รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ – ตอนที่ 87 สารภาพหรือไม่สารภาพ?

เมื่อสิ้นคำกล่าวของพ่อมู่ แม่มู่รีบวิ่งไปหาพ่อมู่ในทันที เธอส่ายศีรษะไปมา “ไม่ได้ ตาเฒ่ามู่! อย่าทำแบบนั้น!”
ขณะพูด แม่มู่สังเกตเห็นว่าพ่อมู่นั้นสงบนิ่งมาก เธอจึงร้องห่มร้องไห้และดึงแขนเสื้อของพ่อมู่ไว้แน่นไม่ยอมปล่อยพร้อมกับพูด “ตาเฒ่ามู่ อย่าทำแบบนั้นเลย หากคุณทำแบบนั้นขึ้นมาจริงๆ แล้วมู่อวี๋เฟยของเราจะเป็นอย่างไร? แย่งชิงสามีของน้องสาวตัวเอง หากว่าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปทั่วเมืองหรง เราไม่ต้องคิดไปถึงเรื่องหาครอบครัวและสามีที่ดีให้กับอวี๋เฟยเลย คนอย่างคุณชายจี้จะต้องไม่ปล่อยมู่อวี๋เฟยของเราไปง่ายๆแน่ ตาเฒ่ามู่ คุณอย่าทำอย่างนั้นเลย!”
พ่อมู่ได้ฟังในสิ่งที่แม่มู่พูด ใบหน้าที่เดิมทีสงบนิ่งกลับเผยอาการสั่นสะท้าน เขาขมวดคิ้วแน่นอย่างอดไม่ได้
ใช่แล้ว ทันทีที่เขาพูดความจริงออกไป เรื่องที่มู่อวี๋เฟยแต่งงานกับจี้หลิงชวนแทนมู่ซีซีจะต้องแพร่งพรายออกไปแน่ ข่าวลือนั่นจะกระจายไปทั่วเมือง ในตอนนั้นไม่รู้ว่าเรื่องเหล่านั้นจะทำให้มู่อวี๋เฟยกลายเป็นคนแบบไหน ว่ากันว่าการซุบซิบนินทาจะทำให้คนคนนั้นดูแย่มาก ถ้าเป็นเช่นนั้นในอนาคตจะมีชายคนไหนกล้าแต่งงานกับมู่อวี๋เฟย!
ยิ่งเขาคิด การตัดสินใจที่แน่วแน่ของเขาเมื่อครู่นี้ก็ค่อยๆสั่นคลอน
ทางแม่มู่ เมื่อเห็นว่าพ่อมู่ส่ายศีรษะ เธอรีบคว้ามือของพ่อมู่ไว้และพูดว่า “ตาเฒ่ามู่ พวกเราคิดหาวิธีอื่นเถอะ จะต้องมีทางออกอื่นอีกแน่นอน”
ขณะเธอพูด แม่มู่รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาและต่อสายโทรศัพท์หามู่อวี๋เฟย
พ่อมู่ที่ยืนอยู่ด้านข้างขมวดคิ้วและนิ่งเงียบแต่เขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่จะให้ไปสารภาพกับจี้หลิงชวนอีก
ในขณะที่แม่มู่โทรหามู่อวี๋เฟยนั้น มู่อวี๋เฟยกำลังอยู่โรงพยาบาลคอยเฝ้านายหญิงจี้
นายหญิงจี้ไม่รู้เป็นเพราะว่าดีใจและมีความสุขที่จี้หลิงชวนได้แต่งงานกับมู่อวี๋เฟยหรือไม่ แต่ตอนนี้ร่างกายของเธอนั้นดีกว่าแต่ก่อนมาก
ก่อนหน้าที่มู่อวี๋เฟยจะมาโรงพยาบาล เธอตั้งใจโทรหาสาวใช้ของนายหญิงจี้ เธอถามสาวใช้ว่านายหญิงจี้ชอบทานผลไม้อะไร จากนั้นเธอก็ซื้อผลไม้ที่นายหญิงจี้โปรดปรานมามากมาย
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลมู่อวี๋เฟยทั้งคอยเล่าเรื่องสนุกๆให้กับนายหญิงจี้ฟังทั้งคอยนวดบ่านวดไหล่ให้กับเธอ เธอปอกผลไม้ให้กับนายหญิงจี้คอยดูแลรับใช้นายหญิงจี้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ขณะที่กำลังพูดคุยกับเกี่ยวเรื่องในชีวิตประจำวัน โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าของเธอก็ส่งเสียงดังขึ้น มู่อวี๋เฟยจึงต้องหยุดพูดคุยและหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเพื่อดูว่าใครโทรเข้ามา และสายที่โทรเข้ามาก็คือเบอร์โทรศัพท์ของแม่มู่ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยและตัดสายไปโดยไม่คิด
นายหญิงจี้ที่อยู่ด้านข้างมองท่าทางของมู่อวี๋เฟยที่ตัดสายโทรศัพท์ เธอขมวดคิ้ว ดวงตาที่รับรู้ได้จ้องมองมู่อวี๋เฟยและกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “อวี๋เฟย ใครโทรมาหรือ ทำไมไม่รับสาย?”
เมื่อมู่อวี๋เฟยได้ยินนายหญิงจี้ถามเช่นนั้น เธอหัวเราะเบาๆและยิ้มพร้อมกับอธิบายให้นายหญิงจี้เข้าใจ “คุณย่า คนที่โทรมาไม่ใช่คนสำคัญอะไร ไม่รับก็คงไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ”
มู่อวี๋เฟยนำองุ่นนำเข้ามาวางไว้ด้านข้างนายหญิงจี้อย่างระมัดระวัง เธอมองนายหญิงจี้และกล่าวว่า “คุณย่า คุณอยากทานองุ่นไหม? เดี๋ยวอวี๋เฟยเอาไปล้างให้ค่ะ”
ขณะเธอพูด อวี๋เฟยเตรียมตัวจะลุกขึ้นเพื่อนำองุ่นไปล้าง แต่นายหญิงจี้ที่อยู่ด้านข้างห้ามมู่อวี๋เฟยเอาไว้ “อวี๋เฟย เรื่องพวกนี้หนูไม่ต้องทำหรอก ให้สาวใช้ไปจัดการก็ได้”
เมื่อสิ้นเสียงของนายหญิงจี้ โทรศัพท์ในกระเป๋าของมู่อวี๋เฟยก็ดังขึ้นอีกครั้ง มู่อวี๋เฟยขมวดคิ้วด้วยสีหน้าสงบนิ่ง เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาดูชื่อคนที่โทรเข้ามา สายโทรศัพท์นั้นยังคงเป็นสายจากแม่มู่
มู่อวี๋เฟยขมวดคิ้วแน่นโดยไม่รู้ตัว มู่อวี๋เฟยรู้นิสัยของแม่เธอดี หากว่าไม่มีเรื่องอะไรจริงๆ แม่ของเธอจะไม่โทรมาจิกแบบนี้ ที่บ้านจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่
ขณะที่เธอคิด นิ้วมือของเธอกำโทรศัพท์ไว้แน่น เมื่อเห็นสายตาของนายหญิงจี้มองมาที่เธอ มู่อวี๋เฟยจึงมองนายหญิงจี้กลับด้วยแววตาเก้ๆกังๆ “คุณย่า ต้องขออภัยด้วย อวี๋เฟยต้องรับสายนี้…”
เมื่อเห็นนายหญิงจี้พยักหน้า มู่อวี๋เฟยรีบเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยและรับสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว
ขณะนั้นในห้องหรูหราระดับวีไอพีเหลือเพียงแค่นายหญิงจี้และแม่บ้านจางที่คอยดูแลรับใช้เธอมานานกว่าสิบปี
แม่บ้านจางเห็นว่านายหญิงจี้ไม่ได้ห่มผ้านวมไว้ เธอจึงรีบยื่นมือออกมาและห่มผ้านวมให้กับนายหญิง
นายหญิงจี้ที่นอนอยู่ด้านข้างกลับเงยหน้าขึ้นทันใดและถามคำถามแม่บ้านจางอย่างไม่คิด “แม่บ้านจาง คุณคิดอย่างไรกับมู่อวี๋เฟย?”
แม่บ้านจางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและมองนายหญิงจี้พร้อมกับตอบคำถาม “คุณหญิงดูมีกิริยามารยาทที่ดีและได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดีเยี่ยม แค่มองก็รู้ได้ทันทีว่าเธอเป็นหญิงสาวที่มีความรู้และเป็นคนที่อ่อนโยน…”
เมื่อแม่บ้านจางพูดจบ เธอเห็นนายหญิงจี้ส่ายหน้าและพูดว่า “แม่บ้านจาง คนเราไม่สามารถมองเพียงผิวเผินได้หรอกนะ”
ในสายตาของนายหญิงจี้ มู่อวี๋เฟยเคารพและให้เกียรติเธอมาก แต่การให้ความเคารพและให้เกียรติกันมากไปเหมือนกับการจงใจและเสแสร้ง แต่เธอนั้นไม่ได้ใช้ใจจริงๆของเธอกระทำ หากเธอใช้ใจกระทำจริงๆ เมื่อครู่นี้นายหญิงจี้จงใจปัดผ้านวมออก แต่มู่อวี๋เฟยกลับไม่ได้สังเกตเห็นมัน
และนายหญิงจี้เองก็อยู่มานานหลายปีแล้ว เธอเจอคนมาทุกรูปแบบ เธอมองคนออกได้อย่างชัดเจน
และตอนนี้เธอใช้เวลากับมู่อวี๋เฟยมากยิ่งขึ้น นายหญิงจี้ยิ่งรู้สึกว่ากลอุบายของมู่อวี๋เฟยนั้นลึกซึ้ง เธอเกรงว่าความรูสึกภายในนั้นไม่เรียบง่ายดั่งเช่นการกระทำที่แสดงออกมา
หรือว่าการที่เธอตามหาภรรยาให้หลายชายนั้นเป็นการกระทำที่ผิดพลาดขั้นร้ายแรง?
อีกด้านหนึ่ง นอกประตูห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาล มู่อวี๋เฟยจงใจเดินไปบริเวณมุมอับที่ไม่มีใครเดินผ่านไปมา จากนั้นจึงกดปุ่มรับสายและพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “แม่ โทรมาทำไมนักหนา? มีเรื่องอะไร? ฉันยุ่งอยู่!”
ทันทีที่เสียงหมดความอดทนของมู่อวี๋เฟยจบลง ทางด้านแม่มู่ก็รีบตอบอย่างร้อนรนว่า “อวี๋เฟย แย่แล้ว เกิดเรื่องแล้ว!”
เมื่อมู่อวี๋เฟยได้ยินเสียงที่ร้อนใจของแม่มู่ หัวใจของเธอกระตุกอย่างรุนแรงและรีบร้อนถามว่า “แม่ เป็นอะไร พูดให้เคลียร์ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“อวี๋เฟย คุณชายจี้จะต้องรู้เรื่องที่พวกเราทำไว้กับมู่ซีซีแล้วแน่นอน วันนี้คุณชายจี้ทำให้บริษัทเราเกิดเรื่องขึ้น! เมื่อกี้บริษัทที่ร่วมหุ้นกับเรา ถอดหุ้นบริษัทออกไปทั้งหมด ครั้งนี้เราล้ำเส้นคุณชายจี้แล้วจริงๆ หากว่าปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข ตระกูลมู่ของเราจะต้องซวยแน่ๆ อวี๋เฟย ตอนนี้เราควรทำอย่างไรดี?”
เมื่อมู่อวี๋เฟยได้ยินแม่กล่าวเช่นนั้น ความปวดหัวของเธอยิ่งเพิ่มระดับมากขึ้น ตอนนี้แม้แต่ตัวเธอเองเธอก็ไม่สามารถปกป้องได้ เธอต้องพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อเอาใจนังหญิงชราคนนี้! ตอนนี้เธอจะมีเวลาที่ไหนไปสนใจตระกูลมู่
เมื่อคิดมู่อวี๋เฟยยกมือขึ้นจับบริเวณที่เธอปวดศีรษะพร้อมกับขมวดคิ้วแน่นและพูดว่า “แม่! ปัญหาของแม่ แม่ก็ไปจัดการเองเถอะ! ตอนนี้หนูยังเอาตัวเองไม่รอดเลย!”
แม่มู่ได้ยินมู่อวี๋เฟยพูดเช่นนั้นและเตรียมที่จะตัดสาย เธอรีบพูดต่อในทันทีว่า “ไม่ได้นะอวี๋เฟย! พ่อของแกบอกว่าหากว่าแกคิดหาทางออกดีๆไม่ได้ เขาจะพาแกไปสารภาพกับนายหญิงจี้และคุณชายจี้ว่าคนที่ต้องแต่งงานกับคุณชายจี้จริงๆแล้วก็คือมู่ซีซี!”

รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ

รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ

ความบ้าเพียงชั่วข้ามคืน เธอสูญเสียร่างกาย เขาสูญเสียหัวใจ เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่าพี่เขยของเธอ! เธอวิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนก เขากดทุกย่างก้าวไว้ และทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อโอบเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา! จากที่คิดว่าเขารับเธอยิ่งกว่าชีวิต เและคิดว่าการได้พบกับเขาเป็นสิ่งที่โชคดีที่สุดในชีวิตของเธอ ความจริงก็ถูกเปิดเผย ปรากฎว่าตั้งแต่ต้นจนจบเธอกลายเป็นตัวตลกที่น่าสงสารที่สุด! จี้หลิงชวน ฉันหวังว่าฉันจะไม่ต้องพบคุณอีกในชีวิตนี้! —— มู่ซีซี

Comment

Options

not work with dark mode
Reset