รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ – ตอนที่ 312การปรากฏตัวในครึ่งปีต่อมา

เมื่อได้ฟังลู่เฉินอันพูดอย่างนั้นแล้ว มู่ซีซีจึงทำได้เพียงแค่อดทนและปล่อยให้สไตลิสต์ปรับภาพลักษณ์ของเธอต่อ
เริ่มจากการลองชุด หลังจากที่มู่ซีซีได้ลองชุดประมาณสามสี่ชุด ในที่สุดสไตลิสต์ก็เลือกชุดราตรีลูกไม้สีขาวเปิดไหล่สำหรับมู่ซีซี
เดิมทีผิวของมู่ซีซีก็ขาวอยู่แล้ว ประกอบกับชุดลูกไม้สีขาวเปิดไหล่ชุดนี้ยิ่งทำให้ผิวของเธอดูขาวผ่องขึ้นไปอีก
ด้วยการออกแบบรอบเอวที่เพิ่มเข้ามานี้ ทำให้รอบเอวที่แบนราบธรรมดาๆของ มู่ซีซีนั้น ดูเป็นทรงมากยิ่งขึ้น ราวกับว่าเอวของเธอนั้นถูกหันออกให้เห็นส่วนที่โค้งเว้าโดยอัตโนมัติ
แค่ได้มองทางด้านหน้าก็น่าทึ่งพอแล้ว แต่เมื่อมู่ซีซีเดินหมุนตัวเล็กน้อย เผยให้เห็นกระดูกสะบักทางด้านหลังของเธอที่ดูงดงามราวกับโดยหิมะปกคลุมปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาในทันที
ความงดงามของเธอนั้นดูน่าหลงใหลมาก
แม้แต่สไตลิสต์ที่เห็นจนเคยชินแล้วก็ยังอดที่จะตะลึงไม่ได้ แถมยังกล่าวชมเชยมู่ซีซีว่า “คุณมู่ คุณสวยมากจริงๆ คืนนี้คุณต้องกลายเป็นจุดสนใจของผู้ชมในงานอย่างแน่นอน”
มู่ซีซีหน้าแดงด้วยความเขินอายเมื่อสไตลิสต์พูดแบบนี้ เธอจึงตอบกลับอย่างอายๆ ว่า “ขอเปลี่ยนชุดได้ไหม?ชุดมันเปิดหลังมากเกินไปฉันรู้สึกไม่ค่อยชิน……”
เมื่อก่อนตอนที่อยู่กับจี้หลิงชวน จี้หลิงชวนมักจะไม่อนุญาตให้เธอสวมชุดแนวนี้ แม้แต่ชุดราตรีก็จะต้องปกปิดส่วนที่สำคัญจนหมด และสไตลิสต์ดันมาเปลี่ยนแปลงเธออย่างกะทันหันแบบนี้ มู่ซีซีจึงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย . ..
เมื่อสไตลิสต์ได้ยินก็ส่ายหัวให้กับมู่ซีซีและปฏิเสธเธอในทันที “ไม่ได้ แบบนี้แหละดีแล้ว มันดูดีมากจริงๆ”
สไตลิสต์รีบพูดขึ้นเพราะกลัวว่ามู่ซีซีจะปฏิเสธอีก พวกเขาจึงจูงมือของมู่ซีซีไปนั่งตรงหน้าโต๊ะ เครื่องแป้ง จากนั้นสไตลิสต์ก็เริ่มแต่งหน้าให้กับมู่ซีซีในทันที
เดิมทีลักษณะของมู่ซีซีก็สวยราวกับนางฟ้า ตอนนี้เธอยังสวมชุดลูกไม้สีขาวกระโปรงยาว สไตลิสต์ไม่ได้เติมแต่งอะไรลงบนใบหน้าของมู่ซีซีมาก แค่แต่งหน้าเบาๆ แล้วปรับแต่งเล็กน้อยเท่านั้น
มาถึงการจัดแต่งทรงผม พวกเขาทำการจัดแต่งทรงผมให้กับมู่ซีซีเกือบจะชั่วโมงแล้ว
ในที่สุดสไตลิสต์ก็ถอยออกห่างจากมู่ซีซีไป และบอกให้เธอยืนขึ้น จากนั้นก็หมุนให้กับพวกเขาดูหนึ่งรอบ หลังจากที่มู่ซีซีหมุนตัวเสร็จ สไตลิสต์ก็พยักหน้าให้ มู่ซีซีด้วยความพึงพอใจอย่างมากพร้อมกับกล่าวขึ้นว่า “อืม ไม่เลวเลย พอแค่นี้แล้วกัน”
ทันทีที่มู่ซีซีได้ยินเช่นนั้นเธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นไม่นานประตูของห้องแต่งตัวก็ถูกเปิดออก หญิงสาวรูปร่างผอมเพรียวได้สัดส่วนเดินออกมาจากห้องด้วยรองเท้าส้นสูงความสูงประมาณหกถึงเจ็ดเซนติเมตร
ลู่เฉินอันที่กำลังรออยู่ข้างนอกอย่างเบื่อหน่าย ได้ยินเสียงดังมาจากทางด้านประตู จากนั้น มองย้อนกลับไปโดยไม่รู้ตัว สายตาของเขาค่อยๆเหลือบมองไปที่มู่ซีซีที่กำลังเดินออกมา
สายตาอันเคร่งขรึมดูมีความประหลาดใจอยู่เล็กน้อย ต้องบอกว่ามู่ซีซีดูสวยมากจริงๆ ลู่เฉินอันได้เห็นความงามมากมายของสาวงามนับไม่ถ้วนจากหลากหลายประเทศ แต่ มู่ซีซีให้ความรู้สึกแตกต่างกับสาวงามเหล่านั้นมาก
มู่ซีซีอาจจะไม่ได้สวยที่สุด แต่เธอกลับดูมีความมหัศจรรย์มากที่สุด ดวงตาคู่นั้นของเธอราวกับว่ามันสามารถพูดออกมาได้ และออร่าที่อยู่ในตัวของเธอก็ทำให้คนที่มองมาที่เธอรู้สึกสบายใจและมีความสุขเป็นอย่างมาก
สุดท้ายลู่เฉินอันที่เผชิญโลกกว้างมาอย่างมากมาย ก็ต้องตกตะลึงไปชั่วครู่ และทันทีที่เขาได้สติกลับมา สายตาของเขาก็จ้องไปที่มู่ซีซีอีกครั้ง เขายิ้มขึ้นพลางกล่าวชื่นชมเธอว่า “อืม แบบนี้ดูดีกว่าตอนที่เพิ่งมาถึงมากจริงๆ”
เมื่อได้ฟังลู่เฉินอันพูดเช่นนั้นแล้ว มู่ซีซีอดไม่ได้ที่จะมองลู่เฉินอันด้วยความรู้สึกกังวลในใจพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“คุณชายลู่……เดี๋ยวก่อน นี่ต้องไปเข้าร่วมงานเลี้ยงอะไรกันแน่?
” ฉันยังไม่บอกเธอในตอนนี้หรอก ไว้รอไปถึงเดี๋ยวเธอก็จะรู้เอง”
เมื่อลู่เฉินอันพูดเช่นนี้แล้ว มู่ซีซีก็ไม่รู้ว่าจะถามอะไรต่อ เธอทำได้เพียงแค่พยักหน้า และเดินข้างๆ ลู่เฉินอันออกไปทางด้านนอก
ในเวลาเดียวกัน ในห้องทำงานของประธานบริษัทนายทุนจี้ซือ
ฟางเซิ่งที่เพิ่งเดินเข้ามา ส่งคำเชิญไปงานเลี้ยงให้กับจี้หลิงชวนในทันที
“คุณชายจี้ คืนนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดอายุแปดสิบปีของผู้อาวุโสหยาง คำเชิญก็ถูกส่งมาแล้ว วันนี้คุณชายจี้จะไปที่นั่นด้วยตนเองหรือเปล่า?”
เมื่อฟังเสียงที่แสดงออกถึงความเคารพนับถือของฟางเซิ่ง จี้หลิงชวนที่กำลังทำงานอยู่ก็หยุดชะงักชั่วคราว เขาหยิบการ์ดเชิญที่ฟางเซิ่งส่งมาให้ จากนั้นก็ค่อยๆอ่านทีละบรรทัดจนจบ จี้หลิงชวนพยักหน้าและพูดกับฟางเซิ่งขึ้นว่า “ฉันจะไป ผู้อาวุโสหยางและคุณย่าก็ต่างเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน อีกอย่างครอบครัวผู้อาวุโสหยางกับครอบครัวตระกูลจี้ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ตอนนี้คุณย่าสุขภาพไม่ค่อยดีและไม่สะดวกที่จะไปร่วมงาน ฉะนั้นฉันจะไปร่วมงานนี้เองแล้วกัน ”
เมื่อจี้หลิงชวนพูดจบ เขาก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดกับฟางเซิ่งต่อว่า “ยังมีอีกเรื่อง ไปเตรียมของขวัญล้ำค่าที่เหมาะกับผู้อาวุโสหยางมาด้วย สักพักฉันจะถือไปด้วย”
“ครับคุณชาย ผมจะไปเตรียมเดี๋ยวนี้”
ทันทีที่ฟางเซิ่งออกไปจากห้องทำงานของจี้หลิงชวน โทรศัพท์มือถือของจี้หลิงชวนที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้นทันที
เป็นสายจากชูเหยา ในระยะเวลาครึ่งปีมานี้ ความสัมพันธ์ระหว่างชูเหยากับ จี้หลิงชวนดีขึ้นเล็กน้อย
เพราะตอนนี้ชูเหยาฉลาดที่จะเรียนรู้ เธอมีความระมัดระวังตัวเอง เธอพยายามยืนอยู่ในฐานะเพื่อนของจี้หลิงชวนเท่านั้น และอีกอย่างก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยแม้แต่น้อย
เป็นเพราะนายหญิงจี้สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ดังนั้นชูเหยามักจะไปเยี่ยมนายหญิงจี้ และไปพูดคุยกับนายหญิงจี้อยู่บ่อยๆ
แม้ว่านายหญิงจี้จะไม่ค่อยชอบชูเหยามากนัก แต่เป็นเพราะชูเหยาไปเยี่ยมเธออยู่หลายครั้ง แถมชูเหยาก็เป็นคนที่มีทัศนคติที่ดีมาก หลังจากนั้นไม่นานนายหญิงจี้ก็ค่อยๆเริ่มยอมรับชูเหยามากขึ้น
ด้วยความสัมพันธ์อันดีกับนายหญิงจี้ ทำให้ชูเหยามีโอกาสได้พบกับจี้หลิงชวนมากขึ้น
ในบางครั้งตอนที่จี้หลิงชวนไปเยี่ยมนายหญิงจี้ที่โรงพยาบาลสำหรับผู้สูงอายุ ก็มักจะบังเอิญเจอกับชูเหยาที่นั่น ที่ตั้งของโรงพยาบาลสำหรับผู้สูงอายุนั้นอยู่ไม่ไกลและไม่สะดวกที่จะนั่งแท็กซี่ ดังนั้น จี้หลิงชวนจึงเป็นคนขับรถไปส่งชูเหยากลับบ้าน บางทีทั้งสองก็ไปกินข้าวด้วยกันเหมือนกับเพื่อนทั่วๆไป
ทันทีที่จี้หลิงชวนรับสายของชูเหยา และวางโทรศัพท์แนบกับหู เสียงของชูเหยาก็ดังขึ้น “หลิงชวน ตอนนี้คุณยุ่งอยู่หรือเปล่า?”
“ไม่ยุ่ง มีธุระอะไรหรือเปล่า พูดออกมาตรงๆเลย” จี้หลิงชวนพูดอย่างใจเย็น
ดูเหมือนชูเหยาจะไม่สนใจในน้ำเสียงที่ดูห่างเหินของจี้หลิงชวนเลย เธอยิ้มอย่างไม่ใส่ใจและพูดต่อว่า “เรื่องมันเป็นแบบนี้นะ ฉันได้รับคำเชิญไปร่วมวันเกิดครบรอบ 80 ปีของคุณปู่หยาง หลิงชวน ฉันไม่รู้ว่าคุณจะไปไหม? ถ้าคุณไป คุณพาฉันไปด้วยได้หรือเปล่า? ฉันไม่ได้ไปงานเลี้ยงแบบนี้มานานแล้ว รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย…”
บุคคลสำคัญของสังคมชนชั้นสูงในเมืองหรงมักจะวงเวียนกันอยู่เป็นวงกลมใหญ่ๆ เมื่อตอนที่คุณพ่อคุณแม่ของชูเหยายังมีชีวิตอยู่ ครอบครัวของชูเหยาและครอบครัวของผู้อาวุโสหยางก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน จึงเป็นเรื่องปกติที่ชูเหยาจะได้รับคำเชิญ
ยังไงซะ จี้หลิงชวนก็จะต้องไปอยู่แล้ว อีกอย่างเขาก็ยังขาดเพื่อนผู้หญิงไปด้วย ก็แค่พาชูเหยาไปร่วมงานเป็นเพื่อนเท่านั้น ก็ไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่อะไร
“ได้สิ” จี้หลิงชวนเห็นด้วย จากนั้นเขาก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาเพื่อดูเวลาและพูดกับชูเหยาต่อว่า “อีกหนึ่งชั่วโมงฉันจะขับรถไปรับเธอ”
“อืม ตกลง งั้นต้องลำบากคุณแล้ว ”
หลังจากที่วางสาย จี้หลิงชวนก็มองดูเวลา ตอนนี้ก็ใกล้จะเริ่มงานแล้ว จี้หลิงชวนลุกขึ้นพร้อมกับเปลี่ยนชุดสูทที่ฟางเซิ่งเตรียมไว้ให้ หลังจากที่เขาเปลี่ยนชุดเสร็จก็ขับรถออกไปรับชูเหยาที่คฤหาสน์เซอร์ซิสทันที

รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ

รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ

ความบ้าเพียงชั่วข้ามคืน เธอสูญเสียร่างกาย เขาสูญเสียหัวใจ เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่าพี่เขยของเธอ! เธอวิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนก เขากดทุกย่างก้าวไว้ และทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อโอบเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา! จากที่คิดว่าเขารับเธอยิ่งกว่าชีวิต เและคิดว่าการได้พบกับเขาเป็นสิ่งที่โชคดีที่สุดในชีวิตของเธอ ความจริงก็ถูกเปิดเผย ปรากฎว่าตั้งแต่ต้นจนจบเธอกลายเป็นตัวตลกที่น่าสงสารที่สุด! จี้หลิงชวน ฉันหวังว่าฉันจะไม่ต้องพบคุณอีกในชีวิตนี้! —— มู่ซีซี

Comment

Options

not work with dark mode
Reset