รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ – ตอนที่ 53 ความอับอายขายหน้า

มู่อวี๋เฟยได้ทำงานอยู่บริษัทจี้ต่อเนื่องเป็นเวลาห้าวันแล้ว นับตั้งแต่ที่เธอเข้ามาทำงานในบริษัท เธอก็ไม่เคยได้เจอหน้าจี้หลิงชวนเลย
ทุกวันเวลาทำงานมู่อวี๋เฟยนอกจากนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองอย่างเบื่อหน่ายแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลย
และมีอยู่วันหนึ่งได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นภายในบริษัทจี้อีกด้วย
เช้าตรู่ของวันนั้นมู่อวี๋เฟยกำลังมาทำงาน และในขณะที่เดินไปที่ล็อบบี้อาคารบริษัทจี้ มีพนักงานหญิงคนหนึ่งที่เพิ่งเดินเข้ามาในบริษัทเมื่อเธอเห็นมู่อวี๋เฟยเธอก็รีบเดินเข้าไปหามู่อวี๋เฟยแล้วเรียกด้วยน้ำเสียงประจบสอพลอ: “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณหญิง ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นสีหน้าของมู่อวี๋เฟยก็ยิ้มหน้าบานระรื่น และเธอก็มีความสุขเป็นพิเศษเมื่อได้ยินคนเรียกเธอแบบนั้น แล้วเธอก็เชิดหน้าขึ้นยืดอกอย่างสง่าผ่าเผยราวกับว่าตัวเองเป็นภรรยาของท่านประธานจริงๆพร้อมตอบกลับว่า:“อืม อรุณสวัสดิ์จ๊ะ”
ตอนแรกมันก็ไม่มีเรื่องอะไรใหญ่โตหรอก แต่เป็นเพราะว่ามู่อวี๋เฟยดวงไม่ดี ดันเจอจี้หลิงชวนกำลังเดินตามหลังเข้ามาแล้วได้ยินเรื่องราวทั้งหมดพอดี
เมื่อได้ยินพนักงานหญิงคนนั้นเรียกมู่อวี๋เฟยว่าภรรยาของท่านประธาน อีกทั้งมู่อวี๋เฟยยังตอบกลับด้วยความมั่นใจ และใบหน้าของจี้หลิงชวนที่ยืนอยู่ด้านหลังสีหน้าก็กลายเป็นเย็นชาและเคร่งขรึมทันที
เขาจ้องมองมู่อวี๋เฟยและพนักงานด้วยแววตาดุร้ายน่ากลัวราวกับสัตว์ป่าที่อยากจะกินเลือดกินเนื้อ น่ากลัวเหมือนคลื่นลมพายุกลางทะเลยังไงยังงั้น
สายตาที่เฉียบคมและเย็นชาของจี้หลิงชวนจ้องมองไม่หยุด มู่อวี๋เฟยและพนักงานหญิงคนนั้นพอรู้สึกตัวว่ามีคนกำลังจ้องมองอยู่จึงหันไปมองทางจี้หลิงชวน
เมื่อทั้งสองคนได้สบตากับจี้หลิงชวนที่แววตาดุร้ายน่ากลัวราวกับสัตว์ป่าที่อยากจะกินเลือดกินเนื้อและน่ากลัวเหมือนคลื่นลมพายุกลางทะเลนั้น ทั้งมู่อวี๋เฟยและพนักงานคนนั้นตกใจกลัวจนตัวสั่นไปทั้งตัวและเดินก้าวถอยหลังสองสามก้าว
จี้หลิงชวนมีสีหน้าเคร่งขรึม ทันใดนั้นเขาก็เดินก้าวฉับตรงไปยังพนักงานหญิงคนนั้น และถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“เมื่อกี้นี้คุณเรียกเธอว่าอะไรนะ?!!!”
พนักงานหญิงพูดตะกุกตะกักด้วยความกลัว: “ท่าน…ท่านประธานคะ…ฉัน ฉัน…”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ พนักงานหญิงคนนั้นก็ตกใจกลัวจนเกือบร้องไห้ออกมา
ไม่ได้มีเพียงแต่พนักงานหญิงคนนั้นที่ตกใจคนเดียว แม้แต่มู่อวี๋เฟยที่ยืนอยู่ด้านข้างมองดูจี้หลิงชวนก็ตกใจกลัวจนหน้าซีดเซียวเช่นกัน
จี้หลิงชวนชำเลืองมองพนักงานหญิงและมู่อวี๋เฟยอย่างเฉียบขาด จากนั้นจึงละสายตาและเดินตรงไปที่ลิฟต์ส่วนตัวของท่านประธาน
มู่อวี๋เฟยและพนักงานหญิงคนนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิมและได้ยินเสียงแสนเย็นชาของจี้หลิงชวนที่พูดออกมาทีละคำว่า: “รีบไล่พนักงานหญิงคนนั้นออกไปซะ!”
ประโยคนี้จี้หลิงชวนพูดกับฟางเซิ่งที่กำลังเดินติดตามเขาอยู่ด้านหลัง
ฟางเซิ่งรีบตอบรับอย่างรวดเร็วว่า:“รับทราบครับผม คุณชายจี้ ”
หลังจากที่ฟังฟางเซิ่งพูดจบ พนักงานหญิงคนนั้นก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง ใบหน้าของเธอก็ซีดเซียวลงทันที และเมื่อเธอกำลังจะรีบไปขอความเมตตาจากจี้หลิงชวนอยู่นั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนก็เดินตรงเข้ามาหาเธอ คนหนึ่งอยู่ทางซ้ายและอีกคนหนึ่งอยู่ทางขวาลากพนักงานหญิงคนนั้นออกไปโดยที่เธอไม่กล้าปริปาก
ทันใดนั้นเหลือเพียงมู่อวี๋เฟยเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่คนเดียวด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของเธอซีดเซียว เธอรู้สึกว่าดวงตาของพนักงานเหล่านั้นที่อยู่รอบๆบริเวณมองมาที่ตัวเองด้วยสายตาเยาะเย้ย ราวกับว่ากำลังหัวเราะเยาะเธออยู่ยังไงยังงั้นแหล่ะ
มู่อวี๋เฟยรู้สึกว่าจี้หลิงชวนทำให้เธอรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าต่อหน้าพนักงานเข้าฉาดใหญ่จนสะเทือนไปถึงหัวใจยังไงยังงั้น
มู่อวี๋เฟยรู้สึกตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากจนน้ำตาซึม แล้วเธอก็กัดริมฝีปากแน่นเพื่อไม่ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ต่อหน้าผู้คนมากมาย
มู่อวี๋เฟยกำหมัดแน่นแนบข้างกายอย่างแรง เธอเตือนตัวเองในใจนับครั้งไม่ถ้วนว่าให้อดทน และต้องอดทนต่อไป!
เพื่อตำแหน่งการเป็นภรรยาของคุณชายจี้ที่คนทั้งเมืองหรงต้องการแล้ว เธอจึงทำได้เพียงต้องอดทนต่อไปเท่านั้น !
และที่สำคัญไปกว่านั้นเป็นเพราะเธอรักคุณชายจี้มาก!
มู่อวี๋เฟยดูสีหน้านิ่งเฉย และเดินเข้าไปในลิฟต์โดยที่ไม่แคร์สายตาของคนรอบข้างที่จับจ้องมองเธอเลยแม้แต่น้อย
หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้แล้ว พนักงานของบริษัทจี้ทุกคนล้วนรู้ความจริงแล้วว่าภรรยาใหม่อย่างมู่อวี๋เฟยคนนี้ คุณชายจี้ไม่ชอบขี้หน้าเลยแม้แต่น้อย ถ้ามีคนเรียกเธอว่าภรรยาของท่านประธานคำเดียว คุณชายจี้จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนไล่พนักงานนั้นออกทันที ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีใครกล้าเรียกมู่อวี๋เฟยว่าเป็นภรรยาของท่านประธานอีกเลย และทุกคนก็เปลี่ยนคำสรรพนามเรียกว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่แทน
วันนี้เป็นวันเสาร์ ในเช้าตรู่เสียงนาฬิกาปลุกที่มู่ซีซีได้ตั้งไว้ก็ดังขึ้นเพื่อปลุกเธอ
ตอนนี้มู่ซีซีได้เข้าไปรายงานตัวที่บริษัทจี้แล้ว ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงไปเป็นนักแปลที่บริษัทโดยไม่มีทางเลือกอีกแล้วล่ะ อีกทั้งในตอนนี้จี้หลิงชวนไม่อนุญาตให้เธอออกไปทำงานที่ไหนเลย ค่าครองชีพและค่าเทอมของภาคเรียนหน้าของมู่ซีซียังหาไม่ได้
เมื่อมู่ซีซีตื่นขึ้นมาเธอก็ไม่จี้หลิงชวนแล้ว มู่ซีซีค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งเพราะอาการปวดเมื่อยตรงเอว
นับตั้งแต่วันที่เธอตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับจี้หลิงชวน เธอจะปวดเอวเวลาตื่นนอนตอนเช้าทุกครั้ง
เธอไม่เลยรู้จริงๆ ว่าจี้หลิงชวนเอาแรงมากมายขนาดนั้นมาจากไหน เมื่อเวลามู่ซีซีเห็นจี้หลิงชวนนอนอยู่บนเตียงทีไรมันทำให้เธอรู้สึกเข่าอ่อนขึ้นมาทันที
หลังจากที่เธออาบน้ำแต่งตัวเสร็จและเดินลงไปชั้นล่าง เธอก็เห็นจี้หลิงชวนกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่ในห้องอาหารแล้ว
มู่ซีซีนั่งลงตรงข้ามกับจี้หลิงชวน และป้าหลิงก็รีบจัดเตรียมอาหารเช้าให้กับมู่ซีซี
หลังจากรับประทานอาหารเช้าอย่างเงียบๆ สักพัก มู่ซีซีก็มองไปที่จี้หลิงชวนพร้อมพูดว่า:“วันนี้บริษัทของคุณทำงานปกติไหมคะ?”
นอกเหนือจากบริษัทจี้แล้ว บริษัทส่วนใหญ่มักหยุดวันเสาร์และวันอาทิตย์ การทำงานที่มีผู้นำบ้างานอย่างจี้หลิงชวนแล้วขนาดวันเสาร์ยังต้องทำโอเพิ่มเลย
“ทำปกติ” จี้หลิงชวนพูดและมองไปที่มู่ซีซีพร้อมเสริมอีกประโยคว่า: “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคุณเริ่มทำงานได้แล้ว”
ในขณะที่จี้หลิงชวนพูดอยู่นั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน พร้อมเหลือบมองไปที่มู่ซีซีและก้าวเดินออกไปทันที
มู่ซีซีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
จี้หลิงชวนขึ้นรถไปก่อน และนั่งฝั่งคนขับพร้อมมองออกไปข้างนอกรถ และมองดูมู่ซีซีด้วยสีหน้าเคร่งขรึมขมวดคิ้ว เขาลดกระจกลงพร้อมมองไปทางมู่ซีซีแล้วพูดว่า : “ขึ้นรถ!”
มู่ซีซีกัดริมฝีปากของเธอเบา ๆ และมองไปที่จี้หลิงชวนอย่างกล้าหาญ: “ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้เวลายังเช้าอยู่ เดี๋ยวฉันนั่งรถประจำทางไปบริษัทด้วยตัวเองดีกว่าค่ะ ……”
มู่ซีซียังไม่ลืมว่ามู่อวี๋เฟยก็ทำงานอยู่ในบริษัทจี้เช่นกัน และการที่เธอไปทำงานในวันนี้อาจจะได้พบกับมู่อวี๋เฟยก็เป็นได้ และเป็นไปได้ว่าเวลานี้มู่อวี๋เฟยก็อาจจะเกิดความสงสัยแล้ว ถ้าหากยังให้มู่อวี๋เฟยเห็นเธอลงจากรถของจี้หลิงชวนแล้วล่ะก็ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ซวยแน่ๆ!
เมื่อจี้หลิงชวนได้ยินคำพูดของมู่ซีซีแล้วเขาก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นทันที และเสียงที่เอาแต่ใจของเขาก็ดังขึ้นทันที: “มู่ซีซี ผมจะพูดอีกครั้ง! ขึ้นรถ!”
ด้วยสายตาจ้องมองที่ดุร้ายของจี้หลิงชวน มู่ซีซีไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากกัดริมฝีปากของเธอเบาๆพร้อมดึงประตูและเข้าไปนั่งในรถอย่างไม่สบอารมณ์
โชคดีที่ครั้งนี้ มู่ซีซียังไม่ทันอ้าปากพูดอะไร จี้หลิงชวนก็ขับรถไปจอดที่เดิมตรงแยกซึ่งยังคงอยู่ห่างจากบริษัทพอสมควร
มู่ซีซีรีบลงจากรถอย่างรวดเร็วด้วยความโล่งอก มองดูรถที่หรูหรายี่ห้อมายบัคค่อยๆขับออกไป เธอเดินประมาณ 10 กว่านาทีก็เดินไปถึงบริษัทจี้แล้ว
ตรงตามกับที่คิดไว้ไม่มีผิด บางครั้งยิ่งเรากลัวสิ่งไหนก็จะเจอสิ่งนั้นจริงๆ!
ทันทีที่มู่ซีซีเดินเข้าไปในตึกใหญ่ของบริษัทจี้ เธอก็พบกับมู่อวี๋เฟยซึ่งกำลังเดินเข้าไปในบริษัทพอดี

รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ

รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ

ความบ้าเพียงชั่วข้ามคืน เธอสูญเสียร่างกาย เขาสูญเสียหัวใจ เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่าพี่เขยของเธอ! เธอวิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนก เขากดทุกย่างก้าวไว้ และทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อโอบเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา! จากที่คิดว่าเขารับเธอยิ่งกว่าชีวิต เและคิดว่าการได้พบกับเขาเป็นสิ่งที่โชคดีที่สุดในชีวิตของเธอ ความจริงก็ถูกเปิดเผย ปรากฎว่าตั้งแต่ต้นจนจบเธอกลายเป็นตัวตลกที่น่าสงสารที่สุด! จี้หลิงชวน ฉันหวังว่าฉันจะไม่ต้องพบคุณอีกในชีวิตนี้! —— มู่ซีซี

Comment

Options

not work with dark mode
Reset