ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – ตอนที่ 31 ฆ่าหนึ่งคนในสิบย่างก้าว เสร็จเรื่องแล้วสะบัดแขนเสื้อจาก!

บทที่ 31 ฆ่าหนึ่งคนในสิบย่างก้าว เสร็จเรื่องแล้วสะบัดแขนเสื้อจาก!
ยอดเขาหลักของสำนักหยกพิสุทธิ์

ผู้อาวุโสจากสิบแปดยอดเขาล้วนบาดเจ็บสาหัส บ้างก็นั่งสมาธิรักษาบาดแผล บ้างก็นอนอยู่บนพื้นไม่อาจลุกขึ้นมาได้

พวกเขาทั้งหมดจ้องไปบนฟ้า หลี่ชิงจื่อและผู้อาวุโสสูงสุดกำลังต่อสู้กับต้วนทงเทียนอย่างดุเดือด

ต้วนทงเทียนสวมชุดคลุมสีดำสะบัดตามลม ด้านหลังมีภูเขาดำขนาดมหึมาลอยอยู่ สายฟ้าฟาดตัดสลับกันอยู่เหนือภูเขานั้น แรงดึงดูดที่มหาศาลนี้ทำให้หลี่ชิงจื่อและผู้อาวุโสสูงสุดเคลื่อนไหวยากลำบาก ลมคลั่งพัดโหมบนภูเขา ม้วนเอาต้นไม้นับไม่ถ้วนลอยขึ้นมา ฝุ่นละอองปลิวว่อนปะปนกับประกายไฟ

หลี่ชิงจื่อและผู้อาวุโสสูงสุดต่างบาดเจ็บ ชุดคลุมขาดวิ่น ผมหลุดลุ่ย สภาพจนตรอกยิ่ง

ถึงแม้พละกำลังของพวกเขาจะแผ่วปลาย แต่ก็ยังต้องต่อสู้

พวกเขารู้ดีว่าหากตนเองตาย สำนักหยกพิสุทธิ์ต้องจบสิ้นเป็นแน่!

ผิวกายของทั้งสองเปล่งแสงสีทอง กล้ามเนื้อภายใต้เสื้อคลุมที่ฉีกขาดเต็มไปด้วยพลังโจมตี

วิชากายทองเทียนกัง!

หากไม่พึ่งสุดยอดวิชานี้ พวกเขาดับดิ้นไปนานแล้ว

ต้วนทงเทียนมองลงมายังพวกเขา แสยะยิ้มกล่าวว่า “ยอมแพ้เสียเถอะ พวกเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าเลยสักนิด หากพวกเจ้าคุกเข่าขอความเมตตา บางทีข้าอาจยอมให้ศิษย์สำนักหยกพิสุทธิ์ของพวกเจ้าทรมานน้อยกว่านี้สักหน่อย”

“บุญคุณความแค้นที่ต่อเนื่องมาหลายร้อยปี ก็ควรจบลงได้แล้ว!”

หลี่ชิงจื่อถ่มเลือดออกมา มือถือไม้วัดทองพลางตะโกนด่า “ต้วนทงเทียน ศิษย์สำนักหยกพิสุทธิ์แม้ต้องตาย ก็จะไม่ยอมก้มหัวให้ฝ่ายมารเด็ดขาด!”

เขาตวัดไม้วัดออกไป วายุเพลิงลุกโชนขึ้นจากพื้นดิน ก่อนม้วนกวาดไปยังต้วนทงเทียน

ต้วนทงเทียนสะบัดมือเบาๆ ภูเขาสีดำด้านหลังก็ดูดเอาวายุเพลิงเข้าไป

ผู้อาวุโสสูงสุดลอบสบถ กัดฟันกล่าวขึ้นว่า “เขาลูกนี้เป็นแม่เหล็กทมิฬตามธรรมชาติ พลังวิญญาณถูกมันดูดกลืนเข้าไปแล้วจะดับสลาย มารเช่นนี้ไม่ต้องร่ายวิชา อาศัยแม่เหล็กทมิฬตามธรรมชาติก็สังหารเราได้แล้ว!”

ต้วนทงเทียนยังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ แต่จงใจหยอกล้อ ทรมานพวกเขา

“สมควรตาย! พวกเราควรทำอย่างไรดี?”

หลี่ชิงจื่อกำหมัดทั้งสองข้างแน่น ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

ผู้อาวุโสสูงสุดนิ่งเงียบ

เซียนซีเสวียนที่อยู่ไม่ไกลถอนหายใจ

ท้ายที่สุดสำนักหยกพิสุทธิ์ก็จบสิ้นอยู่ดี!

เซียนซีเสวียนอดนึกถึงหานเจวี๋ยขึ้นมาไม่ได้

เจ้าเด็กนั่นน่าจะยังปิดด่านฝึกฝนอยู่!

เซียนซีเสวียนทั้งโกรธทั้งหมดหนทาง ในใจเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม

เมื่อคิดถึงศิษย์คนอื่นๆ นางยิ่งรู้สึกผิดกว่าเดิม

“เป็นถึงอาจารย์แต่ปกป้องพวกเจ้าไม่ได้ ทำได้เพียงให้พวกเจ้าหนีไปก่อน…”

เซียนซีเสวียนลุกขึ้นมาช้าๆ ร่างของนางโงนเงนไปมา แต่แววตาเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น

แม้จะต้องตาย นางก็ขอตายเพื่อสำนักหยกพิสุทธิ์!

ริมหน้าผาสูงชัน โม่จู๋ถูกผู้บำเพ็ญสายมารสองคนขวางเอาไว้

“ฮิๆ คนงาม หากเจ้ายอมปรนนิบัติพวกเราสองพี่น้อง ทำให้พวกข้ามีความสุข บางทีอาจไม่ต้องตายก็ได้!”

หนึ่งในนั้นเอ่ยพร้อมหัวเราะแปลกๆ สายตาที่มองโม่จู๋หื่นกระหาย

โม่จู๋มองไปทางด้านหลังพวกเขา โม่ฟู่โฉวถูกผู้บำเพ็ญระดับรวมแก่นปราณของลัทธิมารฟ้ามืดมารสามคนล้อมไว้ ไม่สามารถปลีกตัวมาช่วยนางได้

“น่ารังเกียจนัก…”

โม่จู๋กัดฟัน หมุนตัวแล้วพลันกระโดดลงไป

ต่อให้นางต้องตาย ก็ไม่ยอมถูกผู้บำเพ็ญสายมารย่ำยีศักดิ์ศรี!

นางร่วงลงมากลางอากาศ ร่างทะลุผ่านทะเลเมฆชั้นแล้วชั้นเล่า

นางอยากใช้วิชาขี่กระบี่ แต่พลังวิญญาณภายในร่างหมดสิ้นแล้ว

นางยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ในอีกไม่ช้าก็จะตายจริงๆ แล้ว

โม่จู๋ปิดเปลือกตาลงช้าๆ ใบหน้าคนคนหนึ่งพลันปรากฏขึ้นมาในความคิด

ใบหน้าล้ำเลิศที่งดงามเสียยิ่งกว่าสตรี

‘หากว่าข้ามีความมุ่งมั่นเช่นเขา บากบั่นฝึกฝนเสมอมา ถึงตอนนี้จะต้องตายก็คงกำจัดผู้บำเพ็ญสายมารได้อีกสักสองสามคน

เฮ้อ

หานเจวี๋ย เราจะได้พบกันอีกในชาติหน้าหรือไม่?

ไม่สิ

หวังว่าในภพหน้าของข้า ท่านจะสำเร็จมรรคกลายเป็นเซียนแล้ว’

หยดน้ำตาใสรินไหลออกจากหางตาของโมจู๋

ทันใดนั้นเอง จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าตนเองถูกใครบางคนรับไว้

น้ำเสียงที่คุ้นเคยลอยเข้ามา

“แม่นางโม่ เหตุใดท่านร่วงลงมาได้?”

หานเจวี๋ย!

โม่จู๋ตะลึงงัน อะไรคือร่วงลงมา?

หรือว่าหานเจวี๋ยตายไปแล้ว?

พวกเขาพบกันที่ปรโลกหรือ?

โม่จู๋ลืมตาขึ้น สิ่งที่เห็นคือใบหน้าหล่อเหลาเหนือใครของหานเจวี๋ย

นางกำลังนอนซบอยู่ในอ้อมอกเขา

หานเจวี๋ยสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของโม่ฟู่โฉว จึงรีบอุ้มโม่จู๋โบยบินขึ้นไปทันที

ไม่พูดไม่ได้ว่า เรือนร่างของเด็กสาวคนนี้ชวนตะลึงไม่เบาเลย กอดแล้วนุ่มสบายดีจริง!

ถุย!

คิดบ้าอะไรกัน!

นี่ต้องเป็นบททดสอบที่มหามรรคมีให้เขาแน่!

“พวกเราตายแล้วหรือ?” โม่จู๋จ้องมองเขาอย่างโง่งม เอ่ยถามอย่างอ่อนแรง

หานเจวี๋ยได้ยินดังนั้น ก็ยกมือขวาขึ้นมา

เพียะ!

เขาสะบัดมือตบเข้าที่หน้าของโม่จู๋ โม่จู๋ที่ถูกตบพลันตกใจตื่นจากภวังค์

เจ็บนัก!

โม่จู๋ยกมือกุมแก้มที่แดงก่ำ พลางมองหานเจวี๋ยด้วยความตะลึง

ทั้งสองกลับมายังริมหน้าผา หานเจวี๋ยกวาดตามอง เห็นโม่ฟู่โฉวกำลังถูกผู้บำเพ็ญสายมารสามคนล้อมโจมตี

เขาสำแดงวิชาสามกระบี่แยกเงาทันใด

แสงกระบี่สว่างวาบ เลือดสาดกระเซ็น!

ผู้บำเพ็ญสายมารทั้งสามพลันถูกเงากระบี่สังหาร

โม่ฟู่โฉวอึ้งตะลึงอยู่กลางอากาศ

ผู้แข็งแกร่งระดับรวมแก่นปราณสามคนถูกฆ่าในพริบตาเดียวหรือ?

เมื่อเขาเห็นชัดเจนว่าหานเจวี๋ยเป็นผู้ลงมือ ก็เผยสีหน้าตื่นตะลึง

เป็นไปได้อย่างไร!

“พี่หาน…” โม่ฟู่โฉวกำลังจะพูด หานเจวี๋ยก็ส่งโม่จู๋ให้กับเขาทันใด

“ดูแลนางให้ดี”

ทิ้งท้ายไว้เช่นนี้แล้ว หานเจวี๋ยก็บินไปทางยอดเขาหลัก

[ความประทับใจที่โม่จู๋มีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 5.5 ดาว]

หานเจวี๋ยไม่สนใจข้อความแจ้งเตือนนี้

ระหว่างทาง เขาใช้นิ้วแทนกระบี่ สำแดงวิชาดรรชนีกระบี่เทพอย่างต่อเนื่อง ส่งปราณกระบี่ออกไปกำจัดผู้บำเพ็ญสายมารตามรายทางคนแล้วคนเล่า

เหล่าศิษย์สำนักหยกพิสุทธิ์มองไปทางเขาด้วยความตื่นตกใจ

“คนผู้นั้นคือใคร?”

“เก่งกาจเหลือเกิน!”

“หรือว่าจะเป็นผู้อาวุโสคนใดของสำนัก? เหตุใดถึงไม่เคยพบเจอมาก่อน?”

“เดี๋ยวก่อน เหมือนเขาจะเป็นศิษย์ยอดเขาหยกวิเวก ได้อันดับสามในการทดสอบสำนักฝ่ายในเมื่อหลายสิบปีก่อน”

“หรือว่าคนผู้นี้จะเป็นศิษย์แกนหลัก?”

หานเจวี๋ยมองข้ามสายตาระหว่างทาง และแผ่พลังจิตออกไป

เขาสัมผัสได้ถึงอานุภาพกดดันอันทรงพลังจากยอดเขาหลัก

กลิ่นอายของระดับเปลี่ยนวิญญาณ!

เมื่อหานเจวี๋ยผ่านยอดเขาหยกวิเวก ก็จับสัมผัสกลิ่นอายของฉางเยวี่ยเอ๋อร์ได้

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์และเหล่าศิษย์ยอดเขาหยกวิเวกกำลังรวมกันต่อสู้ แต่จำนวนของผู้บำเพ็ญสายมารมากกว่าเป็นสองเท่า สถานการณ์ศึกย่ำแย่มาก

หานเจวี๋ยสะบัดมือ สามกระบี่แยกเงาพุ่งออกไปในฉับพลัน

เงากระบี่ต่างสีสามสายรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด สังหารผู้บำเพ็ญสายมารคนแล้วคนเล่า

ชั่วขณะนั้น เสียงร้องโหยหวนดังไม่มีที่สิ้นสุด

พวกหลิ่วซานซินและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ต่างตกตะลึง หันไปมองตามจิตใต้สำนึก และเห็นหานเจวี๋ยบินจากไปจากที่ไกลๆ พอดี

“ศิษย์น้องหาน!”

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ร้องเรียกอย่างประหลาดใจ

ผู้บำเพ็ญสายมารที่อยู่รายรอบตกใจจนหนีเตลิด แต่สามกระบี่แยกเงากลับไล่สังหารพวกเขาต่อ ตอนที่หานเจวี๋ยหายลับไปจากสายตาของผู้คนแล้ว สามกระบี่แยกเงาก็ปลิดชีพผู้บำเพ็ญสายมารไปแล้วเกือบร้อยคน

ฆ่าหนึ่งคนในสิบย่างก้าว เสร็จเรื่องแล้วสะบัดแขนเสื้อจาก!

“ใช่ศิษย์น้องหานจริงหรือ?”

ศิษย์พี่ใหญ่หลิ่วซานซินมีสีหน้าไร้จิตวิญญาณ

พลังที่หานเจวี๋ยแสดงออกมาแข็งแกร่งเกินไป เขาถึงกับนึกว่าหานเจวี๋ยแค่ผ่านทางมา ผู้ลงมือที่แท้จริงเป็นยอดฝีมือคนอื่น

ยอดเขาหลัก ภายในป่า

สิงหงเสวียนเอนหลังพิงลำต้นไม้ เลือดที่แขนขวาไหลไม่หยุด บนชุดคลุมเปรอะเปื้อนเลือดเป็นหย่อมๆ ทั้งร่างเย็นชาทว่างดงาม

ชายชุดดำคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้านาง

ในมือของชายชุดดำถือดาบหัวแหวนเล่มหนึ่ง ใบหน้าแย้มยิ้มชั่วร้าย

“ข้าจะให้โอกาสเจ้า กลับไปแล้วแต่งกับข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าสักครั้ง หากว่าไม่เป็นเช่นนั้น เจ้าก็ตายเสียที่นี่ ข้าจะดูดดวงวิญญาณของเจ้า เอามาหลอมเป็นผีรับใช้!”

เมื่อเผชิญกับการขู่บังคับของชายชุดดำ สิงหงเสวียนกัดฟันกล่าวว่า “ข้าไม่อาจกลับไปลัทธิมารฟ้ามืดอีก ตอนแรกที่ต้วนทงเทียนบีบคั้นจนพ่อแม่ของข้าตาย ข้าก็ตัดสินใจแล้วว่าจะล้างแค้น!

ส่วนเรื่องแต่งกับเจ้า เจ้าคู่ควรด้วยงั้นรึ?”

ในดวงตาของชายชุดดำฉายจิตสังหารวาบผ่าน

จะตายอยู่รอมร่อ ยังบังอาจมาเยาะหยันข้า!

รนหาที่ตายจริงๆ!

ขณะที่ชายชุดดำจะเอ่ยปาก ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น เห็นเพียงเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศเหนือป่า

สิงหงเสวียนเงยหน้ามอง ก่อนขานเรียกอย่างแปลกใจ “ท่านพี่!”

หานเจวี๋ยถามด้วยสีหน้าเฉยชา “แม่นางสิง ต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?”

…………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
Score 9.8
Status: Ongoing
อ่านระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะเนื่องจากชาติก่อนเป็นโรครักษาไม่หาย ตายก่อนวัยอันควร เมื่อได้กลับมาเกิดใหม่ในแดนบำเพ็ญเซียน เขาจึงมีเป้าหมายเดียว... ชีวิตอมตะ! หานเจวี๋ยพบว่าตนเองมีระบบของเกมวิถีชีวิตอยู่กับตัว หลังจากใช้เวลากว่าสิบเอ็ดปี ในที่สุดก็สุ่มได้ดวงชะตาและรากวิญญาณชั้นเลิศจากระบบ ทำให้เขาสามารถเข้าสู่วิถีแห่งการบำเพ็ญเซียนได้อย่างมั่นใจ เพื่อเป้าหมายการมีชีวิตเป็นอมตะ เขาตัดสินใจฝึกฝนเงียบๆ เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ให้เป็นจุดสนใจ กระทั่งพันปีต่อมา แดนบำเพ็ญเซียนเปลี่ยนไปยุคแล้วยุคเล่า เมื่อเทพเซียนจะชำระล้างโลกมนุษย์ หานเจวี๋ยไม่อาจไม่ลงมือ ยามนั้นเขาจึงเพิ่งค้นพบว่า... เทพเซียนมันก็แค่นี้เอง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset