รักหวานอมเปรี้ยว – ตอนที่ 133 ยุให้เลิกกัน

ปีโป้ก้มหน้าลง ใบหน้าบ่งบอกว่าถูกกระทบกระเทือนจิตใจไม่น้อยเลย

ลาเต้มองไปทางเปปเปอร์อย่างเย้ยหยันและถามว่า “คุณเปปเปอร์ ตอนนี้ยังต้องให้ผมขอโทษอยู่ไหม?”

เป็นความหมายแฝงว่า ถ้ายังอยากให้เขาขอโทษอีก เขาก็จะขุดข่าวมามากกว่านี้

เปปเปอร์เหมือนจะเข้าใจในความหมายนั้น สีหน้าจึงเย็นอย่างเห็นได้ชัด

ส้มเปรี้ยวก็รู้สึกกลัวด้วยเช่นกัน แต่เธอยังดึงแขนของเขาแน่น พูดด้วยใบหน้าที่ฝืนยิ้มว่า “ช่างเถอะค่ะเปอร์ คุณลาเต้พูดถูก ฉันทำเรื่องไม่ดีกับคุณมายมิ้นท์มากขนาดนั้น มันก็สมควรแล้วที่พวกเขาจะไม่ขอโทษ”

ลาเต้เบ้ปาก “ดูเหมือนพวกคุณจะไม่ต้องการให้ผมขอโทษแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมขอตัว เพราะอากาศที่นี่เหม็นเน่ามาก”

เขาพูด พลางยกมือขึ้นบริเวณปัดบริเวณจมูกไปมา จากนั้นก็หันหลังกลับขึ้นไปข้างบน

ชาหวานหาวหวอด “ขี่ม้าเหนื่อยมาก ฉันก็ขอตัวกลับห้องไปพักผ่อนก่อนนะคะ”

“พวกคุณกลับกันหมดแล้ว ผมก็ต้องขอตัวด้วย” ทามทอยก็ลุกขึ้นผละออกไป

ไม่นานนัก ห้องรับแขกก็เหลือแค่คนในครอบครัวของเปปเปอร์ด้วยกันสามคน

ปีโป้จ้องมองไปทางเปปเปอร์ แล้วเหลือบมองส้มเปรี้ยว

และแล้ว เขาก็ดึงแขนเปปเปอร์ และเดินตรงไปทางระเบียง “พี่ครับ ผมขอคุยด้วยหน่อย”

“คุยเรื่องอะไร?” เปปเปอร์ถามพลางดึงแขนตัวเองออก

ปีโป้ปิดประตูระเบียงก่อนถาม “พี่ครับ เรื่องที่ส้มเปรี้ยวทำกับพี่มายมิ้นท์ พี่รู้ทุกเรื่องเลยใช่ไหม?”

หลังจากที่ได้ยินทุกเรื่องที่ส้มเปรี้ยวทำ เขามีความรู้สึกขยะแขยงที่ต้องเรียกนำหน้าส้มเปรี้ยวว่าพี่

แค่เรียกชื่อก็เกินพอแล้ว

เปปเปอร์เม้มริมฝีปาก “รู้”

ปีโป้ไม่พอใจเป็นอย่างมาก “แล้วทำไมพี่ยังคบอยู่กับเธอ?”

เปปเปอร์ขมวดคิ้วเข้าหากัน “นี่เป็นเรื่องของพี่ ไม่เกี่ยวกับแก”

“ไม่เกี่ยวกับผมได้อย่างไร ผมเป็นน้องแท้ๆ ของพี่นะ ผมเป็นห่วงพี่ไม่ได้เหรอ?” ปีโป้ถลึงตาใส่และพูดต่อว่า “พี่ฟังผมนะ พี่รีบเลิกกับส้มเปรี้ยวเถอะ เธอโหดร้ายเกินไป และผมก็ไม่เห็นด้วยที่พี่จะคบกับเธอต่อไป”

คนแบบนี้โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว ไม่แน่ว่าเธอจะยังจะก่อเรื่องแบบนี้อีกในอนาคต

ถึงตอนนั้น ถ้าลากพี่ชายและตระกูลนวบดินทร์มาเกี่ยวข้องด้วยจะทำอย่างไร?

“ช่างเถอะ ดูแลตัวเองให้ดีก่อนเถอะ เรื่องของพี่ นายไม่ต้องสนใจหรอก” เปปเปอร์ตอบกลับด้วยท่าทีหงุดหงิด ก่อนเปิดประตูระเบียงออกไป

ส้มเปรี้ยวยืนอยู่หลังประตู และมองพวกเขาด้วยนัยน์ตาสีแดงก่ำ

“เปปเปอร์…” ส้มเปรี้ยวกัดฟันพูด

เปปเปอร์ถอนหายใจ “ได้ยินหมดแล้วเหรอ”

ส้มเปรี้ยวพยักหน้ารับ “ใช่ค่ะ”

ปีโป้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ เขาหลบสายตาไม่กล้าจ้องมองหน้าเธอ

เพราะอย่างไรก็ตามเขาพูดถึงคนอื่นในทางที่ไม่ดี และคนนั้นยังได้ยินที่เขาพูด แม้ว่าหน้าของเขาจะด้านแค่ไหน ก็ต้องมีความรู้สึกละอายบ้างล่ะ เขาจึงกระแอมเบาๆ แล้วเดินจากไป

ทันใดนั้นส้มเปรี้ยวกลับเรียกชื่อเขา “น้องปีโป้”

ปีโป้ชะงักฝีเท้าลง “มีอะไรเหรอ? ถ้าเรียกผมเพราะอยากให้ผมขอโทษ ผมบอกเลย ว่าผมจะไม่มีวันขอโทษ เพราะผมไม่ได้พูดอะไรผิด”

ความจริงก็เป็นเช่นนั้น เธอเลวร้ายถึงขั้นพรากชีวิตผู้อื่น

แล้วเรื่องที่เขาให้พี่ชายตัวเองเลิกยุ่งกับเธอ มันผิดตรงไหนกัน

“ปีโป้” เปปเปอร์เม้มปากอย่างไม่พอใจ และตะโกนเรียกชื่อปีโป้อย่างดุดัน

ปีโป้กำหมัดแน่น และกำลังจะพูดบางอย่าง

ส้มเปรี้ยวก็ได้พูดขึ้นมาว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นน้องปีโป้ พี่ไม่ได้จะให้น้องขอโทษ พี่แค่อยากบอกน้องว่า พี่เคยทำผิดกับมายมิ้นท์จริงๆ แต่สาเหตุที่พี่ทำ ไม่ได้เป็นความตั้งใจของพี่ พี่ทำไปเพราะ…”

“ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร และไม่ว่าพี่จะตั้งใจหรือไม่ แต่พี่ก็ทำไปแล้ว ไม่ใช่เหรอ?”

ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ปีโป้ก็พูดแทรกขึ้น แล้วพูดต่อว่า “ตอนแรกผมนึกว่า พี่เป็นพี่สาวที่จิตใจอ่อนโยน ผมเองก็สนับสนุนให้พี่คบกับพี่ชายของผม แต่ตอนนี้ผมเพิ่งรู้ว่า ผมคิดผิดอย่างมหันต์ คนที่มีจิตใจเลวร้ายแบบพี่ ไม่คู่ควรกับพี่ชายของผมเลย พี่จะสร้างแต่ความเดือดร้อนมาให้พี่ชายของผม”

พูดจบ เขาถอนหายใจและเดินจากไป

ส้มเปรี้ยวมองตามแผ่นหลังของเขาไป พร้อมกับกัดริมฝีปากล่างแน่น แววตาเต็มไปด้วยความโหดร้าย

นอกจากทามทอยแล้ว ยังมีปีโป้ที่ตั้งใจจะแยกเธอและเปปเปอร์ออกจากกันเหรอ?

และนี่คือจุดประสงค์ของมายมิ้นท์และลาเต้ พวกเขาค่อยๆ ยุยงให้คนรอบข้างของเธอและเปปเปอร์ ให้มาร่วมต่อต้านการคบกันของพวกเธอ

คิดมาถึงตรงนี้ ส้มเปรี้ยวตัวสั่น อีกทั้งในใจก็เกลียดคนทั้งหมดนี้

ส่วนเปปเปอร์ยังคิดว่าเธอกำลังร้องไห้ ดังนั้นจึงโอบกอดเธอไว้จากด้านหลัง “ขอโทษนะส้มเปรี้ยว ปีโป้ยังเด็กมาก จึงพูดออกมาไม่คิด คุณอย่าถือสาเลยนะ”

ส้มเปรี้ยวเก็บอาการที่แสดงออกทางใบหน้า และส่ายหน้าเล็กน้อย “ฉันไม่โกรธเขาหรอกค่ะ อย่างไรเสียเขาก็พูดถูก แต่ฉันแค่รู้สึกกลัว”

“กลัวอะไรเหรอ?” เปปเปอร์หมุนตัวเธอกลับมา

ส้มเปรี้ยวซบหน้าลงบริเวณอกเขา ฟังเสียงหัวใจเต้น และตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ปีโป้อยากให้เราเลิกคบกัน ฉันกลัวว่าคุณจะปล่อยมือฉันขึ้นมาจริงๆ”

เปปเปอร์ถอนหายใจ พร้อมกับใช้มือยกหน้าเธอให้เงยขึ้น ก้มหน้าและมองหน้าเธออย่างตั้งใจ “ไม่หรอก เชื่อผมนะ”

เธอเป็นคนที่เขาตามจีบอยู่นาน กว่าจะได้คบกัน

เขาจะตัดใจยอมเลิกกับเธอได้อย่างไร

ส้มเปรี้ยวกะพริบตาปริบๆ “จริงเหรอ?”

“จริงสิครับ” เปปเปอร์พยักหน้ารับ

“แต่ว่า… แต่ว่าปีโป้เป็นน้องชายของคุณ เขาจะต้องร่วมมือกับคุณพ่อคุณแม่ของคุณทำให้เราเลิกกัน ถ้าถึงตอนที่คุณต้องเผชิญหน้าจากการถูกบีบบังคับจากครอบครัว คุณจะยังมั่นคงแบบนี้อยู่ไหม?” ส้มเปรี้ยวถามพลางมองหน้าเขา

เปปเปอร์ปัดผมของเธอเล็กน้อย “แน่นอนสิ ผมมีสิทธิตัดสินใจเรื่องในตระกูลนวบดินทร์ พวกเขาบีบบังคับผมไม่ได้แน่นอน ดังนั้นสบายใจได้เลย”

“ค่ะ ฉันสบายใจแล้วค่ะ” ส้มเปรี้ยวยิ้ม และซบหน้าลงบนอกเขาอีกครั้ง

เขาโอบกอดเธอไว้เบาๆ และใช้มือลูบผมของเธอ ท่าทางช่างดูอ่อนโยน แต่ในแววตาของเขากลับเย็นชา ไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย

ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ทั้งๆ ที่คนในอ้อมแขน เป็นคนที่เขารัก

แต่เขากลับรู้สึกว่า ยิ่งนานวันยิ่งไม่รู้สึกหวั่นไหวต่อเธอ อีกทั้งภายในจิตใจยิ่งรู้สึกเมินเฉยมากขึ้นทุกวัน

คืนนั้น ฝนตกอย่างหนัก ผสานกับเสียงลมพัดแรงและเสียงฟ้าร้อง ทำให้บรรยากาศของวิลล่าราวกับวันโลกาวินาศ

ส้มเปรี้ยวตกใจจนใบหน้าซีดเผือด และตอนที่ฟ้าร้อง เธอยังกรีดร้องออกมาอีกด้วย

“คุณชาหวาน รบกวนคุณปิดม่านได้ไหม มันน่ากลัวมากเลย” ส้มเปรี้ยวที่นอนขดตัวบนโซฟา อ้อนวอนชาหวานที่ยืนดื่มด่ำกับบรรยากาศภายนอกอยู่ริมหน้าต่าง

ชาหวานค่อยๆ หันกลับมามองหน้าเธอ ภายในใจรู้สึกรังเกียจคนตรงหน้าอย่างมาก

แต่เลือกตัดไฟแต่ต้นลม จึงปิดผ้าม่านตามที่เธอบอก

“ขอบคุณค่ะคุณชาหวาน” ส้มเปรี้ยวถอนหายใจด้วยความโล่งอก อีกทั้งยิ้มให้ชาหวานอย่างซาบซึ้งใจ

ชาหวานตอบกลับเรียบๆ “ไม่ต้องขอบคุณฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะคุณเปปเปอร์อยู่ด้านหลังคุณ คิดว่าฉันจะสนใจคุณเหรอ?”

พูดจบ เธอเดินไปห้องครัวทันที

ส้มเปรี้ยวหรี่ตาลง เพื่อปกปิดความเคียดแค้นในแววตา ทว่าแสดงท่าทีน้อยใจออกทันที

เปปเปอร์เดินลงมาพร้อมเสื้อคลุมสตรีตัวหนึ่ง เมื่อเขาเห็นเธอในสภาพนี้ จึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ส้มเปรี้ยว คุณเป็นอะไร?”

“ฉันไม่เป็นไรค่ะ” ส้มเปรี้ยวเงยหน้ายิ้มแย้ม “ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณชาหวานนะคะ”

เปปเปอร์ขมวดคิ้ว “ชาหวานแกล้งคุณเหรอ?”

“เปล่าค่ะ” ส้มเปรี้ยวโบกมือปฏิเสธรัวๆ “ฉันกลัวเสียงฟ้าร้อง เลยรบกวนคุณชาหวานปิดผ้าม่านให้ ทำให้เธอมองไม่เห็นทิวทัศน์ภายนอก คุณชาหวานจึงไม่พอใจ เธอไม่ได้กลั่นแกล้งฉัน แต่ฉันรู้สึกผิดต่อเธอค่ะ”

“คุณไม่ได้ทำผิดต่อเธอ” เปปเปอร์พูดพลางคลุมเสื้อให้เธอ “วิลล่าหลังนี้เป็นของส่วนรวม คุณกลัวฟ้าร้อง จึงให้เธอช่วยปิดม่านให้ มันไม่ได้ผิดอะไร ดังนั้นคุณอย่าโทษตัวเอง ว่าแต่ตอนนี้ยังหนาวไหมครับ?”

“ไม่หนาวแล้วค่ะ” ส้มเปรี้ยวส่ายหน้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

เปปเปอร์ตอบรับ “ก็ดีแล้ว”

ขณะเดียวกัน เสียงฝีเท้าของหลายคนดังมาจากชั้นบน

ทามทอย ลาเต้ และมายมิ้นท์ ทยอยเดินลงมาจากชั้นบน

ทามทอยปัดผมตัวเองแล้วพูดเสียงดังว่า “นี่มันกี่โมงแล้ว ทำไมยังไม่เริ่มกินข้าวอีก พ่อครัวทำอะไรกันอยู่เนี่ย?”

รักหวานอมเปรี้ยว

รักหวานอมเปรี้ยว

อ่านนิยายรักหวานอมเปรี้ยวเมืองเดอะซี ต้นเดือนสิบสอง อากาศหนาวเย็นกว่าปีที่ผ่านมา มายมิ้นท์ซุกตัวอยู่ในโซฟาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ฟังเสียงก่นด่าของพิศมัยผู้เป็นแม่สามีจากด้านล่าง “มายมิ้นท์เธอจะท้องไม่ได้ก็ช่างเถอะ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว! เธอจะให้ฉันกับปีโป้หิวตายหรือไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset