ร้ายนักนะ…รักของมาเฟีย!! [Yaoi , Boy’s love] – ตอนที่ 10

ร้ายนักนะ…รักของมาเฟีย ตอนที่ 10

 

Author: 여님  (ยอนิม)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

หลังจากที่กมลหลับไปได้ 3 ชั่วโมง ก็ค่อยๆรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ภาพแรกที่กมลเห็น คือคิมที่นั่งดูหนังอยู่ข้างๆ กมลยกยิ้มนิดๆ  อย่างน้อยคิมก็ไม่ได้ทิ้งให้กมลนอนหลับอยู่ตรงนี้คนเดียว กมลมองไปที่ผ้าห่มที่คลุมกายตนเองก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ เพราะจำได้ว่ากมลไม่ได้ห่มผ้าตอนที่นอน

 

 

 

“ใครห่มผ้าให้ชั้น” เสียงทุ้มที่เอ่ยถามขึ้น ทำให้คิมละสายตาจากจอทีวีมามอง

 

 

 

“ลูกน้องคุณมั้ง” คิมพูดขึ้นเสียงเรียบ กมลส่งเสียงหึในลำคอ

 

 

 

“เจ้าพวกนั้นไม่มีใครละเอียดอ่อนหรอกนะ อีกอย่างไม่มีใครกล้าทำอะไรโดยที่ชั้นไม่ได้สั่งหรอก” กมลบอกออกมาอีก ก่อนจะยันกายลุกขึ้นมานั่งแล้วบิดตัวไปมาไล่ความเมื่อยขบ

 

 

 

“รู้แล้วจะถามอีกเหรอ ว่าใครห่มให้” คิมย้อนกลับไป ทำให้กมลยิ้มออกมาอย่างพอใจ

 

 

 

“นั่นสินะ คนเป็นเมียก็ต้องห่วงผัวเป็นเรื่องปกติ” กมลพูดแหย่ขึ้นมา

 

 

 

“คุณกมล!! เลิกพูดเรื่องผัวเรื่องเมียได้มั้ย” คิมว่าออกมาเสียงขุ่น

 

 

 

“ไม่ได้” กมลตอบกลับหน้าตาย คิมทำได้แต่ส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอ

 

 

 

“ตื่นขึ้นมาก็กวนประสาทเลยนะ” คิมพูดว่าเหน็บขึ้น แต่กมลก็ไม่ได้นึกโกรธอะไร ออกจะพอใจด้วยซ้ำที่เห็นคิมมีปฏิกิริยาโต้ตอบแบบนี้

 

 

 

“กี่โมงแล้ว” กมลถามขึ้น แต่ก็ยกนาฬิกาข้อมือตนเองขึ้นมาดู

 

“อืม จะห้าโมงแล้วนี่ เราขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเถอะ ชั้นจะพาออกไปซื้อของ” กมลบอกกลับ ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟา แล้วดึงแขนของคิมให้ลุกตาม ร่างบางก็ลุกตามอย่างว่าง่าย เพราะไม่รู้ว่าจะขัดขืนไปทำไม

 

“ป้านี เย็นนี้ไม่ต้องทำข้าวเย็นเผื่อผมกับคิมนะ เดี๋ยวผมจะออกไปกินนอกบ้าน” กมลที่เดินพาคิมออกมาจากห้องดูหนัง พูดบอกกับป้านีที่เดินออกมาจากห้องครัวเช่นเดียวกัน

 

 

 

“ค่ะ” ป้านีตอบรับพร้อมกับส่งยิ้มให้กับคนทั้งสอง กมลพาคิมขึ้นมาบนห้องนอนอีกครั้ง

 

 

 

“อาบน้ำด้วยกันมั้ย จะได้เร็วๆ” กมลแกล้งถาม ปกติแล้ว เขาค่อนข้างเป็นคนที่นิ่งๆ เงียบๆ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่กับคิม เขาถึงอยากจะแกล้งอยากจะแหย่ร่างบางคนนี้นัก

 

 

 

“ฝันไปเถอะ” คิมพูดว่าก่อนจะรีบคว้าผ้าขนหนูแล้วเสื้อผ้าของตนเองเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว โดยมีกมลมองตามอย่างขำ ๆ พอทั้งคู่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ กมลก็พาคิมกลับลงมาที่ชั้นล่างของบ้าน

 

 

 

“คมเตรียมตัวเอารถออก ชั้นจะพาคิมไปห้างแล้วกินข้าวเย็นทีเดียวเลย” กมลพูดบอกกับคมที่ยืนรออยู่ในห้องรับแขก

 

 

 

“ครับ” คมตอบรับก่อนจะเดินไปสั่งงานกับลูกน้องอีกคน

 

 

 

“คุณกมล ผมชวนใบบุญไปด้วยได้มั้ย” คิมพูดถามออกมาอย่างนึกได้ กมลนิ่งคิดก่อนจะพยักหน้า

 

 

 

“คม ไปบอกใบบุญว่าคิมชวนไปเที่ยวห้าง” กมลหันไปสั่งกับลูกน้องอีกครั้ง

 

 

 

“เอ่อ เห็นทีจะไม่ได้น่ะครับ” คมตอบกลับ ทำให้กมลเลิกคิ้วขึ้น

 

 

 

“ทำไม” กมลถามกลับไปอีก

 

 

 

“เห็นว่ามีการบ้านน่ะครับ ผมว่านายกับคุณคิมตามสบายดีกว่านะครับ” คมพูดบอก

 

 

 

“อะไรกัน พึ่งไปเรียนวันแรกก็มีการบ้านแล้วเหรอ” คิมพูดทักท้วงขึ้นมา รู้สึกเสียดายที่พาใบบุญไปด้วยไม่ได้ คิมรู้จากป้านีตอนช่วงที่กมลหลับว่าใบบุญไปเรียนที่ใหม่วันนี้วันแรก

 

 

 

“ใบบุญเข้ากลางเทอม ไม่แปลกหรอกที่จะมีการบ้านเลยน่ะ ว่าแต่เรื่องที่โรงเรียนเรียบร้อยนะ” กมลพูดบอกกับคิมก่อนจะหันไปพูดกับคมบ้าง

 

 

 

“เรียบร้อยครับ” คมตอบกลับ

 

 

 

“อืม งั้นเราไปกันเลยล่ะกัน เอาไว้ถ้าอยากจะชวนใบบุญออกไปเที่ยวข้างนอกก็ไปช่วงวันหยุดล่ะกัน” กมลบอกอีกฝ่ายอย่างเอาใจ เพราะดูท่าทีของคิมออกว่าอยากพาใบบุญไปด้วย เมื่อได้ยินที่กมลบอกคิมก็จำต้องพยักหน้ายอมรับ ก่อนที่ทั้งสองจะพากันไปขึ้นรถที่มาจอดรออยู่ที่หน้าบ้าน

 

 

 

“นี่เราจะต้องมีคนติดตามแบบนี้ตลอดเลยใช่มั้ย” คิมหันมาพูดกับกมลหลังจากที่ขึ้นรถแล้ว และเห็นว่ามีรถขับนำและขับตามคันที่กมลนั่งด้วย

 

 

 

“ใช่” กมลตอบกลับ แล้วหันมากอดเอวบางของคิมเอาไว้

 

“ทนไปก่อนล่ะกัน อีกหน่อยก็ชิน” กมลบอกกลับ

 

 

 

“ทำเหมือนผมจะอยู่ที่นี่นานนักแหละ”คิมพูดขึ้น ทำให้กมลขมวดคิ้วเข้าหากัน

 

 

 

“ทำไมพูดแบบนี้” กมลถามกลับไป

 

 

 

“ผมพูดผิดตรงไหนล่ะ ทุกวันนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าผมจะอยู่ที่นี่ถึงเมื่อไร” คิมพูดบอกออกมาอีก ทำให้กมลนิ่งเงียบ แต่ดวงตาดุดัน

 

 

 

“อย่าพูดเรื่องนี้อีก เพราะอธิบายไปนายก็ไม่คิดจะทำความเข้าใจกับคำพูดของชั้นสักที” กมลบอกกลับ ก่อนจะนั่งนิ่งขรึม คิมชะงักไปนิดเมื่อเห็นท่าทีของกมล ร่างแกร่งนั่งมองตรงไปข้างหน้าด้วยสีหน้าถมึงทึง จนกระทั่งมาถึงห้าง และเข้าไปจอดที่ลานจอดรถ ลูกน้องของกมลเดินลงมายืนรอ กมลเปิดประตูลงรถเอง แต่คิมยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เบาะรถ ไม่ยอมลงมา ทำให้กมลก้มลงไปมอง

 

“ลงมาสิคิม” กมลบอกเสียงเรียบ แต่คิมยังนั่งหน้าบึ้งอยู่ไม่ขยับลงรถเลยสักนิด

 

“คิม” กมลเรียกอีก คิมตวัดสายตามามองกมล

 

 

 

“ผมไม่อยากเดินห้างแล้ว” คิมตอบกลับ

 

 

 

“ทำไม” กมลถามกลับไปบ้าง

 

 

 

“ก็ดูท่าคุณจะไม่ค่อยพอใจ ไม่ค่อยมีอารมณ์จะเดินสักเท่าไร ผมก็ไม่อยากรบกวนหรอกนะ” คิมพูดบอกออกมา ทำให้กมลมองหน้าคิมก่อนจะยกยิ้มมุมปาก

 

 

 

“สนใจด้วยเหรอว่าชั้นจะมีอารมณ์หรือไม่มีอารมณ์ พอใจหรือไม่พอใจ” กมลถามกลับไป

 

 

 

“เอ๊ะ!! คุณกมล ก็คุณเป็นคนพาผมมา” คิมเลี่ยงที่จะตอบตรงๆ

 

 

 

“ลงมาเถอะคิม จะได้ไม่เสียเวลา” กมลบอกเสียงเรียบนิ่ง ทำให้คิมมองหน้ากมลพร้อมกับเม้มปากนิดๆ พลางคิดว่าแค่คำพูดของตนเองแค่นั้น ทำให้กมลมีท่าทีไม่พอใจขนาดนี้เลยเหรอ ถึงแม้ว่ากมลจะพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่คิมก็พอจะจับสังเกตอารมณ์ในน้ำเสียงนั้นได้ คิมนั่งคิดลังเลสักพักก็ยอมลงจากรถแต่โดยดี เพราะเห็นใจลูกน้องของกมลด้วยที่ต้องขับรถพาตนเองมาแล้วยังต้องมาคอยตนเองแบบนี้ เมื่อคิมลงจากรถแล้ว กมลก็พาคิมไปเดินดูของในห้างทันที

 

“คม รุธ เดี๋ยวแกสองคนพาคิมไปเดินซื้อของ ชั้นจะไปนั่งรอที่ร้านกาแฟนั่นก็แล้วกัน” กมลพูดบอกออกมา ทำให้คิมหันไปมองหน้ากมลอย่างรวดเร็ว

 

 

 

“แล้วคุณไม่ไปด้วยกันรึไง” คิมถามออกมาทันที

 

 

 

“ชั้นไม่อยากให้นายอึดอัดใจ ถ้าชั้นเดินตามไปด้วย” กมลบอกเสียงเรียบ คิมจ้องหน้ากมลเขม็งพร้อมกับเม้มปากเข้าหากันนิดๆ กมลยื่นบัตรเครดิตสีทองให้กับคิม

 

“นี่บัตรเครดิตไม่จำกัดวงเงิน นายอยากได้อะไรก็เอาไปรูดซื้อได้เลย ชั้นจะรออยู่ที่นี่” กมลบอกกลับไป

 

 

 

“ไม่เป็นไร ผมเอาเงินผมซื้อเองได้” คิมพูดบอกออกมา

 

 

 

“เอาของชั้นไปใช้” กมลพูดเสียงเรียบ เป็นการบังคับกลายๆ ดวงตาดุมองคิมอย่างกดดันให้รับบัตรเครดิตไป คิมจำต้องยื่นมือไปรับอย่างจำยอม

 

 

 

“ถ้าผมรูดใช้จนคุณหมดตัวก็อย่ามาว่าล่ะกัน” คิมพูดเหน็บกลับ

 

 

 

“ตามสบาย สำหรับนายชั้นยอมทุกอย่าง” กมลบอกอีก

 

 

 

“ถ้ายอมทุกอย่างงั้นก็ไปเดินด้วยกันสิ” คิมลองพูดชวนย้อนกลับไป

 

 

 

“อย่าเลย ชั้นบอกแล้วไงว่าไม่อยากทำให้นายอึดอัดใจไปมากกว่านี้ เพราะรู้ไงว่านายต้องรู้สึกแบบนั้นแน่ ชั้นถึงยอมนั่งรออยู่เฉยๆ” กมลตอบกลับไป ทำให้คิมขมวดคิ้วมุ่ย

 

 

 

“ตามใจ!” คิมพูดกระแทกเสียง ก่อนจะเดินนำไปอย่างรวดเร็ว ทำให้คมกับรุธรีบเดินตามไปติดๆ กมลยกยิ้มออกมาอย่างพอใจ เมื่อเห็นท่าทีของคิมเมื่อสักครู่

 

 

 

“นายไม่ไปเดินกับคุณคิมจริงๆเหรอครับ” ลูกน้องของกมลที่ยืนอยู่ข้างๆถามขึ้น

 

 

 

“จริงสิ ถามทำไม” กมลตอบและถามลูกน้องตนเองกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติ

 

 

 

“เอ่อ ผมเห็นคุณคิมมีท่าทางเหมือนจะโกรธนายยังไงก็ไม่รู้น่ะครับ” ลูกน้องของกมลบอกออกมาด้วยความกังวลนิดๆ

 

 

 

“หึหึ นั่นแหละที่ชั้นต้องการน่ะ” กมลบอกแค่นั้นก่อนจะเดินนำเข้าไปในร้านกาแฟโดยมีลูกน้องที่เหลือเดินตามเข้าไปติดๆ

 

..

 

..

 

..

 

..

 

.

 

..

 

“คม” เสียงเรียกแข็งๆของคิมดังขึ้น ทำให้ร่างสูงของคมที่เดินตามหลังขยับมาให้ใกล้คิมอีกนิด

 

 

 

“ครับคุณคิม” คมขานรับ พร้อมกับมองเสี้ยวหน้าบึ้งๆของคิมไปด้วย

 

 

 

“เจ้านายของนายน่ะ อายุเท่าไรกันแน่หะ” คิมถามกลับโดยที่ไม่ได้หันมามองหน้าคม แต่เท้าก็ก้าวเดินไปเรื่อยๆ

 

 

 

“เอ่อ ก็ประมาณ 36-37 มั้งครับ ถ้าจำไม่ผิด” คมตอบกลับไป เพราะไม่แน่ใจจริงๆ เนื่องจากกมลรวมไปถึงพวกของคมเอง ไม่เคยให้ความสำคัญกับวันเกิดตัวเองสักเท่าไร

 

 

 

“ชิส์ อายุขนาดนั้นแล้ว ยังทำตัวงอนเป็นเด็กๆไปได้” คิมพูดว่าออกมา ทำให้คมเลิกคิวขึ้นนิดๆ

 

 

 

“คุณคิมว่าใครงอนนะครับ” คมถามอีกครั้งเผื่อได้ยินผิดไป คิมหยุดเท้าที่กำลังเดินแล้วหันมามองหน้าคม ทำให้คมชะงักเท้าหยุดเช่นเดียวกัน

 

 

 

“ก็เจ้านายของนายนั่นแหละ จะมีใครซะอีกล่ะ ชั้นรู้หรอกนะว่าเคืองชั้น งอนชั้นน่ะ มาเฟียบ้าอะไรห้ะ ทำตัวเหมือนเด็ก 5-6 ขวบ นิสัย..” คิมพูดโวยออกมา ทำเอาคมกับรุธหันมามองหน้ากันไปมาเพราะพูดไม่ออกกับคำโวยวายของคิม

 

“เออๆ ช่างเหอะ พวกนายคงไม่กล้าพูดนินทาเจ้านายของนายกันหรอก” คิมพูดจบแล้วเดินต่อ คมกับรุธก็รีบเดินตามไป คิมเดินเลือกซื้อของใช้ส่วนตัวของตนเองไปเรื่อยๆ พอตอนจ่ายเงิน คิมอยากจะใช้เงินของตนเองจ่าย แต่กระเป๋าเงินก็อยู่ที่กมล พูดง่ายๆว่าตอนนี้คิมมีเพียงโทรศัพท์และบัตรเครดิตของกมลติดตัวมาเท่านั้น  ของใช้ที่ซื้อมาก็ถูกคมกับรุธแย่งเอาไปถือโดยที่คิมเองก็ทักท้วงอะไรไม่ได้ ต่อให้ยืนโวยแค่ไหน คมกับรุธก็ยืนกรานจะถือให้คิมอยู่ดี โดยอ้างว่าไม่อยากโดนกมลตำหนิ คิมจึงเดินดูของในห้างไปเรื่อยๆ โดยมีสองบอดี้การ์ดหนุ่มร่างสูงคอยเดินตาม คิมไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองตกเป็นเป้าสายตาของบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่เดินผ่านไปผ่านมา เพียงแต่ไม่มีใครกล้าพอที่จะเข้ามาสานความสัมพันธ์เนื่องจากชายชุดดำสองคนที่เดินถือของตามอยู่ด้านหลัง คิมเดินผ่านร้านรับจ้างสักลายในห้างก็หยุดมองด้วยความสนใจ

 

 

 

“อย่าคิดที่จะสักเลยครับคุณคิม” คมพูดดักทางขึ้น คิมตวัดสายตามามอง

 

 

 

“ทำไม” คิมถามกลับ

 

 

 

“ผมคิดว่านายคงไม่อยากให้คุณคิมสักหรอกครับ” คมพูดบอกออกมาอย่างรู้ใจเจ้านายตัวเอง

 

 

 

“หึ สมกับเป็นคนสนิทเลยนะ” คิมพูดประชดออกมาก่อนจะเดินต่อ

 

..

 

..

 

..

 

..

 

..

 

..

 

กมลที่นั่งจิบกาแฟรอคิมไปเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อนนั้น รับรู้ว่ามีใครบางคนกำลังเดินตรงเข้ามาหาตนเองและลูกน้องของกมลก็ลุกขึ้นยืนเตรียมตัวตั้งรับเต็มที่

 

 

 

“อะไรกัน ชั้นก็แค่อยากจะมาทักทายเจ้านายของพวกแกบ้างไม่ได้รึไง” เสียงทุ้มของอีกฝ่ายดังขึ้น ตอนนี้ภายในร้านกาแฟต่างอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด ลูกค้าบางคนเริ่มทยอยออก เพราะคนที่พึ่งเดินเข้ามาก็มาพร้อมกับลูกน้องของตนเองเช่นเดียวกัน

 

 

 

“ให้เค้าเข้ามา” กมลพูดบอกเสียงเรียบ พร้อมกับพิงพนักโซฟาด้วยท่าทีปกติ ลูกน้องของกมล หลีกทางให้ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่ากมลเดินเข้ามาหากมล กมลมองอีกฝ่ายด้วยสายตานิ่งๆ

 

 

 

“ไม่คิดว่าจะมาเจอคุณที่นี่นะคุณกมล” อีกฝ่ายทักทายขึ้น ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้ามกับกมล

 

 

 

“เจอกันที่นี่แหละ ดีแล้ว อย่าไปเจอกันที่อื่นเลย ดนัย” กมลบอกกลับด้วยน้ำเสียงปกติ ทำให้ดนัยชะงักนิดๆ ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก เพราะเข้าใจในความหมายที่กมลต้องการจะสื่อดี

 

 

 

“นั่นสินะ ว่าแต่มานั่งดื่มกาแฟอย่างเดียวเหรอครับ” ดนัยถามกลับพร้อมกับมองไปรอบตัวอย่างสนใจ ว่าทำไมกมลถึงมาที่นี่ได้

 

 

 

“แล้วนายล่ะ มาทำอะไรที่นี่ หรือว่าอยากจะมาดื่มกาแฟอย่างเดียวเหมือนกัน งั้นสั่งเลยมั้ย เดี๋ยวชั้นเรียกพนักงานให้” กมลพูดย้อนกลับไปอย่างกวนประสาท ทำให้ดนัยต้องสงบสติอารมณ์ของตนเองเอาไว้ เพราะเวลาเจอหน้ากมลทีไร มักจะถูกอีกฝ่ายพูดจากวนประสาทในแบบฉบับของกมลทุกที ความจริงกมลอยากจะไล่ดนัยไปให้พ้นหน้าพ้นตาเร็วๆ เนื่องจากไม่อยากให้ดนัยได้พบเจอกับคิมที่ไปเดินซื้อของใช้อยู่

 

 

 

“พอดีผมมาทำธุระในห้างนี้  เห็นคุณเข้าก็เลยแวะเข้ามาทักทายตามประสาคนรู้จักน่ะครับ” ดนัยตอบกลับ ถึงแม้จะดูเป็นคำพูดที่ธรรมดา แต่น้ำเสียงและท่าทีของอีกฝ่ายไม่ได้ธรรมดาเหมือนคำพูด ในเมื่อทั้งสองเป็นคู่แข่งการค้ากัน

 

 

 

“หึ รู้จักงั้นเหรอ” กมลขำในลำคออย่างเยาะ ก่อนจะยกกาแฟขึ้นมาจิบ ทำให้ดนัยต้องกัดฟันระงับอารมณ์จากการที่ถูกกมลกวนประสาทอยู่อย่างนี้

 

“มองชั้นแบบนั้น ไม่พอใจอะไรรึเปล่า” กมลแกล้งถามกลับไป เพื่อดูท่าทีว่าอีกฝ่ายจะระงับตัวเองได้รึเปล่า ดนัยเป็นชายหนุ่มที่เข้ามายืนในวงการมืดนี้ได้เพราะพ่อของชายหนุ่มปูทางเอาไว้ก่อน แล้วให้ลูกชายของตนเองมาสานต่อ ซึ่งสำหรับกมลแล้ว ดนัยยังอ่อนหัดมากนักถ้าเทียบกับเขา แต่กมลก็ไม่ได้ชะล่าใจ เพราะรู้ดีว่าชายหนุ่มอย่างดนัยมักจะเล่นอะไรสกปรกอยู่เสมอ

 

 

 

“เปล่านี่ครับ ผมว่าผมขอตัวก่อนดีกว่า คุณจะได้จิบกาแฟต่อ” ดนัยตัดบทเพราะรู้ว่าตนเองอาจจะระงับอารมณ์ตนเองได้ไม่นานนัก

 

 

 

“เชิญ” กมลพูดบอกแค่นั้น ทำให้ดนัยลุกขึ้นแล้วจะหันหลังก้าวเดินออกไปจากร้าน

 

 

 

ปึ่ก!

 

ร่างบางของคิมผงะไปด้านหลังนิดๆ ขณะที่เดินเข้ามาในร้านกาแฟแล้วชนเข้ากับดนัยพอดี กมลส่งสายตาตำหนิไปให้ลูกน้องของตนเองอย่างรวดเร็ว ซึ่งคมก็ก้มหัวยอมรับผิดที่พาคิมเข้ามาโดยที่ดนัยยังคงไปไม่พ้นร้าน

 

 

 

“นี่ เดินดีๆไม่ได้รึไง” เสียงลูกน้องคนหนึ่งของดนัยพูดว่าคิมออกมา โดยที่ไม่รู้ว่าคิมเป็นใคร ทำให้คิมที่กำลังหงุดหงิดเนื่องจากตอนแรกคมไม่ยอมให้คิมเดินเข้ามาในร้านทั้งๆที่คิมอยากจะนั่งพักขาเต็มที ยิ่งหงุดหงิดมากไปกว่าเดิม

 

 

 

“ใครกันแน่ที่เดินไม่ระวังห้ะ เป็นคนเดินมาชนผมก่อน ขอโทษสักคำก็ไม่มี แล้วนายคนนี้เป็นคนเดินชนผมเองแท้ๆ ยังไม่พูดอะไรสักคำ แล้วนายเป็นใครมาโวยวายแทนน่ะห้ะ” คิมหันไปโวยวายใส่ลูกน้องของดนัย

 

 

 

“อยากโดนงั้นเหรอ รู้รึเปล่าว่ากำลังพูดอยู่กับใคร” ลูกน้องของดนัยทำท่าจะเข้ามาสั่งสอนคิม แต่คมก็มายืนขวางเอาไว้ ทำให้ดนัยขมวดคิ้วเข้าหากัน เพราะจำคมได้ดี

 

 

 

“คุณคิมครับ เชิญด้านในเถอะครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง” คมพูดบอกออกมา

 

 

 

“ได้ไง เรื่องของชั้น ชั้นจัดการเองได้” คิมยืนกรานคำเดิมเพราะไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

 

 

 

“คิม เข้ามานั่งนี่” เสียงเรียบนิ่งของกมลดังขึ้น พร้อมกับสายตากดดันของกมลที่มองมา ทำให้คิมฮึดฮัดก่อนจะมองลูกน้องของดนัยและตัวดนัยเองด้วยสายตาเหวี่ยงๆ แล้วเดินไปกระแทกตัวลงนั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆกับที่กมลนั่ง กมลมองหน้าดนัยด้วยสายตาเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความดุดันและขู่เข็ญเหมือนกับส่งคำเตือนไปทางสายตาไม่ให้ดนัยคิดเรื่องไม่ดีกับคนข้างกายของกมลเด็ดขาด ดนัยมองคิมก่อนจะยกยิ้มนิดๆ แล้วหันไปหาคมอีกครั้ง

 

 

 

“โทษที ชั้นเดินไม่ดีเอง” ดนัยบอกแค่นั้น ก่อนจะเดินออกไปจากร้าน เพราะเขายังไม่พร้อมที่จะมีปัญหากับกมลตอนนี้

 

“เพลิง แกไปสืบมาสิว่าผู้ชายหน้าหวานนั่นที่อยู่กับกมลเป็นใคร” ดนัยพูดสั่งลูกน้องตนเอง หลังจากที่เดินห่างจากร้านกาแฟมาไกลพอสมควร

 

..

 

..

 

..

 

..

 

..

 

..

 

“มีอะไรกัน” คิมที่พึ่งรับรู้ถึงความตึงเครียดบางอย่างได้ถามขึ้น

 

 

 

“ไม่มีอะไร” กมลเป็นฝ่ายตอบกลับไป

 

“ว่าแต่ อารมณ์เสียอะไรมา” กมลถามพร้อมกับให้ลูกน้องของตนเองสั่งเครื่องดื่มเย็นๆมาให้คิม เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ

 

 

 

“ก็ลูกน้องของคุณน่ะสิ ไม่ยอมให้ผมเข้ามา ทั้งๆที่ผมบอกว่าเมื่อยขาจะแย่ ยังจะให้ผมยืนรออะไรก็ไม่รู้” คิมพูดบ่นออกมา กมลมองหน้าลูกน้องตนเองนิดๆ เขารู้ว่าคมคงห้ามแล้ว เพราะเห็นว่าดนัยอยู่ในร้าน แต่คนของกมลเองที่ดื้อดึงจะเข้ามานั่งพักเร็วๆ

 

 

 

“อืม เดี๋ยวชั้นต่อว่าให้เอง ว่าแต่นายซื้ออะไรมาบ้าง” กมลถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

 

 

 

“ก็ของใช้ส่วนตัว” คิมตอบกลับ พร้อมกับมองหน้ากมล

 

“นี่คุณกมล ผมขอออกค่าของใช้พวกนี้เองได้มั้ย” คิมพูดบอกออกมา

 

 

 

“ไม่ได้ อ่ะ ชาเขียวเย็นๆ ดื่มให้ใจเย็นลงก่อน” กมลตอบเสียงเด็ดขาด พร้อมกับเลื่อนแก้วชาเขียวให้คิม ร่างบางก็รีบคว้ามาดูดเสียเกือบหมดเพราะกระหายน้ำพอดี

 

 

 

“แต่ผมไม่อยากใช้เงินของคุณ” คิมบอกกลับไป ลืมเรื่องของดนัยไปทันที

 

 

 

“ไม่ใช่เงินของชั้นคนเดียว แต่เป็นเงินของเรา นายเป็นเมียชั้น เงินของชั้นก็เท่ากับเป็นเงินของนายเหมือนกัน” กมลพูดขึ้น ทำให้คิมชะงักไปทันที ครั้นจะค้านขึ้นมาอีก ก็รู้ดีว่ากมลเองก็ดื้อด้านไม่แพ้ตนเองเหมือนกัน เมื่อนึกมาถึงความดื้อของกมล คิมก็นึกเรื่องบางอย่างได้

 

 

 

“หายโกรธผมรึยัง” คิมถามขึ้นทันที กมลเลิกคิ้วขึ้นนิด  ก่อนจะนึกได้ว่าคิมพูดถึงเรื่องอะไร

 

 

 

“โกรธเรื่องอะไร” กมลถามกลับ

 

 

 

“จะไปรู้คุณเหรอ” คิมโวยกลับ ไม่กล้าพูดว่าเรื่องอะไร กมลเองก็นิ่งไม่พูดอะไร เพื่อดูท่าทีของคิมว่าจะทำยังไงต่อ

 

“คุณกมล! คุณอายุเท่าไรแล้ว ทำตัวเหมือนเด็กไปได้ เป็นมาเฟียได้ไง ถามจริงเหอะ” กลายเป็นคิมที่ทนไม่ไหวต้องโวยใส่กมลอีกครั้ง

 

 

 

“ชั้นทำตัวเหมือนเด็กตอนไหน” กมลถามกลับไปอีก

 

 

 

“ผมรู้นะ ว่าคุณโกรธผม งอนผมเรื่องที่เราคุยกันบนรถ คุณถึงปล่อยให้ผมไปเดินซื้อของคนเดียว ทั้งๆที่ปกติแล้ว คนอย่างคุณคงไม่ปล่อยให้ผมไปเดินซื้อของคนเดียวหรอก” คิมพูดโวยออกมาเป็นชุด กมลยกยิ้มนิดๆ

 

 

 

“รู้สึกดีจังเลยนะ ที่นายเข้ามาอยู่บ้านชั้นแค่สองวัน นายก็รับรู้แล้วว่าชั้นรู้สึกอะไรคิดอะไร มันน่าดีใจนะ” กมลบอกพร้อมกับจ้องมองดวงตาของคิม ทำให้คิมชะงักไปนิด

 

 

 

“เป็นใครก็รู้ทั้งนั้นแหละ ออกอาการซะขนาดนั้น” คิมบอกออกมาอีก แต่ไม่กล้าสบตากับกมลสักเท่าไรนัก

 

 

 

“ชั้นออกอาการอะไร คมชั้นแสดงอาการออกมาว่าโกรธคิมงั้นเหรอ ว่าไงเจ้ารุธคิดว่าชั้นโกรธคิมรึเปล่า แกล่ะต้น บอกหน่อยสิว่าจริงอย่างที่คิมพูดมั้ย” กมลถามลูกน้อง แต่สายตาก็ส่งไปกดดันเต็มที่

 

 

 

“เปล่าครับ นายไม่ได้ออกอาการอะไรเลยครับ” ลูกน้องสามคนที่กมลเอ่ยถาม พูดอกมาแทบจะพร้อมกัน ทำให้คิมหันไปมองหน้าคนทั้งสามขวับ พร้อมกับมองด้วยสายตาขุ่นเคืองเต็มที่ ทำให้ลูกน้องทำสามของกมล ทำหน้าไม่ถูก อีกคนก็เจ้านาย อีกคนก็เมียเจ้านาย

 

 

 

“มันน่าโยนให้คลีโมกับวิปครีมกินนัก ทั้งเจ้านายทั้งลูกน้องเลย” คิมพูดว่าออกมาอย่างฉุนๆ ที่ไม่มีใครเข้าข้างตนเอง

 

 

 

“หึหึ ไม่เอาน่า อย่าพาลสิคิม” กมลพูดออกมาอย่างอารมณ์ดี อารมณ์ขุ่นมัวจากดนัยหายวับไปทันที

 

 

 

“ผมไม่ได้พาล” คิมว่าออกมาเสียงห้วน ไม่เข้าใจตัวเองขึ้นมาทันที ว่าทำไมเวลาที่อยู่กับกมล คิมถึงได้คุมอารมณ์ คุมความคิดความรู้สึกของตนเองไม่ได้สักที

 

 

 

“โอเคโอเค ไม่พาลก็ไม่พาล” กมลบอกกลับ พร้อมเสียงหัวเราะในลำคอ ทำให้คิมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กที่ถูกกมลหยอกล้ออยู่

 

 

 

“แล้วจะนั่งอีกนานมั้ย ผมหิวข้าวแล้วนะ” คิมโวยเปลี่ยนเรื่อง

 

 

 

“นายอยากกินอะไรล่ะ ชั้นจะได้พาไป” กมลถามกลับ พร้อมกับมองคิมด้วยสายตาเป็นประกาย  เหมือนกับถูกใจที่เห็นคิมออกอาการเหวี่ยงโวยวายแบบเมื่อกี้

 

 

 

“อะไรก็กินได้หมดแหละ” คิมบอกกลับไป เพราะรู้สึกหิวมากจริงๆ กมลจึงจ่ายเงินแล้วพาคิมกับลูกน้องของตนเองไปหาข้าวเย็นกินที่ร้านอาหารนอกห้าง พอมาถึงรถ คิมขึ้นไปนั่งรอบนรถก่อน ส่วนกมลยืนคุยกับคมที่นอกรถ

 

 

 

//ให้คนของเราสอดส่องไอ้ดนัยให้มากกว่าเดิม ว่ามันส่งคนมาสืบเรื่องของคิมรึเปล่า แล้วมารายงานชั้นด้วย// กมลพูดสั่งงานคม อีกฝ่ายก้มหน้ารับคำสั่ง ก่อนจะพากันขึ้นรถอีกครั้ง เพื่อไปยังร้านอาหาร

 

..

 

..

 

..

 

“สวัสดีครับคุณกมล เชิญด้านในเลยครับ” ผู้จัดการร้านอาหารรีบเดินมาต้อนรับกมลทันที กมลพยักหน้ารับ โดยสั่งให้ผู้จัดการเตรียมโต๊ะส่วนตัวสำหรับกมลและคิม และเตรียมโต๊ะสำหรับลูกน้องของกมลทั้งหมดที่มาด้วยกัน ยกเว้นคนขับรถที่ต้องเฝ้ารถเอาไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน กมลจะสั่งอาหารเอาไว้ให้กินตอนที่กลับไปพักผ่อน

 

 

 

“ดูท่าทางจะมาบ่อย” คิมพูดขึ้นลอยๆ กมลนิ่งไปนิด

 

 

 

“ก็บ่อยนะ อาหารที่นี่เค้าอร่อย” กมลบอกกลับเสียงเรียบ เมื่อนั่งโต๊ะเรียบร้อยแล้ว กมลก็ให้คิมเป็นคนสั่งอาหารที่อยากทาน เมื่อคิมสั่งไปแล้ว ทั้งสองก็นั่งรออาหารอยู่ที่โต๊ะ กมลให้คิมนั่งข้างๆตนเองเพื่อที่จะกอดเอวบางได้อย่างถนัด แต่พออาหารถูกนำมาเสริฟ กมลก็ยอมปล่อยให้คิมได้นั่งกินอย่างสบายๆ ไม่ได้เกาะแกะให้คิมรำคาญใจแต่อย่างไร

 

 

 

“อ่า คุณกมล” เสียงของชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมส่งเสียงทักทายก่อนจะเดินเข้ามาหากมลอย่างเป็นกันเอง กมลมองหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆ

 

 

 

“สวัสดีคุณภาค” กมลทักขึ้น

 

 

 

“ช่วงนี้หายหน้าหายตาไปเลยนะครับ เด็กๆบ่นถึงเป็นแถว” ชายวัยกลางคนที่ชื่อว่าภาคทักขึ้น ทำให้กมลมองด้วยสายตาปรามๆ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายไม่ทันได้เอะใจอะไรกับสายตาของกมล ส่วนคิมก็ได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างสงสัยว่าเป็นใคร เพราะกมลเองก็ไม่ได้แนะนำให้รู้จักแต่อย่างไร ภาคหันมามองคิมก่อนจะขมวดคิ้ว

 

“เด็กคนนี้สังกัดใครเหรอครับคุณกมล ทำไมไม่เอาเด็กของผมล่ะครับ ผมจะลดราคาพิเศษให้ รับรองผมจะคัดแต่แบบที่คุณกมลชอบไปให้เลย รับรองลีลาเด็ดทั้งนั้นครับ” ภาคพูดออกมาเหมือนเป็นเรื่องปกติ ซึ่งทำให้คิมพอจะจับใจความสำคัญของประโยคเหล่านี้ได้ ชายหนุ่มหน้าตึงทันทีพร้อมกับหันไปมองกมลด้วยสายตาขุ่นๆ

 

 

 

“คม!! พาไอ้อ้วนนี่ไปให้พ้นหูพ้นตาชั้นทีสิ” กมลพูดเสียงแข็ง ในขณะที่ภาคหน้าซีดและงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น คมหันไปพยักหน้ากับลูกน้องอีกสองคน ก่อนที่ทั้งสองจะมาลากชายร่างท้วมออกไปจากร้านอย่างรวดเร็ว

 

 

 

 

 

 

2   Be   Con

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

มาอัพแล้วนะคะ

 

ช่วงนี้บ้านยอนิมรวมญาติ ก็เลยไม่ค่อยมีเวลามานั่งแต่งนั่งอัพสักเท่าไร

 

ต้องขอโทษด้วยนะคะ

 

 

แล้วก็ สวัสดีปีใหม่ไทยนะคะ เล่นน้ำระวังๆกันด้วยนะ ดูแลตัวเองกันด้วยจร้า

ร้ายนักนะ…รักของมาเฟีย!! [Yaoi , Boy’s love]

ร้ายนักนะ…รักของมาเฟีย!! [Yaoi , Boy’s love]

มาแล้วคร่า สำหรับคู่ใหม่ในนิยาย Yaoi ของ ยอนิม ถ้าใครเคยอ่าน รักโคตรๆ โหดอย่างมึง มาก่อนแล้ว คงรู้ดีว่า “กมล” กับ “คิม” คือใคร ยังไงยอนิมก็ขอฝากเรื่องนี้ไว้อีกเรื่องนะคะ อาจจะไม่สนุกนัก อาจจะซ้ำซาก ก็ต้องขออภัยล่วงหน้าด้วยนะคะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset