รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ – ตอนที่ 106 เธอรู้สึกรับไม่ได้!

เดิมทีมู่อวี๋เฟยเป็นคนที่ค่อนข้างแรงน้อยหลังจากที่เธอตบเข้าที่ใบหน้าของชายวัยกลางคนผู้นั้นแล้ว ชายวัยกลางคนก็ตอบกลับการกระทำของเธอด้วยการใช้มือข้างหนึ่งล็อกเธอและกดเธอลงไปกับพื้น ขณะที่มู่อวี๋เฟยกำลังต่อสู้ขัดขืนอยู่นั้น เสื้อผ้าที่อยู่บนเรือนร่างของเธอก็ถูกชายคนนั้นฉีกขาดไปเกือบหมด เสียงฉีกเสื้อผ้าดังเข้ามาในหูทั้งสองข้างของเธออย่างชัดเจน เสื้อของมู่อวี๋เฟยถูกฉีกออกจากกันจนเผยให้เห็นชุดชั้นใน
“อ่า!” มู่อวี๋เฟยร้องลั่น จากนั้นก็รีบเอามือขึ้นมาปิดหน้าอกของเธออย่างรวดเร็ว
ในห้องอาบน้ำสาธารณะ คุณแม่ของตระกูลมู่ซึ่งเพิ่งอาบน้ำเสร็จ กำลังเดินออกมา เห็นลูกรักของเธอถูกชายวัยกลางคนกดร่างกายลงอยู่บนพื้น และทางด้านข้างมีผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งหน้าจัดกำลังต่อยและเตะมู่อวี๋เฟยอยู่ แม่รีบวิ่งไปหาเธอโดยไม่คิดถึงชีวิต ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ในการผลักชายวัยกลางคนผู้นั้นกระเด็นไปอย่างแรงและรีบช่วยมู่อวี๋เฟยขึ้นมา
มู่อวี๋เฟยตกใจมากเมื่อเห็นแม่ของเธอรีบวิ่งเข้ามา เธอกอดแม่ของเธอด้วยความกลัวและเริ่มร้องไห้ออกมา
คุณแม่ตระกูลมู่มองไปเห็นจมูกที่ช้ำและหน้าที่บวมของมู่อวี๋เฟย เธอตัวสั่นด้วยความโกรธ เธอชี้ไปที่ชายวัยกลางคนผู้นั้นและผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดที่อยู่ทางด้านข้าง พร้อมกับตะโกนขึ้นว่า “พวกแกสองคนกำลังจะทำอะไร! ทำไมต้องมาทำร้ายลูกสาวของฉัน !ฉันไม่ปล่อยพวกแกไปแน่!!!”
พูดไปพลางคุณแม่ตระกูลมู่ก็รีบหยิบมือถือออกมากดหมายเลข 110 เพื่อโทรแจ้งตำรวจ
กว่าที่ชายวัยกลางคนและหญิงสาวที่แต่งหน้าจัดจะได้สติกลับมาก็พบว่าคุณแม่ตระมูลมู่ได้โทรแจ้งความกับตำรวจไปแล้ว
ภายในห้านาที รถตำรวจก็มาถึง
ตำรวจสองคนเหลือบมองที่มู่อวี๋เฟยและคุณแม่ที่ยังคงนั่งอยู่ที่พื้น จากนั้นก็มองไปที่ชายวัยกลางคนและผู้หญิงที่แต่งหน้าจัด พร้อมกับพาพวกเขาทั้งหมดไปที่สถานีตำรวจ
ทั้งสามคนแยกกันสอบปากคำ มู่อวี๋เฟยได้รับบาดเจ็บที่ร่างกาย ชายวัยกลางคนและผู้หญิงคนนั้นก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน หลังจากตรวจสอบทั้งสาม พวกเขาได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย เป็นแค่เพียงการบอบช้ำของผิวหนังที่ไม่ได้รุนแรงอะไรมากนัก อาการบาดเจ็บของมู่อวี๋เฟยแม้ว่าผิวหนังจะดูเขียวช้ำจนน่ากลัว แต่ก็ไม่ได้รุนแรงอะไร
หลังสอบปากคำ ตำรวจพบว่าทั้งสองฝ่ายล้วนแต่มีความผิด และมู่อวี๋เฟยยังเป็นคนทุบตีผู้อื่นก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้มู่อวี๋เฟย ชายวัยกลางคนและหญิงที่แต่งหน้าจัด เจรจาส่วนตัวด้วยตัวเองว่าจะตกลงอย่างไรกันต่อ
ผลสุดท้ายของการเจรจาคือ ชายวัยกลางคนพร้อมกับหญิงที่แต่งหน้าจัด และมู่อวี๋เฟยได้ขอโทษกัน ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรื่องก็ถือว่าจบกันไป
นี่เป็นเพราะบาดแผลบนร่างกายของมู่อวี๋เฟยมีค่อนข้างมาก ไม่อย่างนั้นถ้าเรื่องที่ตัวเองสติแตกและทุบตีคนอื่นก่อนมันดังขึ้นมา ก็จะไม่เกิดผลดีอะไรต่อตัวมู่อวี๋เฟยเอง เธอรู้สึกไม่ค่อยยินยอมต่อการประนีประนอมในครั้งนี้เลย
ทั้งหมดค่อยๆเดินตามกันออกมาจากสถานีตำรวจ โดยชายวัยกลางคนและหญิงแต่งหน้าจัดเดินอยู่ทางด้านหน้า และมู่อวี๋เฟยกับแม่เดินตามหลัง
เมื่อออกจากสถานีตำรวจเพียงไม่กี่ก้าว หญิงสาวที่แต่งหน้าจัดหันกลับมามองมู่อวี๋เฟยที่อยู่ทางด้านหลังด้วยสายตาอันเกลียดชัง
ทั้งคู่สบตากัน ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดคนนั้นมองมาที่มู่อวี๋เฟยและเยาะเย้ยขึ้นว่า “น้องสาว ฉันจะบอกเธอไว้อย่างนะ ฉันเดินอยู่ในเส้นทางนี้มาหลายปีแล้ว และฉันไม่เคยดูคนผิดแม้แต่คนเดียว เธอนะตอนนี้ไม่ต้องมาดูถูกฉันหรอก เพราะต่อไปดูท่าแล้วเธอก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันสักเท่าไหร่ !”
ตอนแรกที่เห็นมู่อวี๋เฟย เธอก็รู้ทันทีว่ามู่อวี๋เฟยเป็นผู้หญิงที่ทนความลำบากไม่ได้ และหากว่าผู้หญิงแบบนี้อยากจะมีชีวิตรอดในสังคมสมัยนี้ ก็คือขายตัวเหมือนกับเธอ เริ่มแรกต้องขายตัวให้กับใครหลายคนก่อน หลังจากนั้นจึงขายให้กับใครคนหนึ่ง ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเป็นเมียน้อย และมีคนดูแลก็แค่นั้น!
มู่อวี๋เฟยมองไปที่ด้านหลังของผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดที่กำลังค่อยๆเดินห่างเธอออกไป และมือของเธอก็กำแน่นด้วยความแค้นในทันที!
เมื่อเห็นสิ่งนี้ คุณแม่ตระกูลมู่ก็รีบกุมมือของมู่อวี๋เฟยและกล่าวว่า “อวี๋เฟย อย่าโกรธไปเลย อย่าไปสนใจคำพูดของคนเหล่านี้! เรากลับบ้านกันเถอะ”
ดวงตาของมู่อวี๋เฟยค่อยๆแดงขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งที่แม่พูด เธอผลักแม่ออกไปพร้อมกับสลัดมือของแม่อย่างแรง เธอมองดูแม่และพูดออกมาด้วยคำเย้ยหยันว่า “เหอะ!บ้านเหรอ?เราไม่มีบ้านมานานแล้ว!”
เมื่อได้ยินสิ่งที่มู่อวี๋เฟยพูดรอบๆดวงตาของคุณแม่ตระกูลมู่ก็ค่อยๆแดงเช่นกัน เธอเป็นห่วงมู่อวี๋เฟยมาก และเอื้อมมือออกไปพยุงมู่อวี๋เฟยพร้อมกับพูดขึ้นว่า “อวี๋เฟย อย่าหัวเสียเลย กลับกันเถอะ ดึกแล้ว ” กลับไปแล้วแม่จะทำอาหารให้ทาน แม่จะทำอาหารที่ลูกชอบให้…”
ก่อนที่แม่มู่จะพูดจบ มู่อวี๋เฟยก็ผลักมือที่ยื่นเข้ามาของแม่ด้วยใบหน้าที่เย็นชาและพูดกับแม่ด้วยท่าทีหยาบกระด้างว่า “แม่ แม่กลับไปก่อนเถอะ! หนูอยากจะอยู่คนเดียวสักพัก”
“อวี๋เฟย……” คุณแม่ตระกูลมู่รู้สึกกังวลใจและอยากจะเกลี้ยกล่อม แต่ทันทีที่เธอเรียกชื่อมู่อวี๋เฟยเธอก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงที่หมดความอดทนของมู่อวี๋เฟยอีกครั้ง“หนูพูดไปแล้วไง! ว่าให้แม่กลับไปคนเดียวก่อน! หนูต้องการคิดอะไรคนเดียวสักพัก ให้เวลาหนูได้สงบจิตใจอยู่เงียบๆหน่อยได้ไหม?!”
คุณแม่ตระกูลมู่รู้สึกตกใจกับท่าทางการแสดงออกอันน่าสะพรึงกลัวของมู่อวี๋เฟย แม้ว่าเธอจะยังกังวลอยู่ แต่เธอก็ไม่กล้าพูดอะไรจริงๆ เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้าและพูดกับมู่อวี๋เฟยด้วยน้ำเสียงที่กังวลใจว่า “โอเค ……งั้นแม่กลับไปก่อน ……ลูกอยู่คนเดียวไปสักพัก…… แต่ต้องรีบกลับมานะ”
“เข้าใจแล้ว!แม่ไปเถอะ!” มู่อวี๋เฟยพูดกับแม่ของเธอด้วยน้ำเสียงที่โกรธจัด
คุณแม่ตระกูลมู่พยักหน้า จากนั้นก็ขึ้นรถเมล์กลับด้วยตัวเอง
มู่อวี๋เฟยเดินไปบนถนนอย่างไร้จุดหมายด้วยใบหน้าที่สงบ หลังจากเดินไปได้สักพัก มู่อวี๋เฟยก็ขึ้นรถเมล์ไปรอบๆ ทันทีที่เธอลงจากรถ มู่อวี๋เฟยก็เงยหน้าขึ้น มองดูทิวทัศน์ของคฤหาสน์ที่อยู่ตรงหน้า และทันทีที่เธอได้สติกลับมา ก็พบว่าตัวเองได้เดินมาถึง หน้าคฤหาสน์ที่มู่ซีซีและจี้หลิงชวนอาศัยอยู่ด้วยกันโดยไม่รู้ตัว
มู่อวี๋เฟยยืนอยู่ห่างจากประตูคฤหาสน์ที่หรูหราประมาณสิบเมตร มองดูคฤหาสน์ที่งดงามและสง่างามจากทางด้านใน มือของเธอก็กำแน่นเข้าหากัน
มู่อวี๋เฟยกัดริมฝีปากของเธอแน่น เธอพยายามบังคับตัวเองให้สงบลง แต่ก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า มู่ซีซีคงกำลังทานอาหารค่ำแสนหวานกับจี้หลิงชวนอยู่ในตอนนี้?
เมื่อคิดได้อย่างนี้สายตาของมู่อวี๋เฟยก็ดูเคร่งขรึมขึ้น!
เธอยอมไม่ได้!!!
ทำไมเธอถึงได้อยู่ในสลัมที่รก สกปรก และน่าขยะแขยงอย่างนั้น ในขณะที่มู่ซีซีสามารถอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่งดงามและหรูหรา?
ทำไมตอนนี้เธอต้องมาใช้ชีวิตอย่างทุกข์ยาก ทุกอย่างกับพลิกผันไปหมด วันพรุ่งนี้อาจจะไม่มีข้าวกิน แต่กับมู่ซีซีนังสารเลวคนนั้นกลับได้อยู่ดีกินดี แถมยังได้รับความรักจากจี้หลิงชวนอีก?
เธอยอมไม่ได้!เธอรู้สึกรับไม่ได้จริงๆ!

รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ

รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ

ความบ้าเพียงชั่วข้ามคืน เธอสูญเสียร่างกาย เขาสูญเสียหัวใจ เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่าพี่เขยของเธอ! เธอวิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนก เขากดทุกย่างก้าวไว้ และทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อโอบเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา! จากที่คิดว่าเขารับเธอยิ่งกว่าชีวิต เและคิดว่าการได้พบกับเขาเป็นสิ่งที่โชคดีที่สุดในชีวิตของเธอ ความจริงก็ถูกเปิดเผย ปรากฎว่าตั้งแต่ต้นจนจบเธอกลายเป็นตัวตลกที่น่าสงสารที่สุด! จี้หลิงชวน ฉันหวังว่าฉันจะไม่ต้องพบคุณอีกในชีวิตนี้! —— มู่ซีซี

Comment

Options

not work with dark mode
Reset