รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ – ตอนที่ 234: ชูเหยาที่หายตัวไปหลายปี!

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของจี้หลิงชวนก็มืดมนลง และเมื่อเขาเหลือบดูวันที่ เขาก็พบว่าตั้งแต่มู่อวี๋เฟยกระโดดลงไปในแม่น้ำก็เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว
ในช่วงเวลาสัปดาห์นี้ มู่อวี๋เฟยจะเป็นตายร้ายดียังไง คนก็หาไม่เจอร่างก็หาไม่เจอ ทำให้จี้หลิงชวนขมวดคิ้วแน่นด้วยความเครียด
ในขณะที่จี้หลิงชวนคิดอยู่นั้นนิ้วชี้ของจี้หลิงชวนก็เคาะบนโต๊ะเป็นจังหวะ จี้หลิงชวนเงยหน้าขึ้นมองฟานเซิ่ง และสั่งทันทีว่า: “สั่งให้คนที่กำลังออกตามหาตามริมฝั่งแม่น้ำเลิกภารกิจเถอะ และรอฟังข่าวจากสถานีตำรวจเมืองแถว ๆนั้นก็พอแล้ว”
ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ถ้าคนคนนั้นยังไม่ตาย คงหนีไปไหนต่อไหนแล้วล่ะ ถึงจะออกตามหาตามริมแม่น้ำต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ถ้าคนตายแล้ว ไม่ช้าก็เร็วศพก็ต้องลอยขึ้นมาสักวันหนึ่ง และสถานีตำรวจในเมืองนั้นคงจะมีคำตอบให้เราอย่างแน่นอน
“ตกลงครับ คุณชายจี้ครับผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ครับ” ฟานเซิ่งก้มคำนับให้เขาแล้วออกไปทันที
จี้หลิงชวนก้มศีรษะลงพร้อมหยิบแฟ้มที่กองอยู่บนโต๊ะมาอ่านต่อ
จี้หลิงชวนอ่านแฟ้มที่กองอยู่บนโต๊ะได้ไม่นาน โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้าง ๆ เขาก็ดังขึ้น
จี้หลิงชวนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นการโทรทางไกลระหว่างประเทศ สายเรียกเข้าคือเวินจิ่ง
จี้หลิงชวนอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเล็กน้อย คราวนั้นเวินจิ่งรีบกลับจากต่างประเทศเพื่อมาร่วมงานแต่งงานระหว่างเขากับมู่ซีซี และซูอวี่โม่ก็รีบกลับจากเขตทหารในเมืองใกล้ ๆ แล้วยังมีลู่เฉิงฮ่าวทั้งสามคนมาร่วมเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้กับจี้หลิงชวน
ใครจะรู้ว่าจู่ ๆ มู่อวี๋เฟยก็ปรากฏตัวขึ้นที่งานแต่งงานและทำลายงานแต่งในวันนั้น หลังจากที่เวินจิ่ง ซูอวี่โม่ ลู่เฉิงฮ่าว ได้ช่วยงานเสร็จแล้ว เดิมทีพี่น้องทั้งสี่คนจะไปสังสรรค์กันสักหน่อย สุดท้ายแล้วต่างคนต่างมีธุระเลยไม่ได้รวมตัวกันสังสรรค์เลย
เวินจิ่งกลับไปที่สหรัฐอเมริกา และซูอวี่โม่กลับไปที่เขตทหารเมืองที่อยู่ไม่ไกล แม้แต่ลู่เฉิงฮ่าวก็ถูกคุณพ่อลู่ส่งไปประเทศอังกฤษเป็นเวลาหนึ่งเดือน เนื่องจากในบริษัทของตระกูลตัวเองเกิดปัญหาขึ้น
เวลานี้ในสหรัฐอเมริกาเป็นเวลาดึกดื่นแล้ว และเวินจิ่งไม่ค่อยโทรมาในช่วงเวลานี้สักเท่าไหร่ เว้นแต่จะเป็นเรื่องเร่งด่วนเท่านั้น
ในขณะที่คิดอยู่นั้นจี้หลิงชวนขมวดคิ้วและรีบกดปุ่มรับสายอย่างรวดเร็ว
เพียงแค่วางโทรศัพท์ไว้แนบหูของเขา น้ำเสียงที่รีบร้อนตื่นตระหนกของเวินจิ่งก็ดังขึ้น: “จี้หลิงชวน! คืนนี้ที่นี่รายงานข่าวเกี่ยวกับผู้หญิงชาวจีนคนหนึ่งที่ถูกขังอยู่ในโรงรถร้างแห่งหนึ่งมีคนไปเห็นเข้าจึงนำตัวเธอส่งโรงพยาบาล และบังเอิญคืนนี้ฉันไปโรงพยาบาลกับครูฝึกเพื่อไปช่วยการผ่าตัด เมื่อฉันออกจากโรงพยาบาล ก็บังเอิญเห็นหญิงชาวจีนที่หมดสติคนนั้นถูกอุ้มออกจากรถโรงพยาบาลฉุกเฉิน”
เมื่อพูดถึงนี่จู่ ๆ เวินจิ่งก็หยุดชะงักลงกะทันหัน แต่จี้หลิงชวนที่อยู่ทางนี้ฟังแล้วก็เม้มริมฝีปากทันที และนิ้วมือที่ถือโทรศัพท์แรงมากเกินไป จนเห็นเส้นเอ็นได้อย่างชัดเจน
เมื่อจี้หลิงชวนได้ยินเวินจิ่งพูดถึงหญิงชาวจีนคนนั้น หัวใจของจี้หลิงชวนก็สั่นระรัว ราวกับว่าหัวใจของเขาหยุดเต้นไปชั่วครู่ ซึ่งทำให้จี้หลิงชวนตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก
จี้หลิงชวนเข้าใจในสิ่งที่เวินจิ่งจะพูด หากเป็นเพียงผู้หญิงจีนธรรมดาที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจี้หลิงชวนแล้วล่ะก็ เป็นไปไม่ได้ที่เวินจิ่งจะรีบร้อนโทรบอกเขากลางดึกเช่นนี้
จี้หลิงชวนผู้ซึ่งไม่ค่อยสูบบุหรี่มาโดยตลอด เขาถือโทรศัพท์ไว้ในมือข้างหนึ่งอย่างแน่นหนา มืออีกข้างเปิดลิ้นชักแล้วหยิบซองบุหรี่ออกมาจุดไฟ และดูดบุหรี่แรง ๆ
ถ้าฟานเซิ่งอยู่ที่นี่ในตอนนี้ เขาก็จะรู้ได้ทันทีว่าประธานของตัวเองต้องอารมณ์ไม่ดีอย่างแน่นอน เพราะจี้หลิงชวนจะสูบบุหรี่ก็ต่อเมื่อเขาอารมณ์ไม่ดีเท่านั้น
ในโทรศัพท์ดูเหมือนจะตกอยู่ในความเงียบแปลก ๆ และทั้งทางต้นสายเวินจิ่งและทางปลายสายจี้หลิงชวนก็ไม่พูดไม่จาเช่นกัน
ความเงียบแปลก ๆ นี้กินเวลาไม่กี่นาที และน้ำเสียงเหนื่อยล้าของเวินจิ่งก็ทำลายความเงียบนั้นอีกครั้งและพูดอย่างช้า ๆว่า: “หลิงชวน นายคงต้องเดาได้แล้วว่าหญิงชาวจีนคนนั้นคือใคร”
เมื่อได้ยินเสียงของเวินจิ่ง ดูเหมือนว่าจี้หลิงชวนได้สติกลับคืนมา เขาขมวดคิ้วแน่น ในวินาทีต่อมาจี้หลิงชวนรู้สึกหงุดหงิดและกดก้นบุหรี่ในมือลงในที่เขี่ยบุหรี่โดยตรง ราวกับว่าเขากลัวที่จะรู้คำตอบ แต่ก็รอคอยที่จะรู้คำตอบในใจของเขา จี้หลิงได้ยินเสียงแหบแห้งของตัวเองพร้อมพูดว่า: “ใช่ ใช่ชูเหยาหรือเปล่า?”
คำว่าชูเหยาสองคำนี้หายออกจากชีวิตของจี้หลิงชวนเป็นเวลาห้าปีแล้ว ในช่วงห้าปีที่ผ่านมาคำว่าชูเหยาดูเหมือนจะเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับจี้หลิงชวน และไม่มีใครกล้าเอยชื่อนี้ต่อหน้าจี้หลิงชวนอีก
จี้หลิงชวนคิดว่าตัวเองนั้นลืมมันไปแล้ว แต่เมื่อเขาพูดถึงชื่อชูเหยา ความทรงจำทั้งหมดในใจมันก็กลับมาวนเวียนภายในจิตใจของจี้หลิงชวนอีกครั้ง
หลังจากที่จี้หลิงชวนพูดประโยคที่ไม่ค่อยแน่ใจออกมาเมื่อกี้นี้ เหมือนเขานั้นได้กลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว ไม่กี่วินาทีต่อมาจี้หลิงชวนได้ยินเสียงของเวินจิ่งดังก้องอยู่ในหูของเขาอย่างชัดเจน: “จี้หลิงชวน ผู้หญิงชาวจีนคนนั้นก็คือชูเหยา !”
ทันทีที่น้ำเสียงของเวินจิ่งจบลง เขาได้ยินเสียงจากปลายสายเหมือนจี้หลิงชวนกำลังลุกยืนขึ้น จากนั้นเวินจิ่งก็ได้ยินจี้หลิงชวนพูดกับฟานเซิ่งว่า: “ฟานเซิ่ง! รีบซื้อตั๋วเที่ยวบินที่บินไปสหรัฐอเมริกาโดยเร็วที่สุด!”
ทันทีที่เสียงของจี้หลิงชวนจบลง ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเวินจิ่งก็มีเสียงตุ๊ดตุ๊ดดังขึ้นเนื่องจากถูกวางสาย เวินจิ่งมองไปที่โทรศัพท์ที่โทรเสร็จแล้วพร้อมส่ายหัวอย่างไม่สบอารมณ์
หลายปีผ่านไปแล้ว และแน่นอนว่าเมื่อจี้หลิงชวนได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับชูเหยาแล้ว เขายังคงรู้สึกประหม่าและตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก
อีกด้านหนึ่ง มู่ซีซีเพิ่งจะผ่านมรสุมลูกใหญ่ไปไม่นาน มรสุมก็หวนกลับมาใหม่อีกครั้ง มู่ซีซีอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านเพราะความเบื่อหน่ายจู่ ๆเธอก็ได้รับสายโทรเข้าจากลั่วเสี่ยวชิง
หลังจากที่มู่อวี๋เฟยเข้ามาโวยวายในงานวิวาห์แล้ว มู่ซีซีก็งานเข้าไม่หยุด มีเรื่องต้องให้ปวดหัวอยู่ตลอดเวลา ลั่วเสี่ยวชิงเองก็ยุ่งอยู่กับการหางานใหม่อยู่ ทั้งคู่เลยไม่ได้มีเวลาพูดคุยกันเลย
วันนี้ประจวบเหมาะเป็นช่วงมันหยุดของลั่วเสี่ยวชิงพอดี ดังนั้นเธอจึงรีบโทรหามู่ซีซี และนัดรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน
เมื่อมู่ซีซีมาถึงร้านอาหารเล็ก ๆ ที่ได้นัดไว้กับลั่วเสี่ยวชิง ลั่วเสี่ยวชิงก็มาถึงก่อนแล้ว
ร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่ใกล้มหาวิทยาลัย A แม้ว่าจะไม่ได้ใหญ่โต แต่รสชาติอาหารก็อร่อย สะอาด และราคาไม่แพง มู่ซีซีและ ลั่วเสี่ยวชิงชอบมาทานอาหารที่ร้านนี้มากที่สุด
เมื่อเห็นมู่ซีซีกำลังเข้ามา ลั่วเสี่ยวชิงก็โบกมือให้มู่ซีซีอย่างมีความสุข: “ซีซี ทางนี้ ทางนี้!”
มู่ซีซีดึงเก้าอี้ตรงข้ามกับลั่วเสี่ยวชิงแล้วนั่งลง ลั่วเสี่ยวชิงรีบยื่นเมนูให้มู่ซีซี: “มามามา สั่งอาหารก่อน สั่งอาหารที่เธอชอบ วันนี้ฉันเป็นเจ้ามือเลี้ยงเองนะ!”
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้าของลั่วเสี่ยวชิง มู่ซีซีก็อดยิ้มไม่ได้เช่นกัน เมื่อสั่งเมนูอาหารไปด้วยพร้อมพูดกับลั่วเสี่ยวชิงไปด้วยว่า:“เป็นอะไร? เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอถึงทำให้เธอมีความสุขขนาดนี้”
ลั่วเสี่ยวชิงทำท่าทาง V และยิ้มให้มู่ซีซีพร้อมกล่าวว่า: “ฉันต้องมีความสุขแน่นอน! ฉันหาสถานที่ฝึกงานช่วงภาคฤดูร้อนได้แล้วนะ!”

รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ

รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ

ความบ้าเพียงชั่วข้ามคืน เธอสูญเสียร่างกาย เขาสูญเสียหัวใจ เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่าพี่เขยของเธอ! เธอวิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนก เขากดทุกย่างก้าวไว้ และทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อโอบเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา! จากที่คิดว่าเขารับเธอยิ่งกว่าชีวิต เและคิดว่าการได้พบกับเขาเป็นสิ่งที่โชคดีที่สุดในชีวิตของเธอ ความจริงก็ถูกเปิดเผย ปรากฎว่าตั้งแต่ต้นจนจบเธอกลายเป็นตัวตลกที่น่าสงสารที่สุด! จี้หลิงชวน ฉันหวังว่าฉันจะไม่ต้องพบคุณอีกในชีวิตนี้! —— มู่ซีซี

Comment

Options

not work with dark mode
Reset