสวียนนับว่าเป็นคนที่ดีต่อเขาที่สุดแล้ว

แม้ว่าสิงหงเสวียนจะประทับใจเขามากที่สุด แต่ก็เคยขู่เข็ญเขามาก่อน

ตั้งแต่เขาคารวะเซียนซีเสวียนเป็นอาจารย์ เซียนซีเสวียนไม่เคยทำให้เขาลำบากใจเลย ถึงแม้เขาจะไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของนาง เซียนซีเสวียนก็ไม่เคยตำหนิเขา

อาจารย์ที่ดีเช่นนี้ หานเจวี๋ยไม่อยากให้นางตายไปจริงๆ

ทว่าหากพบศัตรูที่ไม่สามารถต่อกรได้ เช่นนั้นหานเจวี๋ยก็ยังต้องรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ก่อน

ภารกิจสำคัญของชีวิตจะยุ่งเหยิงไม่ได้!

อายุยืนยาว!

อายุยืนยาว!

อายุยืนยาว!

หลังจากฟังคำพูดที่ออกมาจากใจของหานเจวี๋ยแล้ว เซียนซีเสวียนเผยยิ้มออกมา ในใจเต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม

“สมกับที่เป็นศิษย์ยอดเขาหยกวิเวกของข้า แต่เรื่องนี้ไม่ร้ายแรงถึงขั้นต้องยุบสำนักหรอก เจ้าสำนักหายสาบสูญไป แต่ภูมิหลังของสำนักหยกพิสุทธิ์ยังอยู่ อาจารย์เห็นว่าปกติเจ้ากลัวความตายเสียเหลือเกิน จึงให้เจ้ารีบหนีไปก่อน” เซียนซีเสวียนยิ้มกล่าว

หานเจวี๋ยพยักหน้า ถามว่า “เจ้าสำนักหายสาบสูญที่ใดหรือ”

“เขาไปตรวจสอบลัทธิมารฟ้ามืด”

“เป็นเช่นนี้นี่เอง”

หานเจวี๋ยโล่งใจในทันที

หากว่าถูกคนลักพาในสำนักหยกพิสุทธิ์ เช่นนั้นสถานการณ์จะยิ่งแย่กว่าเดิม

ลัทธิมารฟ้ามืดล้อมโจมตีหลี่ชิงจื่อหลายสิบครั้ง มีแต่ทำให้หลี่ชิงจื่อบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น ดูแล้วน่าจะไม่มีระดับเปลี่ยนวิญญาณอยู่ด้วย

หากเป็นเช่นนั้นละก็ หานเจวี๋ยก็ไม่ร้อนใจแล้ว

ระดับปราณก่อกำเนิดฆ่าเขาไม่ตายหรอก

“ช่วงนี้เจ้าฝึกบำเพ็ญมีสิ่งใดไม่เข้าใจหรือไม่” เซียนซีเสวียนถามขึ้นด้วยสายตาอ่อนโยน

จะว่าไปแล้ว นางยังไม่เคยชี้แนะศิษย์ผู้นี้อย่างแท้จริงเลย

หานเจวี๋ยส่ายหน้าตอบ “ไม่มีขอรับ ไม่ขอรบกวนท่านอาจารย์ดีกว่า”

ถ้าฝึกฝนกับเซียนซีเสวียน ตบะระดับรวมแก่นปราณของเขาจะถูกเปิดเผยมิใช่หรือ

ถึงตอนนั้นหากเรื่องไปถึงหูของผู้อาวุโสในสำนัก ไม่แน่อาจจะลากเขาไปใช้แรงงานก็เป็นได้

เซียนซีเสวียนได้ยิน ก็แค่นเสียงกล่าวทันที “เช่นนั้นก็ไปเสียเถอะ!”

“ศิษย์น้อมรับคำสั่ง!”

หานเจวี๋ยจากไป

เขาเพิ่งจะออกจากตำหนัก เซียนซีเสวียนก็หยิบถุงเก็บสมบัติหนึ่งใบยื่นให้ฉางเยวี่ยเอ๋อร์พลางเอ่ย “ช่วยเหลือศิษย์น้องของเจ้าตามที่ข้าบอก”

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์พยักหน้า ลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

หานเจวี๋ยเพิ่งจะบินออกจากยอดเขาหยกวิเวกก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศดังมาด้านหลัง เขาหันไปมองก็เห็นฉางเยวี่ยเอ๋อร์ขี่กระบี่ตามมา

“ศิษย์น้องหาน คอยศิษย์พี่หญิงด้วย!”

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์โบกมือตะโกน บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเบิกบาน

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว หยุดลงทันที

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์มาที่ด้านข้างเขา ยกถุงเก็บสมบัติในมือขึ้นพร้อมกล่าว “ข้างในนี้มีค่ายกลหนึ่งชุดกับเมล็ดหญ้าวิญญาณ อาจารย์ให้ข้าช่วยเจ้าวางค่ายกลและปลูกหญ้าวิญญาณ จะได้เพิ่มพลังวิญญาณในถ้ำเทวาของเจ้า”

เมื่อหานเจวี๋ยได้ฟัง คิ้วที่ขมวดก็คลายออกทันที เขาประสานมือแล้วพูดว่า “ขอบคุณท่านอาจารย์ ขอบคุณศิษย์พี่หญิง”

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ยิ้มมีความสุขยิ่งขึ้นไปอีก

ทั้งสองคนบินไปยังถ้ำเทวาฟ้าประทานต่อ

เมื่อมาถึงปากถ้ำเทวา ฉางเยวี่ยเอ๋อร์มองเห็นตัวอักษรที่อยู่บนประตูหินแล้วก็แสดงสีหน้าพิลึก พึมพำเบาๆ ว่า “อดทนเพื่อทะเลกว้างฟ้ากระจ่าง…ชื่อนี้ช่าง…”

หานเจวี๋ยมีสีหน้าไร้อารมณ์ เข้าถ้ำเทวานำไปก่อน

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์รีบสาวเท้าตามไป นางหยุดอยู่ริมทางเดินในถ้ำ หยิบอุปกรณ์ค่ายกลออกมาจากถุงเก็บสมบัติ แล้วจึงเริ่มวางค่ายกล

หานเจวี๋ยหมุนตัวเดินกลับมายืนอยู่ด้านหลังนาง และตั้งใจสังเกตดู

เรียนรู้การจัดวางค่ายกลไว้ จะเป็นผลดีในภายภาคหน้าเช่นกัน

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์สังเกตเห็นว่าเขาอยู่ด้านหลัง ก็อดไม่ได้ที่จะจริงจังมากขึ้น

ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วยาม ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ถึงจะจัดวางค่ายกลเสร็จสิ้น นางฝังปุ่มเปิดปิดซึ่งเป็นหยกก้อนหนึ่งไว้บนผนังถ้ำ เพียงส่งพลังวิญญาณเข้าไปก็เปิดใช้งานได้

ค่ายกลนี้สามารถซ่อนปากถ้ำเอาไว้ หากพยายามบุกเข้าไป จะเข้าไปติดอยู่ในภาพลวงตา ไม่อาจถอนตัวออกไปได้

หานเจวี๋ยทอดถอนใจกล่าว “ไม่นึกว่าท่านจะทำเรื่องพวกนี้ได้ด้วย”

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ยิ้มบอกอย่างภูมิใจ “เจ้าคิดว่าข้าอยู่กับอาจารย์บ่อยๆ เพราะเรียนรู้สิ่งใดอยู่ อย่ามองว่าตบะของข้าเทียบเจ้าไม่ได้ การหลอมโอสถ เขียนยันต์ วางค่ายกล ขับไล่สิ่งชั่วร้าย ข้าล้วนทำได้ทั้งสิ้น!”

หานเจวี๋ยเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อนางใหม่

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์หันกายเดินเข้าไปในถ้ำ นางพินิจรอบหนึ่ง จากนั้นเดินไปยังริมสระและเริ่มปลูกหญ้าวิญญาณ

“ในวันหน้าหากข้ากลายเป็นเซียน ข้าจะให้ท่านเป็นเด็กหลอมโอสถ ท่านต้องเพิ่มพูนความสามารถเหล่านี้ให้ดี” หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์แค่นเสียงก่อนกล่าว “ฝันไปเถอะ ข้าเป็นศิษย์พี่หญิงของเจ้า หากข้าจะเป็นก็ต้องเป็น…หึๆ!”

จู่ๆ นางก็หัวเราะขึ้นมา

หานเจวี๋ยแกล้งโง่ ไม่ต่อคำพูดด้วย

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์หาเรื่องให้ตนเองอับอายเสียได้ นางปลูกหญ้าวิญญาณต่อไป

หลังจากผ่านไปชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชา[1] นางก็ปลูกพืชทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย

หานเจวี๋ยรีบกล่าวขอบคุณ

“เอาเช่นนี้แล้วกัน ไม่รบกวนเวลาฝึกฝนของเจ้าแล้ว อีกสักระยะหนึ่งศิษย์พี่หญิงจะย้ายมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้า เป็นอย่างไร?” ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ปิดปากหัวเราะพลางถาม ทั้งยังชม้ายตาให้หานเจวี๋ยด้วย

หานเจวี๋ยตื่นตัว ถามขึ้นว่า “ท่านคิดจะเกาะถ้ำเทวาของข้ากินหรือ”

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์กลอกตาให้เขาหนึ่งที ก่อนจะหมุนตัวจากไปอย่างโมโห

รอจนนางออกจากถ้ำเทวาไปแล้ว หานเจวี๋ยจึงค่อยถอนหายใจยาวๆ

เขาตบๆ กลางหน้าอก พึมพำว่า “หานเจวี๋ยหนอหานเจวี๋ย อยากจะปกป้องร่างกายของเจ้านี่ช่างยากเสียจริง!”

หานเจวี๋ยเดินไปตรงปากถ้ำ เมื่อเปิดการทำงานของค่ายกลแล้ว ก็กลับไปเริ่มฝึกบำเพ็ญบนเตียงไม้

ระดับรวมแก่นปราณขั้นหนึ่งยังไม่สามารถทำให้เขาพอใจได้!

หลังจากฝึกฝนวิชาวัฏจักรหกวิถีจนถึงขั้นที่สาม ความเร็วในการดูดซับพลังวิญญาณของเขามากกว่าเมื่อก่อนไปไกล กอปรกับพลังวิญญาณที่หนาแน่นของถ้ำเทวาฟ้าประทาน เขาจึงฝึกฝนอย่างมีความสุขยิ่ง

ชั่วพริบตาเดียว

ห้าปีหายวับไปกับตา

รากวิญญาณอัสนีของหานเจวี๋ยฝึกฝนไปจนถึงระดับรวมแก่นปราณขั้นสาม ส่วนรากวิญญาณสายอื่นยังไม่ได้เริ่มฝึกฝน

เขาวางแผนจะฝึกฝนรากวิญญาณอัสนีให้ถึงรวมแก่นปราณขั้นเก้าเสียก่อน จึงค่อยฝึกฝนรากวิญญาณสายอื่น ถึงอย่างไรลัทธิมารฟ้ามืดก็เข้าโจมตีได้ทุกเมื่อ

อายุขัยของเขาก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย บนเส้นทางแห่งการฝึกบำเพ็ญมีหลายวิธีที่จะเพิ่มอายุขัย อย่างเช่นโอสถลูกกลอน ของล้ำค่าฟ้าดิน และวิชายุทธ์

ขีดจำกัดอายุขัยของหานเจวี๋ยเป็นเพียงขีดจำกัดอายุขัยพื้นฐานที่สุดของเขาเท่านั้น หากตบะไม่สามารถทะลวงระดับ ก็ยังใช้วิธีอื่นช่วยเพิ่มได้

ในห้าปีนี้ สำนักหยกพิสุทธิ์ยังคงสงบสุขไม่มีเรื่องใด

แต่ทว่า

เจ้าสำนักหลี่ชิงจื่อมักถูกผู้ฝึกสายมารไล่สังหาร บาดเจ็บหนักอยู่ร่ำไป

โม่ฟู่โฉวและโจวฝานก็ถูกผู้ฝึกสายมารโจมตีบ่อยครั้งเช่นกัน ดูเหมือนพวกเขาเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกกันได้มีสีสันยิ่งนัก

เมื่อใดก็ตามที่เห็นว่าพวกเขาถูกผู้ฝึกสายมารโจมตี หานเจวี๋ยจะรู้สึกดีใจที่ตนโชคดี โชคดีที่ไม่ได้ไปผสมโรงกับพวกเขา

ในเวลานี้หานเจวี๋ยยังฝึกฝนอยู่ ทันใดนั้นก็มีประโยคหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า

[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]

……………………………………..

[1]หนึ่งถ้วยชา เป็นคำเรียกเวลาโดยประมาณของคนจีนโบราณ ใช้เปรียบถึงช่วงเวลาที่สั้นมาก บางตำราเทียบว่าประมาณ 10 – 15 นาที

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
Score 9.8
Status: Ongoing
อ่านระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะเนื่องจากชาติก่อนเป็นโรครักษาไม่หาย ตายก่อนวัยอันควร เมื่อได้กลับมาเกิดใหม่ในแดนบำเพ็ญเซียน เขาจึงมีเป้าหมายเดียว... ชีวิตอมตะ! หานเจวี๋ยพบว่าตนเองมีระบบของเกมวิถีชีวิตอยู่กับตัว หลังจากใช้เวลากว่าสิบเอ็ดปี ในที่สุดก็สุ่มได้ดวงชะตาและรากวิญญาณชั้นเลิศจากระบบ ทำให้เขาสามารถเข้าสู่วิถีแห่งการบำเพ็ญเซียนได้อย่างมั่นใจ เพื่อเป้าหมายการมีชีวิตเป็นอมตะ เขาตัดสินใจฝึกฝนเงียบๆ เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ให้เป็นจุดสนใจ กระทั่งพันปีต่อมา แดนบำเพ็ญเซียนเปลี่ยนไปยุคแล้วยุคเล่า เมื่อเทพเซียนจะชำระล้างโลกมนุษย์ หานเจวี๋ยไม่อาจไม่ลงมือ ยามนั้นเขาจึงเพิ่งค้นพบว่า... เทพเซียนมันก็แค่นี้เอง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset