ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ – ตอนที่ 111 เมาใจ (2)

ชิวเยี่ยไป๋ก้มดูก็เลิกคิ้วกล่าวว่า “ให้รางวัลทีเป็นร้อยตำลึงเชียวหรือ ดูท่าคงร่ำรวยหรือไม่ก็ใหญ่โต แต่…โรงแลกเงินชางเหอ เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยิน”

 

 

หลี่หมัวมัวพยักหน้ากล่าวว่า “ข้าอยู่ในวังมานาน รู้ว่าตั๋วเงินชางเหอไม่แพร่หลายทั่วไป ใช้เฉพาะในวังเท่านั้น ที่ผ่านมาเบี้ยหวัดและรางวัลของคนในวังล้วนเป็นตั๋วเงินชางเหอ”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋งงงัน “เจ้าหมายความว่า แขกที่มาเป็นคนในวังหรือ”

 

 

แขกสตรี นี่โทษนางว่าคิดนอกลู่นอกทางมิได้

 

 

เทียนซูพลันกล่าวว่า “ก็ไม่แน่ อาจเป็นองค์หญิงองค์ใดองค์หนึ่งก็เป็นได้”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เหลือบมองเทียนซูแวบหนึ่ง “ตู้เจินหลานชอบมาหาเจ้าใช่ไหม”

 

 

พอเทียนซูพูดถึงองค์หญิง นางก็นึกถึงแม่เลี้ยงเจ้าชู้ในจวนของตระกูลชิว คนเช่นนั้นคงบริการไม่ง่าย ดีใจเสียใจเอาแน่เอานอนไม่ได้ เผลอๆ จะฆ่าคนที่บริการตนเสียด้วยซ้ำ

 

 

เทียนซูหน้าเครียดลง แต่ยังคงส่ายศีรษะ กล่าวเบาๆ ว่า “เปล่า”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เห็นเขาไม่อยากพูดก็ไม่ได้ซักไซ้ หันไปสนใจตั๋วเงินในมือ “อาหลี่ เจ้าเห็นเป็นอย่างไร”

 

 

หลี่หมัวมัวกล่าวว่า “บ่าวคิดว่าคงไม่ใช่องค์หญิงที่ออกเรือนไปแล้ว เพราะองค์หญิงที่วิวาห์แล้วการกินการอยู่ย่อมอยู่ข้างนอก เบี้ยหวัดเงินเดือนหรือการตกรางวัลมีกฎเกณฑ์เฉพาะ ที่ได้ไปอาจนำไปใช้นอกวังได้ แต่…”

 

 

นางคิดดูแล้วกล่าวต่อ “เมื่อครู่ข้าเห็นตั๋วเงินนี้ก็แปลกใจ จึงลอบใช้กล้องส่องทางไกลสังเกตแขกสตรีผู้นั้น นางสวมชุดดำ ท่าทางเหมือนองค์หญิงที่ยังไม่ออกเรือน”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋กล่าวอย่างข้องใจว่า “ไม่เหมือนองค์หญิงที่ออกเรือนแล้ว อาจเป็นนางสนมก็ได้นี่นา”

 

 

นางสนมเช่นนี้ออกจะใจกล้าไปหน่อยกระมัง ลอบออกจากวังโดยพละการก็แย่พอแล้ว แถมยังมาหาความสำราญในหอคณิกาด้วย!

 

 

หลี่หมัวมัวลังเลแล้วกล่าวว่า “บ่าวแน่ใจว่าเป็นคนในวัง เพราะดูแล้วคุ้นตา แต่อีกฝ่ายหันหลังให้หน้าต่างตลอดเวลา บ่าวจึงเห็นหน้าไม่ถนัด และคนรับใช้ของนางก็ยืนในที่ที่บ่าวมองไม่เห็น ดังนั้นบ่าวจึงมิกล้าเจาะจงว่าเป็นผู้ใด”

 

 

ใบหน้าของหลี่หมัวมัวเอง คนในวังจำนวนไม่น้อยก็คุ้นอยู่ นางจึงไม่กล้าอ้างว่าจะมาส่งของเพื่อถือโอกาสตรวจสอบคนในห้อง ได้แต่รายงานต่อเจ้านายก่อนค่อยว่ากัน

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ใช้ปลายนิ้วไล้ตามขอบตั๋วเงินใบใหม่เอี่ยม หัวร่อเบาๆ ว่า “นี่ก็แปลกแล้ว คนสูงศักดิ์ในวังถึงกับตื่นตัวระดับนี้”

 

 

นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ประเดี๋ยวเจ้าให้อี้หมัวมัวจัดโต๊ะสุราอาหารส่งเข้าไป กับข้าวไม่ต้องมากแต่ต้องเป็นอาหารชั้นดี ทางที่ดีต้องเป็นอาหารที่คนในวังไม่ค่อยมีโอกาสลิ้มชิม ส่วนสุรา…”

 

 

นางหยุดลง แววตาฉายประกายเจ้าเล่ห์ “ส่งเมาใจไปป้านหนึ่งก็แล้วกัน”

 

 

เมาใจ เมาใจ สุราชนิดนี้เป็นสุราชั้นเลิศ เป็นสุราพรากวิญญาณที่ปรุงแต่งโดยพระเก้าพันปีของข้าหลวงซือหลี่เจียนผู้โฉดชั่วซึ่งตายไปแล้วอย่างอนาถ ทิ้งเพียงชื่อเหม็นโฉ่ไว้ในประวัติศาสตร์ เป็นสุราที่ใช้สำหรับสอบปากคำ

 

 

สุรานี้ดื่มแล้วจิตใจเลื่อนลอย พอถูกคะยั้นคะยอเข้าก็จะถือว่าคนที่มาเค้นปากคำเป็นผู้รู้ใจ และคายความลับจนหมดเปลือก

 

 

แม้จะยังไม่รู้ว่าในจังหวะหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ จู่ๆ ก็มีคนสูงศักดิ์จากในวังมาที่หอไผ่เขียวด้วยเจตนาอย่างไร แต่ลองดูหน่อยคงไม่เป็นอะไร

 

 

หลี่หมัวมัวรับคำแล้วรีบออกไปจัดการ

 

 

หลังประตูปิดลง ชิวเยี่ยไป๋ส่งตั๋วเงินให้เทียนซู “เผาทิ้งเถอะ”

 

 

เทียนซูงงงัน “เผาหรือ”

 

 

เงินหนึ่งร้อยตำลึงเท่ากับค่าครองชีพของครอบครัวทั่วไปราวสามถึงห้าปี มิใช่เงินจำนวนเล็กน้อย ชิวเยี่ยไป๋กลายเป็นคนมือเติบเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน

 

 

นางฟุบกับโต๊ะอย่างเกียจคร้านแค่นเสียงเย็นชา “เหอะ ถ้าคนในวังที่ให้ตั๋วเงินใบนี้มิใช่คนสูงศักดิ์ผู้โง่เขลาสิ้นดีก็ย่อมเป็นเล่ห์ร้าย หากคนของเราที่นี่นำตั๋วเงินนี้ไปใช้ รับรองว่าได้วันนี้พรุ่งนี้ทางการต้องมาค้นแน่”

 

 

เทียนซูจึงเข้าใจ เขาพยักหน้าแล้วเปิดเตาทองเหลืองสำหรับเผาเครื่องหอมบนโต๊ะ โยนตั๋วเงินเข้าไป

 

 

ครู่เดียวตั๋วเงินก็กลายเป็นขี้เถ้า

 

 

ชิวเยี่ยไป๋หัวร่อเย็นชา “จะอย่างไรก็ตาม ถึงกับกล้ามาตอแยนายน้อยสี่เช่นข้า ไอ้คนสูงศักดิ์ต้องทิ้งอะไรไว้บ้างสิน่า!”

 

 

 

 

ณ อีกด้านหนึ่งของหมู่อาคาร คนสองคนกำลังแลดูอาหารชั้นดีบนโต๊ะ “โจ๊กหอมไผ่มรกต เผือกหอมตุ๋นเนื้อ ท้องปลานึ่งส้มหอม…โอ้โฮ อาหารในหอไผ่เขียวประณีตเลิศรสเกินคาด ในจวนไม่เคยได้ลองด้วยซ้ำ”

 

 

คนงามชุดดำแลดูกับข้าวหอมกรุ่นเหล่านี้พลางกล่าวคล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้ม

 

 

เมื่อครู่เขาคิดจะพาอีไป๋ออกตรวจตรา กลับพบว่าอี้หมัวมัวคนเดิมกลับมาอีกครั้ง จึงคิดเอาเองว่าในเมื่อมีอาคันตุกะสูงศักดิ์รอคนที่นี่ ตามธรรมเนียมของหอไผ่เขียวคงต้องให้การต้อนรับเป็นอย่างดี จึงได้สั่งโต๊ะสุราอาหารมาให้

 

 

อีกฝ่ายนำอาหารมาให้ พอจัดแจงเสร็จก็จากไป

 

 

อีไป๋เห็นเจ้านายหยิบตะเกียบจะลองชิมก็รีบห้าม “นายท่าน ถ้านายท่านไม่อยากกินของว่างไว้เรากลับวังก่อนค่อยกินมื้อดึกเถิด ของพวกนี้ไม่สะอาด เกรงว่าจะไม่ดีกับอาการบาดเจ็บของนายท่านนะ”

 

 

จุดอ่อนของเจ้านายตนก็คือเรื่องกินนี่แหละ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องพกของกินติดตัวตลอดเพื่อมิให้เจ้านายของตนกินของนอกบ้าน

 

 

ไป๋หลี่ชูยังคงคีบเนื้อชิ้นหนึ่งไว้ในจานของตน ลองดมดูแล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ “ถ้าเจ้าของหอไผ่เขียวโง่เขลาเหมือนเจ้าคงเจ๊งไปนานแล้ว ดูสิวันนี้การค้าคึกคักดีเชียวนะ”

 

 

พริบตานั้นอีไป๋รู้สึกเหมือนโดนตบหน้า ใบหน้างดงามที่อึมครึมอยู่แล้วยิ่งเครียดลง ฝ่าบาทด่าว่าเขาโง่หรือ

 

 

ไป๋หลี่ชูไม่สนใจกับความเสียใจของอีไป๋ คีบกับข้าวทีละจานลองชิมดูแล้วชูนิ้วโป้งให้

 

 

อีไป๋เห็นไป๋หลี่ชูเริ่มกินแล้วก็ไม่ห้ามอีก เพราะใครก็ตามที่ห้ามไป๋หลี่ชูเวลากินมักลงเอยไม่ค่อยดีนัก

 

 

เขาจึงตัดใจช่วยไป๋หลี่ชูจัดแจงเสียเลย ลองลิ้มชิมกับข้าวที่เจ้านายชมเชย รู้สึกรสชาติไม่เลวจริงด้วย มือข้างหนึ่งจึงคว้าป้านสุราที่อยู่ข้างๆ รินให้ไป๋หลี่ชู

 

 

พริบตาที่เขารินสุรา ตะเกียบในมือของไป๋หลี่ชูก็เงื้อค้าง มองดูสุราด้วยแววตาเย็นเยือกพิกล

 

 

“นายท่าน” อีไป๋ส่งจอกสุราให้ เห็นไป๋หลี่ชูเอาแต่จ้องจอกเงินในมือตนเขม็ง พลันตื่นตัว “สุรามีปัญหาหรือ”

 

 

ไป๋หลี่ชูกลับรับจอกไว้ ยิ้มอย่างพิกล “ต้องมีปัญหาจึงจะเป็นสุราที่ดี”

 

 

จากนั้นก็ดื่มสุราจอกนั้นท่ามกลางสายตาที่งงงัน

 

 

แต่ครั้งนี้อีไป๋มิได้ห้ามแล้ว แต่ก็มิได้ดื่มตามเพื่อพิสูจน์ว่าสุรามีปัญหาหรือไม่

 

 

และแล้วสุราอาหารทั้งโต๊ะก็ถูกกินจนหมด ไป๋หลี่ชูเช็ดปากด้วยกิริยางดงาม ยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “เอาล่ะ กินอิ่มแล้วเราไปเดินเล่นกันให้อาหารได้ย่อย”

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ
Score 7.2
Status: Ongoing Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษนับแต่ลืมตาดูโลกอีกครั้งในยุคโบราณ นางก็ใช้ชีวิตในฐานะ ชิวเยี่ยไป๋ คุณชายสี่แห่งตระกูลชิวผู้เป็นที่เกลียดชังผู้ถูกขับไล่ไสส่งให้ออกไปเผชิญความโหดร้ายของโลกภายนอกตั้งแต่เยาว์วัย ด้วยคำทำนายที่ว่าบุตรีคนที่สี่ของตระกูลจะนำความหายนะมาสู่ตระกูลและบ้านเมือง จึงเป็นเหตุให้นางจำต้องปกปิดความจริงเพื่อหลบเลี่ยงมิให้ถูกสังหารหรือถูกขายไปเป็นนางคณิกาหลวง หลังจากผ่านการเคี่ยวกรำนานัปการจนนางได้ก้าวขึ้นเป็นประมุขแห่งหอซ่อนกระบี่ในยุทธภพ กลายเป็นที่เลื่องลือไปทั่วแผ่นดิน นางก็ตัดสินใจหวนคืนกลับตระกูลเพื่อกลับมาทวงความยุติธรรมให้กับตนเอง จวบจนนางได้พบกับ องค์หญิงเซ่อกั๋ว องค์หญิงคนงามผู้มากด้วยปริศนา ขึ้นชื่อลือชาด้านความโหดเหี้ยมอำมหิตและนิสัยวิปริตจนใครต่อใครล้วนประหวั่นพรั่นพรึง หนำซ้ำยังรังเกียจสตรียิ่งกว่าสิ่งอื่นใด และได้ล่วงรู้ความลับบางอย่างขององค์หญิงผู้นี้เข้า นับแต่นั้นชีวิตของนางจึงต้องเข้าไปพัวพันกับ ‘เขา’ และก้าวเข้าสู่วังวนแห่งการชิงอำนาจที่เปรียบดุจคลื่นใต้น้ำในราชสำนัก!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset