ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 135 : ภัยพิบัติอัสนีบาตของเสี่ยวไป

ราชาเหนือราชัน ตอนที่ 135 : ภัยพิบัติอัสนีบาตของเสี่ยวไป

 

เสี่ยวไปมีบางสิ่งเปลี่ยนไป เขาดูแข็งแกร่ง และน่าเกรงขามขึ้นมาก ปกคลุมไปด้วยขนสีขาวทั่วทั้งร่างกาย ดูราวกับพยัคฆ์ขาวในตำนาน และออร่าที่น่ากลัวกว่าเดิมมาก

 

เซี่ยงเส้าหยุนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพขั้นสอง เขารู้สึกกดดันจนหายใจไม่ออกเมื่อเห็นเสี่ยวไปในตอนนี้ ด้วยความแข็งแกร่งของเสี่ยวไปนั้นเติบโตอย่างรวดเร็วมาก

 

“นี่เขากลายเป็นราชาปีศาจแล้วหรือ?” เซี่ยงเส้าหยุนคาดเดา

 

แต่เมื่อเขาจำได้ว่าเสี่ยวไปยังไม่เคยได้รับความทุกข์ทรมานจากพายุอัสนีบาตตนเอง เด็กหนุ่มจึงละทิ้งความคิดนั่นไป

 

เมื่อออร่าสีทองอันร้ายกาจทั้งหมดได้เข้าไปอยู่ในตัวเสี่ยวไป เขาลืมตาขึ้น และจ้องมองเซี่ยงเส้าหยุน สายตาเชือดเฉือนราวกับคมดาบ เกิดเป็นความกดดันรุนแรง

 

เมื่อเซี่ยงเส้าหยุนสัมผัสได้ถึงสายตาที่เชือดเฉือนนั่น เขากล่าวขณะก้าวถอยหลัง “เสี่ยวไป เจ้าสบายดีไหม?”

 

ชั่วขณะที่เสี่ยงของเด็กหนุ่มดังขึ้น ม่านตาของเสี่ยวไปขยายออกความมุ่งร้ายลดลง ในที่สุดเขาก็กล่าว “ลูกพี่ ท่านต้องออกไปจากที่นี่ ข้าต้องเผชิญกับความทุกข์ทนจากพายุอัสนีบาต”

 

เมื่อเซี่ยงเส้าหยุนได้ยินคำนั่น “ความทุกข์ทนจากพายุอัสนีบาต” เด็กหนุ่มกล่าวซ้ำ

 

พี่บ!

 

ทันใดนั้น อัสนีบาตผ่าลงจากท้องฟ้าเบื้องบน ทำให้ทั้งเหล่าอสรพิษจระเข้ทองคำ และมนุษย์ด้านนอกต้องตกตะลึง

 

“การทุกข์ทนจากอัสนีบาตรึ? และไม่ใช่ภัยพิบัติทั่วไป มันช่างต่างจากผู้อื่น ถอยก่อน!” อสรพิษจระเข้ทองคำร้องออก

 

อสรพิษจระเข้ทองคำพากันกระจัดกระจาย เมื่อได้ฟังคำสั่ง

 

“นี่คือความทุกข์ทนจากอัสนีบาตของปีศาจ!” เสี่ยวซิน ราชาอินทรีทมิฬ เหอหลัว โม่ฉาเก้อ และผู้อื่นร้องออก เมื่อได้เห็นภัยพิบัติไม่ไกลนัก

 

ราชาสายฟ้าวัยเยาว์รู้สึกกระวนกระวายเมื่อได้เห็นภัยพิบัติ เขาร้องออก “นี่ไม่ใช่ภัยพิบัติทั่วไป! นี่มันสายฟ้าเพลิงทองคำ เป็นสายฟ้าที่กลายพันธุ์ สัตว์ปีศาจธรรมดาไม่อาจสร้างภัยพิบัติเช่นนี้ได้หรือจะเป็นการบรรลุของหัวหน้าอสรพิษจระเข้ทองคำกัน? นี่มันเป็นไปไม่ได้!”

 

“เราควรเข้าไปข้างในจะเป็นการดีกว่าไหม?” ผู้หนึ่งเสนอ

 

“ภัยพิบัติจากอัสนีบาตรจะลงโทษทุกคนที่อยู่ใกล้เคียง เราจะวางแผนอีกครั้งหลังมันได้ผ่านพ้นไปแล้ว” เสี่ยวซินกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

 

หากหัวหน้าของอสรพิษจระเข้ทองคำบรรลุจริง เราคงมีปัญหาเพิ่มขึ้น สายฟ้าเพลิงทองคำคืออัสนีบาตสีทอง ชั้นนอกสีม่วงด้วยอัสนีบาตธรรมดาไม่อาจเทียบได้เลย มันผ่าตรงไปยังหลุม แม้แต่ออร่าทองคำอันร้ายกาจก็ไม่อาจหยุดมันให้พุ่งตรงไปที่เสี่ยวไปได้

 

“โฮก! โฮก!”

 

เสี่ยวไปคำราม ความโกรธเกรี้ยวของพยัคฆ์ขาวได้แผ่กระจายออก และก่อตัวเป็นพายุรอบตัว เข้าปะทะกับสายฟ้าเพลิงทองคำแม้แต่เซี่ยงเส้าหยุนซึ่งอยู่ไม่ไกล เขายังหวาดผวากับสิ่งที่เห็นด้วย ปวดหูจากเสียงดังกึกก้อง และเอามือทั้งสองปิดหูเอาไว้ เด็กหนุ่มรู้สึกดีขึ้นเมื่อออกห่างจากเสี่ยวไปมากขึ้น

 

“นี่คือความน่าสะพรึงของภัยพิบัติอัสนีบาต ยิ่งมีความแข็งแกร่งทางสายเลือดมากเพียงใด ภัยพิบัติก็จะยิ่งรุนแรงทวีคูณขึ้น ดูเหมือนเสี่ยวไปได้พัฒนาไปอีกขั้น” เซี่ยงเส้าหยุนครุ่นคิด

 

ทันใดนั้น กระดูกสายฟ้าภายในตัวเริ่มสั่นระรัว ขณะที่มังกรสีม่วงภายในดูราวกับจะพุ่งทะลุร่างกาย ความกระหายอันรุนแรงของกระดูกสายฟ้าเพิ่มขึ้นเพราะภัยพิบัติตรงหน้า สร้างความตกใจให้แก่เซี่ยงเส้าหยุน

 

หากปล่อยให้ตนเองถูกภัยพิบัติจู่โจม คงจะตายในทันที ด้วยไม่เชื่อว่ากระดูกสายฟ้าจะสามารถดูดซับพลังงานสายฟ้าทั้งหมดที่กระทบตัวเขาได้

 

ท้ายที่สุด ด้วยมีเหตุการณ์ก่อนหน้าที่กระดูกสายฟ้าเผยความกระหายรุนแรงเช่นนี้ แต่กลับหยุดลงกลางคัน และทิ้งพลังงานสายฟ้าไว้ในร่างกายของเซี่ยงเส้าหยุน จนมันเกือบจะสังหารเขาดังนั้นจึงไม่ควรผลีผลามในครั้งนี้

 

“ควบคุมตัวเองหน่อย!” เซี่ยงเส้าหยุนออกคำสั่ง ด้วยพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะระงับความกระหายของกระดูกสายฟ้า แต่มันกลับไม่ยอมเชื่อฟัง สายฟ้าที่ฟาดลงมาทั้งรุนแรง และทรงพลัง เซี่ยงเส้าหยุนสามารถมองเห็นการต่อสู้อันยากลำบากของเสียวไปได้อย่างชัดเจน เมื่อเห็นร่างที่บาดเจ็บของเสี่ยวไป หัวใจของเขาก็ปวดร้าว

 

“อดทนไว้ เสี่ยวไป!? เซี่ยงเส้าหยุนภาวนาให้สหายของตนปลอดภัย

 

ด้านนอก ทั้งอสรพิษจระเข้ทองคำ และมนุษย์จากพลับพลาขอบนถาต่างรู้สึกราวกับอยู่ในฝันร้าย เมื่อภัยพิบัติจบลงระลอกหนึ่งระลอกถัดไปก็มาถึง ตามด้วยระลอกอื่น และคลื่นแต่ละระลอกก็น่ากลัวขึ้นกว่าครั้งก่อน พวกเขาต่างรู้สึกมึนงงเมื่อมองไปยังภัยพิบัติ

 

“ไป ไปได้แล้ว เราต้องเชิญท่านเจ้าพลับพลาออกมาจากความสันโดษ” เสี่ยวซินตัดสินใจทันที ด้วยตอนนี้มั่นใจแล้วว่าผู้ที่บรรลุไม่ใช่หัวหน้าเหล่าอสรพิษจระเข้ทองคำ แต่มีจักรพรรดิปีศาจปรากฏตัวขึ้น มิเช่นนั้น ภัยพิบัติจะรุนแรง และน่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร

 

และหากเป็นจักรพรรดิปีศาจจริง พวกเขาทั้งหมดจะต้องถูกสังหาร ความลับของสถานที่แห่งนี้จะไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับพวกเขาอีก แม้คนของพลับพลาขอบนภาจะรู้สึกเสียดาย แต่พวกเขาต้องออกจากที่แห่งนี้อย่างไม่มีทางเลือก

 

ไม่นานหลังจากพวกเขาจากไป ภัยพิบัติก็ได้สิ้นสุดลง เสี่ยวไปมีสภาพที่น่ากลัง แต่เขาก็ยังหายใจ บ่งบอกถึงการรอดชีวิตจากพายุอัสนี้ทั้งสามละรอก และได้บรรลุเป็นราชาปีศาจขั้นสามเมื่อภัยพิบัติได้จบลง พลังงานจำนวนมากพุ่งเข้าใส่เสี่ยวไป รวม ถึงออร่าทองคำอันร้ายกาจเองก็เพิ่มขึ้น

 

เมื่อพลังได้มารวมกัน เสี่ยวไปเริ่มรักษาตนเองอย่างรวดเร็วจนสามารถมองได้ด้วยตาเปล่า ออร่าปีศาจเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เซี่ยงเส้าหยุนเองก็สามารถหยุดยั้งกระดูกสายฟ้า และปล่อยมังกรสีม่วงออกมา มังกรได้กลืนกินพลังงานสายฟ้าเพลิงทองคำที่เหลือในอากาศในทันที

 

โชคดีสำหรับเสี่ยวไป เขาดูดซับพลังงานทองคำจากอากาศ และต้านทานพลังงานสายฟ้าทั้งหมด ดังนั้น เซี่ยงเส้าหยุนจึงได้รับผลประโยชน์จากการบรรลุของเสี่ยวไป พลังงานที่เซี่ยงเส้าหยุนดูดซับไม่ได้เพิ่มระดับยุทธ์ มันทำให้กระดูกสายฟ้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยตอนนี้มีร่องรอยเพลิงทองคำผสมกับสายฟ้าสีม่วงโดยกำเนิด

 

เซี่ยวเส้าหยุนสามารถสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของกระดูกสายฟ้า ด้วยปริมาณที่มันดูดซับน้อยเกินไป ความหิวโหยอย่างรุนแรงของมันทำให้เซี่ยงเส้าหยุนรู้สึกวิงเวียน

 

“ดูเหมือนกระดูกบ้านตะค้องการสายฟ้ามากกว่านี้” เซี่ยงเส้าหยุนบ่นพึมพำ

 

ในที่สุดเขาก็เขาใยว่าเหตุใดกระดูกสายฟ้าจึงหยุดดูดซับพลังงานสายฟ้าเมื่อครั้งก่อน มีความเป็นไปได้สูงที่มันดูดซับพลังงานสายฟ้ามากพอที่จะสร้างพลังงานแบบเดียวกันได้เอง และมีเพียงพลังงานสายฟ้าที่มีคุณภาพสูงกว่าเท่านั้น จึงจะสามารถดึงดูดมันได้

 

ในที่สุด เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย และพลังงานทองคำอันร้ายกาจได้เปิดทางออกจากหลุม สำหรับเสี่ยวไป ขนาดของเขาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ออร่าแห่งราชาช่างน่าประทับใจ และเริ่มเผยรูปลักษณ์ของราชาสัตว์ร้ายออกมาให้ได้เห็น

 

“โฮก!”

 

เสี่ยวไปคำรามออกด้วยความตื่นเต้น คลื่นเสียงทำลายล้าง และสร้างความหวาดกลัวกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง นี่คือเสียงคำรามที่แท้จริงของพยัคฆ์ คล้ายกับเสียงคำรามของสิงโตปีศาจ ด้วยการกระโดด เสี่ยวไปได้มาอยู่ข้างกายเซี่ยงเส้าหยุน ซึ่งตอนนี้สูงใกล้เคียงกับผู้เป็นนาย และยังตัวใหญ่กว่ามาก

 

“ฮ่า ฮ่า! เสี่ยวไป ยินดีที่ได้เป็นราชาปีศาจ! ถึงเวลาที่เจ้าจะดูแลผู้เป็นนายแล้ว!” เซี่ยงเส้าหยุนลูบคอเสี่ยวไป และกล่าวอย่างยินดี

 

แทนที่จะตอบ เสี่ยวไปอ้าปากกว้าง สร้าง ความตกใจให้แก่เด็กหนุ่ม

 

“บ้าฉิบ! นี่เสี่ยวไปกำลังจะต่อต้านเราหรือ?” เซี่ยงเส้าหยุนตื่นตระหนก

 

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset