รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ – ตอนที่ 235: ชูเหยาที่หายตัวไปห้าปีกลับมาแล้ว

สภาพครอบครัวของลั่วเสี่ยวชิงไม่ค่อยดีเลย เช่นเดียวกับมู่ซีซีเมื่อก่อนนี้ พวกเธอต้องทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย มู่ซีซีดีใจกับลั่วเสี่ยวชิงจริง ๆ เธอยิ้มและพูดกับลั่วเสี่ยวชิงว่า:” ถ้าเช่นนั้นฉันก็ไม่เกรงใจแล้วนะ ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับเธอก่อน”
มู่ซีซีได้สั่งเมนูอาหารที่ตัวเองชอบเสร็จแล้วก็ส่งเมนูอาหารให้กับลั่วเสี่ยวชิง หลังจากที่ทั้งสองสั่งอาหารไปได้ไม่นาน อาหารก็เริ่มมาเสิร์ฟแล้ว
ทั้งสองคนทานอาหารไปด้วยและพูดคุยไปด้วย มู่ซีซีบอกว่าช่วงนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย เรื่องราวเกี่ยวกับชาติตระกูลของตัวเองและ เหตุการณ์การถูกลาพาตัวที่มู่อวี๋เฟยเป็นคนบงการ เธอได้เล่าให้ลั่วเสี่ยวชิงฟังทุกเรื่อง
หลังจากที่ลั่วเสี่ยวชิงได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วเธอก็ทำท่าทางตกตะลึงและตกใจกลัวจนเอามือทาบหน้าอกของเธอพร้อมพูดกับมู่ซีซีว่า: “โอ้พระเจ้า มู่อวี๋เฟยก็บ้ามากเกินไปแล้ว! โชคดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ มันน่ากลัวเกินไปแล้วจริง ๆ”
ในขณะที่พูดอยู่นั้นลั่วเสี่ยวชิงก็กุมมือของมู่ซีซีรีบถามอย่างรวดเร็วว่า: “แล้วต่อมามู่อวี๋เฟยเป็นอย่างไรบ้าง?เธอถูกตำรวจจับไปแล้วหรือยัง?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ในใจของมู่ซีซีก็รู้สึกวิตกกังวลและไม่สามารถอธิบายได้ เธอส่ายหัวให้กับลั่วเสี่ยวชิง: “มู่อวี๋เฟยกระโดดลงไปในแม่น้ำแล้ว และไม่รู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว”
ลั่วเสี่ยวชิงตัวสั่นเทาขณะที่ฟังและจ้องมองมู่ซีซีพร้อมพูดขึ้นว่า: “มู่อวี๋เฟยกล้าทำกับตัวเองขนาดนี้เธอช่างโหดร้ายเกินไปแล้ว……”
ในขณะที่ลั่วเสี่ยวชิงพูดอยู่นั้นก็เห็นว่าสีหน้าของมู่ซีซีซีดเผือด และมองไปที่มู่ซีซีด้วยความรู้สึกผิดจึงปลอบโยนเธอ: “เราเปลี่ยนเรื่องคุยกันเถอะนะ เธอไม่ต้องกังวล ต่อไปนี้เวลาออกจากบ้านก็ระมัดระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน”
“อืม” หลังจากที่มู่ซีซีฟังแล้วก็พยักหน้า จากนั้นลั่วเสี่ยวชิงก็เปลี่ยนเรื่องคุยกับมู่ซีซี
หลังจากทานอาหารเป็นเวลาสองชั่วโมงแล้ว ในตอนบ่ายมู่ซีซีก็ถูกลั่วเสี่ยวชิงลากไปช้อปปิ้งต่ออีกสักพัก เมื่อเห็นว่าใกล้จะห้าโมงเย็นแล้วคงถึงเวลาที่จี้หลิงชวนจะกลับมาแล้วล่ะ ในขณะที่มู่ซีซีคิดอยู่นั้นเธอก็ได้บอกลาลั่วเสี่ยวชิง
หลังจากนั่งแท็กซี่กลับคฤหาสน์แล้ว ป้าหลิงก็กำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่
มู่ซีซีเหลือบดูเวลาก็เกือบจะหกโมงเย็น โดยปกติห้าโมงเย็นจี้หลิงชวนก็เลิกงานแล้ว ตามหลักแล้วเวลานี้เขาก็น่าจะกลับมาถึงบ้าน
ในขณะที่มู่ซีซีคิดอยู่นั้นเธอก็เดินไปที่ประตูห้องครัวและถามป้าหลิงว่า: “ป้าหลิงคะ คุณชายจี้ยังไม่กลับมาอีกเหรอคะ?”
“ยังไม่กลับมาเลยค่ะ” ป้าหลิงส่ายหัวให้กับมู่ซีซี
มู่ซีซีขึ้นไปเก็บกระเป๋าที่ชั้นบน แล้วเดินลงชั้นล่างเพื่อช่วยป้าหลิง เธอยุ่งอยู่นานกว่า 20 นาที ก็ยังไม่เห็นจี้หลิงชวนกลับมา จนทำให้มู่ซีซีรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
อาหารกลิ่นหอมถูกเสิร์ฟไว้บนโต๊ะทีละจาน มู่ซีซีนั่งลงที่โต๊ะอาหาร แววตาจ้องมองไปที่โต๊ะอย่างว่างเปล่า ขณะที่กลิ่นหอมของอาหารค่อย ๆจางลงอย่างช้า ๆ
หลังจากรอเกือบชั่วโมง จี้หลิงชวนก็ยังไม่กลับมา มู่ซีซีเหลือบดูเวลาบนนาฬิกาแขวน นี่มันก็ทุ่มครึ่งแล้ว
ป้าหลิงที่อยู่ข้าง ๆ เห็นเช่นนี้จนทนดูต่อไปไม่ไหวก็รีบพูดกับมู่ซีซีด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า: “คุณหนูซีซี เอาแบบนี้ไหมคะเดี๋ยวป้าเอาอาหารไปอุ่น คุณหนูทานอะไรก่อนดีไหมคะ”
ช่วงกลางวันมู่ซีซีเดินช้อปปิ้งกับลั่วเสี่ยวชิง เธอก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย เวลานี้ท้องของเธอหิวมาก แต่ดูเหมือนว่ามู่ซีซีจะหิวเกินไป มองดูอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะแต่เธอก็ไม่รู้สึกอยากทานเลย เธอรีบส่ายหัวให้ป้าหลิงพร้อมพูดว่า: “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องแล้วค่ะ ฉันไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”
ป้าหลิงจึงทำได้เพียงเดินถอยกลับไปอย่างเงียบๆ
น้อยมากที่จี้หลิงชวนจะไม่กลับมาทานอาหารเย็นแบบนี้ แม้ว่าบางครั้งเขาจะไม่สามารถกลับมาทานอาหารได้เขาก็จะโทรแจ้งเธอก่อนทุกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่จี้หลิงชวนทำเช่นนี้
ในขณะที่คิดอยู่นั้นมู่ซีซีรู้สึกกังวลใจอย่างบอกไม่ถูกจนต้องหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และเธอก็อดไม่ได้ที่จะกดโทรหาจี้หลิงชวนทันที
ทันทีที่เธอแนบโทรศัพท์ข้างหู มู่ซีซีก็ได้ยินเสียงดังขึ้นว่า: “ขออภัยค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้……”
คิ้วของมู่ซีซีขมวดแน่นมากยิ่งขึ้น และเมื่อเธอกดโทรออกอีกครั้งผลลัพธ์ก็ยังคงปิดเครื่องเช่นเดิม
โทรศัพท์ของจี้หลิงชวนปิดเครื่องเหรอ? ในขณะที่คิดอยู่นั้นในใจของมู่ซีซีรู้สึกกังวลใจมากยิ่งขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่โทรศัพท์ของจี้หลิงชวนโทรไม่ติด
เธอรีบลุกขึ้นยืนและรีบเดินไปหาป้าหลิงและพูดอย่างรวดเร็วว่า: “ป้าหลิงคะ ป้ารู้หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ช่วยคุณชายจี้ไหมคะ? ฉันพึ่งโทรหาคุณชายจี้เมื่อกี้นี้แต่โทรไม่ติดค่ะ”
ในโทรศัพท์ของมู่ซีซีนั้นไม่มีเบอร์ของฟางเซิ่ง
หลังจากที่ป้าหลิงได้ยินก็ตอบอย่างเร่งรีบว่า: “คุณหนูซีซีคะ คนขับรถหลี่น่าจะมีเบอร์ผู้ช่วยฟาง เดี๋ยวป้าลองโทรถามดูนะคะ”
มู่ซีซีสอบถามหมายเลขของฟางเซิ่งจนเจอ และรีบโทรออกทันที
ไม่นานหลังจากที่โทรศัพท์ดังขึ้น เสียงของฟางเซิ่งก็ดังขึ้นจากปลายสาย: “ฮาโหล สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณคือใครครับ?”
“ฟางเซิ่ง ฉันเอง มู่ซีซี” มู่ซีซีพูดอย่างเร่งรีบ แล้วพูดต่อว่า: “ฟางเซิ่ง ฉันขอสอบถามหน่อยว่าคุณชายจี้อยู่ที่บริษัทหรือไม่? เขายังไม่กลับมา และโทรศัพท์ก็ปิดเครื่อง……ฉันไม่สามารถติดต่อเขาได้……”
ฟางเซิ่งอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ บ่ายวันนี้จู่ ๆคุณชายจี้ก็ให้ผมซื้อตั๋วไปสหรัฐอเมริกา จากนั้นก็ทิ้งงานในมือแล้วออกไปทันทีเลยครับ
ในขณะที่คิดอยู่นั้นฟางเซิ่งก็อดไม่ได้ที่จะพูดต่อว่า: “คุณหนูซีซีครับ คุณชายจี้ไม่ได้บอกคุณหรอกหรือครับ?เมื่อช่วงบ่ายวันนี้คุณชายจี้จองเที่ยวบินไปสหรัฐอเมริกาแล้วครับ ตอนนี้น่าจะอยู่บนเครื่องบิน ดังนั้นโทรศัพท์จึงไม่สามารถติดต่อได้ครับ ”
บินไปอเมริกา? ? มู่ซีซีผงะไปครู่หนึ่ง เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปได้…… แต่ทำไมจี้หลิงชวนอยู่ดี ๆ ถึงต้องบินไปสหรัฐอเมริกาอย่างกะทันหันแบบนี้ด้วย? ทั้ง ๆที่ตอนเช้ามู่ซีซีก็ไม่ได้ยินจี้หลิงชวนพูดถึงเลยนี่นา
แต่อาจเป็นไปได้ว่าจะเกี่ยวกับเรื่องงานของจี้หลิงชวน มู่ซีซีก็ไม่กล้าถามเยอะ ดังนั้นเธอจึงระงับความสงสัยไว้ในใจ และขอบคุณฟางเซิ่งที่อยู่ปลายสาย: “ขอบคุณผู้ช่วยฟางมาก ๆนะคะ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
หลังจากเสร็จสิ้นการโทร มู่ซีซีก็รีบไปหาป้าหลิงที่ยุ่งอยู่ข้าง ๆ เธอ: “ป้าหลิงคะ ป้าช่วยเอาอาหารเหล่านี้ไปเก็บหน่อยนะคะ คืนนี้คุณชายจี้ไม่กลับมาแล้วค่ะ ”
หลังจากที่มู่ซีซีพูดจบเธอก็เดินขึ้นไปชั้นบนและกลับไปที่ห้อง
ไม่รู้ว่าทำไมคืนนี้มู่ซีซีถึงนอนไม่หลับ มู่ซีซีนอนอยู่บนเตียงใหญ่พลิกตัวไปมา รู้สึกราวกับว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เมื่อเที่ยวบินของจี้หลิงชวนลงจอดที่สนามบินสหรัฐฯ ทางฝั่งสหรัฐฯ ก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว
หลังจากลงจากเครื่องบิน จี้หลิงชวนก็โทรหาเวินจิ่งโดยตรง
เวินจิ่งเดาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าวันนี้จี้หลิงชวนจะต้องบินมาสหรัฐอเมริกาโดยตรงอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงตื่นแต่เช้าและขอลาหยุดกับศูนย์วิจัย จากนั้นก็รอจี้หลิงชวนมา
ทันทีที่จี้หลิงชวนโทรหา เวินจิ่งก็กดรับสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว: “เฮ้ หลิงชวน นี่นายมาถึงสหรัฐอเมริกาแล้วเหรอ?”
ขณะเดินทางจี้หลิงชวนนั่งอยู่บนเครื่องและไม่ได้นอนทั้งคืน และเสียงที่ไพเราะของเขามีความเหนื่อยล้าแฝงอยู่ด้วยโดยไม่รู้ตัว: “ฉันเพิ่งลงจากเครื่องบิน”
ในขณะที่พูดอยู่นั้นจี้หลิงชวนก็เปลี่ยนหัวข้อและถามว่า: “ตอนนี้เธออยู่ที่โรงพยาบาลแห่งไหน? ฉันจะเดินทางจากสนามบินไปที่โรงพยาบาลโดยตรง”
เมื่อได้ยินคำพูดของจี้หลิงชวนแล้ว เวินจิ่งก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว คำพูดที่กำลังอยากจะพูดออกมาว่า “นี่นายเพิ่งลงจากเครื่องบิน เอาแบบนี้ก่อนดีไหมนายมาทานมื้อเที่ยงกับฉันก่อนแล้วค่อยไปโรงพยาบาลด้วยกันดีไหม” ประโยคที่กำลังจะเอ่ยก็ต้องเก็บเข้าไปตามเดิม
แน่นอนว่าหลังจากผ่านไปหลายปี เมื่อจี้หลิงชวนได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับชูเหยา เขาก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้

รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ

รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ

ความบ้าเพียงชั่วข้ามคืน เธอสูญเสียร่างกาย เขาสูญเสียหัวใจ เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่าพี่เขยของเธอ! เธอวิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนก เขากดทุกย่างก้าวไว้ และทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อโอบเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา! จากที่คิดว่าเขารับเธอยิ่งกว่าชีวิต เและคิดว่าการได้พบกับเขาเป็นสิ่งที่โชคดีที่สุดในชีวิตของเธอ ความจริงก็ถูกเปิดเผย ปรากฎว่าตั้งแต่ต้นจนจบเธอกลายเป็นตัวตลกที่น่าสงสารที่สุด! จี้หลิงชวน ฉันหวังว่าฉันจะไม่ต้องพบคุณอีกในชีวิตนี้! —— มู่ซีซี

Comment

Options

not work with dark mode
Reset