รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ – ตอนที่ 390 เกิดเรื่องแล้ว!!!

ลู่เฉินอันได้ยินมู่ซีซีถามแบบนี้ จึงยิ้มมุมปากอย่างธรรมชาติ “ไม่ถือว่ารู้จักหรอกครับ แค่เคยได้ยินข่าวมาบ้าง แล้วอีกอย่างอยู่ในเมืองหรงคนที่ไม่เคยได้ยินชื่อคุณชายจี้คงมีไม่กี่คนหรอกครับ”
ความจริงมู่ซีซีมองไม่ออกเลยว่าลู่เฉินอันเป็นคนยังไง ตอนนั้นที่มู่ซีซีฟื้นมาแล้วเห็นลู่เฉินอัน ก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนอันตรายมาก
แล้ววันนี้ ความรู้สึกแบบนั้นยังชัดเจนอยู่
มู่ซีซีจึงแอบสูดหายใจเข้าลึกๆ สายตามองไปที่ลู่เฉินอันที่นั่งอยู่ตรงข้ามแล้วเอ่ยว่า “คุณชายลู่คะ ตอนนั้นขอบคุณมากนะคะที่คุณช่วยฉันไว้ ขอบคุณจริงๆนะคะ”
ลู่เฉินอันฟังสิ่งที่มู่ซีซีพูด จึงพยักหน้าให้ ตอนที่ลู่เฉินอันกำลังจะเอ่ยพูด อยู่ๆโทรศัพท์ในกระเป๋ามู่ซีซีก็ดัง แล้วขัดลู่เฉินอันที่ยังไม่ทันได้พูด
เสียงโทรศัพท์ดังถี่มาก
มู่ซีซียิ้มอย่างขอโทษให้ลู่เฉินอัน จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า พอเห็นว่าจี้หลิงชวนเป็นคนโทรมา เธอจึงเอ่ยขอโทษกับเขาว่า “ขอโทษนะคะคุณชายลู่ ฉันขอไปรับโทรศัพท์ที่ห้องน้ำก่อนนะคะ”
ลู่เฉินอันได้ยินมู่ซีซีพูดแบบนี้ เขาก็ไม่ได้ใจร้อน แล้วทำมือเชิญอย่างนิ่งเฉยให้มู่ซีซี
จากนั้นมู่ซีซีจึงหยิบโทรศัพท์เดินไปที่ห้องน้ำหญิง
บอดี้การ์ดกับคนขับรถที่มาพร้อมมู่ซีซีเห็นว่าเธอไปห้องน้ำ จึงรีบตามไปอย่างไม่ให้คลาดสายตาแล้วรออยู่ข้างนอกห้องน้ำหญิง
พวกเขาไม่ได้หันกลับไปมองลู่เฉินอันเลย เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงไม่เห็นตอนที่ลู่เฉินอันที่นั่งอยู่ที่เดิมมองแผ่นหลังของมู่ซีซีที่เดินไป มุมปากเขายิ้มอย่างร้ายกาจแล้วมีเลศนัย
เมื่อกี้ตอนที่มู่ซีซีหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า ลู่เฉินอันที่ตาแหลมเห็นชัดเจนว่าบนหน้าจอโทรศัพท์ของเธอขึ้นชื่อว่าเป็นสายจากหลิงชวน
จี้หลิงชวนเป็นคนโทรมา ดูเหมือนว่าแผนของเขาต้องเริ่มก่อนเวลาแล้วสินะ
ขณะคิดลู่เฉินอันจึงยิ้มมุม แล้วหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมาแล้วโทรออกด้วยท่าทางที่ดูดี
มู่ซีซีเพิ่งเดินเข้าห้องน้ำหญิงรีบกดรับสายทันที เพิ่งวางโทรศัพท์ที่ข้างหู เสียงที่ร้อนรนของจี้หลิงชวนจึงดังขึ้นมาทันที “ซีซี ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”
มู่ซีซีได้ยินเสียงที่ร้อนรนเป็นห่วงของจี้หลิงชวน จึงรู้สึกเสียใจที่มา แล้วรีบเอ่ยตอบว่า “ฉันอยู่ที่ร้านอาหารฝีเท้าเซียง ทำไมเหรอหลิงชวน?”
“ซีซี ตอนนี้เธออยู่กับใคร? อยู่กับลู่เฉินอันเหรอ?”
มู่ซีซีได้ยินประโยคที่จี้หลิงชวนพูด ในใจจึงสั่นเกร็งทันที มู่ซีซีจำได้ชัดเจน ตอนที่เธอออกมาเธอไม่ได้บอกป้าหลิงว่าเธอมากินข้าวกับลู่เฉินอัน
เมื่อกี้ก็ไม่เห็นบอดี้การ์ดหรือว่าคนขับรถโทรหาจี้หลิงชวน
จี้หลิงชวนรู้ได้ยังไงว่าตอนนี้เธอกำลังกินข้าวกับลู่เฉินอัน?
ขณะคิดนิ้วมือของมู่ซีซีจึงจับโทรศัพท์แน่นกว่าเดิม “อื้อ ตอนเที่ยงพอโทรคุยกับนายเสร็จแล้ว ลู่เฉินอันก็โทรมานัดฉันออกมากินข้าว เขาเคยช่วยฉันไว้ ฉันไม่อยากปฏิเสธ ก็เลยตกลงมา”
มู่ซีซีกลัวว่าจี้หลิงชวนจะเป็นห่วงจึงพูดเสริมว่า “จี้หลิงชวน นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันพาบอดี้การ์ดกับคนขับรถมาด้วย ไม่มีเรื่องอะไร……”
มู่ซีซียังไม่ทันพูดจบ เสียงของจี้หลิงชวนจึงดังกว่าเดิม แล้วพูดแทรกเธอทันที “ซีซี รีบไปจากที่นั่น! ให้คนขับรถกับบอดี้การ์ดรีบขับรถพาเธอออกไป ฉันจะขับรถไปรับพวกเธอเดี๋ยวนี้!”
มู่ซีซีฟังน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลของจี้หลิงชวน ในใจจึงสั่นเกร็งกว่าเดิม แล้วรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี “จี้หลิงชวน เกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“ซีซี เธออย่าเพิ่งถาม ตอนนี้อธิบายไม่เคลียร์ แต่เธอต้องรีบไปจากที่นั่นก่อน ถึงบ้านแล้วฉันค่อยอธิบายกับเธอ”
“ได้ ฉันรู้แล้ว” ถึงแม้ในใจมู่ซีซีจะมีคำถามมากมายแต่พอได้ยินสิ่งที่จี้หลิงชวนพูดเมื่อกี้จึงหักห้ามไว้ในใจ
พอคุยจบแล้ว มู่ซีซีจึงรีบเปิดประตูห้องน้ำหญิงแล้วเดินออกไป
สุดท้ายมู่ซีซีกลับไม่เห็นบอดี้การ์ดกับคนขับรถที่รออยู่ตรงหน้าห้องน้ำหญิง!
มู่ซีซีมองทางเดินที่ว่างเปล่า ในใจจึงสั่น แล้วคิ้วก็ขมวดแน่น
จี้หลิงชวนสั่งบอดี้การ์ดกับคนขับรถไว้ตั้งนานแล้ว ต้องตามติดมู่ซีซีอย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาด
แล้วมู่ซีซีก็จำได้ชัดเจนว่าตอนที่เธอเข้าไปในห้องน้ำหญิง บอดี้การ์ดกับคนขับรถยังรออยู่ข้างนอก
ขณะคิดมู่ซีซีจึงเดินไปที่ห้องโถงของร้านอาหาร
เห็นแค่ลู่เฉินอันที่ยังนั่งดื่มน้ำอยู่ที่นั่งข้างหน้าต่างเหมือนเดิม แต่ว่าโต๊ะข้างๆของบอดี้การ์ดกับคนขับรถกลับว่างเปล่าไม่มีใครเลย!
มู่ซีซีจึงขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิมอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จากนั้นจึงนึกถึงสิ่งที่จี้หลิงชวนโทรมาบอกเมื่อกี้ มู่ซีซีจึงรีบตัดสินใจทันที ตอนนี้ไม่รู้ว่าบอดี้การ์ดกับคนขับรถอยู่ที่ไหน เธอจะอยู่ที่นี่ตัวคนเดียวไม่ได้ อันตรายเกินไป ตอนนี้ต้องรีบออกไปก่อน!
ขณะคิดมู่ซีซีจึงพยุงท้องที่นูนขึ้นมาของตัวเองแล้วเดินไปที่ประตูร้านอาหาร
ถ้าเป็นเมื่อก่อนมู่ซีซีอาจจะไม่เซนซิทีฟขนาดนี้ แต่ว่าตอนนี้ในท้องเธอมีลูก มู่ซีซีจะไม่ยอมให้ลูกของเธอตกอยู่ในอันตรายเด็ดขาด
แต่ว่าทันใดนั้น จึงมีเสียงที่ทุ้มต่ำดังขึ้นมาในร้านอาหาร
“คุณหนูมู่ ข้าวมื้อนี้ยังทานไม่เสร็จเลยนะครับ คุณจะไปไหน?”
มู่ซีซีที่เร่งฝีเท้าเดินไปถึงหน้าประตูร้านอาหารหยุดชะงัก แล้วตัวแข็งทื่อทันที
มือทั้งสองข้างก็กำไว้แน่น มู่ซีซีหันไปจึงเห็นลู่เฉินอันที่เดินมาข้างหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
พอสบตากัน อุ้มมือของมู่ซีซีจึงมีเหงื่อไหล่ออกมา แล้วเธอก็พยายามฝืนยิ้มกับเขา พยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติกับเขาว่า “คุณชายลู่ ขอโทษนะคะ พอดีมีเรื่องด่วนเลยต้องกลับไปก่อน ไว้วันอื่นค่อยเชิญคุณทานข้าวใหม่นะคะ”
ลู่เฉินอันได้ยินมู่ซีซีพูดแบบนี้ จึงรู้สึกแปลกใจ เขาไม่ได้พูดรั้งให้มู่ซีซีอยู่กินข้าวต่อ แต่กลับพยักหน้าให้เธอแล้วเอ่ยว่า “ครับ ถ้าคุณหนูมู่มีเรื่องด่วน งั้นผมไม่รั้งให้คุณอยู่ทานข้าวต่อละกันครับ”
ได้ยินสิ่งที่ลู่เฉินอันพูด ในใจมู่ซีซีจึงโล่งไปหน่อย “คุณชายลู่ ในเมื่ออย่างนี้ ฉันขอตัวไปก่อนนะคะ”
จากนั้นมู่ซีซีจึงผลักประตูเดินออกจากร้านอาหาร มู่ซีซีที่เพิ่งเดินออกจากร้านอาหารได้ไม่กี่ก้าว จึงต้องขมวดคิ้วแน่นแล้วหยุดฝีเท้าลงข้างถนน

รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ

รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ

รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ
Status: Ongoing
ความบ้าเพียงชั่วข้ามคืน เธอสูญเสียร่างกาย เขาสูญเสียหัวใจ เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่าพี่เขยของเธอ! เธอวิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนก เขากดทุกย่างก้าวไว้ และทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อโอบเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา! จากที่คิดว่าเขารับเธอยิ่งกว่าชีวิต เและคิดว่าการได้พบกับเขาเป็นสิ่งที่โชคดีที่สุดในชีวิตของเธอ ความจริงก็ถูกเปิดเผย ปรากฎว่าตั้งแต่ต้นจนจบเธอกลายเป็นตัวตลกที่น่าสงสารที่สุด! จี้หลิงชวน ฉันหวังว่าฉันจะไม่ต้องพบคุณอีกในชีวิตนี้! —— มู่ซีซี

Comment

Options

not work with dark mode
Reset