ลาก่อน คุณสามี – ตอนที่ 111 บทเพลงเรควีเอ็ม

“พี่ครับไม่ต้องห่วง ท่านก็เป็นย่าผมเหมือนกัน” เฉินจิ้นถงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น ครั้นแววตาที่อยู่ภายใต้แว่นตานั้นกลับมีความเหน็บแนมผุดขึ้นมาอยู่ว่า บ้านตระกูลเฉินไม่ได้มีหลานชายแค่เฉินเป่ยชวนผู้เดียว

“เรื่องของฝ่ายบริหารโครงการปรับตัวได้หรือยัง ?”

เฉินเป่ยชวนไม่ได้เพิกเฉยกับนัยน์ตาที่แวบขึ้นมาของเขาแต่อย่างใด ครั้นเขายังคงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยถาม ราวกับมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น

“ก็พอได้อยู่ครับ มีผู้จัดการพวกนั้นที่พี่ส่งมาช่วยเหลือผมอยู่ โดยรวมแล้วผมได้คุ้นชินเรียบร้อยแล้ว”

“ถ้างั้นก็ดี ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจก็มาหาฉันนะ”

มุมริมฝีปากของเฉินจิ้นถงยกขึ้นมาโดยทันที ท่าทางราวกับเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันอย่างสุดซึ้ง “แน่นอนครับ พี่ยินยอมช่วยเหลือผมขนาดนี้ ผมดีใจมาก ก็แค่……”

ยังไม่ทันได้พูดจบ โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นมา แววตาที่อยู่หลังแว่นตาของเขาจึงมีความไม่พอใจผุดขึ้นมา เบอร์โทรศัพท์นี้เขาจะใช้ก็ต่อเมื่อมีธุระพิเศษอันใดเท่านั้น ปกติแล้วจะปิดเครื่องเอาไว้ ครั้นเขาเพิ่งนึกขึ้นได้เช่นกันว่าเมื่อสักครู่นี้ที่ตนส่งข้อความเสร็จแล้วดันลืมปิดเครื่อง

เฉินเป่ยชวนมองเขาด้วยแววตาที่กรุ้มกริ่ม “เสียงเรียกเข้านี่พิเศษมากเลยนะ เหมือนว่าจะชื่อว่าเพลงเรควีเอ็ม ?”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพลงอะไร ก็แค่ได้ยินแล้วรู้สึกเพราะดีเลยตั้งค่าเป็นเสียงเรียกเข้า” เฉินจิ้นถงดันแว่นตาที่อยู่สันจมูกขึ้น พยายามทำให้ตนเองสงบนิ่งลงให้ได้มากที่สุด

“อย่างนั่นเหรอ ดังนานแล้วนะ นายไม่รับเหรอ ?”

“ตั้งแต่ที่ผมกลับประเทศมาได้รับสายก่อกวนจนมืออ่อนหมดแล้ว รับหรือไม่รับก็เหมือนกัน ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมในประเทศถึงไม่ออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการปกป้องความส่วนตัวของคนในประเทศสักที”

เฉินจิ้นถงเอ่ยด้วยความสุขุม ขณะเดียวกันเสียงของโทรศัพท์ก็ตัดไปเช่นเดียวกัน คนที่โทรเข้ามาหาเขาโดยไม่รู้ขอบเขตเช่นนี้นอกจากผู้หญิงโง่เขลาผู้นั้นแล้วก็ไม่มีใครอีก

ถ้าหากยังอยู่ต่อไป ไม่แน่ว่าผู้หญิงโง่เขลาคนนั้นคงโทรเข้ามาอีกเป็นแน่ ดังนั้นเขาจึงแสร้งทำเป็นก้มหน้ามองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ “พี่ครับ ผมมาส่งคำอวยพรสำหรับพี่สะใภ้ใหญ่ในอนาคตเรียบร้อยแล้ว ขอตัวไปทำงานต่อแล้วนะครับ”

“ไปเถอะ”

เฉินเป่ยชวนหรี่ตาลง มองดูเฉินจิ้นถงเดินออกจากห้องทำงานไป นิ้วมือเรียวยาวของเขากดต่อสายโทรศัพท์ภายในโทรเข้าเบอร์โทรศัพท์มือถือของเฉินจิ้นถงด้วยความรวดเร็ว เวลาต่อมาด้านนอกประตูก็มีเสียงเพลงภาษาจีนอันอ่อนโยนดังขึ้นมา

ตาที่หรี่ลงครึ่งหนึ่งของเขาเบิกขึ้นทันควัน โทรศัพท์ที่อยู่ในมือก็วางลงไปตามทันที

ดูเหมือนว่าช่วงนี้น้องชายคนนี้จะไม่ได้ว่างเลย

เฉินจิ้นถงมองดูสายโทรศัพท์ที่ไม่ได้รับบนหน้าจอ หมายเลขประจำเครื่องของที่บริษัทมีมากกว่า 100 หมายเลย ใบหน้าอันสุขุมของเขาจึงค่อยๆ หมองหม่นลง จากนั้นก็หันหน้ามองไปยังห้องทำงานของเฉินเป่ยชวน เป็นเฉินเป่ยชวนที่น่าเกรงขามในซั่นเป่ยจริงๆ ด้วย !

บทเพลงเรควีเอ็มดังขึ้นอีกครา สีหน้าอันหมองหม่นของเขาก็ยิ่งดูไม่ได้เข้าไปใหญ่ จากนั้นก็กดวางสายโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของตนเองไปทันที หลินเฟยเอ๋อร์ถ้าหากมีตัวเลือกที่ดีกว่านี้ ฉันจะไม่มีทางร่วมมือกับคนหน้าโง่อย่างเธอเป็นแน่

ณ คฤหาสน์ทะเลสาบฮั่นไห่ อันเป็นที่โปรดปรานของดาราเมืองซั่นเป่ย หลินเฟยเอ๋อร์ต่อสายโทรศัพท์ครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าคำเตือนหมายเลขที่ท่านเรียกยังไม่เปิดให้บริการได้ดังขึ้นทุกครา เธอผู้ที่กำลังโมโหอยู่นั้นจึงได้เขวี้ยงโทรศัพท์ลงพื้นอย่างแรง

“อะไรกัน ไอ้ลิงหลอกเจ้าคิดว่าจะจูงจมูกฉันเดินได้อย่างนั้นเหรอ ?”

เธอหลินเฟยเอ๋อร์ต่อให้ไม่มีผู้ใดช่วยเหลือก็จะได้เฉินเป่ยชวนมาครอบครองอยู่ดี

ดวงตาอันเกรี้ยวกราดคู่นั้นเหลือบไปเห็นเอกสารที่อยู่ข้าง ๆ บันดาลโทสะบนใบหน้าจึงขึ้นมาปะทุอีกครั้ง เธอให้หลินเจิ้งตรวจสอบตัวตนของเด็กผู้นั้น คิดไม่ถึงว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่ตนเองหวาดกลัวที่สุด

เมื่อเห็นการยืนยันความเป็นพ่อลูกในส่วนสรุปบนนั้นแล้ว เธอรู้สึกเพียงว่ามึนหัวขึ้นมาชั่วขณะ ดีเอ็นเอที่เมื่อก่อนเฉินเป่ยชวนให้คนไปพิสูจน์นั้น คิดดูแล้วก็น่าจะเป็นของลูกชายของเฉียวชูเฉี่ยน

คิดไม่ถึงว่าชัยชนะที่เธอใกล้จะไขว่คว้าได้เบื้องหน้านั้น จะมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นนี้

เฉียวชูเฉี่ยนจัดการได้ไม่ยาก ครั้นถ้าหากให้เป่ยชวนทราบว่าระหว่างพวกเขาทั้งสองยังมีลูกคนหนึ่งแล้ว เช่นนั้นตำแหน่งคุณนายเฉินของเธอก็ต้องสลายไปโดยที่ยังไม่ทันได้ครอบครองด้วยซ้ำเป็นแน่

“ไม่ ฉันสมควรเป็นคุณนายเฉิน เฉินเป่ยชวนเป็นของฉัน”

นิ้วมืออันเรียวยาวขยำกระดาษรายงานผลดีเอ็นเอในมืออย่างแรง เธอจะให้เด็กคนหนึ่งเผาทำลายอนาคตอันสวยงามของเธอไม่ได้โดยเด็ดขาด

เวลาต่อมาเธอได้เก็บโทรศัพท์ที่อยู่บนพื้นขึ้นมาด้วยความร้อนรนใจ จากนั้นก็ต่อสายที่เพิ่งโทรออกเมื่อสักครู่อีกครั้ง ภายในใจท่องว่ารับโทรศัพท์ รับโทรศัพท์อยู่ต่อเนื่อง

“ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกยังไม่เปิดใช้บริการ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ”

ยังปิดเครื่องอยู่เหมือนเดิม ! ถ้าหากคนผู้นั้นไม่ได้ทำให้เฉินเป่ยชวนกับเฉียวชูเฉี่ยนทะเลาะกันใหญ่โต เธอคงสงสัยจริง ๆ ว่าตนเองถูกหลอกเข้าเสียแล้ว

ขณะที่กำลังเร่งคิดการวิธีรับมืออยู่นั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา เธอรีบใช้นิ้วกดรับทันทีด้วยความรวดเร็ว “คุณโทรหาฉันสักทีนะ”

“คุณเฟยเอ๋อร์ ?”

เมื่อหลินเฟยเอ๋อร์ได้ยินน้ำเสียงที่ดังออกมาจากโทรศัพท์ ความดีใจบนใบหน้าจึงสลายหายไปทันที เป็นเลขาของตนเองหรือนี่

“คุณเฟยเอ๋อร์ พรุ่งนี้ต้องประกาศเรื่องงานหมั้นระหว่างคุณกับท่านประธานเฉินแล้วนะคะ ฉันได้คอนเฟิร์มระเบียบการออกงานวันพรุ่งนี้กับสื่อมวลชนเรียบร้อยแล้ว อยากจะคอนเฟิร์มกับคุณหน่อยค่ะว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า ?”

“เธอหวังให้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ?”

เลขาได้กลายเป็นที่ระบายอารมณ์ยามเธออารมณ์ไม่ดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้ยินดังนั้นจึงได้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่น้อยเนื้อต่ำใจ “คุณเฟยเอ๋อร์คะ แน่นอนว่าฉันอยากให้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้วค่ะ”

“พรุ่งนี้ฉันต้องเห็นสื่ออยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันหมด”

หลินเฟยเอ๋อร์ระบายอารมณ์พอสมควรแล้ว จึงได้ใช้น้ำเสียงราชินีผู้สูงส่งเอ่ยกำชับขึ้น พร้อมทั้งวางสายไปทันที ไม่สนแล้ว ตราบใดที่วันพรุ่งนี้ทำการประกาศอย่างราบรื่น เธอก็คือคู่หมั้นของเฉินเป่ยชวน

วันต่อมา

ภายในห้องโถงประชุม ณ ชั้นบนสุดของโรงแรมนานาชาติเบิร์จ ภายในสถานที่ประชุมที่ตกแต่งอย่างงดงามอลังการได้มีเจ้าหน้าที่นักข่าวของสื่อมวลชนนั่งอยู่เต็มไปหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าคนสำคัญจะยังมาไม่ถึง ครั้นไม่ส่งผลกระทบต่อความตื่นเต้นที่จะได้รับข่าวดีบนใบหน้าพวกเขาเลยแม้แต่น้อย

“พวกคุณว่าวันนี้จะมีเรื่องวุ่น ๆ อะไรเกิดขึ้นไหม ?”

“ใครจะไปรู้ล่ะ ฉันอยากให้ภรรยาเก่ามาก่อกวนจังเลย ถ้าเป็นอย่างนี้ไม่แน่นะภรรยาคนเก่าอาจจะมาตบตีกับดาราสาวคนดังนี้ก็ได้ เท่านี้เราก็รายงานผลของงานเดือนนี้ได้ง่ายแล้ว”

คนกลุ่มนั้นหัวเราะคิกคัก ต่างก็หวังกันอยู่ลึก ๆ ว่าจะมีฉากตบตีกันระหว่างภรรยาเก่ากับคู่หมั้นเกิดขึ้น

พิธีกรเดินขึ้นมาบนเวที และส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบเสียงลง กลุ่มคนที่เจื้อยแจ้วกันอยู่เมื่อสักครู่นี้จึงเงียบสงัดลงในทันที “ดิฉันดีใจอย่างยิ่งที่วันนี้มีสื่อมวลชนมาเข้าร่วมงานประกาศเรื่องงานหมั้นระหว่างคุณเฉินเป่ยชวนและคุณหลินเฟยเอ๋อร์กันเยอะขนาดนี้นะคะ ลำดับต่อไปขอเรียนเชิญคนสำคัญทั้งสองท่านของเราในวันนี้ขึ้นเวทีได้เลยค่ะ”

เมื่อพิธีกรกล่าวจบ หลินเฟยเอ๋อร์ที่สวมชุดกระโปรงพลิ้วสีชมพูเซ็กซี่ก็เดินคล้องแขนเฉินเป่ยชวนที่ใบหน้าหล่อเหลาและเย็นชาเดินออกมาสู่สายตาของนักข่าวทั้งหลาย ความงามของดาราดังสาวไม่ต้องพูดอะไรมาก ครั้นผู้ที่น่าจับตามองนั่นก็คือชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ ซึ่งเป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิงทั้งซั่นเป่ย ชุดสูทสีดำคลาสสิคทั้งตัวเมื่ออยุู่บนตัวเขาแล้วแลดูสูงส่งและสง่างามอย่างยิ่ง ประกอบกับหางตาซึ่งมีรอยยิ้มลึกลับที่ทำให้มองไม่ออกถึงอารมณ์ที่แท้จริงผุดขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าริมฝีปากอันเรียวบางนั้นกลับเย็นชาจนทำให้ผู้อื่นไม่กล้าปุ่มป่ามเข้าใกล้

“ช่างสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกจริง ๆ บุพเพสันนิวาสแท้ ๆ”

“ก็ใช่น่ะสิ ดาราสาวและเศรษฐี เป็นการจับคู่ที่เพอร์เฟกต์จริง ๆ”

นักข่าวที่อยู่ด้านล่างถกเถียงกันเสียงเบาด้วยน้ำเสียงที่ปนความอิจฉาเล็กน้อย และมีความริษยาอยู่อย่างมาก เหตุใดผู้ชายธรรมดาจึงจะแต่งงานกับดาราสาวไม่ได้ แล้วเหตุใดซินเดอเรลล่าจะแต่งงานกับเศรษฐีไม่ได้เช่นกัน

ลาก่อน คุณสามี

ลาก่อน คุณสามี

ความทรงจำของปลาอยู่ได้แค่ 7 วินาที แต่ฉันกลับรักคุณมาถึง 7 ปี ……………..เฉียวชูเฉี่ยน เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เธอมาถึงประเทศจีน เธอจะได้พบกับอดีตสามีของเธอ……….เฉินเป่ยชวน มีข่าวลือมาว่า เจ้าของกิจการสถานบันเทิงอย่างเฉินเป่ยชวน เป็นคนที่มีนิสัยแปลกๆ และไม่สนใจผู้หญิง แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยแต่งงานและเคยหย่ามาก่อน ซ้ำยังมีลูกแล้วอีกด้วย “ใคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งในขั่วโลกเหนือ “เป็น…….เป็นลูกของฉันเอง” “อ่อ ถ้างั้นคุณเลขาเฉียวสาธิตผมหน่อยสิว่าทำยังไง” เขาหยุดคำพูดของเขา และก้าวเข้าไปหาเธอ ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ดวงตาของชายหนุ่มมืดลงทันที คุณลุงลู่ฉีเหรอ? “………” เธอ ซวย แล้ว! เฉียวชูเฉี่ยน เด็กน้อยเฉียวจิ่งเหยียนไม่ทำตาม และเข้าไปกัดต้นขาของเขา “ปล่อยหม่ามี๊ของผมนะ ผมเป็นลูกของหม่ามี๊และคุณลุงลู่ฉี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset