ลาก่อน คุณสามี – ตอนที่ 106 หมั้นหมาย

ถังอี้ต้องการโน้มน้าวและชี้แจง แต่หลังจากไตร่ตรองไล่เรียงคำพูดเป็นเวลานาน จึงค้นพบว่าจริงๆ แล้วการไม่พูดอะไรเลยน่าจะดีกว่า เขาเป็นแค่ผู้ชม ถึงแม้บางเรื่องเขาจะดูออกก็ไม่ควรพูดอะไรออกไป

“ถ้าอย่างนั้นนายจะหมั้นกับหลินเฟยเอ๋อร์จริงๆ เหรอ?”

วันมะรืนนี้จะเป็นการหมั้นหมายอย่างเป็นทางการ หากเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังไม่สาย

“ฉันไม่เคยเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น”

สายตาของเฉินป่วยชวนดูอาฆาตเล็กน้อย ยัยสารเลวนั่นจากไปเมื่อเจ็ดปีก่อน เขาทั้งรักทั้งแค้นมาตลอดเจ็ดปี โง่เพียงครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว เขาจะไม่มีวันโง่ซ้ำเป็นครั้งที่สองอีก

“นายตัดสินใจดีแล้วก็ดี ฉันก็แค่กลัวว่านายจะเสียใจภายหลัง”

เขากับเป่ยชวนรู้แก่ใจดีว่าหลินเฟยเอ๋อร์เป็นคนแบบไหน ผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนกับหมากฝรั่งอยู่ข้างถนน ถ้าติดแล้วไม่มีทางสลัดออกไปได้ง่ายๆ

ในห้องเริ่มเงียบสงัด ถังอี้ยักคิ้วพลางทักทายสาวๆ ที่กำลังเข้ามาชนแก้วกับเฉินเป่ยชวน จู่ๆ ก็ีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า เห็นได้ชัดว่าเป็นโทรศัพท์สไตล์ผู้หญิง เขามองไปที่เบอร์โทรบนหน้าจอก่อนที่จะกดปุ่มรับสาย

“ฮัลโหล เหยียนสือเซี่ย นี่คือสถานีตำรวจ มีคนแจ้งความว่าคุณทำร้ายคนอื่น ทำให้กล้องของเขาพัง ขอเชิญมาให้ปากคำที่สถานีตำรวจด้วยครับ”

“คุณบอกว่าเหยียนสือเซี่ยทำร้ายคนอื่นงั้นเหรอ? ”

เมื่อถังอี้ได้ยิน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป นี่เป็นการเข้าใจผิดหรือเปล่า คนที่เคารพในอาชีพทนายอย่างเหยียนสือเซี่ยจะทำร้ายคนอื่น

โถ่เอ๊ย ฉากสำคัญๆ แบบนั้นจะพลาดไปได้อย่างไร!

“นี่ไม่ใช่โทรศัพท์ของเหยียนสือเซี่ยเหรอ? ”

ทันทีที่ได้รับคำตอบของชายคนนั้น ปลายสายอีกข้างของโทรศัพท์ก็ถามด้วยความสับสนทันทีเมื่อได้รับรายงาน พวกเขาก็ค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ของเหยียนสือเซี่ย ตอนนี้มีปาปารัสซี่ขัดแย้งกันมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำได้เพียงจดบันทึกคำให้การไว้และเรียกทั้งสองฝ่ายไปเคลียร์กันให้เข้าใจก็เพียงพอแล้ว

ถังอี้ต้องการโน้มน้าวและชี้แจง แต่หลังจากไตร่ตรองไล่เรียงคำพูดเป็นเวลานาน จึงค้นพบว่าจริงๆ แล้วการไม่พูดอะไรเลยน่าจะดีกว่า เขาเป็นแค่ผู้ชม ถึงแม้บางเรื่องเขาจะดูออกก็ไม่ควรพูดอะไรออกไป

“ถ้าอย่างนั้นนายจะหมั้นกับหลินเฟยเอ๋อร์จริงๆ เหรอ?”

วันมะรืนนี้จะเป็นการหมั้นหมายอย่างเป็นทางการ หากเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังไม่สาย

“ฉันไม่เคยเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น”

สายตาของเฉินป่วยชวนดูอาฆาตเล็กน้อย ยัยสารเลวนั่นจากไปเมื่อเจ็ดปีก่อน เขาทั้งรักทั้งแค้นมาตลอดเจ็ดปี โง่เพียงครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว เขาจะไม่มีวันโง่ซ้ำเป็นครั้งที่สองอีก

“นายตัดสินใจดีแล้วก็ดี ฉันก็แค่กลัวว่านายจะเสียใจภายหลัง”

เขากับเป่ยชวนรู้แก่ใจดีว่าหลินเฟยเอ๋อร์เป็นคนแบบไหน ผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนกับหมากฝรั่งอยู่ข้างถนน ถ้าติดแล้วไม่มีทางสลัดออกไปได้ง่ายๆ

ในห้องเริ่มเงียบสงัด ถังอี้ยักคิ้วพลางทักทายสาวๆ ที่กำลังเข้ามาชนแก้วกับเฉินเป่ยชวน จู่ๆ ก็ีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า เห็นได้ชัดว่าเป็นโทรศัพท์สไตล์ผู้หญิง เขามองไปที่เบอร์โทรบนหน้าจอก่อนที่จะกดปุ่มรับสาย

“ฮัลโหล เหยียนสือเซี่ย นี่คือสถานีตำรวจ มีคนแจ้งความว่าคุณทำร้ายคนอื่น ทำให้กล้องของเขาพัง ขอเชิญมาให้ปากคำที่สถานีตำรวจด้วยครับ”

“คุณบอกว่าเหยียนสือเซี่ยทำร้ายคนอื่นงั้นเหรอ? ”

เมื่อถังอี้ได้ยิน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป นี่เป็นการเข้าใจผิดหรือเปล่า คนที่เคารพในอาชีพทนายอย่างเหยียนสือเซี่ยจะทำร้ายคนอื่น

โถ่เอ๊ย ฉากสำคัญๆ แบบนั้นจะพลาดไปได้อย่างไร!

“นี่ไม่ใช่โทรศัพท์ของเหยียนสือเซี่ยเหรอ? ”

ทันทีที่ได้รับคำตอบของชายคนนั้น ปลายสายอีกข้างของโทรศัพท์ก็ถามด้วยความสับสนทันทีเมื่อได้รับรายงาน พวกเขาก็ค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ของเหยียนสือเซี่ย ตอนนี้มีปาปารัสซี่ขัดแย้งกันมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำได้เพียงจดบันทึกคำให้การไว้และเรียกทั้งสองฝ่ายไปเคลียร์กันให้เข้าใจก็เพียงพอแล้ว

ถังอี้ขยับนิ้วของเขาและชายข้างๆ เขาก็ส่งกระเป๋าให้เขาทันที

นักข่าวชายไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น พอเปิดกระเป๋า ตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น มันเป็นกล้องที่มีราคาแพงกว่ากล้องเดิมหลายเท่า

“นี่เป็นค่าชดเชยของผมเหรอ?”

หากเขาจะจ่ายด้วยสิ่งนี้ เรื่องนี้ก็คุยกันง่ายขึ้นหน่อย

“เปล่า”

“… ” ชายคนนั้นสับสนเล็กน้อย หมายความว่าอะไรกันแน่ ไม่ได้ชดเชยให้เขางั้นเหรอ? เขาจะต้องแจ้งความจับเหยียนสือเซี่ย ถังอี้ยิ้มอย่างชั่วร้าย ” ไม่ได้ชดเชยให้คุณ แต่เพื่อให้คุณ หาวิธีที่จะล้มเธอให้ได้อีกครั้ง”

“… ”

นักข่าวชายรู้สึกได้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้มันโรคจิตชัดๆ

“ตราบใดที่คุณทำให้เธอล้มลงอีกครั้ง ฉันจะให้คนอื่นจ่ายเงินให้คุณทันทีสำหรับกล้องที่แพงกว่านี้สองเท่า”

ถังอี้นั่งไขว่ห้างพลางจิบหลงจิ่ง เพลงจินตนาการถึงความยากลำบากที่เธอต้องพบเจอ เขาก็รู้สึกเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก

“คุณพูดจริงๆ เหรอ? ”

นักข่าวชายถามอย่างไม่แน่ใจ และถังอี้ก็โยนนามบัตรให้ “ดูสิ แล้วจะรู้ว่าฉันพูดจริงหรือเปล่า? ”

ถังอี้ต้องการโน้มน้าวและชี้แจง แต่หลังจากไตร่ตรองไล่เรียงคำพูดเป็นเวลานาน จึงค้นพบว่าจริงๆ แล้วการไม่พูดอะไรเลยน่าจะดีกว่า เขาเป็นแค่ผู้ชม ถึงแม้บางเรื่องเขาจะดูออกก็ไม่ควรพูดอะไรออกไป

“ถ้าอย่างนั้นนายจะหมั้นกับหลินเฟยเอ๋อร์จริงๆ เหรอ?”

วันมะรืนนี้จะเป็นการหมั้นหมายอย่างเป็นทางการ หากเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังไม่สาย

“ฉันไม่เคยเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น”

สายตาของเฉินป่วยชวนดูอาฆาตเล็กน้อย ยัยสารเลวนั่นจากไปเมื่อเจ็ดปีก่อน เขาทั้งรักทั้งแค้นมาตลอดเจ็ดปี โง่เพียงครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว เขาจะไม่มีวันโง่ซ้ำเป็นครั้งที่สองอีก

“นายตัดสินใจดีแล้วก็ดี ฉันก็แค่กลัวว่านายจะเสียใจภายหลัง”

เขากับเป่ยชวนรู้แก่ใจดีว่าหลินเฟยเอ๋อร์เป็นคนแบบไหน ผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนกับหมากฝรั่งอยู่ข้างถนน ถ้าติดแล้วไม่มีทางสลัดออกไปได้ง่ายๆ

ในห้องเริ่มเงียบสงัด ถังอี้ยักคิ้วพลางทักทายสาวๆ ที่กำลังเข้ามาชนแก้วกับเฉินเป่ยชวน จู่ๆ ก็ีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า เห็นได้ชัดว่าเป็นโทรศัพท์สไตล์ผู้หญิง เขามองไปที่เบอร์โทรบนหน้าจอก่อนที่จะกดปุ่มรับสาย

“ฮัลโหล เหยียนสือเซี่ย นี่คือสถานีตำรวจ มีคนแจ้งความว่าคุณทำร้ายคนอื่น ทำให้กล้องของเขาพัง ขอเชิญมาให้ปากคำที่สถานีตำรวจด้วยครับ”

“คุณบอกว่าเหยียนสือเซี่ยทำร้ายคนอื่นงั้นเหรอ? ”

เมื่อถังอี้ได้ยิน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป นี่เป็นการเข้าใจผิดหรือเปล่า คนที่เคารพในอาชีพทนายอย่างเหยียนสือเซี่ยจะทำร้ายคนอื่น

โถ่เอ๊ย ฉากสำคัญๆ แบบนั้นจะพลาดไปได้อย่างไร!

“นี่ไม่ใช่โทรศัพท์ของเหยียนสือเซี่ยเหรอ? ”

ทันทีที่ได้รับคำตอบของชายคนนั้น ปลายสายอีกข้างของโทรศัพท์ก็ถามด้วยความสับสนทันทีเมื่อได้รับรายงาน พวกเขาก็ค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ของเหยียนสือเซี่ย ตอนนี้มีปาปารัสซี่ขัดแย้งกันมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำได้เพียงจดบันทึกคำให้การไว้และเรียกทั้งสองฝ่ายไปเคลียร์กันให้เข้าใจก็เพียงพอแล้ว

ลาก่อน คุณสามี

ลาก่อน คุณสามี

ความทรงจำของปลาอยู่ได้แค่ 7 วินาที แต่ฉันกลับรักคุณมาถึง 7 ปี ……………..เฉียวชูเฉี่ยน เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เธอมาถึงประเทศจีน เธอจะได้พบกับอดีตสามีของเธอ……….เฉินเป่ยชวน มีข่าวลือมาว่า เจ้าของกิจการสถานบันเทิงอย่างเฉินเป่ยชวน เป็นคนที่มีนิสัยแปลกๆ และไม่สนใจผู้หญิง แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยแต่งงานและเคยหย่ามาก่อน ซ้ำยังมีลูกแล้วอีกด้วย “ใคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งในขั่วโลกเหนือ “เป็น…….เป็นลูกของฉันเอง” “อ่อ ถ้างั้นคุณเลขาเฉียวสาธิตผมหน่อยสิว่าทำยังไง” เขาหยุดคำพูดของเขา และก้าวเข้าไปหาเธอ ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ดวงตาของชายหนุ่มมืดลงทันที คุณลุงลู่ฉีเหรอ? “………” เธอ ซวย แล้ว! เฉียวชูเฉี่ยน เด็กน้อยเฉียวจิ่งเหยียนไม่ทำตาม และเข้าไปกัดต้นขาของเขา “ปล่อยหม่ามี๊ของผมนะ ผมเป็นลูกของหม่ามี๊และคุณลุงลู่ฉี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset