ระบบเจ้าสำนัก ตอนที่1770

  หากโลกขั้นที่ 9 ทั้งหมดล้วนเป็นตัวเร่งการกำเนิดของบรรพกาล งั้นจางหยูก็สามารถควบคุมบรรพกาลเป็นร้อยเป็นพันแห่งหรืออาจจะมากกว่านั้น…หากเขาต้องการ เขาก็สามารถสร้างโลกขึ้นมาได้อีก เมื่อโลกเหล่านั้นขึ้นเป็นโลกขั้นที่ 9 บรรพกาลก็จะกำเนิดขึ้นมาอีก จำนวนของมันอาจจะไร้ขีดจำกัด

  จ้าวบรรพกาล ?

  การควบคุมบรรพกาลหนึ่งแห่งนั้นเรียกว่าจ้าวบรรพกาล แต่การควบคุมบรรพกาลได้หลายร้อยหรือไม่จำกัดจะเรียกว่าอะไร ?

  จางหยูกลัวจนไม่กล้าจะคิดต่อ มันราวกับฝันที่ไม่เป็นจริง

  เขาไม่เคยคิดเลยว่าโลกบรรพกาลและโลกผนึกเทพจะไม่ได้อยู่ในบรรพกาลเดียวกัน ทั้งสองอยู่คนละบรรพกาล มันหมายความว่าจางหยูประเมินโลกตันเถียนต่ำเกินไป โลกตันเถียนนั้นมีขีดความสามารถที่สูงและน่ากลัวกว่าที่เขาคิดเอาไว้

  แต่ตอนนี้มีปัญหาหนึ่งที่จางหยูยังแก้ไม่ตก นั่นก็คือ…เขาจะเป็นจ้าวบรรพกาลยังไง?

  แม้ว่าตอนนี้จะมีบรรพกาลสองแห่งแต่เขาก็ยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับหมื่นเท่า อย่างมากเพราะบรรพกาลทั้งสองแห่ง ทำให้จิตผู้สร้างของเขาเหนือกว่าราชาทั่วไป แต่หากเทียบกับจ้าวบรรพกาลที่แท้จริงแล้วมันยังต่างกันอย่างมาก

  เขาต้องคิดหาคำตอบให้ได้ว่าเขาจะก้าวข้ามขอบเขตนี้ขึ้นไปเป็นจ้าวบรรพกาลได้ยังไง ?

  เขาต้องรอให้บรรพกาลทั้งสองพัฒนาไปก่อนรึต้องลองอย่างอื่น ?

  ตามหลักการแล้วเขาควบคุมบรรพกาลถึงสองแห่ง ก็สามารถเรียกว่าจ้าวบรรพกาลได้แล้ว กระทั่งแข็งแกร่งกว่าจ้าวบรรพกาลทั่วไป แต่ตอนนี้เขากลับไม่มีพลังของจ้าวบรรพกาลเลย ในบรรพกาลนั้นเขาสามารถควบคุมพลังบรรพกาลได้ แต่ในโกลาหล เขากลับไม่สามารถควบคุมพลังบรรพกาลหรือจะบอกว่าพลังโกลาหลได้ ความหมายก็คือช่องว่างระหว่างเขากับจ้าวบรรพกาลนั้นยังห่างไกลกันมาก

  จะต้องทำยังไงถึงจะใช้พลังบรรพกาลได้ ?

  จางหยูตรวจสอบพลังบรรพกาลรอบตัวแล้วครุ่นคิด

  เขารู้ดีว่ามีแค่การควบคุมพลังบรรพกาลได้ตามใจเท่านั้นที่จะทำให้เขาขึ้นเป็นจ้าวบรรพกาลอย่างแท้จริง

    จ้าวโกลาหลควบคุมพลังโกลาหลได้ตามใจรึ?  จางหยูคิด

  ผ่านไปสักพัก จางหยูก็ยังไม่ได้เบาะแสอะไรเพราะเขาไม่เคยพบกับจ้าวโกลาหลมาก่อน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจ้าวโกลาหลมีจริงรึไม่

  หลังจากครุ่นคิดอยู่นานแต่ก็ไม่ได้คำตอบ เขาก็ออกจากโลกตันเถียนและมุ่งหน้าไปที่โลกป่า จากนั้นก็เดินทางออกสู่โกลาหลภายนอก เขาตรวจสอบโกลาหลรอบตัวเพื่อดูว่ามีความแตกต่างจากบรรพกาลตรงไหน ผ่านไปสักพัก จางหยูก็ดึงการรับรู้กลับมา หลังจากที่เปรียบเทียบกันแล้วเขาก็มั่นใจว่าโกลาหลกับบรรพกาลนั้นเหมือนกัน หากต้องพูดถึงความต่าง งั้นความต่างอย่างเดียวคือพลังโกลาหลนั้นหนาแน่นกว่าพลังบรรพกาลและมีพลังที่แข็งแกร่งกว่า

    หากข้าควบคุมพลังบรรพกาลได้โดยไม่ต้องใช้จิตผู้สร้างโลกตันเถียน…  จางหยูครุ่นคิดอีกครั้ง   งั้นข้าก็สามารถควบคุมพลังของข้าในที่แห่งนี้ได้!  

  แน่นอนนี่คือความเป็นไปได้อย่างหนึ่งเท่านั้น

  มันมีความเป็นไปได้อย่างอื่นอยู่อีก นั่นก็คือเขาไม่ได้สร้างมันขึ้นมา ดังนั้นไม่ว่าเขาจะทำยังไงเขาก็ไม่อาจจะควบคุมพลังนั้นได้

  หากอยากขึ้นเป็นจ้าวบรรพกาลจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องควบคุมพลังโกลาหล หากมีวิธีการอื่นที่จะนำพลังบรรพกาลออกมายังโลกภายนอกได้ มันก็จะเหมือนกับการควบคุมพลังโกลาหล

  จางหยูไม่รู้ว่าต้องใช้วิธีการไหน ไม่มีใครตอบคำถามของเขาได้ คนเดียวที่จะตอบเขาได้ก็คือจ้าวโกลาหล ที่บางทีอาจจะตายไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงได้แต่ต้องทดสอบด้วยตัวเอง

    จริงสิ ทักษะระดับสูง…  จางหยูนึกถึงทักษะระดับสูงในสุสาน สามารถเรียกว่าทักษะระดับสูงได้ ก็หมายความว่าจะต้องเหนือกว่าการใช้พลังสร้างทั่วไป  หรือนี่อาจจะเป็นวิธีควบคุมพลังโกลาหล? 

  แม้ว่ามันแค่อาจจะเป็นไปได้แต่ก็มีโอกาส หากจะลองดูก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

  คนที่ใช้ทักษะระดับสูงนั้นหาได้ยากมาก จนถึงตอนนี้จางหยูก็รู้จักแค่สี่คนเท่านั้น นั่นก็คือบรรพชนกระดูก, ซุนซิง, ซุนเมิ่งและตวนมู่หลินที่ตายไปแล้ว แม้ว่าทั้งสี่จะไม่เคยแสดงความสามารถในการควบคุมพลังโกลาหล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจางหยูจะทำไม่ได้ เพราะจางหยูได้สร้างบรรพกาลขึ้นมา สถานะของเขานั้นสามารถมองได้ว่าเป็นจ้าวบรรพกาล หรืออาจจะกล่าวได้ว่าจางหยูมีบุคลิกของเทพเซียน สิ่งเดียวที่ขาดไปก็คือวิถีของเทพเซียน

  เมื่อคิดแบบนั้นจางหยูก็พยายามใช้ทักษะแยกร่างออกมา แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ใช้พลังสร้างแต่กลับพยายามควบคุมพลังโกลาหลแทน

  ต่อมาก็เกิดฉากที่ทำให้จางหยูต้องตื่นเต้น รอบตัวเขามีคลื่นก่อตัวขึ้นมาก่อนจะรวมตัวกันเป็นร่างมนุษย์ จางหยูได้ทำการแบ่งเศษเสี้ยววิญญาณให้กับร่างแยก ไม่นานร่างแยกก็ถูกสร้างขึ้นมาได้สำเร็จ

    ได้ผล !   จางหยูตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกอย่างราบรื่นจนน่าเหลือเชื่อ

  ร่างนั้นแผ่คลื่นพลังพิเศษออกมา นอกจากคลื่นพลังของจางหยูแล้ว มันยังมีคลื่นพลังของโกลาหลอยู่ด้วย ราวกับว่าเป็นหนึ่งเดียวกัน ที่สำคัญที่สุดคือระดับการบ่มเพาะของร่างแยกนี้อยู่ระดับหมื่นเท่าไม่ต่างอะไรจากซุนเมิ่งและราชาคนอื่นๆ

  สิ่งที่จางหยูใช้ไปนอกจากเศษเสี้ยววิญญาณแล้ว เขาก็ใช้จิตผู้สร้างไปกว่าครึ่ง

  จิตผู้สร้างกว่าครึ่งนั้นแม้แต่ในโลกตันเถียนก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นฟูขึ้นมา

  แต่จางหยูก็ยังใจเต้นรัว มันหมายความว่าเขาเดาถูก

  นี่คือพลังที่แท้จริงของทักษะระดับสูง !

  แม้ว่าบรรพชนกระดูก, ซุนเมิ่ง, ตวนมู่หลินและคนอื่นๆจะมีทักษะระดับสูง แต่ไม่มีใครใช้พลังที่แท้จริงของมันออกมาได้ มีแค่ จางหยู คนเดียวที่ทำได้

  แต่หากต้องการใช้พลังที่แท้จริงของมันแล้วก็ต้องใช้จิตผู้สร้างเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจางหยูจะมีจิตผู้สร้างมากกว่าคนทั่วไปสองเท่า แต่ก็เกือบจะไม่พอ เห็นได้ว่าพลังที่ต้องใช้กับทักษะระดับสูงนั้นมากแค่ไหน

    ตอนนี้ ข้าถือว่าเป็นจ้าวบรรพกาลแล้วรึ?   จางหยูไม่มั่นใจ   ตามหลักการแล้ว ถ้าสามารถควบคุมพลังโกลาหลได้ก็เท่ากับว่าได้ก้าวขึ้นไปยังขอบเขตจ้าวโกลาหล แต่ข้ามีทักษะระดับสูงแค่สองอัน..   เขาควบคุมสติอารมณ์ให้ใจเย็น   จ้าวโกลาหลน่าจะควบคุมพลังโกลาหลได้อย่างอิสระ ไม่ใช่จำกัดแค่สองอย่าง ? 

  จางหยูใจเย็นลง เขาเข้าใจแล้วว่าตอนนี้เขายังไม่ใช่จ้าวบรรพกาลที่แท้จริง

  มีแค่การควบคุมพลังได้ตามใจเท่านั้นที่เขาจะทัดเทียมกับจ้าวโกลาหลได้

    ปัญหาน่าจะเป็นการใช้พลังสร้างระดับสูง   จางหยูสลด   ตราบใดที่เข้าใจธรรมชาติการใช้พลังสร้างระดับสูง ก็สามารถก้าวเข้าไปในขอบเขตจ้าวโกลาหลได้  

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Released: 2020 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง ระบบเจ้าสำนักจางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์ หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก” เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้ ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน... ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ระดับการบ่มเพาะ ขอบเขตฉีซวน ระดับ 1-9 ขอบเขตว่อซวน ระดับต่ำ กลาง สูง ขอบเขตตันซวน ระดับต่ำ กลาง สูง ขอบเขตหลิงซวน ระดับต่ำ กลาง สูง ขอบเขตหลี่ซวน ระดับต่ำ กลาง สูง ขอบเขตตุ้นซวน ระดับต่ำ กลาง สูง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset