ราชิณีเลือด – ตอนที่ 8: แอริส..

ย้อนกลับไปก่อนเหตุการ การหลบหนี ณ ไฮท์เฮเวน (High Heaven)

ณ น้ำตกสีทองแห่งไฮท์เฮเวน สายทาราสวยสดงดงาม น้ำใสจนสามารถมองทะลุผ่านไป ภายในน้ำปรากฏเป็นภาพของเรือนร่างของหญิงสาวผมทองดวงตาของนางเป็นสีฟ้าดั่งน้ำทะเล เรือนร่างของนางงดงามดั่งภาพวาด หญิงสาวคนนั้นคือ เทวทูตแอริสที่กำลังอาบน้ำอยู่

แอริสว่ายน้ำอยู่ในบริบ่อน้ำของน้ำตกอยู่พักใหญ่ก่อนนางจะมาขึ่นอยู่ ริมสระ และครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ นางกำลังคิดว่า สิ่งที่ประชุมไปล่าสุด “สกาเล็ต” อาจจะเป็นอันตรายในอนาคตหรือไม่?

แต่เสียงของสภาออกความเห็นว่า อินเชี่ยน(เทพ หรือ เผ่าพันธุ์ในตำนาน)มิควรลงไปยุุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวของมนุษย์ 

“เห้อ ข้าละเหนื่อยใจจริงๆ” แอริสถอนหายใจและพูดออกมาลอยๆ

“เบื่อ เบื่อ เบื่อ เบื่อจริงๆ บนไฮท์เฮเวนก็ไม่มีอะไรทำ จะทำอะไรก็ต้องผ่านสภา” แอริสบ่นและกำมือทุบไปที่น้ำ

ทันใดที่แอริสบันดาลโทสะของนาง นางก็คิดว่านางจะลงไปเที่ยวเล่นยังเมืองมนุษย์

“เบื่อๆแบบนี้ข้าแอบลงไปหาอะไรทำที่เมืองมนุษย์ดีกว่า” แอริสคิดในใจ

แอริสลุกขึ้นจากสระ และร่ายเวทย์แปลงกาย เป็นสาวชาวบ้านธรรมดา “กายาบังตา” หลังจากแปลงกายเสร็จสิ้นนางก็เปิดประตูไปสู่ป่าใกล้ๆเมืองมนุษย์

หลังจากนางเข้าสู่ป่าแอริสเริ่มเดินไปยังเมืองมนุษย์ แต่เมืองมนุษย์ที่นางกำลังจะเข้าไป มีทหารยามเฝ้าอยู่

“สาวน้อยเจ้ามาจากที่ใดกันข้าไม่คุ้นหน้าของเจ้าเลย” ทหารยามกล่าว

“ขะ..ข้าถูกขายให้กับ นายท่านคนหนึ่ง แต่เขาชอบทำร้ายร่างกายข้า ขะ..ข้าไม่มีที่ไปข้าอยากเข้าไปหางานทำในเมืองนี้เพื่อหาเลี้ยงชีพ..” แอริสพูดโกหกเพื่อให้ได้เข้าไปในเมือง

ทันใดที่แอริสพูดจบนางก็จับข้อมือตัวเองและเสกบาดแผลขึ้นมา เพื่อตบตาทหารยาม

“ข้าสงสารเจ้าเหลือเกินสาวน้อย เจ้ารอข้าสักครู่ข้าจะไปนำของมาให้” ทหารยามเดินไปหยิบเหรียญทองและห่ออาหารกลางวันมาให้กับแอริส

“นี่สำหรับเจ้า ถึงมันจะไม่มากมายนักแต่ มันจะช่วยให้เจ้า เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้” ทหารยามยื่นห่ออาหารกลางวันให้กับแอริส พร้อมกับเงิน 1000G เพื่อให้นางไปเริ่มต้นชีวิตใหม่

แอริสที่ กำลังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นก็ขอบคุณและรับของมาเพื่อไม่ให้ทหารยามสงสัย “ขอบคุณท่านมากท่านทหารยาม ข้าจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้เลย” แอริสกล่าวขอบคุณและเดินเข้าไปภายในเมือง

แอริสตื่นเต้นกับการเที่ยวครั้งนี้มาก เนื่องจากนางยังเป็นเทวทูตอายุน้อย นางจึงไม่เคยมายังเมืองมนุษย์

แอริสเที่ยวเพลิดเพลินไปกับแสงสีและอาหารของมนุษย์จนนางได้ไปเจอกับชายกลุ่มหนึ่ง

“สาวน้อยสนใจไปเที่ยวกับพวกข้าไหม เจ้าสวยไม่เบาเลย” ชายคนหนึ่งกล่าว

“ข้า..ไม่เอาด้วยดีกว่า พอดีข้ามีที่ที่ต้องรีบไป” แอริสกล่าวและรีบเดินจากไป

ชายกลุ่มนั้นไม่ได้ตามไปแต่อย่างใด แต่พวกเขาวางแผนไว้หมดแล้ว

แอสริสที่กำลังเที่ยวเล่นอย่างสนุกสนานไม่รู้ตัวเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนาง…

แอริสไปแวะพักเพื่อดื่มน้ำ แต่ชายคนหนึ่งก็เข้ามาข้างหลังนาง และนำยาสลบมาปิดปากนาง

แอริสที่เป็นเอ็นเชี่ยนก็มิได้รู้สึกอะไร แต่นางก็อยากรู้ว่าพวกเขาจะพานางไปที่ใด นางจึงแกล้งสลบเพื่อให้พวกเขาพานางไป….

นั้นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้แอริสได้มาพบกับสกาเล็ต…

ณ ไฮท์เฮเวน (High Heaven)

แอริสได้เข้ามารายงานกับสภา ว่านางได้พบกับสกาเล็ตแล้ว และนางพบว่าสกาเล็ตนั้นเป็นคนจิตใจดีกว่าที่พวกเขาคิดไว้ นางรายงานกับสภาของเหล่า เอ็นเชี่ยนว่า สิ่งนั้นที่อยู่ภายในตัวนาง ถึงจะเป็นสิ่งที่อันตรายแต่ถ้าหากนางได้เรียนรู้ที่จะควบคุม นางอาจจะช่วยเหลือคนได้มากมาย แอริสคิดว่า เหล่าเทวทูตควรให้คำแนะนำกับนางและคอยเฝ้าดู อยู่ห่างๆ

“ข้าคิดว่า เราควรคอยช่วยเหลือนางอยู่ห่างๆ” แอริสกล่าวขึ้น

เทวทูตหลายคนไม่เห็นด้วยกับแอริสและคิดว่าจะลงโทษแอริสละเลยคำสั่งของสภาที่ไม่ให้เข้าไปยุ่งกับนาง

“ข้าเห็นว่า เจ้าเพียงละเลยคำสั่งของสภาที่มิให้เข้าไปยุุ่งกับนาง ข้าเห็นว่าเจ้าควรโดนลงโทษเสียด้วยซ้ำ” ฟามอสกล่าว

“ข้าก็เห็นด้วย” เทวทูตหลายคนกล่าวขึ้น

แอริสที่คิดว่าตนไม่น่าเชื่อว่าสภาจะฟังนาง นางกำลังจะสิ้นความอดทน..แต่ทันใดนั้นประตูของห้องประชุมก็ได้เปิดออก ปรากฏเป็นภาพของสาวน้อยผมสีฟ้าร่างเล็ก เดินเข้ามา

เทวทูตทุกคนต่างอยู่ในความสงบและไม่กล่างสิ่งใด

“พวกท่านคิดว่าสิ่งที่แอริสผิดอย่างงั้นหรือ งั้นตัวตนที่อยู่สูงส่งอย่างพวกท่านก็จะทำเพียงนั่งเฝ้ามองเหล่าตัวตนที่อ่อนแอกว่าพวกท่านตายอย่างงั้นหรือ?..” สาวน้อยร่างเล็กกล่าวถามกับเทวทูตทุกคน

เทวทูตทุกคนไม่กล่าววิ่งใด…แต่ทันใดนั้นก็มีเทวทูตระดับกลางหนึ่งคนลุกคนและพูดขึ้นว่า “ข้าเห็นว่าตัวตนที่สูงส่งอย่างพวกเรา ก็ไม่่จำเป็นต้องช่วยพวกอ่อนแอเสมอไป!!” เทวทูตระดับกล่างกล่าว

เทวทูตทุกคนที่เห็นดั่งนั้นต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ทันใดที่สาวน้อยร่างเล็กได้ยินดังนั้นนางก็มองไปยังเทวทูตระดับกล่าวคนนั้น ทันใดที่นางมองไป ร่างของเทวทูตนนั้นก็เริ่มสลายหายไป

“ท่านเกว็น ได้โปรดเขาพึ่งเกิดใหม่ และนี่เป็นการเข้าสภาครั้งแรกของเขาได้โปรดไว้ชีวิตเขาด้วย” ฟามอสรีบบินลงมาและนั่งคุกเข่าร้องขอชีวิตของเทวทูตตนนั้น

“หึ..ย่อมได้ มารยาทก็เป็นสิ่งสำคัญเวลาข้าพูดก็ต้องรอให้ข้าพูดจบก่อน” มหาเทวทูตเกว็นกล่าว

ทันใดที่นางพูดจบร่างของเทวทูตระดับกลางคนนั้นก็เริ่มกลับมาเป็นเช่นเดิม

“เอาล่ะเรามาประชุมกันต่อ..ข้าเห็นว่าที่แอริสทำนั้นก็ถูก แต่ที่นางละเลยคำพูดของสภานั้นก็มิถูกเช่นกัน” เกว็นกล่าว

“ข้าเห็นว่าโทษของนางนั้นคือ นางจะเฝ้าดูสกาเล็ตตลอดไปจนกว่านางจะสิ้นใจ เอาล่ะแอริสรับคำสั่ง” เกว็นกล่าวและหยิบดาบของนางออกมาและที่ไหล่ของแอริส

“แอริสข้าขอสั่งให้เจ้าเฝ้าดูสกาเล็ตไปจนกว่านางจะสิ้นใจ และละทิ้งกายหยาบ เมื่อนางสิ้นใจแล้วจงน้ำวิญญานของนางมาพบกับข้า..ข้ามีบางสิ่งที่ต้องคุยกับนาง” เกว็นกล่าว

“ข้าน้อมรับคำสั่ง..” แอริสคุกเข่าและน้อมรับคำสั่ง

“การประชุมจบเพียงเท่านี้!!” เกว็นกล่าวและเดินออกจากห้องประชุม

เทวทูตทุกคนที่อยู่ภายในห้องประชุมต่างถอนหายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น “ค่อยยังชั่วที่เรามิได้เสียใครไป” ฟามอสกล่าว

“ท่านเกว็น… ท่านกำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่” แอเรียลกล่าวขึ้นมาและถอนหายใจ 

หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นการประชุมของเหล่าเทวทูตก็จบลง

“แอริส..” เกว็นเดินมาหาแอริสและเรียกนาง

“ท่านพี่…ข้าขออภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น” แอริสกล่าวและนั่งคุกเข่าขอโทษเกว็น

“มิเป็นไร เรื่องเล็กน้อยสมัยข้าอายุเท่าเจ้า ข้าก็ชอบหนีลงไปเที่ยวเล่นเมืองมนุษย์เช่นกัน แต่เรื่องที่เจ้ายื่นมือไปยุ่งกับโชคชะตาของสกาเล็ตนั้นก็อีกเรื่อง” เกว็นกล่าวและหยิกแก้มแอริส

“โอ้ยๆๆท่านพี่ข้าผิดไปแล้วว” แอริสกล่าวและอ้อนพี่สาว

“เอาล่ะข้าต้องไปแล้ว..” เกว็นบอกลาแอริส

“ออแล้วก็…ข้าเองก็เคยทำมัน” เกว็นหันมาและกระซิบเบาๆ

“ห่ะ??” แอริสมึนงงกับสิ่งที่เกว็นกล่าว 

แอริสมึนงงว่า นางก็คิดทำอะไร “นางหมายถึงสิ่งใดกัน” แอริสกล่าว

…เกว็นในสมัยอายุเท่าๆแอริสก็เคยโดนจับและเข้าไปยุ่งเรื่องชาวบ้านเช่นกัน… 

ปัจจุบัน ณ ถ้ำของเหล่าโจร

“สกาเล็ตลูกรัก..หนีไป!!” เอเรน่าแม่ของสกาเล็ตกล่าว

สกาเล็ตสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายและได้พบว่าพวกนางทุกคนปลอดภัย

“เจ้าไม่เป็นไร!!” มาริกล่าวด้วยสีหน้าดีใจเป็นอย่างมาก

“คุณหนูท่านฟื้นแล้ว” มิร่ากล่าวและพุ่งเข้ามากอดสกาเล็ต

“พ..พวกเจ้าทุกคนไม่เป็นอะไรใช่ไหม” สกาเล็ตถามทุกคน

“พวกเราทุกคนปลอดภัย แอริสช่วยพวกเราไว้ ข้าไม่รู้ว่านางคือใครแต่ว่าคิดว่านางคงเป็น นางฟ้าเพราะข้าสังเกตุเห็นปีกของนาง” มิร่ากล่าว

“แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้น พวกนางฟ้าจะมีเพียง 2 ปีกและพวกนางไม่สามารถใช้เวทย์ชั้นสูงเช่นเวทย์แปลงกายได้” มาริกล่าว

“ชั่งมันเถอะพวกเราปลอดภัยนั้นคือความจริง” สกาเล็ตกล่าว

“เอาล่ะพวกเราต้องเดินทางกันต่อแล้ว” สกาเล็ตกล่างวและลุกขึ้น

ทันใดที่นางลุกขึ้นนางก็เกิดเวียนหัวและล้มลง

“สาวน้อย..” เสียงภายในหัวของสกาเล็ตกล่าว

“ใครกัน!!” สกาเล็ตตะโกนออกมา

ทุกคนที่เห็นสกาเล็ตล้มลงและตะโกนต่างตกใจว่านางคุยกับใคร

“สกาเล็ตเจ้าคุยกับใคร” มาริถาม

“อย่าบอกนะว่า เสียงในหัวกลับมาแล้ว.. ข้าคิดว่ามันเป็นเพียงความฝันส่ะอีก” สกาเล็ตคิดในใจ

“ไม่มีอะไรข้าแค่ มึนหัวนิดหน่อย” สกาเล็ตกล่าว

“เอาล่ะเราไปกันต่อดีกว่า” สกาเล็ตกล่าวและลุกขึ้น

“โอเคถ้าหากเจ้าไม่ไหวก็พักผ่อนเถิ่ด” มาริกล่าวและจับไหล่สกาเล็ต

“ข้าไม่เป็นไรเราไปกันต่อเถอะ” สกาเล็ตกล่าว

“สาวน้อยเจ้าตะโกนทำไมกัน?” เสียงในหัวกล่าว

“ข้าก็แค่ตกใจ” สกาเล็ตกล่าวตอบเสียงในหัว

“ข้ารู้ ถ้าเป็นข้า ข้าเองก็ตกใจเช่นกัน ฮ่าๆๆ” เสียงในหัวกล่าว

“แล้วทำไมจู่ๆเจ้าถึงกลับมา” สกาเล็ตถาม

“เพราะเจ้าบาดเจ็บและสิ้นหวัง ข้าจึงถูกปลุกขึ้นมา” เสียงในหัวตอบ

“แล้วเจ้าต้องการอะไร?” สกาเล็ตถาม

“ข้าแค่…” เสียงในหัวไม่ทันตอบ และเสียงก็หายไป

เสียงในหัวไม่ทันตอบแอริสก็บใช้เวทย์สื่อสารเข้ามาแทรกแทรง

“ฮ่ายยยย ข้าแอริสเทวทูตแห่งความรักเองจ้าา” แอริสเข้ามาแทรกแทรงและพูดกับสกาเล็ต

“แอริสงั้นหรอ แล้วทำไมเจ้าถึงมาอยู่ในหัวข้ากันล่ะเนี้ย” สกาเล็ตถามแอริสด้วยความมึนงง

“ข้าหรอ ก็เพราะว่าข้าดันซวยไปช่วยเจ้าไว้ ข้าก็เลยโดนลงโทษให้มาคอยเฝ้าช่วยเหลือเจ้ายังไงล่ะ” แอริสตอบสกาเล็ต

“จากนี้ไปข้าจะสอนเจ้าใช้แกนเวทย์ในตัวเจ้าเอง!!” แอริสกล่าว

“แกนเวทย์..ข้าเข้าใจแล้วหากมันจะทำให้ข้าแข็งแกร่งพอจะเอาชนะบามอทได้ข้าก็ยินดี” สกาเล็ตกล่าว

“บามอท.. บามอท.. ใครกันคือบามอท” แอริสถามด้วยความมึนงง

“มันคือหัวหน้าของพวกโจร ข้าอยากจะฆ่ามัน มันฆ่าลูคัส..” สกาเล็ตตอบ

“ข้าเข้าใจแล้ว ก่อนอื่นเจ้าต้องหาทางออกให้เจอกันไหม??” แอริสตอบ

“หากเจ้าต้องการจะคุยกับข้า เจ้าก็แค่คิดในใจและกล่าวชื่อข้า ข้าจะมาในทันทีเลยล่ะ” แอริสกล่าว

“ข้าเข้าใจแล้ว” สกาเล็ตตอบ

“ออแล้วก็ เจ้าลองจิตนาการถึงเลือดของศพพวกนั้นแล้วลองนึกถึงทางออกดูสิข้าแนะนำเจ้าเพียงเท่านี้ละ ข้ามีธุระข้าไปล่ะ บรั้ยยย” แอริสกล่าว

สกาเล็ตได้ยินดังนั้นจึงทำตามทันใดที่นางนึกถึงบทร่ายเวทย์ก็ลอยเข้ามาในหัวนาง 

“ความทรงจำภายในสายเลือดเจ้าจงนำพาข้าสู่ทางออก” ทันใดที่สกาเล็ตกล่าวจบ

ภาพของเส้นทางก็ปรากฏขึ้นภายในหัวของนาง

“ข้ารู้ทางออกแล้วเราไปกัน” สกาเล็ตพูดกับสาวๆทั้ง 4 และเดินนำทางไป

“เจ้ารู้ได้เช่นไร?” มาริถถามด้วยความสงสัย 

“แอริสนางแนะนำวิธีให้ข้า” สกาเล็ตตอบมาริ

“แอริสงั้นหรอ ข้าเข้าใจแล้ว” มาริยิ้มและตอบ

จากนั้นทั้ง 4 สาวก็เริ่มเดินทางกันต่อ

ผ่านไป 2 ชั่วโมงพวกนางก็หาทางออกจนเจอ

พวกนางทุกคนยืนคุยกันที่หน้าถ้ำของเหล่าโจร และพูดคุยกันเกี่ยวกับสถานที่ที่พวกนางจะไปหลังจากนี้

แต่สกาเล็ตก็แปลกใจเกี่ยวกับในขณะที่พวกนางเดินทางออกมาจากถ้ำแต่กลับไม่พบโจรเลยสักคน

ทันใดที่สกาเล็ตกำลังคิด กลุ่มโจรมากกว่า 40 คนก็ปรากฏตัวขึ้น

“พวกเจ้าคิดว่าจะรอดอย่างงั้นรึ ” โจรคนหนึ่งกล่าว

“พวกเจ้าหนีไป ข้าจะหยุดพวกมันไว้ครานี้จงหนีไป อย่าให้ชีวิตข้าเสียเปล่า” สกาเล็ตบอกกับสาวๆ

“แอริส” สกาเล็ตเรียกแอริส

“หื้ม..” แอริสตอบ

“ข้าฝากเจ้าดูแลสาวๆที่เหลือด้วยข้าจะหยุดพวกมันไว้เอง” สกาเล็ตบอกกับแอริส

“โอเค ข้าจะให้พรกับเจ้าไว้เจ้าจะได้ปลอยภัย” แอริสตอบ

“ขอบคุณเจ้ามา” สกาเล็ตพูดและยิ้ม

สกาเล็ตรู้สึกถึงพลังเวทย์ที่ไหลเข้ามาในร่างกายของนาง

“หนีไป!!” สกาเล็ตตะโกนกับทุกคน

สาวๆทุกคนวิ่งหนีพร้อมน้ำตา

“ย๊า!!…” สกาเล็ตตะโกนและพุ่งเข้าไปหากลุ่มโจรพร้อมดาบ 1 เล่ม

สกาเล็ตพุ่งเข้าไปหากลุ่มโจรและใช้วิชาดาบที่นางเรียนมาจากลุงยิ้มเพื่อสู้สุดใจ

“เลือดกำบัง!!” สกาเล็ตตะโกนและเลือดของเหล่าโจรที่ถูกจัดการเริ่มล้อมตัวเป็นเป็นผ้าคลุมสีแดงดำ

สกาเล็ตได้สังหารโจรลงไปเรื่อยๆในขณะที่นางกำลังเหนื่อยล้า..

กลุ่มโจรเหลือยู่ 10 คน..

“ผู้หญิงคนเดียวจัดการเราไปถึง 30 คนนี่มันตลกแล้ว!! เข้าไปพร้อมกันเลย” โจรคนหนึ่งกล่าว

กลุ่มโจรกลูกันเข้ามาพร้อมกัน สกาเล็ตนางรู้ดีว่าต่อให้มีผ้าคลุมเลือดนางก็มิอาจสู้ได้ แต่นางก็เลือกที่จะสู้ขาดใจ..

ในขณะเดียวกันทางด้านสาวๆ

ในขณะที่กลุ่มสาวๆกำลังวิ่งหนีพวกนางก็พบกับกลุ่มเงาของคนกลุ่มใหญ่ที่กำลังเดินเข้ามาพวกนางจึงหยุดเพื่อซ่อนตัว..

ในขณะที่เงาดำกำลังเดินเข้ามาหาพวกนางเรื่อยๆ..นางก็ได้สังเกตุเห็นรูปราชสีห์สีทองบนเสื้อคลุมสีดำของกลุ่มอัศวินเรเว่น 

มิร่าที่เห็นดังนั้นจึงบอกกับทุกคนว่าพวกนางปลอดภัยแล้ว นี่คือกลุ่มอัศวินเรเว่นที่พวกนางเคยอยู่ด้วย

มาคัสที่เห็นมิร่าเขาถึงกับวิ่งเข้าไปหามิร่าและถามมิร่าว่านางเป็นเช่นไร

“มิร่าเจ้าเป็นอะไรไหม” ลูคัสถามมิร่าด้วยความเป็นห่วง

“ข้าไม่เป็นไรพวกท่านรีบไปช่วยคุณหนูเถิ่ด” มิร่าพูดด้วยความร้อนรน

ลูคัสได้ยินดังนั้นจึงรีบไปเดินทางไปรายงานกับลุงยิ้มเพื่อให้ลุงยิ้มได้ทราบ

“ท่านครับ ข้าพบมิร่าแล้วนางพวกว่าสกาเล็ตกำลังสู้กับกลุ่มโจร 40 คนอยู่”

หลังลุงยิ้มทราบลุงยิ้มก็สั่งให้ทุกคนเร่งเดินทางเพื่อไปช่วยเหลือสกาเล็ต…

1 ชั่วโมงผ่านไป

กองอัศวินเรเว่นได้เดินทางมาถึงหน้าถ้ำแต่สิ่งที่พวกเขาพบคือ กลุ่มโจร 15 คนที่กำลังนั่งดื่มกันและรักษาแผลของผู้บาดเจ็บอีก 4 ราย

สาวๆทุกคนและกองอัศวินต่างตกใจและโศกเศร้าที่ได้พบกับร่างเปือยของสกาเล็ตที่ถูกแขวนไว้บนเสาไม้..

ทันทีที่ลุงยิ้มได้เห็นร่างของนางก็สั่งให้ทุกคนโจมตีโดยที่ไม่ต้องคิดอะไร

กองอัศวินพุ่งเข้าไปสังหารหมู่กลุ่มโจรอย่างโหดเหี้ยม..แต่ความโกรธแค้นก็มิได้เบาบางลงแต่อย่างใด..

ลุงยิ้มนำร่างของสกาเล็ตลงมาจากเสาไม้

สกาเล็ตยิ้มและบอกกับลุงยิ้มว่า “พวกท่านมาหาข้าแล้ว..ดูแล..มิร่าและพวกนางด้วยพาพวกนางกลับบ้าน” สกาเล็ตพูดก่อนจะสิ้นใจ..

ลุงยิ้ม และทุกคนต่างโสกเศร้ากับเรื่องที่เกิดขึ้น หากพวกเขามาถึงที่นี่ไวกว่านี้สกาเล็ตคงไม่ต้องตายเช่นนี้..

ในคืนนั้น สาวๆและกองอัศวินได้นำร่างของสกาเล็ตมาเผาเพื่อส่งนางไปสู่สุขติ

ร่างของนางนอนอยู่บนเปรวเพลิง…เปลวเพลิงสีส้มเปลี่ยนเป็นสีแดงฉ่าน…

พวกเขาทุกคนต่างเศร้าโสกเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น … ลุงยิ้มเป็นคนที่โศกเศร้าแต่อย่างใดก็ตามพวกเขาต้องเดินทางต่อ..เพื่อกลับไปสู่เมืองและทำตามที่สกาเล็ตได้ขอไว้..ส่งพวกนางกลับบ้าน

ร่างของสกาเล็ตถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่าน…

จบตอน 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset