รักหวานอมเปรี้ยว – ตอนที่ 168 ตำแหน่งผู้ร่วมลงทุน

“ผมไปเป็นเพื่อนคุณ” ลาเต้ลุกขึ้นมา ลักษณะท่าทีตื่นเต้นกับเธอมากแบบนั้น

ในใจมายมิ้นท์ทั้งรู้สึกซาบซึ้งใจทั้งรู้สึกน่าขำ “ไม่ต้องเลย ฉันเพียงแค่ตั้งครรภ์ ก็ไม่ใช่ได้รับบาดเจ็บสักหน่อย จะต้องให้คุณไปเป็นเพื่อนที่ไหนล่ะ เอาล่ะ ฉันไปก่อนแล้ว”

พูดจบ เธอหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย ออกจากออฟฟิศ ขับรถไปยังโรงแรม

บังเอิญมาก มายมิ้นท์เพิ่งถึงหน้าประตูโรงแรม ก็ได้พบเจอกับเปปเปอร์กับผู้ช่วยเหมันตร์

พวกเขาก็เพิ่งมาเช่นกัน และนึกไม่ถึงว่าจะพบเจอมายมิ้นท์อยู่ที่นี่ด้วย บนใบหน้าก็มีความประหลาดใจเล็กน้อย

“คุณมายมิ้นท์” ผู้ช่วยเหมันตร์ทักทายกับมายมิ้นท์

มายมิ้นท์พยักหน้านิดๆ ถือว่าตอบกลับ

จากนั้น เธอจ้องมองเปปเปอร์หนึ่งที ก็เอ่ยปากทักทาย “ประธานเปปเปอร์”

เปปเปอร์ อืม เสียงหนึ่ง หยุดการย่างก้าว อยากให้เธอเข้าไปก่อน

แต่มายมิ้นท์ก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน

ถึงยังไงเปปเปอร์ก็เป็นผู้ก่อการร่วมกิจกรรม ทั้งยังเป็นเถ้าแก่ของโรงแรมแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นความผูกพันหรือตามหลักการ ล้วนควรให้เขาเข้าไปก่อน

จากนั้น ทั้งสามคนล้วนยืนอยู่หน้าประตูโรงแรม ใครก็ไม่ได้เข้าไป บรรยากาศอดไม่ได้ที่จะมีความอึดอัดเล็กน้อย

สุดท้ายยังเป็นผู้ช่วยเหมันตร์มีปฏิกิริยาขึ้นมาก่อน เข้าใจถึงความคิดของมายมิ้นท์ อะแฮ่ม เบาๆเสียงหนึ่ง กล่าวเตือนเปปเปอร์เสียงเบาๆ “ประธานเปปเปอร์คุณมายมิ้นท์อยากให้คุณเข้าไปก่อนล่ะ ผมก็รู้ว่าคุณอยากให้คุณมายมิ้นท์เข้าไปก่อนเช่นกันล่ะ แต่ท่านเป็นผู้ก่อการร่วมกิจกรรม ท่านไม่เข้าไปล่ะก็ คุณมายมิ้นท์ก็จะไม่เข้าไปเช่นกัน”

เปปเปอร์ขมวดคิ้วนิดๆ

เขาถึงขนาดนึกไม่ถึง เธอใส่ใจกับกฎเกณฑ์ของห้างสรรพสินค้าขนาดนี้

ก็ใช่ ถ้าหากเธอไม่ใส่ใจล่ะก็ ตอนที่อยู่สกีรีสอร์ทในตอนต้นก็จะไม่ผูกพยาบาทกับส้มเปรี้ยวที่ไม่รู้จักการเรียงตามลำดับที่มาก่อนหลังแล้ว

นึกถึงที่นี่ เปปเปอร์ยกเท้าก้าวเข้าไปในโรงแรม

ผู้ช่วยเหมันตร์ติดตามอยู่ข้างหลัง

มายมิ้นท์จ้องมองภาพด้านหลังของพวกเขา โล่งอกไปทีนิดๆ

เข้าไปแล้วก็ดี ถ้าหากพวกเขาไม่เข้าไปอีก เธอก็จะเตรียมตัวทำลายกฎเกณฑ์ของห้างสรรพสินค้าแล้ว

ต้องรู้ว่าคนที่ทำลายกฎเกณฑ์ของห้างสรรพสินค้าอย่างตามใจ ก็จะถูกห้างสรรพสินค้ารังเกียจบีบออกนะ โชคดีว่าพวกเขายังคงเข้าไปก่อนแล้ว

มายมิ้นท์ยกสายกระเป๋าที่อยู่บนไหล่ยกแล้วยกอีก สูดลมหายใจหนึ่งที ก็เข้าไปในโรงแรมแล้วเช่นกัน

มาถึงหน้าลิฟต์

มายมิ้นท์กดปุ่มขึ้นปุ่มแรกของลิฟต์

สิ่งที่นึกไม่ถึงคือ หลังจากกดเสร็จ ไฟที่อยู่บนปุ่มนั้นก็ดับไปเองเลย

เกิดอะไรขึ้นนะ?

มีลิฟต์เปิดแล้วเหรอ?

มายมิ้นท์ขมวดคิ้วขึ้นมา เพิ่งจะดูว่าลิฟต์ไหนเปิดแล้ว ก็ได้ยินด้านหน้าทางขวาส่งเสียงมา “คุณมายมิ้นท์ ทางนี้”

โดยจิตใต้สำนึกมายมิ้นท์หันหน้าไปมอง เห็นผู้ช่วยเหมันตร์โผล่หัวออกจากลิฟต์ที่สามของแถวนี้ กำลังยิ้มกับเขาอยู่

ในวินาทีนี้ มายมิ้นท์ยังมีสิ่งที่ไม่เข้าใจอะไรอยู่

มิน่าล่ะเธอกดปุ่มของลิฟต์หนึ่งที ไฟที่อยู่บนปุ่มก็ดับไปเลย

ที่แท้พวกเขาเปปเปอร์กับผู้ช่วยเหมันตร์ ล้วนรอเธออยู่ในลิฟต์ที่สามตลอด

“คุณมายมิ้นท์ รีบเข้ามาเถอะ รอแค่ท่านแล้วล่ะ” ผู้ช่วยเหมันตร์เห็นมายมิ้นท์ยืนอยู่หน้าลิฟต์ที่หนึ่ง เนิ่นช้าไม่ได้เคลื่อนไหว เร่งอีกรอบหนึ่ง

ริมฝีปากแดงๆของมายมิ้นท์ขยับแล้วขยับอีก “ไม่ต้องแล้ว พวกคุณขึันไปก่อนเถอะ ฉัน……”

“จะสายแล้ว!” ผู้ช่วยเหมันตร์ได้รับสายตาที่เถ้าแก่บ้านตนเองส่งมา รีบตัดคำบอกปัดของมายมิ้นท์

มายมิ้นท์ได้ยินคำพูดนี้ พอยกนาฬิกาดู เป็นอย่างที่คิดไว้ใกล้จะสายแล้ว ยังมีไม่กี่นาทีแล้วจริงๆ

ดูแล้ว เธอต้องเข้าไป ขึ้นไปพร้อมกันกับพวกเขา

มายมิ้นท์ถอนหายใจหนึ่งที เข้าในลิฟต์เลย

จ้องมองผู้ชายที่มีออร่าทรงพลังยืนอยู่กลางลิฟต์ มายมิ้นท์หนังตาหย่อนนิดๆ “ขอบคุณ”

“ไม่เป็นไร” หางตาเปปเปอร์จ้องมองเธอแล้วจ้องมองเธออีก ตอบกลับ

มายมิ้นท์เดินมาไปยืนอยู่มุมลิฟต์เงียบๆ ไม่พูดอีกเลย

เปปเปอร์ก็ไม่ได้เอ่ยปากเช่นกัน

ผู้ช่วยเหมันตร์เป็นลูกน้อง อยู่ในสภาพการณ์ที่เถ้าแก่ไม่ได้เอ่ยปาก ย่อมไม่เหมาะที่จะพูดอยู่แล้ว

ด้วยเหตุนี้ในลิฟต์ที่ไม่ค่อยใหญ่ เงียบจนเหลือแค่เสียงหายใจเบาๆ

บนใบหน้าที่อมยิ้มเป็นอาชีพของผู้ช่วยเหมันตร์ จากเริ่มแรกที่เป็นธรรมชาติล้วนค่อยๆกลายเป็นแข็งทื่อขึ้นมาเลย

โอ้พระเจ้า พวกคุณพูดอะไรหน่อยสิ ทำอะไรหน่อยล่ะ

นี่อะไรก็ไม่พูด เงียบเหงากดดันมากเกินไปแล้วมั้ง?

ในที่สุด ลิฟต์ ติ่ง เสียงหนึ่งมาถึงแล้ว

ประตูเปิดออก ผู้ช่วยเหมันตร์ออกไปก่อน ขวางอยู่ประตูลิฟต์ นี่ในใจจึงโล่งอกไปทีอย่างมาก

ดีมากเลย ในที่สุดก็ไม่ต้องสัมผัสบรรยากาศที่ทำให้คนหายใจไม่ออกกับทั้งสองคนนี้

มายมิ้นท์ไม่รู้ว่าผู้ช่วยเหมันตร์คิดอะไรอยู่ เธอเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากลิฟต์

หลังจากออกจากลิฟต์ ตั้งใจยืนอยู่สองวินาที หลังจากรอให้เปปเปอร์กับผู้ช่วยเหมันตร์เดินห่างไปไกลหลายก้าว นี่จึงย่างก้าวไปใหม่อีกครั้ง ติดตามอยู่ข้างหลังไม่ใกล้ไม่ไกล

ไม่นาน มาถึงห้องประชุมแล้ว

ผู้ช่วยเหมันตร์ผลักประตูออก

เปปเปอร์เข้าไป มายมิ้นท์ตามหลัง

คนที่อยู่ในห้องประชุมเห็นพวกเขาเข้ามา แป๊บเดียวก็หยุดเสียงการพูดลง เงียบลงเลย

เยี่ยมบุญนั่งอยู่ตำแหน่งแรกด้านล่างซ้ายของตำแหน่งประธานโต๊ะประชุม มองเห็นมายมิ้นท์ ก็ทำตาแก่ๆยี๋หนึ่งที “เปปเปอร์ คุณทำไมมาพร้อมกับประธานมายมิ้นท์อีกแล้วล่ะ?”

“เจอกันอยู่ชั้นล่าง เอาล่ะ ประชุมเถอะ” เปปเปอร์ดึงเก้าอี้ออกนั่งลง

เยี่ยมบุญเข้าใจว่าเขาไม่อยากพูดมาก ก็ได้แต่แล้วไป

แต่ตาของเยี่ยมบุญ กลับมืดครึ้มจับตาดูมายมิ้นท์อยู่ ดูเหมือนเช่นดั่งมายมิ้นท์กับเปปเปอร์เข้ามาพร้อมกัน คือมายมิ้นท์ตั้งใจทำ

ในใจมายมิ้นท์มองบน ขี้เกียจสนใจเขา เปิดสมุดออกเตรียมตัวจะทำการบันทึกการประชุม

อยู่ตำแหน่งประธาน สายตาเปปเปอร์กวาดอยู่บนใบหน้าของคนทั้งหลายหนึ่งรอบ และหลังจากหยุดอยู่บนใบหน้าของมายมิ้นท์สองวินาที เก็บสายตากลับพูดอย่างเย็นชาว่า “แผนการพัฒนาที่ทุกท่านส่งเข้ามาเมื่อวาน ผมได้ดูหมดแล้ว ทำการคัดเลือกแผนการพัฒนาที่ยอดเยี่ยมที่สุดห้าชุดในนั้น บริษัทที่อยู่เบื้องหลังแผนการพัฒนาห้าชุดนี้ ก็คือผู้ร่วมกิจกรรมของเทคโนโลยีแหล่งพลังงานใหม่”

มาแล้วๆ!

โดยจิตใต้สำนึกคนทั้งหลายยืดตัวตรง จริงจังขึ้นมาเลย

มายมิ้นท์ก็ไม่ยกเว้นเช่นกัน เธอนอกจากจริงจัง ยังมีความตื่นเต้นเล็กน้อย

ยี่สิบกว่าคนที่นั่งอยู่ไม่ว่าเป็นความสามารถด้านธุรกิจการค้าหรือว่าพลังความสามารถที่อยู่เบื้องหลังบริษัท เธอกับเทนเดอร์กรุ๊ปล้วนห่างไกลเทียบกันไม่ได้ เป็นการคงอยู่สุดท้าย

ดังนั้นเธอไม่มีความมั่นใจอะไรจริงๆว่าแผนการพัฒนาจะถูกเลือก

“ประธานเปปเปอร์ ในเมื่อตำแหน่งผู้ร่วมลงทุนทำการตัดสินใจแล้ว งั้นท่านก็รีบประกาศเถอะ จึงให้พวกเราได้รู้ ตกลงว่าเป็นคนไหนบ้างที่โชคดีขนาดนี้” ในเวลานี้ มีคนพูดเร่ง

“ใช่สิประธานเปปเปอร์ รีบประกาศเถอะ”

“เปปเปอร์ คุณก็ประกาศเถอะ” เยี่ยมบุญก็พูดเช่นกัน ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยการเฝ้ารอคอยที่ไม่ปิดบังสักนิด

เมื่อวานส้มเปรี้ยวไปส่งแผนการพัฒนาที่นวบดินทร์กรุ๊ป หลังจากกลับมาบอกกับเขา ตำแหน่งผู้ร่วมลงทุนของเขาได้มาเรียบร้อยแล้ว

ดังนั้นตอนนี้เขารอไม่ไหวที่อยากจะรู้ สิ่งที่ส้มเปรี้ยวพูดจะเป็นจริงหรือไม่ ถึงยังไงแผนการพัฒนาของเขา เขารู้ว่ายากที่จะถูกเลือกอย่างมาก แต่ถ้าหากเปปเปอร์เห็นแก่ส้มเปรี้ยว เปลี่ยนความคิดให้เส้นสายกับว่าที่พ่อตาเขาคนนี้ ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ล่ะ

มายมิ้นท์ก็จับตาดูเปปเปอร์ไว้อย่างตื่นเต้นเช่นกัน

เปปเปอร์สัมผัสถึงสายตาของเธอ เงยหน้ามองไป

มายมิ้นท์นึกไม่ถึงว่าอยู่ดีๆเขาจะมองเข้ามา อึ้งชะงักไปหนึ่งที จากนั้นหนังตาหย่อน หันหน้าหนี ไม่มองอีกเลย

เปปเปอร์เห็นลักษณะท่าทีเย็นชาขนาดนี้ของเธอ อดไม่ได้ที่จะเม้มปากหนึ่งที่ เสียงก็ขึงลับลงเยอะมาก “ผู้ช่วยเหมันตร์ ประกาศเถอะ”

“ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์ขานรับเสียงหนึ่ง ถือรายชื่อชุดหนึ่งอ่านว่า “ตามแผนการพัฒนา สุดท้ายพวกเราทำการตัดสินใจตำแหน่งผู้ร่วมลงทุนมาได้ห้าแห่ง ตำแหน่งผู้ร่วมลงทุนทั้งห้านี้ ตามลำดับคือประธานภาณุจากชารอนกรุ๊ป ประธานชัชวาลจากมิรากรุ๊ป ประธานคณาธิปจากลูย่ากรุ๊ป ประธานหิรัญจากซูตาร์กรุ๊ป และ……”

นอกจากสี่ท่านที่ได้ถูกอ่านชื่อ ใจของคนที่เหลือล้วนยกขึ้นมาเลย

ทั้งสองมือของมายมิ้นท์ ยิ่งกุมไว้ด้วยกันอย่างแน่น ฟันก็กัดริมฝีปากไว้เช่นกัน

จะเป็นเธอไหม?

หัวใจมายมิ้นท์เต้นดั่งกลองรัว สายตาจ้องมองรายชื่อที่อยู่บนมือของผู้ช่วยเหมันตร์โดยไม่ห่างสักวินาที

ผู้ช่วยเหมันตร์มองเห็นสายตาของเธอ ในใจถอนหายใจหนึ่งที ผลักแว่นตาผลักแล้วผลักอีก ยกเสียงสูง ประกาศตำแหน่งผู้ร่วมลงทุนสุดท้าย “และประธานเยี่ยมบุญของเอสซีกรุ๊ป!”

เสียงพูดจบลง ข้างล่างเต็มไปด้วยเสียงทอดถอนใจที่ผิดหวัง

มายมิ้นท์สายตาหย่อนลงอย่างหดหู่ มือที่กำไว้อยู่ด้วยกันอย่างแน่น ก็ได้ค่อยๆปล่อยออก

ไม่ใช่เธอ

แม้ว่าก่อนหน้านี้ก็ทำใจไว้ดีแล้ว แต่ตอนที่ได้ยินผลลัพธ์จริงๆในใจยังคงเป็นทุกข์มาก

รักหวานอมเปรี้ยว

รักหวานอมเปรี้ยว

อ่านนิยายรักหวานอมเปรี้ยวเมืองเดอะซี ต้นเดือนสิบสอง อากาศหนาวเย็นกว่าปีที่ผ่านมา มายมิ้นท์ซุกตัวอยู่ในโซฟาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ฟังเสียงก่นด่าของพิศมัยผู้เป็นแม่สามีจากด้านล่าง “มายมิ้นท์เธอจะท้องไม่ได้ก็ช่างเถอะ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว! เธอจะให้ฉันกับปีโป้หิวตายหรือไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset